แต่นางเป็คนใจเย็น ทั้งยังมากเล่ห์เสียยิ่งกว่าอี๋เหนียงสาม ลูกสาวนางฮวาเมิ่งซือยิ้ม พยายามเอาใจฮูหยินผู้เฒ่า “ท่านย่า พี่ชีเยว่กตัญญูนัก ท่านช่างโชคดีเหลือเกินเ้าค่ะ”
เฉิงอี๋เหนียงยิ้ม “ฮูหยินผู้เฒ่า เมิ่งซือพูดถูกเ้าค่ะ ในที่สุดชีเยว่ก็รู้ความแล้ว เช่นนี้มีประโยชน์ต่อสกุลฮวาจริงๆ โดยเฉพาะกับฮูหยินผู้เฒ่า ยามนี้เราต้องขอโทษชีเยว่ที่เคยเข้าใจผิดแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ่งอารมณ์ดีเมื่อได้ยินคำเหล่านี้ นางให้ฮวาชีเยว่และเทียนซีมานั่งข้างๆ ขณะเดียวกันก็ไม่ใส่ใจเื่ที่เฉิงซื่อฟ้องนางเื่ฮวาชีเยว่ซ่อนสมุนไพรหายากเอาไว้
นางนั่งบนเก้าอี้หยกขาวประดับหงส์ั เก้าอี้ยาวนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นสบายในเดือนมิถุนายนอันอบอ้าว
เทียนซีนั่งข้างนางอย่างเขินอาย สายตาจ้องมือตนเอง นางอดมิได้ให้สงสาร “ชั่วร้ายนัก! ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนใจหยาบรังแกเด็กคนหนึ่งได้ เทียนซี จากนี้เ้าอยู่ที่นี่ก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้แล้ว สกุลฮวาย่อมดูแลเ้าเป็อย่างดี”
เทียนซีมองฮวาชีเยว่เล็กน้อยแล้วจึงพยักหน้ารับคำ
“เด็กน้อยเอ๋ย เ้าลำบากมานาน... แต่เ้ากลับนำโชคไม่คาดฝันมาสู่ตระกูลเราแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าจับมือเทียนซีข้างหนึ่ง มือฮวาชีเยว่อีกข้างหนึ่ง
ฮวาชีเยว่ยิ้มน้อยๆ พระลึกลับรูปนั้นมอบเมล็ดพันธุ์อย่างอื่นนอกจากต้นหลงแดงให้นางอีก และฮูหยินผู้เฒ่าเองก็เฉลียวฉลาดมากพอจะคิดได้
ฮูหยินผู้เฒ่าย่อมต้องทราบว่าจะต้นหลงแดงนี้มีมูลค่ามากมายเพียงใด
“เด็กดี กินเยอะๆ เถอะ แตงโมนี้ทั้งสดชื่นทั้งอร่อยมาก” เห็นดวงตาแวววาวของเทียนซีมองแตงโม ฮูหยินผู้เฒ่าฮวาก็มองเขาอย่างรักใคร่ทั้งยังลูบหัวเขาพร้อมรอยยิ้ม
“ใช่แล้วเ้าค่ะ เมิ่งซือให้คนนำมาจากเมืองเทียนเฉิงที่ห่างออกไปหลายหมื่นลี้ ดินที่นี่ไม่ค่อยดี ไม่อาจเพาะปลูกได้ ปลูกแตงโมหวานๆ นับว่ายากนัก” อี๋เหนียงสองยิ้มกล่าว
นี่คือแตงโมที่เมิ่งซือให้คนส่งมาจากทางใต้ เมืองฉางจิงเองก็อยู่ทางใต้ พูดให้ง่ายเข้า หมายความว่ามีเพียงพื้นดินในเมืองเทียนเฉิงเท่านั้นจึงจะอุดมสมบูรณ์สามารถเกิดแตงโมลูกใหญ่หวานฉ่ำเช่นนี้ได้
ทั่วทั้งเมืองหลวงฉางจิงนี้ จะมีที่ใดดินดีกว่าเทียนเฉิงได้บ้าง?
