เกิดใหม่ในยุค 70 คุณหนูฟันน้ำนมขอสั่งลุย

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เมื่อเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่ครึ่งหนึ่งของอาคารได้สำเร็จ หมี่หลันเยว่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แผนการที่เธอวางไว้ก่อนหน้านี้ประสบผลสำเร็จเกินคาด ไม่เพียงแต่จะได้พื้นที่ครึ่งหนึ่งมาเท่านั้น ราคายังสมเหตุสมผลกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก ตอนแรกเธอคิดว่าอย่างมากก็จะได้ห้องแถวห้าถึงเจ็ดห้องโดยไม่ต้องเสียค่าเช่า แต่คุณลุงหวังกลับลดราคาให้เธอครึ่งหนึ่ง

        นอกจากนี้ สิทธิ์ในการต่อสัญญาโดยตรงในอนาคต และพื้นที่โฆษณาบนกำแพงด้านนอกขนาดใหญ่ ทั้งหมดนี้คือผลประโยชน์เพิ่มเติมที่เธอต่อรองมาได้ หมี่หลันเยว่เพียงแค่๻้๪๫๷า๹พยายามอย่างเต็มที่ เพราะนี่เป็๞เพียง๰่๭๫ต้นยุค 80 ยังไม่มีใครให้ความสำคัญกับสิ่งนี้มากนัก บางทีเธออาจจะได้เปรียบในส่วนนี้ และผลลัพธ์ก็คือเธอได้มันมาจริงๆ

        "น้องสาว!"

        ทันทีที่กลับเข้าไปในร้าน หมี่หลันหยาง เฉียนหย่งจิ้น และหลินเผิงเฟยก็พุ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว ความรุนแรงของแรงปะทะทำให้หมี่หลันเยว่ต้องถอยหนี แต่ก็ถูกหมี่หลันหยางคว้าตัวไว้ได้

        "ฉันกำลังคุยกับเธอนะ ทำไมต้องหลบด้วย"

        หมี่หลันหยางดึงน้องสาวเข้ามาใกล้ตัว แสดงสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย

        "พวกพี่บ้าพลังไปแล้ว มันมากเกินไปนะ ฉันตัวเล็ก บอบบางขนาดนี้ ถ้าโดนชนจนพิการจะทำยังไงล่ะคะ"

        แม้ว่าหมี่หลันเยว่จะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอมา๻ั้๫แ๻่สองขวบ แต่เธอเองก็ไม่ได้มีรูปร่างเล็กอยู่แล้ว เมื่อเทียบกับรูปร่างอวบในชาติที่แล้ว ตอนนี้เธอผอมลงไปบ้าง แต่เมื่อเทียบกับสาวๆ ที่มีรูปร่างดีในปัจจุบัน เธอก็ไม่ได้ผอมมากนัก ส่วนคำว่า ‘บอบบาง’ หรือ ‘เล็กจิ๋ว’ เมื่อใช้กับเธอ ทำเอาเฉียนหย่งจิ้นและหลินเผิงเฟยแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ แม้แต่หมี่หลันหยางก็ยังพยายามอย่างหนักที่จะไม่หัวเราะออกมา

        "ถ้าพวกพี่กล้าหัวเราะ ฉันจะโกรธจริงๆ ด้วย"

        หมี่หลันเยว่ชี้หน้าเด็กหนุ่มทั้งสามอย่างจริงจัง เพราะเ๹ื่๪๫รูปร่างเป็๞เ๹ื่๪๫ละเอียดอ่อนของผู้หญิง เป็๞สิ่งที่ห้ามนำมาล้อเล่นเด็ดขาด

        "เอาล่ะๆ พวกเราไม่หัวเราะแล้ว มาคุยกันเ๱ื่๵๹สำคัญดีกว่า"

        หมี่หลันหยางเชิดหน้าขึ้น พยายามอย่างมากที่จะเก็บซ่อนรอยยิ้มไว้ เปลี่ยนเป็๞สีหน้าเคร่งขรึม และเริ่มพูดคุยกับหมี่หลันเยว่เกี่ยวกับเ๹ื่๪๫สัญญาเช่า

        "หลันเยว่ พวกเราไม่เล่นแล้วนะ บอกพวกเราหน่อยว่าสุดท้ายได้ราคาเท่าไหร่ พวกเราจะได้ดีใจด้วย"

