Chapter 30
การบริการวาดรูปการ์ดสำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการในร้านก็เป็ไปได้อย่างราบรื่น ในตอนแรกที่คิดว่าอาจจะใช้ระยะเวลานานมันก็ไม่ได้นานอย่างที่คิด สิ่งที่ปรับเปลี่ยนจากการที่เริ่มวาดไปได้สักพักก็คือการเสนอบริการนี้ให้ลูกค้า รวมไปถึงการสอบถาม ตรงนั้นจะใช้ระยะเวลามากกว่า เพราะจะต้องอธิบายว่าบริการนี้คือบริการอะไร และต้องมีขั้นตอนอย่างไร ทั้งป๋ายและเกรซก็เลยแก้ปัญหา ด้วยการพิมพ์รายละเอียดของบริการและวิธีการลงบนกระดาษ แปะมันไว้ที่หน้าร้าน ในตำแหน่งที่ลูกค้าหลายคนจะสามารถเห็นได้ในขณะที่เดินเข้ามา รวมไปถึงประชาสัมพันธ์ในช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ว่าในตอนนี้ทางร้านมีบริการวาดรูปการ์ดเพิ่มขึ้นมา ซึ่งถ้าดูจากคอมเม้นท์ในโซเชียลมีเดียช่องทางต่าง ๆ ลูกค้าประจำก็ดูสนใจเป็อย่างมาก
อย่างที่เคยได้คิดไว้ว่าสไตล์การวาดรูปของป๋าย ทั้งลายเส้น การลงสีที่ถนัด รูปแบบที่ชอบ เป็สไตล์ที่เข้ากับร้านเครื่องหอมของกรีนและเวย์เป็อย่างมาก ทำให้ลูกค้าประจำหลายคนก็ชอบรูปแบบการวาดการ์ดของป๋ายไปด้วย
แน่นอนว่าการบริการนี้ มีทั้งลูกค้าที่้าและไม่้า ซึ่งเกรซและป๋ายก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร ต่างก็เข้าใจว่ามีทั้งคนที่้าและไม่้า ตกลงและคุยกันไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะไม่เก็บตรงนี้มาคิด และสำหรับลูกค้าที่ไม่มีไอเดียอะไรที่อยากให้วาด ก็สามารถให้ป๋ายออกแบบเองได้เลย ซึ่งหลายคนก็ชอบมัน เพราะอะไรที่ป๋ายวาด เขาก็สังเกตมันจากลูกค้าคนนั้น ๆ การ์ดแต่ละใบจึงมีความเฉพาะตัวสูง
กริ๊ง ๆ ๆ
ใน่เวลาที่จวนจะปิดร้าน กระดิ่งที่หน้าร้านก็ดังขึ้นอีกครั้ง ปรากฏร่างของเ้าหน้าที่หนุ่มเดินเข้ามา เกรซเองก็เดินไปต้อนรับอย่างดี
"Your Cart ยินดีให้บริการค่ะ"
เกรซกล่าวต้อนรับเหมือนกับลูกค้าทุกคนที่ผ่านมา ผายมือไปทางคำแนะนำบริการ จากนั้นก็ปล่อยให้ลูกค้าได้เดินเลือกสินค้าตามสบาย แต่ถ้าหากสังเกตฝั่งของเ้าของการ์ดมากมายเ่าั้แล้ว เขากลับหลบสายตา และตัวสั่นขึ้นมาเล็ก ๆ เพราะเ้าหน้าที่ที่เดินเข้ามาเป็เ้าหน้าที่ที่เคยตามตัวเขาใน่ที่ยังไม่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านของกรีน
ถึงแม้ว่าเ้าหน้าที่จะเคยเห็นป๋ายในร่างของแมวเท่านั้น แต่ตัวเขาเองที่จำได้แม่นว่าเ้าหน้าที่คนนี้คือใครก็นึกกลัวขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มั่นใจว่าเ้าหน้าที่คนนี้จะจำเขาได้ แต่สำหรับตัวป๋ายแล้ว เขาซ่อนความกลัวไว้ได้ไม่มิดจริง ๆ
"ป๋าย เป็อะไรหรือเปล่า?" เกรซที่เห็นท่าทางของป๋ายที่แปลกไปก็เดินเข้ามาถาม
"ปะ เปล่า คือว่า คุณลูกค้าเขาได้สั่งรูปหรือเปล่าเกรซ?"
