“แก๊ง!” เสียงของดาบดาบก้องกังวานออกมา!
ในชั่วขณะต่อมาก็มีเสียงดังหึ่งๆ บรรดาลูกศิษย์ที่เฝ้าชมอยู่รอบๆ รู้สึกได้ว่าดาบิญญาที่พวกเขาพกติดตัวเอาอยู่ๆ ก็ส่งเสียงออกมา แทบจะหลุดออกจากฝัก!
“เปรี้ยง!” ตามด้วยเสียงดังสนั่นกึกก้อง!
ปรากฏการณ์ที่ดาบทุกเล่มส่งเสียงก้องกังวานพร้อมกันเมื่อสักครู่ก็หยุดลงในทันที!
ม่านพลังแสงเงินสีเงินก็การสั่นไหวอย่างรุนแรง จากนั้นตัวเลขที่ทำให้ผู้ชมจำนวนมากต้องอ้าปากค้างก็ปรากฏขึ้น: แปดพันหกร้อยห้าสิบห้า
ตอนที่จ้าวหนีอิ่งปล่อยแสงดาบออกไป ผู้ชมเกือบเก้าส่วนในสนามก็ไม่ทันได้รู้ตัวเลย กว่าจะรู้ก็จบลงไปแล้ว! แต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นก็เป็ไปตามที่หม่าหัวอวิ๋นได้แอบส่งเสียงกระซิบเข้าหูนางเมื่อสักครู่นี้ นั่นก็คือการสร้างความตกตะลึงให้กับบรรดาผู้ชมทั่วทั้งลานกว้าง!
เมื่อเห็นตัวเลขสี่หลักที่แสดงออกมา! เหล่าลูกศิษย์สำนักชั้นนอกเกือบทั้งหมดต่างพากันอ้าปากค้าง มีหลายคนที่ไม่เชื่อสายตาตัวเองถึงขนาดต้องขยี้ตาเพื่อดูว่าตัวเองตาฝาดไปหรือไม่!
ร้ายกาจ! ทุกคนรู้ดีอยู่ว่าเด็กสาวคนนี้เป็อัจฉริยะ! แต่ก็ไม่คาดคิดว่านางจะเป็อัจฉริยะถึงเพียงนี้!
โดยทั่วไปนักยุทธ์ระดับเก้าที่ใช้วิชาต่อสู้จะสามารถปล่อยพลังออกมาได้ประมาณหนึ่งพันห้าร้อยจนถึงสองพันชั่ง แต่หลังจากที่เปิดเส้นลมปราณ กลายเป็ผู้ใช้พลังิญญาแล้ว ร่างกายจะได้รับการชำระล้างด้วยพลังิญญา ในขณะเดียวกันพลังปราณในกายก็จะถูกเปลี่ยนไปเป็พลังิญญา และเมื่อใช้วิชาิญญาพลังก็จะเพิ่มขึ้นเป็สองเท่า ซึ่งนั่นถือเป็เื่ปกติมาก แต่อัจฉริยะที่มีพร์สูงๆ อาจจะทำให้รุนแรงขึ้นอีกเกือบสองเท่าเลยทีเดียว!
ถึงแม้อัจฉริยะที่มีพร์ที่สูงที่สุดในอดีตจะทำได้ถึงสองเท่า พลังก็ยังอยู่ที่ประมาณหกพันกว่าๆ เท่านั้น แต่สำหรับจ้าวหนีอิ่งผลลัพธ์จากการฟันดาบเพียงครั้งเดียวกลับพุ่งสูงถึง แปดพันหกร้อยห้าสิบห้า ซึ่งเรียกได้ว่าแรงกว่าปกติถึงสามเท่าเลยทีเดียว!
ผลลัพธ์นี้ได้ทำลายสถิติของลูกศิษย์ใหม่ในสำนักดาบิญญาเมฆาในรอบหลายพันปีในทันที!
สุดยอด!
เหล่าคนใหญ่คนโตจำนวนมากต่างก็พากันพยักหน้าไปมา และดวงตาก็เป็ประกาย!