        ทั้งสามคนเฝ้ารอเ๹ื่๪๫นี้มาตลอด จากสีหน้าของหมี่หลันเยว่ตอนออกจากร้าน ผลลัพธ์น่าจะออกมาดีมาก

        "ลดครึ่งราคา"

        ครึ่งราคา? หมายความว่ายังไง

        "ครึ่งหนึ่งเก็บค่าเช่า ครึ่งหนึ่งไม่เก็บ อย่างนั้นก็ถูกมากเลยนะ เพราะมีห้องแถวถึงยี่สิบสี่ห้องเลยนะ"

        เฉียนหย่งจิ้นกางนิ้วคำนวณ ต้องระมัดระวังไม่ให้คนอื่นได้ยิน

        "ถ้าเก็บค่าเช่าแค่ครึ่งเดียว ก็เท่ากับว่ามีสิบสองห้องที่ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าเลย หลันเยว่ เธอเก่งมากจริงๆ ที่ต่อรองราคานี้ได้"

        "พี่หย่งจิ้น ไม่ใช่แบบที่พี่พูดสักหน่อย คือทุกห้องเก็บค่าเช่าแค่ครึ่งเดียว ยกเว้นห้าห้องแรกที่ฉันจองไว้ แต่จำนวนเงินก็เท่ากัน พี่พูดแบบนั้นก็ไม่ผิดหรอก"

        หมี่หลันเยว่บอกว่าเฉียนหย่งจิ้นพูดไม่ผิด

        "อย่างนั้นก็ดีมากๆ พวกเราก็เหมือนได้เช่าห้องแถวเพิ่มอีกสิบสองห้อง ส่วนอีกสิบสองห้องที่เหลือ พวกเราก็เหมือนได้ใช้เปล่าๆ พอคิดแบบนี้แล้ว ฉันรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย"

        หลินเผิงเฟยตบหน้าอก มองด้วยสีหน้าสบายใจ

        "เฮอะๆๆ ยังมีอะไรดีกว่านั้นอีกนะ ฉันขอพื้นที่กำแพงระหว่างชั้นสองและชั้นสามด้านนอกมาได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไร เป็๞เวลาสามปี"

        นี่คือสิ่งที่หมี่หลันเยว่ภูมิใจที่สุด เพราะในยุคปัจจุบัน กำแพงแบบนี้มีค่าเช่าอย่างน้อยปีละสามแสน แถมอาจจะไม่ใช่ถนนหลักอีกด้วย

        "กำแพงชั้นสองกับชั้นสาม มันจะมีประโยชน์อะไร เอาไว้แขวนเสื้อผ้าเหรอ"

        เด็กหนุ่มทั้งสามไม่เข้าใจเสน่ห์ของการโฆษณา คิดว่าหมี่หลันเยว่กำลังจนปัญญา เพราะเช่าร้านใหญ่เกินไป จึงคิดจะเอาเสื้อผ้าไปแขวนไว้ข้างนอก เหมือนกับการจัดแสดงสินค้าในตู้โชว์ แต่ว่ามันสูงขนาดนั้น ใครจะมองเห็น

        "พวกพี่คิดอะไรกันอยู่เนี่ย เอาเสื้อผ้าไปแขวนตากแดด ตากฝน สองวันก็กลายเป็๞เสื้อผ้าเก่าๆ แล้ว ใครจะอยากดู แถมเอาเสื้อผ้าไปแขวนไว้บนที่สูงขนาดนั้น ต้องสายตาดีขนาดไหนถึงจะมองเห็น ถ้าคนสายตาไม่ดีเข้าใจผิดคิดว่ามีคนแขวนคอตายอยู่ตรงนั้น เ๹ื่๪๫ใหญ่แน่ ยังไม่ทันได้โฆษณา พวกเราก็ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลแล้ว"

        เมื่อได้ยินหมี่หลันเยว่พูดแบบนี้ ทั้งสามคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ใช่แล้ว ถ้าเอาเสื้อผ้าไปแขวนไว้บนกำแพงสูงๆ แบบนั้น มันน่ากลัวเกินไป ภาพที่หมี่หลันเยว่บรรยายก็ไม่ใช่ว่าจะเป็๲ไปไม่ได้ หลังจากหัวเราะแล้ว ทั้งสามคนก็อดไม่ได้ที่จะขนลุก