"ไม่นะ เขาบอกว่าจะหยิบเอาที่ตะกร้าเลย ไม่มีอะไรที่อยากได้เป็พิเศษ"
"งั้น เค้าไปพักก่อนนะ"
หลังจากที่พูดจบไปก็เดินหันหลังกลับเข้าไปในห้องทำงานของกรีนทันที เกรซเห็นท่าทีที่แปลกไปอย่างชัดเจน แถมมือเล็ก ๆ ที่ใช้วาดรูปก่อนหน้ายังสั่นอีกด้วย แต่ด้วยในตอนนี้เขายังตามไปดูป๋ายไม่ได้ เพราะยังต้องรับลูกค้าอยู่ ก็ได้แต่ปล่อยให้อีกคนอยู่ในห้องคนเดียวไปก่อน พอลูกค้าที่สวมชุดเ้าหน้าที่ชำระเงินและออกไปเรียบร้อยแล้ว เกรซก็รีบตามเข้าไปดูป๋ายในห้องทำงานของกรีนทันที
"ป๋าย เป็อะไร? ทำไมสั่นแบบนั้น ให้เกรซถามพี่กรีนให้ไหม?" ป๋ายไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น พอเห็นดังนั้นเกรซก็รีบเข้าไปตามกรีนที่ห้องทำงานของเวย์ทันที
"พี่กรีนคะ ไปดูป๋ายหน่อยได้ไหม?"
"ป๋ายเป็อะไร?" กรีนลุกขึ้นมาจากโซฟาทันที
"เกรซก็ไม่รู้ค่ะ ป๋ายแปลก ๆ หลังจากที่ลูกค้าคนล่าสุดเข้ามา"
"ลูกค้าคนล่าสุด?"
"ใช่ค่ะ ถ้าเกรซจำไม่ผิด น่าจะเป็เ้าหน้าที่ที่เขาเคยทักทายพี่กรีนนะคะ เ้าหน้าที่ที่พี่กรีนเคยบอกว่าอยู่แถวบ้านพี่กรีน" กรีนคิ้วขมวดขึ้นมาทันที หลังจากที่พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้อง ร่างสูงรีบสาวเท้ากลับไปที่ห้องทำงานของตัวเองทันที
"ป๋ายป๋าย" กรีนส่งเสียงเรียกชื่อคนน้องที่นั่งก้มหน้าอยู่บนโซฟา
"พี่กรีน" คนตัวเล็กที่รับรู้ได้ถึงการเข้ามาของกรีนก็รีบลุกขึ้นไปสวมกอดกรีนไว้แน่น
"ชู่ว ไม่เป็ไรนะครับ ใมากเหรอ?"