ฮวาเมิ่งซือยิ้มบาง ฮูหยินผู้เฒ่ามองนางอย่างยอมรับ
ลู่ซินและโหย่วชุ่ยมองหน้ากันอย่างสับสน คุณหนูกล่าวว่าจะมีงิ้วดีๆ ให้ดู มิใช่มีเพียงอี๋เหนียงสามกับฮวาเสี่ยวอีหรอกหรือ?
สิ่งที่เกิดขึ้นกับฮวาเสี่ยวอีก่อนหน้านี้นับว่าสมเหตุสมผล คนใช้คำพูดเช่นนั้นย่อมสามารถลงโทษได้
ทว่าจากนิสัยของคุณหนู อีกไม่นานคงจะมีเื่ใหญ่โตกว่านี้เป็แน่
ยามนี้ฮวาชีเยว่มีสีหน้าอ่อนโยนกำลังป้อนแตงโมให้เทียนซี เด็กชายมองหน้านางแล้วกัดแตงโมอย่างมีความสุข
จากนั้น เขาจึงหันมองฮูหยินผู้เฒ่าฮวาแล้วอ้าปาก คล้ายพยายามจะพูดอะไร แต่กลับไม่มีถ้อยคำใดออกมา
หมอกควันปรากฏในดวงตาของฮวาชีเยว่ ลูกชายนางที่ถูกวางยาจนเป็ใบ้นี้ จะพูดได้อย่างไร?
“เด็กน้อยเอ๋ย อย่าได้เสียใจไปเลย ยามนี้เขาพบเ้าแล้ว พบย่าแล้ว วันดีๆ ย่อมต้องมาถึงเป็แน่” ฮูหยินผู้เฒ่าฮวากล่าว มองฮวาชีเยว่แล้วก็ให้รู้สึกสบายตานัก
ฮวาชีเยว่เคยอ่อนแอซ้ำยังขี้อายจนมิกล้าทำอะไรด้วยตนเอง ทว่ายามนี้นางรู้ความแล้ว ถึงกับมีผู้มีฝีมือดูแลนาง ฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่ยินดีได้อย่างไร?
ฮวาชีเยว่พยักหน้าอย่างเงียบงัน ฮูหยินผู้เฒ่าอารมณ์ดีมากจึงมอบแตงโมให้ฮวาชีเยว่อีกชิ้นหนึ่ง
ฮวาเมิ่งซือโมโหเสียจนแทบกระอักเื ทว่านางมิอาจรังแกใครเพื่อระบายอารมณ์ต่อหน้าผู้อื่นได้ ได้แต่ต้องข่มเอาไว้กับตัวเอง
ในยามที่ฮวาชีเยว่ทานแตงโมหายากอย่างเอร็ดอร่อย พ่อบ้านหวางก็เข้ามา ถามฮูหยินผู้เฒ่าว่าจะเข้าร่วมเทศกาลที่วัดสือซั่นจัดหรือไม่
วัดสือซั่นเป็วัดที่คนมีเงินในเมืองหลวงก่อตั้งขึ้นเพื่อให้พระสามารถรับเลี้ยงเด็กกำพร้าและเด็กป่วยได้ เื่นี้กระทั่งฮ่องเต้เองก็ยังสนใจและแสดงความชื่นชม
ทุกปีทางวัดจะจัดเทศกาลเพื่อการกุศล ในฐานะอีกหนึ่งตระกูลที่มีฐานะของเมืองหลวง สกุลฮวาย่อมเข้าร่วมทุกปี
“แน่นอน! จะไม่สนใจเทศกาลดีๆ นี้ได้อย่างไรเล่า? สร้างประโยชน์แก่ผู้คนย่อมเป็การสร้างประโยชน์แก่ลูกหลานเรา พ่อบ้านหวาง ปีนี้ทำบุญห้าพันตำลึงเงินเถอะ”
ยิ่งอารมณ์ดี ฮูหยินผู้เฒ่าฮวายิ่งใจกว้าง ทว่าอี๋เหนียงสองที่นั่งอยู่ไม่ห่างกลับมีสีหน้าย่ำแย่
คำพูดนี้ทำให้พ่อบ้านหวางใ ปกติฮูหยินผู้เฒ่าฮวาย่อมบริจาคเพียงหนึ่งพันตำลึงเงิน ปีนี้บริจาคถึงห้าพันตำลึงนับว่าใจกว้างนัก