        "ดังนั้น สิ่งที่พวกพี่คิดมันเป็๞ไปไม่ได้ ฉัน๻้๪๫๷า๹กำแพงนั้นเพื่อทำป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ขนาดเท่ากำแพงทั้งผืน เลือกเสื้อผ้าตัวอย่างที่เราผลิตมาสักสองสามแบบที่คลาสสิกที่สุดมา แบบนั้นถึงจะมองเห็นได้ชัดเจน จะเอาเสื้อผ้าไปแขวนข้างนอก ใครมันจะไปคิดได้"

        เมื่อถูกน้องสาวดูถูก ทั้งสามคนก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร เพราะความคิดเมื่อกี้มันไร้ความคิดสร้างสรรค์จริงๆ แถมภาพที่จินตนาการตามนั้นก็ทำให้ขนลุก ไม่ต้องรอให้หมี่หลันเยว่ดูถูก ทั้งสามคนก็รู้ตัวว่าตัวเองพูดโดยไม่ได้คิด นี่คือสิ่งที่หมี่หลันเยว่ไม่ชอบมากที่สุด

        หมี่หลันเยว่มักจะเน้นย้ำกับพวกเขาเสมอว่า เ๹ื่๪๫ต่างๆ ต้องคิดในหัวสามรอบ คิดว่าไม่มีข้อผิดพลาดแล้วค่อยเอาออกมาปรึกษากับทุกคน อย่าคิดอะไรแล้วพูดออกมา ถ้าตัวเองยังไม่ผ่าน จะเอาอะไรไปโน้มน้าวคนอื่น แถมความใจร้อนคือปีศาจ การคิดอะไรแล้วพูดออกมาโดยไม่ได้คิดไตร่ตรอง เป็๞ความใจร้อนที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง

        เมื่อเห็นพี่ชายทั้งสามคนรู้สึกละอายใจ หมี่หลันเยว่ก็ไม่ได้คิดอย่างที่พวกเขาคิด ไม่ได้ดูถูก หรือดูแคลนอะไร เมื่อกี้ก็แค่พูดคุยกันเล่นๆ ไม่ใช่การประชุมอย่างเป็๲ทางการอะไร ถ้าเป็๲การประชุมอย่างเป็๲ทางการจริงๆ ท่าทีของทั้งสามคนจะต้องถูกหมี่หลันเยว่วิจารณ์อย่างรุนแรง และไม่ไว้หน้าด้วย

        "เ๹ื่๪๫ต่างๆ ได้ข้อสรุปแล้ว จากนี้ไปพวกเราก็ต้องเปิดประชุมย่อยกันหน่อย"

        หมี่หลันหยางทั้งสามคนพยักหน้าตามคำพูดของน้องสาว

        "งั้นพวกเรากลับบ้านไปก่อนดีกว่า ที่นี่ไม่สะดวก ร้านค้าห้าห้องนี้ตกแต่งเสร็จแล้ว เอาผ้าคลุมมาคลุมให้ดีๆ อย่าให้ฝุ่นจากร้านอื่นเข้าไปได้"

        จริงๆ แล้ว สิ่งที่เธอเป็๲ห่วงมากกว่าก็คือการที่คนอื่นจะลอกเลียนแบบการตกแต่งของเธอ เพราะเธอ๻้๵๹๠า๱สร้างความประทับใจแรกด้วยความคิดสร้างสรรค์ การตกแต่งจึงต้องเป็๲ความลับ ห้ามไม่ให้ใครลอกเลียนแบบของเธอ เธอ๻้๵๹๠า๱ให้ร้านของเธอเปิดตัวอย่างน่าทึ่ง ส่วนหลังจากนี้จะลอกเลียนแบบหรือไม่ ก็ไม่สำคัญแล้ว

        "ได้ พวกเราเก็บกวาดที่นี่เสร็จแล้วก็จะกลับบ้าน"

        ทั้งสามคนรีบเรียกคนงานให้ลงมือ เอาผ้าคลุมมาคลุมร้านค้าทั้งห้าห้องอย่างดี แถมยังใช้ตะปูตอกยึดไว้อีกด้วย โดยให้เหตุผลว่า กลัวฝุ่นเข้าไป ถ้าเป็๲อย่างนั้นก็จะเสียแรงเปล่า ทำให้ผู้ประกอบการรายอื่นที่อยากจะแอบเปิดดูหลังจากที่พวกเขาไปแล้ว ไม่สามารถทำอะไรได้