หม่าหัวอวิ๋นพอใจมากกับผลลัพธ์อันน่าใจากการฟันดาบนี้ของจ้าวหนีอิ่ง!
ตัวเลขค่อยๆ เลือนหายไป เมื่อม่านพลังแสงสว่างขึ้นอีกครั้ง หม่าหัวอวิ๋นก็โบกมือเรียกให้หยางลู่ขึ้นเวที!
ด้วยความที่จ้าวหนีอิ่งเป็ตัวอย่างที่ดีที่อยู่ตรงหน้า หยางลู่จึงใช้วิชาเรียกสัตว์อสูรกลืนิญญาออกมาทันที เมื่อปลายนกนางแอ่นสีเขียวมรกตที่อยู่ตรงปลายดาบหลอมสายรุ้งสะบัดปีกเบาๆ!
ลูกศิษย์สำนักชั้นนอกจำนวนมากที่อยู่รอบเวทีประลองรู้สึกได้ถึงความรู้สึกสยดสยองที่น่ากลัวจากก้นบึ้งของหัวใจโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าคนที่ยืนอยู่บนเวทีไม่ใช่หญิงสาวที่น่ารัก แต่เป็สัตว์อสูรที่ร้ายกาจแทน!
เซียวหลิงอวิ๋นหรี่ตาลงและบ่นพึมพำในใจ: หลังจากเปิดเส้นลมปราณิญญาแล้ว เด็กสาวที่ชื่อหนีอิ่งก็สามารถควบคุมเจตจำนงดาบได้อย่างแม่นยำซึ่งก็เป็เื่ที่แน่นอนอยู่แล้ว แต่นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าหยางลู่เองจะสามารถควบคุมวิชาเรียกสัตว์อสูรกลืนิญญาได้ดีเช่นกัน พร์ยอดเยี่ยม!
ข้างๆ เขา เสียงที่ไพเราะของฉินหรูเยียนดังขึ้น “เ้าใกับการพัฒนาขั้นสุดยอดของพวกนางอยู่หรือ? คิกๆ ในตอนที่เ้ากำลังหมกมุ่นอยู่กับการอ่านตำราบำเพ็ญเพียรและวิชาิญญาในหอวิชา พวกนางต่างก็ได้รับการฝึกฝนอย่างหนักภายใต้การดูแลของเหล่าผู้าุโในสำนัก ไม่ว่าจะเป็เจตจำนงดาบหรือวิชาเรียกสัตว์อสูรกลืนิญญา ทำให้พวกนางสามารถควบคุมพลังได้ในระดับหนึ่งแล้ว!”
เป็เช่นนี้เอง!
เซียวหลิงอวิ๋นก็ถึงบางอ้อในทันที จากนั้นก็ถามออกมา “ศิษย์พี่หญิง แล้วเสินเยาเยวี่ย อะแฮ่ม ผู้าุโเยาเยวี่ยได้ชี้แนะการฝึกวิชาของท่านบ้างหรือไม่?”
“ไม่ ท่านปู่ตี๋บอกว่าสถานการณ์ของข้าค่อนข้างพิเศษ ในเวลานี้จึงยังไม่ชี้แนะอะไร แต่ให้ข้าฝึกวิชาด้วยตัวเองไปก่อน แค่เพิ่มพูนพลังยุทธ์และทำความคุ้นชินกับพลังวิเศษก็พอ!”
ผู้าุโตี๋คนนี้ไม่เลวเลย มีสายตาที่เฉียบคมมาก!
“อื้ม ที่ท่านปู่...ผู้าุโตี๋กล่าวถูกต้องแล้ว! จะว่าไปในสำนักนี้มีการจับสัตว์อสูรมาไว้ในสำนักนี่นา จากนี้ไปศิษย์พี่หญิงต้องดื่มเืสัตว์อสูรระดับหนึ่งปริมาณหนึ่งแก้วทุกเช้า หรือไม่ก็ทานเนื้อสัตว์อสูรระดับหนึ่งยี่สิบชั่งทุกวันก็ได้!”
“เนื้อสัตว์อสูรยี่สิบชั่ง เยอะขนาดนั้นเชียวหรือ?”