“ท่านย่า หากหลานปลูกหลงแดงมากกว่านี้เราคงหาเงินได้มากขึ้น ปีนี้บริจาคหนึ่งหมื่นตำลึงเป็อย่างไรเ้าคะ? อีกห้าพันตำลึง หลานจะเป็คนออกเอง”
มองดวงตาสีดำสนิททว่าใสสะอาดดังผืนฟ้า ฮูหยินผู้เฒ่าฮวาก็อึ้งไปชั่วครู่
หลานสาวคนนี้ของนางมั่นใจมากจริงๆ
“ดี! ดียิ่ง! เ้าเป็ผู้ใหญ่แล้วจริงๆ ไต้ซือเสวียนจีพูดถูก เมื่อเ้ารับเลี้ยงลูกชายก็รู้ความมากขึ้น พ่อบ้านหวาง รับคำสั่งคุณหนูชีเยว่ บริจาคเงินหนึ่งหมื่นตำลึง”
พ่อบ้านหวางยิ้มให้กับอี๋เหนียงสอง “อี๋เหนียง โปรดมอบเงินหนึ่งหมื่นตำลึงให้บ่าวโดยไวด้วยนะขอรับ เพราะงานบริจาคจะเริ่มพรุ่งนี้แล้ว อย่างไรก็ต้องจัดการให้เรียบร้อยั้แ่บ่ายวันนี้ขอรับ”
ได้ยินดังนั้น อี๋เหนียงสองก็เปลี่ยนสีหน้า นางเป็ผู้ดูแลสมุดบัญชีและเงินทองมาหลายปีเพราะคลอดลูกชายให้คนสกุลฮวาได้ ด้วยความเฉลียวฉลาดเ้าแผนการของนาง ฮูหยินผู้เฒ่าจึงมอบหน้าที่นี้ให้นางนับแต่มารดาของฮวาชีเยว่สิ้นไป
สกุลฮวามีภาษีให้เก็บได้ นอกจากนั้นยังมีร้านผ้าในเมืองหลวงซึ่งทำเงินได้ทุกวัน เฉิงซื่อจึงหยิ่งผยองใจกล้าขึ้นมา ลอบยักยอกเงินบางส่วนส่งให้บ้านแม่ตนเป็ระยะ
ถึงอย่างไรครอบครัวบิดามารดานางก็เป็ตัวปัญหา หากเฉิงซื่อไม่ยอมมอบเงินให้พวกเขา น้องชายนางย่อมเอาเื่นางมาเปิดเผยให้สกุลฮวา
และเพื่อช่วยให้ฮวาเมิ่งซือลูกสาวนางและฮวาเชียนิได้พัฒนาความสามารถในการควบคุมลมปราณ นางจึงมักยักยอกเงินจากคลังมาซื้อยาเสริมร่างกายให้ทั้งสองอยู่เสมอ
ตอนนี้แม้จะหักเงินจากการขายต้นหลงแดงแล้วห้าพันตำลึง ทว่าในคลังกลับมีเงินเหลืออีกเพียงสามพันตำลึงเท่านั้น ห่างไกลจากยอดบริจาคที่ฮูหยินผู้เฒ่า้ามากนัก
“เื่นี้... เ้า... รอสักหน่อยได้หรือไม่?” เฉิงซื่อเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว ในหัวคิดไปถึงการนำอัญมณีของตนไปจำนำ
ได้ยินดังนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่พอใจขึ้นมา
ในความคิดนาง การบริจาคนี้เป็เทศกาลสำคัญนัก หากไม่มีเงินท่านยังสามารถหาเงินได้ ทว่าบุญกุศล โชคลาภ และชื่อเสียงล้วนเป็สิ่งที่ได้มาอย่างยากเย็นนัก
และเมื่อชื่อเสียงเสียหาย การจะกู้คืนมาก็ยากเย็นเหลือแสน
