สิ้นเสียงของท่านเ้าอำเภอ สืออีก็ถูกเ้าหน้าที่สองคนพาตัวออกมา
เขายอมรับสารภาพแล้วเพื่อให้คนในตระกูลเวินและประชาชนได้เห็น
เมื่อเป็เช่นนั้น เวินเยียนก็หน้าเสียทันที พลางกำกระบวยในมือแน่นขึ้น
นับั้แ่วันที่เขาหายตัวไป นางก็เป็กังวลทั้งวันทั้งคืนว่าเขาจะตกอยู่ในมือของเวินซี จึงได้ส่งคนมากมายไปตามหา แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า
ผ่านมานานขนาดนี้ นางนึกว่าสืออีจะตายไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะตกไปอยู่ในมือของเ้าอำเภอ
“นายท่านเวิน ท่านรู้จักเขาหรือไม่?” ท่านเ้าอำเภอเดินไปยืนอยู่ข้างสืออี
“มิเคยเห็นขอรับ” เวินอวิ๋นโปขมวดคิ้ว ไม่ทราบเหตุผลที่เ้าอำเภอทำเช่นนี้
“เช่นนั้นฮูหยินใหญ่เวิน คุณหนูเวินเยียน พวกท่านทั้งสองเคยเห็นเขาหรือไม่?” เ้าอำเภอมองด้วยรอยยิ้มไปที่ทั้งสองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลกันนัก
“ท่านเ้าอำเภอ ข้ามิเคยเห็นบุรุษผู้นี้มาก่อนเ้าค่ะ” สีหน้าของเวินเยียนกลับมาเป็ปกติ
“มิเคยเ้าค่ะ” ฮูหยินใหญ่เวินตอบกลับอย่างเ็า
“ท่านเ้าอำเภอ นี่เป็เื่หนักหนาที่ท่านกล่าวถึงหรือ? เพียงแค่ชี้ตัวคน?”
เวินอวิ๋นโปทำตัวได้ใจและพูดข่ม
“แน่นอนว่ามิใช่เพียงเท่านี้ นายท่านเวินยังจำการแข่งขันทำเครื่องหอมวันนั้นได้หรือไม่ที่เวินซีถูกทำร้าย รวมทั้งเื่การฆ่าปิดปากทั้งครอบครัว? ชายคนนี้ได้สารภาพทั้งหมดแล้ว”
ท่านเ้าอำเภอมีสีหน้าสงบนิ่ง ขณะที่เวินเยียนกับฮูหยินใหญ่เวินมีสีหน้าเปลี่ยนไป ทั้งสองสบตากัน
“ท่านเ้าอำเภอหมายความว่าเื่นี้เกี่ยวข้องกับครอบครัวข้าหรือ?” สีหน้าของเวินอวิ๋นโปเคร่งเครียดยิ่งขึ้น
“เวินซี เ้าพูดเื่ที่เผชิญในวันนั้นมาก่อนสิ” เ้าอำเภอถอยหลัง ให้เวินซีที่ยืนอยู่ข้างหลังมาโดยตลอดได้ก้าวออกมา
เมื่อเวินอวิ๋นโปได้เห็นนางก็โกรธจนตัวสั่น แต่เนื่องจากมีผู้คนยืนดูอยู่ จึงทำได้เพียงอดกลั้นความรู้สึกนี้ไว้
“เวินซี อย่าได้มาก่อกวนที่นี่” เขากล่าวเตือน
แต่เวินซีมิได้สนใจ นางเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าผู้คน
“วันนั้นที่การแข่งขันทำเครื่องหอม ข้ากับฮูหยินซ่งนัดกันว่าจะให้รถม้ามารับข้า เมื่อมีรถม้าคันหนึ่งมาแล้ว ข้าจึงขึ้นไปโดยมิได้สงสัย”
“รถม้าคันนั้นพาข้าไปนอกเมือง มีคนเข้ามาลอบสังหารข้า ข้าได้ยินจากปากของพวกเขาว่าเวินเยียนทำอะไรบ้าง นางกลัวว่าข้าจะชนะการแข่งขัน จึงได้ใช้วิธีสกปรกเช่นนั้น”
“นอกจากข้าแล้ว ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวก็คือคนขับรถม้า เวินเยียนกลัวว่าจะถูกเปิดโปง จึงส่งคนไปฆ่าปิดปากครอบครัวของเขา”
“เื่ราวต่อจากนั้น ข้าเชื่อว่าในบรรดาพวกท่านก็มีคนได้เห็นแล้ว คนขับรถถูกธนูยิงตายที่อำเภอ ข้าจึงได้ตามคนที่ฆ่าเขาออกไปด้วย”
“เวินซี เ้าปรักปรำผู้อื่น พอเ้ารู้ว่าตนเองมิใช่บุตรสาวแท้ๆ ของเวินอี๋เหนียงก็อิจฉาริษยา อยากจะทำลายเวินเยียน มีคนที่โเี้อำมหิตอย่างเ้าได้เช่นไรกัน?”