"อื้อ เค้ากลัว" คนน้องพูดออกมาด้วยเสียงสั่น ๆ
"ไม่เป็ไรครับ ไม่มีใครทำอะไรเธอทั้งนั้นเลย พี่กรีนอยู่นี่ไง" กรีนกระชับกอดให้แน่นขึ้น มือหนาคอยลูบหัวน้องอยู่ไม่ห่างมือ
หลังจากที่ปลอบน้องไปได้สักพัก กรีนก็ตัดสินใจที่จะพาป๋ายกลับบ้านในทันที รีบกลับไปบอกเวย์ว่าจะกลับเลย และเอ่ยขอโทษมิเกลที่ต้องกลับก่อน ซึ่งเวย์และมิเกลตัดสินใจที่จะอยู่คุยกันต่ออีกสักพัก กรีนรีบเก็บของและพาน้องไปที่รถทันที
เพราะออกมาเร็ว ่เวลาบนท้องถนนจึงไม่ได้นาน ขับรถออกจากร้านมาได้ไม่กี่นาที รถก็จอดที่หน้าบ้านของกรีนเรียบร้อยแล้ว หน้าที่เปิดประตูที่คนตัวเล็กจะทำอยู่เป็ประจำก็ตกเป็ของกรีนในตอนนี้ เพราะตัวป๋ายกำลังนั่งเหม่อมองไปนอกหน้ารถอยู่
กรีนกดรีโมทเพื่อเปิดประตูรั้วของบ้าน หลังจากที่ประตูรั้วเปิดออกแล้วก็เหยียบคันเร่ง เพื่อเคลื่อนตัวรถเข้าไปจอดในโรงรถของบ้านทันที จากนั้นก็ดับรถ
"ตัวเล็ก ถึงบ้านเราแล้วครับ"
กรีนพูดออกมาเบา ๆ จากนั้นก็รีบลงจากรถและอ้อมไปที่ประตูฝั่งข้างคนขับทันที มือหนาเปิดประตูรถออก จับที่ข้อมือของคนตัวเล็กไว้ และค่อย ๆ ออกแรงดึงให้อีกคนออกจากรถทันที ซึ่งน้องก็ให้ความร่วมมือเป็อย่างดี ค่อย ๆ ก้าวเดินตามกรีนไปจนถึงหน้าประตูบ้าน
กรีนไขประตูบ้านออกด้วยมือข้างที่ไม่ได้จับป๋ายไว้ หลังจากที่ประตูบ้านปลดล็อคเรียบร้อย กรีนก็บิดลูกบิดเพื่อเข้าสู่ด้านในของตัวบ้านทันที มือหนาเอื้อมไปกดเปิดไฟที่สวิตช์ข้างกำแพง จูงมือน้องมาที่โถงกลางบ้าน และพาไปนั่งที่โซฟา
"โอเคหรือเปล่าครับ?"
"เค้าโอเค"
"รู้สึกอะไรบอกพี่กรีนได้ไหม?" กรีนลูบหัวน้องเบา ๆ
"เค้ากลัว กลัวทุกอย่างเลยพี่กรีน"
"รออีกนิดนึงนะป๋าย ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยเธอจะได้ไม่ต้องมากังวลเื่พวกนี้แล้ว"
"เค้าทำทุกคนเดือดร้อนกันหมด" ป๋ายพูดออกมาเสียงอ่อน
"ไม่เอาสิคนเก่ง ทุกคนเต็มใจช่วยนะ แล้วเื่นี้เธอก็ไม่ใช่คนผิดเลย ไม่โทษตัวเองนะครับ"
"ทำไมเป็เค้าแล้วทำอะไรมันก็ยากไปหมด"
"ป๋าย"
"เค้าอุตส่าห์เจอสิ่งที่ชอบแล้ว เค้าสนุกมากเลยนะวันนี้ สนุกที่ได้ไปนั่งวาดรูปให้ทุกคน ทุกคนยิ้มแล้วก็บอกว่าชอบรูปที่เค้าวาด แต่เค้าวาดไปได้ไม่กี่ชั่วโมงเอง แล้วเหมือนต่อจากนี้เค้าก็จะไม่ได้วาดอีกแล้ว"
"ได้วาดสิครับ ทำไมจะไม่ได้วาดล่ะ"
"เค้าไม่กล้าแล้วพี่กรีน ไม่กล้าไปนั่งตรงนั้นแล้ว กลัวว่าคนที่เข้ามาจะไม่ใช่แค่เ้าหน้าที่ ถ้าบัตเลอร์มาเจอเค้า เค้าจะทำยังไง?"