“อี๋เหนียงรองเป็อะไร? เงินหนึ่งหมื่นตำลึงไม่นับว่ามาก อีกประการเมื่อชีเยว่ขายหลงแดงแล้วก็ยังสามารถหาเงินเพิ่มได้ บุญกุศลและความสุขเป็สิ่งสำคัญ อย่าได้หวงแหนเงินทองมากนัก สิ่งนี้จ่ายไปแล้วก็ยังสามารถหาใหม่ได้” น้ำเสียงของฮูหยินผู้เฒ่าฮวาแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง
ฮวาชีเยว่เช็ดน้ำแตงโมรอบปากเทียนซีอย่างใจเย็น การเคลื่อนไหวของนางคล่องแคล่ว เทียนซีมองรอบกายแล้วจึงนอนเอนลงบนเก้าอี้เพื่อเล่นกับลูกประคำที่ฮวาชีเยว่ส่งให้
ฮวาชีเยว่ลุกขึ้นยกชาหอมให้ฮูหยินผู้เฒ่าอย่างเคารพ “ท่านย่าอย่าโกรธไปเลย ดื่มชาหอมครึ่งถ้วยนี้เสียหน่อยเ้าค่ะ ท่านหมอคงบอกแล้วว่าผู้าุโไม่ควรดื่มชามากเกินไป จะไม่ดีต่อสุขภาพนะเ้าคะ” นางเอ่ยอย่างอ่อนโยน
ฮูหยินผู้เฒ่ามึนงง ชากุหลาบนี้เป็ฮวาเมิ่งซือส่งคนไปซื้อมาให้นาง
ฮวาชีเยว่มอบหลงแดงให้ฮูหยินผู้เฒ่า นางย่อมเอาชนะใจอีกฝ่ายได้ ยามนี้คำพูดนางมีอิทธิพล ทำให้สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่ายิ่งย่ำแย่ลง
ลึกๆ เฉิงซื่อย่อมทราบว่าตนไม่อาจปิดบังความจริงได้อีกแล้ว นางจึงคุกเข่าลงบนพื้นดังตุ้บ “เป็ความผิดของข้าเองเ้าค่ะ เป็หน้าที่ข้าดูแลสมุดบัญชีและเงินทอง แต่เพราะความผิดพลาดของข้า ยามนี้ในคลังจึงเหลือเงินอยู่เพียงสามพันตำลึง เพื่อช่วยเชียนิกับเมิ่งซือเสริมสร้างร่างกาย เพิ่มความสามารถควบคุมลมปราณ ข้า... ข้าจึงมักยักยอกเงินส่วนหนึ่งจากคลังเ้าค่ะ”
สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเปลี่ยนไปฉับพลัน นางมองเฉิงซื่อที่คุกเข่าอยู่บนพื้น
ฮวาเมิ่งซือรีบคุกเข่าลงเพื่อให้ฮูหยินผู้เฒ่าใจเย็น
เห็นดังนี้ บ่าวไพร่ทั้งหลายก็ตัวสั่นอย่างหวาดกลัว มิคาดเื่นี้คุณหนูชีเยว่จะเปิดเผยออกมาได้อย่างง่ายดาย...คุณหนูชีเยว่เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
พ่อบ้านหวางคุกเข่าลงเอ่ยปาก “ฮูหยินผู้เฒ่าขอรับ เื่นี้บ่าวเองก็ผิดเช่นกัน…”
ใบหน้าเ็าของฮวาชีเยว่ปรากฏในใจเขา ก่อนหน้านี้ไม่นาน คุณหนูชีเยว่เรียกตัวเขาไปยังเรือนกุ้ยฮวา สิ่งที่นางกล่าวยังคงก้องอยู่ในหู
“พ่อบ้านหวาง หากเ้าเล่นตามกฎข้า เ้าจะมีเงินทองมากกว่านี้ มิเช่นนั้น เ้าจะต้องถูกจับข้อหาขโมยเงิน เ้าก็ทราบว่าข้ามีหลงแดงและตอนนี้ท่านย่าเองก็เชื่อคำข้า”