ฮูหยินใหญ่เวินเห็นว่าเหตุการณ์มิค่อยสู้ดีนัก จึงรีบเอ่ยปากขึ้นมา
เวินซีมิได้เป็บุตรสาวแท้ๆ ของเวินอี๋เหนียง...
แค่ประโยคนี้ประโยคเดียวก็ทำให้ผู้คนที่ดูเหตุการณ์อยู่ถึงกับแตกตื่น พวกเขาซุบซิบกัน ไม่รู้ว่าควรเชื่อฮูหยินใหญ่เวินหรือเวินซี
“ตาเ้าพูดบ้างแล้ว” เ้าอำเภอตัดบทฮูหยินใหญ่เวิน แล้วหันมาพูดกับสืออี
สืออีพยักหน้า เขาเงยหน้าขึ้นมองเวินเยียน จากนั้นก้มหน้าแล้วค่อยๆ เอ่ยปาก
“ข้าได้รับคำสั่งให้ฆ่าครอบครัวของคนขับรถม้าจากคุณหนูเวินขอรับ”
“มีหลักฐานหรือไม่?” ท่านเ้าอำเภอหรี่ตามองเขา
“มีขอรับ คือลูกของคนขับรถม้า เด็กคนนั้นเคยเห็นและได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดขอรับ”
หลังจากที่นักฆ่าสารภาพ เวินซีก็นึกขึ้นได้ว่าคนขับรถม้ายังมีลูกคนหนึ่งที่เอาแต่พร่ำเรียกชื่อของนาง
นางเงยหน้ามองไปทางเ้าอำเภอ เ้าอำเภอก็โบกมือ ให้เ้าหน้าที่พาตัวเด็กคนนั้นมา
“เวินเยียน เราจะทำเช่นไร?” เมื่อเห็นว่ากำลังจะถูกเปิดโปง ฮูหยินใหญ่เวินก็ตัวสั่น
เด็กคนนั้นเคยเห็นนาง หากถูกชี้ตัวขึ้นมา...
เวินเยียนขมวดคิ้วไม่พูดอันใด ยามนี้นางทำอันใดไม่ถูก
พวกเขามองข้ามเด็กคนนี้ไป
เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป เ้าหน้าที่ก็อุ้มตัวเด็กเข้ามา เด็กที่สงบนิ่งในตอนแรกเมื่อได้เห็นฮูหยินใหญ่เวินก็เอาแต่ขดตัว
การได้เห็นนางอีกครั้งเหมือนเป็แรงกระตุ้น เขาจับเสื้อของเ้าหน้าที่ไว้แน่น ร่างกายสั่นเทามากขึ้น
“เวินซี......เวินซี......”
เขาร้องเรียกแต่ชื่อของเวินซี แต่ดวงตากลับจ้องไปที่ฮูหยินใหญ่เวิน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ไม่ต้องกลัว บอกพวกข้าได้หรือไม่ว่าวันนั้นเ้าได้ยินสิ่งใด?”
เวินซีพูดกับเด็กน้อยอย่างอ่อนโยนและจ้องมองเวินเยียนอย่างท้าทาย นางยื่นมือออกไปพลางยิ้มบางๆ
เด็กน้อยลังเล แต่ก็ยื่นมือออกไปให้นางอุ้ม
การที่เขาไม่กลัวนาง นับว่าเป็หลักฐานที่เป็ประโยชน์ที่สุด
“เวินซี......เวินซี......” เขายกมือขึ้นมา แล้วชี้ไปที่ฮูหยินใหญ่เวิน
ฮูหยินใหญ่เวินส่งสายตาเ็ากลับไป เขาพลันชักมือกลับด้วยความกลัว และเอาหัวซุกอยู่ในอ้อมกอดของเวินซี
“ฮูหยินใหญ่เวิน มีอันใดจะพูดหรือไม่?” เ้าอำเภอกล่าวอย่างเคร่งขรึม พลางส่งสายตาให้เ้าหน้าที่เดินไปข้างกายฮูหยินใหญ่เวิน
“แค่คำพูดของเด็กคนเดียวจะเป็หลักฐานได้อย่างไร? ข้าจะรู้ได้เช่นไรว่าเวินซีมิได้สอนเขาให้มาปรักปรำข้า” ฮูหยินใหญ่เวินแก้ตัว
“ยังมีหลักฐานอีกหรือไม่?” เมื่อเห็นว่าฮูหยินใหญ่เวินไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา เ้าอำเภอก็ถามสืออีต่อ
“มีขอรับ ในบ้านของคนขับรถม้ามีเงินกวนหยิน ท่านเ้าอำเภอส่งคนไปค้นได้เลยขอรับ”