ใจของกรีนกระตุกทันทีที่ได้ยินความในใจของคนน้อง ในตอนแรกกรีนคิดว่าน้องอาจจะแค่ใที่ได้เจอเ้าหน้าที่ที่เคยตามจับเขา แต่มันไม่ใช่แค่นั้นเลย ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาวันนี้ มันถูกเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาในใจของป๋าย
พักหลังมา ป๋ายมีความกล้ามากขึ้นที่จะเข้าหน้ากับคนที่ไม่รู้จัก เห็นได้ชัดจากเมื่อเช้า ที่กรีนพาป๋ายไปซื้ออุปกรณ์ศิลปะที่ห้าง ป๋ายได้ไปคุยกับพนักงาน เ้าหน้าที่ หรือแม้กระทั่งศิลปินที่อยู่ในงานอย่างสนุกสนาน เสียงเจื้อยแจ้วของอีกคนในตอนเช้ายังติดอยู่ในใจของกรีนจนถึงวินาทีนี้ มันเป็ความสดใสในระดับปกติที่กรีนเคยเห็นมันแค่ในบ้านเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าเวลาที่ออกไปนอกบ้าน ป๋ายจะไม่ได้แสดงออกมาว่ากลัว แต่ระดับความสดใสมันก็จะดรอปลงอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อไม่นานมานี้มันเปลี่ยนไป ป๋ายดูเอ็นจอยมากยิ่งขึ้น กลัวน้อยลง เริ่มเผยความสุดใสในระดับปกติที่อยู่ในบ้านสู่ภายนอกเยอะขึ้น
แต่มันกำลังจะกลับมาอยู่ในระดับเดิมอีกครั้ง เพราะเหตุการณ์ใน่เวลาสั้น ๆ ของวันนี้ ความกลัวจะกลับเข้ามาอยู่ในใจไปอีกครั้ง แม้ว่าก่อนหน้านี้มันจะกร่อนลงไปเยอะแล้วก็ตาม ณ วินาทีนี้ มันกำลังจะถูกหลอมรวมขึ้นมาอีกครั้ง แล้วมันเป็สิ่งที่แย่มาก สำหรับคนที่สามารถพังกำแพงบางอย่างในใจได้แล้ว
"พี่กรีน เค้าไม่อยากไปที่ร้านแล้ว เค้ากลัว" ป๋ายพูดขึ้นเสียงนิ่ง ๆ
"พี่จะแล้วแต่เธอนะครับ แต่ความตั้งใจในการวาดรูป พี่ไม่อยากให้เธอทิ้งมันเลยนะ"
"เค้าไม่ได้จะทิ้ง เค้าแค่ขอตั้งตัวก่อนเท่านั้นเอง"
"ได้เสมอเลยครับ เธอรู้สึกแย่ได้นะ แต่ถ้าไหวก็อยากให้ระบายออกมาให้พี่ฟังบ้าง ไม่อยากให้เธอคิดว่าเธอเผชิญปัญหาอยู่ลำพัง เพราะพี่อยู่ข้างเธอตลอดเลย เธอรู้ใช่ไหมครับ?" กรีนพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและรอยยิ้มบาง ๆ
"เค้ารู้ว่าพี่กรีนจะไม่ทิ้งเค้าแน่นอน"
"ถูกต้องเลยครับ อีกอย่างพี่อยากให้เธอรู้ไว้นะ ว่าไม่ว่าพี่และเธอจะอยู่ส่วนไหนของโลกนี้ จะอยู่ใกล้หรือว่าไกลกัน จะได้เจอหน้ากันหรือเปล่า พี่จะมีแต่ความหวังดีให้เธอเสมอเลยป๋าย"
"ฮึก พี่กรีน เค้าไม่อยากให้เรา อึก แยกกันเลยนะ" ทันทีที่คนตัวเล็กสะอื้น กรีนก็รีบเข้าไปกอดไว้ทันที
"พี่ก็เหมือนกันครับ พี่รู้นะป๋าย ว่าโลกนี้มันไม่ยุติธรรมเลยสำหรับเราสองคน เธอจะโทษพรหมลิขิตหรือโชคชะตายังไงก็ได้ แต่ถ้าเธอยังไหว พี่อยากให้เธอสู้ไปกับพี่ก่อนนะ เหนื่อยหรือว่าท้อกับมันแค่ไหนก็ได้ แต่อย่าพึ่งหมดหวังเลย ได้ไหมครับ?"