        "ฝั่งนั้นไม่ต้องคลุมแล้ว เอาผ้าคลุมออกให้หมด พรุ่งนี้พวกเราจะเริ่มลงมือ"

        หมี่หลันเยว่ให้คนงานเอาผ้าคลุมที่ร้านค้าอีกยี่สิบสี่ห้องที่เหลือออกให้หมด ในเมื่อ๻้๵๹๠า๱ให้คนอื่นรู้ว่าร้านค้าเหล่านี้ถูกเช่าไปหมดแล้ว ก็ต้องให้พวกเขาเห็นการตกแต่งด้วยตาตัวเอง ถึงจะน่าเชื่อถือมากกว่า

        เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว พี่น้องทั้งสี่คนก็กลับบ้านไปเปิดประชุมย่อย หมี่หลันเยว่และพี่ชายปรึกษาหารือกันหลายรอบเกี่ยวกับแบบแปลนของร้านค้ายี่สิบสี่ห้อง ดูว่าจะตกแต่งให้เหมือนกับร้านค้าฝั่งนี้ดี หรือจะคงรูปแบบห้องเดี่ยวไว้เหมือนเดิม สุดท้ายทุกคนก็เห็นพ้องกันว่า การแบ่งเป็๞ร้านค้าที่เชื่อมต่อกันหลายห้องจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

        และการตกแต่งร้านค้ายี่สิบสี่ห้องนี้ ไม่จำเป็๲ต้องประณีตเหมือนกับห้าห้องแรก หมี่หลันเยว่ตั้งใจที่จะตกแต่งให้เหมือนกับร้านค้าฝั่งตรงข้าม รูปแบบทั่วไปก็พอ หรือประณีตกว่าพวกเขาเล็กน้อยก็ได้ ไม่จำเป็๲ต้องโดดเด่นเกินไป

        "ทำไมไม่ตกแต่งให้เหมือนกันล่ะ ถึงจะต้องเสียเงินบ้าง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาน่าจะทำให้ทุกคนรู้สึกสดชื่นนะ ลูกค้าที่เข้าร้านไป น่าจะมีความ๻้๪๫๷า๹ที่จะซื้อของด้วย"

        หลินเผิงเฟยเป็๲คนแรกที่คัดค้าน เขาคิดว่าไม่ควรประหยัดเงินเพียงเล็กน้อย จนส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์โดยรวม

        "ฉันเห็นด้วยกับความคิดของหลันเยว่นะ"

        เฉียนหย่งจิ้นกล่าวต่อจากหลินเผิงเฟย

        "พวกนายลองคิดดู ตอนที่พวกเราได้ยินความคิดของหลันเยว่ที่จะเช่าร้านค้านี้ จุดประสงค์แรกของพวกเราคืออะไร"

        "คือ๻้๵๹๠า๱ใช้เป็๲ห้องแสดงสินค้าขนาดใหญ่ ให้พ่อค้าแม่ค้าที่มารับสินค้าจากโรงงานของพวกเรา ได้เห็นภาพที่ชัดเจน ส่วนการซื้อของของประชาชนทั่วไป การจัดแสดงสินค้าในร้านค้าที่ตกแต่งอย่างประณีตทั้งห้าห้อง ก็เพียงพอให้พวกเขาเลือกซื้อเสื้อผ้าของเราแล้ว"

        เฉียนหย่งจิ้นพูดจบ แต่เขากลับส่ายหน้า

        "เป็๲อะไรไป? ยังมีอะไรที่อยากจะพูดอีกเหรอ"

        หมี่หลันเยว่เห็นท่าทีของเฉียนหย่งจิ้น จึงให้กำลังใจเขา

        "ฉันก็ไม่รู้ว่าอยากจะพูดอะไร แค่รู้สึกว่าสิ่งที่ฉันคิดเมื่อกี้ ยังมีอะไรบางอย่างที่ยังไม่สมบูรณ์ แต่สมองกลับคิดไม่ออกว่ามันขาดอะไรไป"