“กล้าดีอย่างไรยักยอกเงินจากคลังโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายท่านและจากข้า! เฉิงซื่อ เื่นี้ย่อมไม่ยุติธรรมต่อทั้งชีเยว่และเสี่ยวอี พวกนางต่างก็เป็ลูกหลานสกุลฮวา เหตุใดมิอาจซื้อยาได้เช่นลูกเ้า? เ้าเห็นข้าตายไปแล้วหรืออย่างไร?” ฮูหยินผู้เฒ่าทุบโต๊ะ เทียนซีสะดุ้งตัวโยนแล้วอึ้งไป ฮวาชีเยว่รีบดึงตัวเขาเข้ามาก่อน เทียนซีกลัวเสียจนไม่กล้าหายใจ
ฮวาชีเยว่ลูบหลังเขาเบาๆ เพื่อปลอบประโลม
ลู่ซินและโหย่วชุ่ยอารมณ์ดีเหลือเกิน นี่เองงิ้วที่คุณหนูใหญ่พูดถึง
เป็การแสดงที่ดีจริงๆ!
เมื่อก่อนพวกนางล้วนแต่ถูกอี๋เหนียงสองรังแกมาโดยตลอด คุณหนูเองก็มักจะมีาแอยู่เสมอ ทว่ากลับไม่มีใครกล้าพูดต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่า!
เฉิงซื่อคุกเข่าร่ำไห้ต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่า เห็นแล้วช่างสบายใจจริงๆ
“ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ ได้โปรดเว้นชีวิตข้าด้วย... เห็นแก่ความรัก เห็นแก่ลูกๆ ของข้า ให้อภัยข้าเถอะเ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่า!” อี๋เหนียงสองกลัวเสียจนใบหน้านองน้ำตา ดวงตาฮวาเมิ่งซือเองก็แดงก่ำร่ำร้องขอความเมตตา
“ท่านย่าเ้าคะ ได้โปรดอย่าโมโหเลยนะเ้าคะ อี๋เหนียงเพียงเลอะเลือนไปชั่วขณะเท่านั้น…” ฮวาเมิ่งซือเอ่ยเสริมเสียงเบา มองท่านย่าของนางที่นั่งอยู่เหนือกว่าน้ำตานอง เห็นฮวาชีเยว่นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างใจเย็น ลูบหลังเทียนซีอย่างอ่อนโยน ดวงตาของอีกฝ่ายเรียบเฉยเสียจนฮวาเมิ่งซือตัวสั่นสะท้าน
“แม่เ้าถูกปีศาจเข้าสิง แต่เ้าเองก็เสียสติเช่นกันใช่หรือไม่? ไม่ทราบหรือว่าซื้อโอสถต้องใช้เงินมากเท่าใด? พลังปราณต้องใช้เวลาและประสบการณ์เพื่อให้เกิดความก้าวหน้า แสวงหาความสำเร็จโดยไวไม่ต่างจากแสวงหาความตาย พวกเ้าทั้งคู่ทำให้ข้าผิดหวังนัก!”
ฮูหยินผู้เฒ่าฮวาะโเสียงเข้ม นางไม่ใช่ผู้มีวรยุทธ์ ทว่านางยังมีความรู้เื่พลังปราณอยู่บ้าง
ผู้ใช้วรยุทธ์ต้องใช้เวลาฝึกฝนความสามารถ หากผู้ใดเอาแต่พึ่งพาโอสถ ร่างกายจะต่อต้านโอสถจนทำให้เส้นลมปราณได้รับาเ็ ทำให้เ็ปทั้งยังอาจทำให้พิการหรือตายได้
“ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ อย่าได้โทษเมิ่งซือเลยเ้าค่ะ ล้วนเป็ความผิดของข้า... ข้าสิ้นคิด ฮูหยินผู้เฒ่าลงโทษข้าเถอะเ้าค่ะ”