ที่พูดออกไปแบบนั้น เพราะกรีนกลัวว่าน้องจะหมดหวังและยอมที่จะกลับไปอยู่ในที่ที่เคยอยู่เหมือนเดิม กรีนรู้ว่ากาต่อสู้กับความกลัวและความหวาดระแวงมันแย่แค่ไหน แต่หลังจากที่กรีนได้ปรึกษากับเวย์และมิเกลในวันนี้ ความหวังของกรีนก็เริ่มมีมากขึ้นอีกเท่าตัว มิเกลช่วยหาช่องทางในการเข้าถึงคนใกล้ชิดของบัตเลอร์ได้มากขึ้น
สิ่งที่กรีนหวัง แน่นอนว่าอยากให้บัตเลอร์ได้รับโทษตามกฏหมาย กับทุกสิ่งที่เคยได้ก่อไว้ แต่ก็ไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยกรีนขอพึ่งกระแสสังคมในการเปิดเผยความเลวที่บัตเลอร์ได้ทำไว้ เพราะมิเกลได้แชร์มุมมองมา ว่าถ้าเกิดประเด็นขึ้นกับคนที่มีชื่อเสียงแล้ว ทางการจะจัดการเฉพาะเคสที่มีกระแสทางสังคมที่รุนแรงเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ถ้าหากว่าสามารถทำให้บัตเลอร์โดนรุมประนามได้ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสให้ทางการพิจารณาเื่ใหม่อีกครั้งได้แน่นอน
"ตอนนี้พี่มีหลาย ๆ อย่างมาก ๆ ที่อยากลองทำ พี่ก็ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือเปล่า แต่ขอให้ได้ลองก่อนนะ เธอสู้ไปกับพี่ก่อนได้ไหมครับ?"
"เค้าจะอยู่กับพี่กรีนตลอด"
"เก่งมาก ขึ้นไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนดีกว่า"
กรีนพาคนตัวเล็กขึ้นไปที่ชั้นบนของบ้าน เตรียมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ๆ ไว้ จากนั้นก็ให้คนตัวเล็กเข้าไปอาบน้ำ ส่วนตัวเขาก็แยกลงมาทำอาหาร หาของสดในตู้เย็นที่พอมีเหลือ และพยายามทำอาหารให้ตรงกับรสชาติที่คนตัวเล็กชอบ เพราะหลังจากครั้งนั้นที่ป๋ายลองทำอาหารให้ แล้วตัวป๋ายบอกว่าอร่อย กรีนก็พอจะเดารสชาติได้ ว่าคนตัวเล็กชอบอาหารรสชาติประมาณไหน
ส่วนทางด้านเ้าแมวตัวน้อย หลังจากที่อาบน้ำเสร็จก็รีบเดินลงมาที่ด้านล่างทันที ความสดชื่นหลังจากที่ได้อาบน้ำมันช่วยเขาได้ในระดับหนึ่ง และอีกอย่างคือความอบอุ่นที่รู้สึกได้อยู่เสมอเวลาที่อยู่ในบ้านของกรีน หรือบ้านที่กรีนเรียกว่าบ้านของเรา เป็สถานที่ที่บรรเทาความเลวร้ายภายนอกได้เป็อย่างดีเลยสำหรับป๋าย
"พี่กรีนทำอะไร หอมมาก ๆ" ป๋ายกอดเข้าที่เอวของกรีนจากด้านหลัง ในขณะที่กรีนหันหน้าเข้าหาเตาไฟฟ้า
"ทำกับข้าวให้เธอกินนั่นแหละ ไปนั่งรอได้แล้วครับ"