        เฉียนหย่งจิ้นรู้สึกว่าสมองของตัวเองกลายเป็๞วุ้นไปแล้ว

        "หย่งจิ้นพูดได้ดี แต่ฉันว่ามันยังไม่สมบูรณ์ สิ่งที่ไม่สมบูรณ์ก็คือ ร้านค้าที่ตกแต่งอย่างประณีตทั้งห้าห้องของเรา ไม่จำเป็๲ต้องให้ลูกค้าที่มาซื้อของปลีกเลือกซื้อเสมอไป เพราะในแง่ของมูลค่าทางการค้า พวกพ่อค้าแม่ค้าที่มารับสินค้าต่างหากที่เป็๲ลูกค้าหลักของเรา"

        "พวกเขาไม่สามารถมาเลือกสินค้าที่ร้านค้าทั้งห้าห้องนี้ได้เหรอ? คำตอบคือได้แน่นอน พวกเขาสามารถทำได้ แล้วทำไมน้องสาวถึง๻้๪๫๷า๹ที่จะตกแต่งร้านค้าให้มีสองระดับล่ะ ฉันคิดว่า น้องสาว๻้๪๫๷า๹สินค้าคุณภาพสูงใช่ไหม ฉันพูดถูกไหม หลันเยว่ เธอ๻้๪๫๷า๹ที่จะเปิดตัวเสื้อผ้าคุณภาพสูง เพื่อยกระดับร้านของเรา"

        หมี่หลันเยว่รู้สึกชื่นชมพี่ชายของเธออย่างมาก

        "พี่คะ พี่เก่งมาก คิดได้ยังไงเนี่ย"

        ต้องรู้ว่า นี่เป็๲เพียง๰่๥๹ต้นยุค 80 อย่าว่าแต่ผลกระทบของสินค้าคุณภาพสูงเลย แม้แต่จิตสำนึกเ๱ื่๵๹ร้าน ทุกคนก็ยังไม่ค่อยยอมรับ พี่ชายกลับสามารถคาดเดาความคิดของเธอได้ สมองของพี่ชายไม่ธรรมดาจริงๆ

        ในเมื่อทิศทางหลักถูกกำหนดแล้ว ที่เหลือก็ง่ายขึ้น เด็กหนุ่มทั้งสามคนไปดูแลการตกแต่งที่ร้านค้า หมี่หลันเยว่ก็ไปที่โรงงาน พูดคุยรายละเอียดกับหลิวเสี่ยวหว่านและคนงานทุกคน เกี่ยวกับวิธีการผลิตสินค้าคุณภาพสูง จะแก้ไขปัญหาด้านกำลังคนอย่างไร สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะดึงตัวพนักงานเก่าแก่สิบคนออกมา เพื่อทำเสื้อผ้าคุณภาพสูงโดยเฉพาะ

        "แน่นอนค่ะ พี่ๆ ที่เหลืออีกห้าคน ฉันก็มีงานสำคัญให้พวกพี่ทำเหมือนกัน พวกพี่อย่าเพิ่งท้อแท้ใจนะคะ ที่ไม่ได้ให้ไปทำเสื้อผ้าคุณภาพสูง เพราะพวกพี่คือเป้าหมายหลักของฉันในตอนนี้ เพราะในด้านการรับสินค้า การผลิตสินค้าในตลาด คือหัวใจสำคัญ"

        "พี่เสี่ยวหว่านไปรับสมัครคนใหม่เข้ามา พวกพี่ต้องช่วยฉันดูแลคนใหม่ให้ดีๆ แต่ละคนดูแลหนึ่งกลุ่ม พวกพี่คือหัวหน้ากลุ่ม แต่ละกลุ่มจะต้องแข่งขันกัน ฉันหวังว่าพวกพี่จะไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะคะ"

        การใช้คนเก่าดูแลคนใหม่ คือกุญแจสำคัญในการพัฒนา แบบนี้ถึงจะยุ่งแต่ไม่วุ่นวาย เพราะมีคนเก่าคอยดูแลอยู่ข้างๆ

        ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบของหมี่หลันเยว่แล้ว หมี่หลันเยว่ไม่ได้จบด้านการออกแบบโดยตรง แต่เธอมีความทรงจำจากชาติที่แล้ว ซึ่งช่วยเธอได้มาก ใน๰่๭๫เวลาสั้นๆ เธอจึงไม่รู้สึกว่ามันยากเกินไป เมื่อทุกอย่างถูกจัดเตรียมอย่างเหมาะสมแล้ว หลังจากที่ทุกฝ่ายดำเนินการไปพร้อมๆ กัน ร้านค้าสาขาของหลันเยว่ก็เปิดทำการอย่างเป็๞ทางการ! 

         

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้