เงินกวนหยินนั้นแตกต่างจากเงินตำลึงทั่วไป เพราะทุกชิ้นจะมีรูปสลักไว้
มันใช้สำหรับสงเคราะห์ผู้ประสบภัย ใช้ในวัง หรือการก่อสร้างสถานที่ต่างๆ ผู้ที่ได้รับพระราชทานเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ได้ ประชาชนทั่วไปแทบไม่มีโอกาสได้ััเงินกวนหยินมาก่อน
อีกทั้งเงินกวนหยินทุกชิ้นจะมีหมายเลข รวมถึงมีการบันทึกในพระราชวังว่าได้พระราชทานให้แก่ผู้ใด เพียงแค่ตรวจสอบก็สามารถรู้ได้
การที่เงินกวนหยินไปอยู่ในครอบครัวยากจนของคนขับรถม้า ช่างเป็เื่ที่น่าสงสัยที่สุด
“ไปค้น”
“ขอรับ ใต้เท้า”
เ้าหน้าที่พากันเดินจากไป ท่านเ้าอำเภอเหลือบมองฮูหยินใหญ่เวินแล้วเอ่ยขึ้น “ฮูหยินจะยอมรับผิดหรือไม่? เพียงข้ารายงานหมายเลขบนเงินกวนหยินไปก็ทราบได้แล้ว”
“ข้า...” ขณะนั้นฮูหยินใหญ่เวินไม่มีคำแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น
เงินกวนหยินนั่นเป็ของที่ฮ่องเต้พระราชทานให้โจวอวี่ชาง นางไม่อยากใช้เงินของตน จึงใช้เงินของโจวอวี่ชางซื้อคนขับรถม้า
ฮูหยินใหญ่เวินเป็คนบ้านนอกชนบท ไม่เคยได้ยินหรือรู้ถึงความแตกต่างของเงินกวนหยินกับเงินธรรมดามาก่อน
สีหน้าของนางมืดดำ จากนั้นเงยหน้ามองเวินเยียนด้วยความประหม่า ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น สุดท้ายนางก็คุกเข่าลงกับพื้น “ท่านเ้าอำเภอ ข้ายอมรับผิดแล้วเ้าค่ะ”
“เป็ฮูหยินใหญ่เวินจริงๆ ด้วย!”
“ฮูหยินใหญ่เวินช่างโเี้เสียจริง ถึงขั้นลงมือกับเวินซีที่เป็คนในตระกูลเดียวกันได้”
“เวินซีช่างน่าสงสารยิ่งนัก ออกจากตระกูลเวินไปแล้วยังมิวายถูกกดขี่ข่มเหง”
“คนเรารู้หน้ามิรู้ใจจริงๆ ฮูหยินใหญ่เวินมีจิตใจโเี้อำมหิตยิ่งนัก”
......
ผู้คนที่มุงดูเหตุการณ์อยู่พากันก่นด่า มีคนขว้างปาโจ๊กที่เพิ่งได้รับมาเมื่อครู่นี้ จากนั้นก็มีคนอื่นๆ เริ่มทำตามด้วย
เ้าหน้าที่กดฮูหยินใหญ่เวินลงกับพื้น สวมตรวนไม้และโซ่ตรวนเหล็กที่เท้าของนาง
เวินเยียนเห็นเช่นนั้น จึงรีบคุกเข่าลงข้างๆ มารดา
“เวินเยียน เ้าจะยอมรับผิดหรือ?” เ้าอำเภอกล่าว
“ท่านเ้าอำเภอ เวินเยียนมีความผิดเ้าค่ะ มิใช่โทษที่ทำร้ายเวินซี ความผิดของเวินเยียนคือมิได้ดูแลมารดาให้ดี ทำให้ท่านแม่ทำเื่ผิดพลั้งลงไป”
“ท่านเ้าอำเภอได้โปรดเมตตา ให้โอกาสท่านแม่ข้าสักครั้ง นางหลงผิดไปจึงทำเื่เช่นนี้”
เวินเยียนคุกเข่าลงกับพื้นแล้วอ้อนวอนให้มารดา ราวกับว่าตนเองไม่ได้มีส่วนรู้เห็นใดๆ
เวินซี ท่านเ้าอำเภอและจ้าวต้านต่างก็ตกตะลึงและมีสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที
พวกเขาไม่คิดเลยว่าในเวลานี้เวินเยียนจะเอาตัวรอดและหักหลังฮูหยินใหญ่เวินซึ่งเป็มารดาแท้ๆ ของตน