"หันมาก่อน ก้มลงมาด้วย" กรีนหันหน้ามาหาน้องตามคำบอกและก้มลง
จุ๊บ
ป๋ายเขย่งปลายเท้าขึ้น กดริมฝีปากของตัวเองไปที่ริมฝีปากของพี่แล้วผละออก และก่อนที่คนตัวเล็กจะวิ่งหนีไป กรีนก็คว้าเอวน้องไว้เสียก่อน
"หลายรอบแล้วนะเรา"
กรีนกระชับเอวน้องให้เข้ามาให้ใกล้มากยิ่งขึ้น สายตาจ้องลงไปที่ริมฝีปากเล็ก ที่เขายังไม่เคยได้มันอย่างจริงจังเลยสักครั้ง ใบหน้าคมขยับเข้าใกล้คนตรงข้ามเรื่อย ๆ ตาสวยของป๋ายค่อย ๆ หลับลงช้า ๆ ระยะห่างที่ค่อย ๆ ลดลง จนในที่สุดก็หมด ริมฝีปากของกรีนกดลงที่ปากน้องเบาและค่อย ๆ เพิ่มความรุนแรงขึ้น จากที่เคยแตะเฉย ๆ ก็เริ่มขบเม้มช้า ๆ ค่อย ๆ ดูดดึงกันไปมาเบา ๆ
"อื้อ พี่กรีน"
ป๋ายส่งเสียงประท้วงออกมา แต่กรีนก็ไม่ได้หยุดมันแต่อย่างใด คนตัวเล็กที่เห็นว่าคนพี่ยังเคลิ้มอยู่ก็หลับตาลงอีกครั้งและเริ่มตาม แรงดูดดึงค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามมาด้วยลิ้นร้อนที่เริ่มลุกล้ำเข้าไปที่ปากของอีกคน เกี่ยวพันกันไปมาจนน้ำใสตามเลอะที่มุมปากของทั้งคู่ กรีนเริ่มรู้ตัวว่ามันน่าจะนานเกินไปแล้ว สุดท้ายก็เป็คนยอมผละออกมาก่อน
"ขอโทษนะครับ" กรีนพูดขึ้น จากนั้นก็กดริมฝีปากลงไปเบา ๆ แล้วผละออก
"ขอโทษเค้าทำไมเนี่ย? เค้าช๊อบชอบ ทำอีกบ่อย ๆ นะ" ป๋ายยิ้มตาหยี
"แก่แดดจริง ๆ เลย"
"เค้าโตแล้วต่างหากเล่า!"
"ไปนั่งรอที่โต๊ะเลยครับ อาหารจะไหม้หมดแล้ว"
"ก็ช่วยไม่ได้นะ พี่กรีนหลงเสน่ห์เค้าเอง"
"ดื้อ"
กรีนส่ายหัวไปมาให้กับความน่าเอ็นดูตรงหน้า รู้สึกดีมาก ๆ ที่น้องโอเคขึ้นแล้ว ที่ให้น้องขึ้นไปอาบน้ำ ก็เพราะหวังว่าน้ำในอ่างที่อีกคนชอบแช่อยู่นาน ๆ จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น แต่ตอนนี้ก็หวังขึ้นไปอีก ว่ารสจูบเมื่อสักครู่จะทำให้ความกลัวในใจของน้องหายไปบ้าง
หลังจากที่จัดการกับอาหารบนเตาเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างสำหรับมื้อนี้ก็ถูกวางลงที่โต๊ะอาหาร จัดวางมันอย่างเป็ระเบียบ สำหรับคนที่จะกินมันก็พร้อมเรียบร้อยทั้งสองคนแล้ว
"ลองดูนะป๋ายป๋าย พี่ไม่แน่ใจว่าเธอจะชอบหรือเปล่า พี่เดารสชาติเอาจากอาหารที่เธอเคยทำให้พี่กินแล้วเธอชอบมัน ถ้าไม่อร่อยค่อยไปเทอาหารเม็ดกินเอานะ"
"ไม่เป็ไร ต้มปลาถ้วยนี้เค้าจะกินให้หมด เพราะมันอร่อยมาก ๆ ๆ" คนตัวเล็กพูดขึ้นด้วยความภูมิใจ
"เธอรู้ได้ไง แอบชิมตอนไหน?"
