องครักษ์คนสนิทหยุดชะงักแล้วกล่าวต่อ “ดูเหมือนเ้านายในตำหนักเย็นผู้นั้นจะปกป้องนางอยู่พอสมควรนางรักษาเด็กที่เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายจนมีชีวิตรอดกลับมาได้ขอรับ”
เซียวเยี่ยนคาดไม่ถึง องครักษ์คนสนิทจึงเล่าเื่ราวั้แ่ต้นจนจบให้เขาฟัง
เซียวเยี่ยนยืนอยู่ใต้ต้นไม้ครู่หนึ่ง เมื่อเขาคิดถึงสตรีนางนั้นดวงตาหงส์คู่นั้นเต็มไปด้วยความเ็า
ท้องฟ้ากำลังจะมืดลง
ในเรือนที่แยกออกมาต่างหากในตำหนักเย็นหลินชิงเวยดูแลเด็กน้อยคนนั้นอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ในที่สุดนางก็ค่อยๆฟื้นฟูร่างกายกลับมา ทว่าใบหน้าของนางยังคงปรากฏให้เห็นถึงความสับสนและวิตกกังวลที่ไม่ควรมีในวัยเช่นนี้ของนาง
หลินชิงเวยมองนางแล้วกล่าวว่า “มารดาของเ้าเล่า?”
สีหน้าของเด็กน้อยดูเหมือนพังครืนลงมา หลินชิงเวยจึงรู้คำตอบทันทีว่า“จากไปแล้ว” ต่อมาใบหน้าของเด็กน้อยปรากฏให้เห็นความเ็ปและความเคียดแค้นชิงชังหลินชิงเวยจึงกล่าวสืบไปว่า “นางคงถูกคนเ่าั้ตีจนตายกระมัง?”
เด็กน้อยเม้มริมฝีปากไม่เอ่ยวาจา
หลินชิงเวยจึงไม่สอบถามอันใดอีก นางหันกลับไปดูยาที่ต้มอยู่ในหม้อยาที่อยู่ในหม้อต้มกำลังเดือดพล่านได้ที่ นางใช้ตะเกียบคนยาในหม้อนั้นแล้วรินตัวยาที่ต้มเสร็จแล้วใส่ถ้วย
เด็กน้อยมองเงาร่างด้านหลังอันบอบบางของนาง ยามนี้สถานการณ์ของนางก็ไม่ได้ดีสักเท่าไรนักเด็กน้อยจึงปริปากว่า “พวกนางบอกว่าข้าเป็ลูกคนต่ำช้า” พูดแล้วก็ก้มหน้าลงต่ำ พยายามอย่างยิ่งที่จะบังคับให้น้ำตาที่เอ่อคลอนั้นไหลย้อนกลับไปนิ้วมือประสานกันแน่น เห็นได้อย่างชัดเจนว่าจิตใจของนางเต็มไปด้วยความสับสนและทุกข์ทรมานเด็กน้อยพูดงึมงำราวกับ้าบอกให้ตัวเองเชื่อว่า “แต่ข้าไม่ใช่”
หลินชิงเวยพูดทั้งที่ไม่ได้หันหน้ากลับมา “เ้าย่อมไม่ใช่แน่นอนคนต่ำช้านั้นต้องออกมาจากก้อนหิน ไม่มีบิดามารดา แต่เ้ามี เพียงแต่บิดามารดาของเ้าไม่อยู่แล้วเท่านั้นเอง”นางประคองถ้วยยาเดินเข้ามานั่งลงข้างกายเด็กน้อย พร้อมกับเป่ายาในถ้วยนั้นและกล่าวว่า“เ้าไม่ต้องกลัว ต่อไปข้าจะดูแลเ้าเอง”
“พวกนางไม่เพียงแต่จะตีข้าให้ตาย ยังจะตีท่านให้ตายด้วย...”เด็กน้อยเอ่ยเสียงเบา
หลินชิงเวยมีสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ทว่าคำพูดที่กล่าวออกมาเรียบๆนั้นกลับฟังดูไร้ข้อกังขาใดๆ “หากพวกนางกล้าก็มา เ้าดื่มยาก่อนเถิด”
หน้าต่างภายในเรือนปิดไว้เพียงครึ่งหนึ่ง ความมืดมิดของราตรีกาลนั้นค่อยๆคืบคลานเข้ามา ทว่ากลับถูกแสงเทียนสีนวลในห้องสกัดเอาไว้ด้านนอก
หลินชิงเวยมองเด็กน้อยค่อยๆ ดื่มยาในถ้วยนั้นดังอึกๆราวกับนางไม่รู้จักความขมของรสยา ดื่มราวกับเป็น้ำตาลเชื่อมอย่างไรอย่างนั้นดูไปแล้วช่างเป็เด็กที่เชื่อฟังน่ารักยิ่งยวดหางตาของหลินชิงเวยพลันเป็ประกายวาบขึ้นนางเงยหน้าไปดูนอกหน้าต่างด้วยดวงตาคมปลาบ
เด็กน้อยดื่มยาหมดแล้วจึงถามขึ้นว่า “มีอันใดหรือเ้าคะ?”
ข้างหน้าต่างไม่มีอะไรทั้งสิ้น หลินชิงเวยคลี่ยิ้มบางๆริมฝีปากยกยิ้มราวกับมีความหมายแอบแฝงในนั้น “ไม่มีอะไรข้าเพียงแต่รู้สึกเหมือนมีคนกำลังจ้องมองพวกเราอยู่”
ทันทีที่เด็กน้อยได้ยินเช่นนั้นก็เกิดอาการตื่นกลัวขึ้นมาทันที“พวกนางคงไม่...”
หลินชิงเวยกล่าว “วางใจเถิด หากมาถึงเรือนหลังนี้ได้ก็ไม่แน่ว่าจะกลับไปโดยที่พวกเขาไม่สูญเสียสิ่งใดหากเกิดเื่อะไรขึ้นยังคงต้องย้อนกลับมาหาข้าอยู่ดี”
น้ำเสียงของนางไม่ดังและไม่เบา ทว่ากลับดังพอที่จะให้คนนอกหน้าต่างได้ยินชัดเจน
หลินชิงเวยบีบจมูกของเด็กน้อย “เ้าชื่ออะไร?”
เด็กน้อยเงียบขรึม “ข้าไม่มีชื่อเ้าค่ะ”
นิ้วชี้ของหลินชิงเวยแตะอยู่ที่ปลายคางของตนเอง ครุ่นคิดครู่หนึ่ง“ไม่สู้เ้าชื่อ ซินหรู ดีหรือไม่ แล้วใช้สกุลเดียวกับข้า อืม หลินซินหรู”
เด็กน้อยมองหลินชิงเวยด้วยดวงตาที่ฉาบไปด้วยหยาดน้ำตา
หลินชิงเวยเลิกคิ้ว “หรือเ้าคิดว่าชื่อนี้ไม่ดี อยากเปลี่ยน?”การตั้งชื่อต้องใช้สติปัญญาเช่นกัน
เด็กน้อยส่ายหน้าแรงๆ “ไม่ ดี...ดีมาก ต่อไปข้าชื่อซินหรูเ้าค่ะ!”
หลินชิงเวยลูบศีรษะของนาง “อืม เด็กดี”
ต่อมาซินหรูจึงถามหลินชิงเวยด้วยความประหลาดใจว่า “พี่สาวเหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่ได้เ้าคะ?”