"ก็ เมื่อกี้ไง" น้องหลบตาลงมองอาหารบนโต๊ะแทนที่จะเป็หน้ากรีน
"เมื่อกี้?" กรีนทำหน้างง เพราะั้แ่เขาตักจากหม้อใส่ถ้วย ก็ยังไม่เห็นว่าอีกคนจะมาวุ่นวายที่เตาเลยแม้แต่น้อย
"ก็พี่กรีนชิม แล้วพี่กรีนก็มาจุ๊บ ๆ เค้าอ่ะ!"
อ่า
โอเค รู้เื่
พอพูดออกมาต่างคนก็ต่างเงียบใส่กัน เหตุผลก็เพราะทำตัวไม่ถูกนั่นแหละ เพราะเมื่อกี้เรียกได้ว่าเป็จูบแรกของทั้งคู่เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากการเอาริมฝีปากแตะกันแล้ว ครั้งนี้ก็เป็ครั้งแรกที่ลุกล้ำกันขนาดนี้
"เอ่อ กินข้าวดีกว่าครับ" กรีนพูดปัดความเงียบตรงหน้า
เป้าหมายแรกของกับข้าวมื้อนี้ของคนน้อง ก็คือต้มปลาที่พี่ทำ กรีนลุ้นมากว่ารสชาติจะออกมาเป็ยังไงสำหรับป๋าย เขาวัดจากรสชาติที่เขารับรู้ได้ในครั้งที่ชิมในตอนนั้น ซึ่งมันไม่ได้ถูกปากคนทำ ก็เลยการันตีไม่ได้ว่าจะถูกใจน้องหรือเปล่า กรีนมองตามั้แ่ที่น้องตักมันขึ้นมาจนกระทั่งเอาเข้าปาก
"อื้อ พี่กรีน" น้ำตาคลออยู่ที่ตาของคนชิม
"อะไร มันไม่อร่อยเหรอครับ? เดี๋ยวพี่ไปเทอาหารเม็ดให้ดีกว่า"
"เปล่า มันอร่อยมาก เค้าจะร้องไห้" คนน้องเบะปากทำท่าจะร้องไห้ กรีนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ
"พี่ใหมดเลยนะ"
"ั้แ่ฉีดวัคซีนมา เค้าไม่เคยกินอะไรแล้วรับรู้รสชาติว่ามันอร่อยได้ขนาดนี้จริง ๆ นะ ฮึก"
กรรม
กูทำน้องร้องไห้อีกแล้ว
กรีนอ้อมไปที่ฝั่งตรงข้ามของที่นั่งตัวเอง ดึงทิชชู่ขึ้นมาซับน้ำตาให้น้องเบา ๆ แล้วลูบหัว
"เค้าพูดจริง ๆ นะ"
"พี่เข้าใจครับ"
ป๋ายเคยบอกกับกรีนว่าถึงจะรู้สึกแย่อยู่มาก ที่รับรู้ว่าตัวเองจะกินอะไรไม่อร่อยได้เท่าเดิมอีกต่อไปแล้ว ในตอนแรกมันเป็ความรู้สึกที่แย่มาก เพราะในชีวิตของครึ่งทางอย่างป่าย ในวันแต่ละวันเขาไม่ได้มีกิจกรรมหรือภารกิจอะไรทำมากมายนัก การได้กินอะไรอร่อย ๆ จึงเป็หนึ่งในไม่กี่อย่างที่ทำให้ป๋ายมีความสุข
ในตอนที่รับรู้ได้ว่าตัวเองจะไม่สามารถรับรสแห่งความสุขนี้ได้อย่างเต็มที่ แน่นอนว่ามันเศร้า แต่ป๋ายก็ทำใจกับมันจนผ่านมาได้ เพราะรู้ว่าการเสียสิ่งนั้นไป มันเป็การเสียเพื่อที่จะให้ได้สิ่งไหนกลับมา และมันก็คุ้มค่าเอามาก ๆ
แต่ในวันนี้ อย่างที่ป๋ายบอกไปว่าั้แ่ฉีดวัคซีนมา เขายังไม่เคยได้รับรสชาติที่ชัดเจนและอร่อยแบบที่ได้รับวันนี้ เลยเป็สาเหตุที่ทำให้ร้องไห้ออกมา มันเป็ความรู้สึกเหมือนได้สิ่งที่เรารักและห่วงแหนกลับคืน
"เค้ารักที่กรีนที่สุดในโลกของเหมียวเลยจริง ๆ" ป๋ายพูดออกมาในขณะที่น้ำตาก็ยังไหลไม่หยุด
"พี่ก็รักเธอเหมือนกัน"
"มีเทียนไหม? เค้าจะเป่าอธิษฐาน"
"เธออยากอธิษฐานอะไร?"
"ขอให้เค้าได้กินอันนี้ตลอดไปเลย" ป๋ายชี้ไปถ้วยต้มปลาที่กรีนทำให้ในวันนี้
"อยากได้อันนี้ก็ต้องขอพี่สิ เป่าเทียนทำไม?" กรีนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
"ถ้างั้น เค้าขออธิษฐานว่าขอให้เค้าได้กินต้มปลาของพี่กรีนตลอดไปเลย หรือถ้าตลอดไปไม่ได้ เค้าก็ขอให้ได้กินไปนาน ๆ"
"พี่รับคำอธิษฐานของเธอครับ"
ความสุขที่เกิดขึ้นในใจแบบเรียบง่ายของทั้งคู่แทบจะล้นออกมา หวังว่าคำอธิษฐานของป๋ายจะเป็จริง กรีนอยากจะให้ปัญหาหรือความกังวลที่อยู่ในใจมันรีบผ่านพ้นไปเสียที อดคิดไม่ได้ว่าหลังจากนั้นจะมีความสุขขนาดไหน ในขณะที่มีความทุกข์ในใจดังเช่นตอนนี้ พวกเขายังสามารถเป็ความสุขให้กันได้เต็มที่ขนาดนี้ ถ้าวันหนึ่งเราไม่ต้องมีอะไรให้ต้องนึกถึง ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลแล้ว เราทั้งคู่จะมีความสุขกันขนาดไหน
"มาพยายามให้เต็มที่เลยนะครับ พี่หวังมาก ๆ ว่าสักวันเราจะได้อยู่ด้วยกันแบบที่ไม่ต้องกังวลอะไร"
"เค้าก็หวังแบบนั้น"
"คนเก่ง"
"พี่กรีน เค้ามีอะไรจะขอ"
"ว่ามาสิ"
"ช่วยออกัสออกมาด้วยนะ"
"แน่นอน เราจะไปช่วยออกัสออกมาด้วยกัน"
คำอธิษฐานของป๋าย ขอให้ได้กินต้มปลาของพี่กรีนไปนาน ๆ ขอให้ออกัสออกมาจากที่นั่น
คำอธิษฐานของกรีน ขอให้คำอธิษฐานและสิ่งที่ป๋ายหวังไว้เป็จริง ขอให้แมวทุกตัวบนโลกมีความสุข ได้กินอาหารครบทุกมื้อ กินขนมอร่อย ๆ ได้เล่นไหมพรมจนหมดม้วน ได้กลิ่นต้นไม้ที่ทำให้สดชื่น
ขอให้เป็จริง