“เยอะหรือ?” เซียวหลิงอวิ๋นมองไปที่หน้าท้องแบนราบของฉินหรูเยียนด้วยความสงสัย ถามด้วยความงุนงง “ไม่ใช่่นี้ปริมาณอาหารของศิษย์พี่หญิงเพิ่มขึ้นมากหรอกหรือ”
ฉินหรูเยียนที่มักจะเปิดเผยและตรงไปตรงมา แต่ก็ยังหน้าแดงเมื่อถูกเซียวหลิงอวิ๋นจ้องและถามคำถามนี้! นางกระแอมสองสามครั้งและหันหน้าหนีอย่างเ็า: “ไม่จริงสักหน่อย!”
แต่ในใจกลับะโก้องออกมา: เซียวหลิงอวิ๋น เ้ารู้ได้อย่างไรกัน ั้แ่ที่ข้าบรรลุชั้นมา ปริมาณอาหารก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ข้าไม่เคยบอกเื่นี้แม้แต่กับอิ่งเอ๋อเลยนะ!
ไม่หรือ เป็ไปได้อย่างไร
การที่สายเืกายหงส์เพลิงะถูกปลุกให้ตื่น ทั้งยังผ่านการหลอมกายด้วยเพลิงหงส์แล้ว เป็ไปได้อย่างไรที่ปริมาณอาหารจะไม่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เซียวหลิงอวิ๋นจ้องมองไปที่ใบหน้าอันงดงามของฉินหรูเยียนและจับตามองไปที่ดวงตาสีดำราวอัญมณีของนางที่กะพริบอยู่ มุมปากของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา! เด็กสาวที่ปกติเปิดเผยและตรงไปตรงมาเหมือนบุรุษเพศคนนี้ นึกไม่ถึงว่าจะมีท่าทีเหมือนสาวน้อยเพราะเื่ปริมาณอาหารที่มากขึ้นของนาง!
“เ้ายิ้มอะไร ไม่มีอะไรจริงเสียหน่อย!” ฉินหรูเยียนหน้าแดงอีกครั้งและพูดอย่างปากแข็ง
เซียวหลิงอวิ๋นยิ้ม “ก็ได้ๆ ไม่มีก็ไม่มี แต่หากยี่สิบชั่งกินไม่อิ่ม ก็กินสักสามสิบชั่ง จนกว่าจะเปิดขดพลังิญญาที่เจ็ดในกายได้ ถึงจะเปลี่ยนไปดื่มเืสัตว์อสูรระดับสอง เืของนกิญญาและสัตว์ิญญาที่เลี้ยงไว้ก็ใช้ได้เหมือนกัน!”
ฉินหรูเยียนหน้าแดงยิ่งขึ้นไปอีก ในขณะที่กำลังจะพูดอะไรออกไป!
“เปรี้ยง!” เสียงดังสนั่นกึกก้องดังขึ้นบนเวทีประลอง!
ด้วยพลังของนักยุทธ์ระดับเจ็ด หยางลู่ได้ะเิตัวเลขที่สร้างความใให้กับผู้ชมทั่วทั้งลานกว้างเช่นเดียวกัน: สามพันหกร้อยห้าสิบเก้า
ตัวเลขนี้ต่อให้เป็ผู้ใช้พลังิญญาก็นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว!
เมื่อเห็นตัวเลขนี้แม้แต่เซียวหลิงอวิ๋นเองก็ยังพูดไม่ออก!
พลังของวิชาเรียกสัตว์อสูรกลืนิญญานั้นสุดยอดมากจริงๆ!
แม้ในหัวมีวรยุทธ์และวิชาิญญาอยู่มากมาย แต่ด้วยเพราะระดับพลังยุทธ์ของร่างกายนี้ในปัจจุบัน ทำให้ไม่มีวิชาการต่อสู้ใดที่ใช้เรียกได้ว่าเป็ท่าไม้ตายได้เลย!
ไม่มีเจตจำนงดาบที่เฉียบคมเหมือนอย่างจ้าวหนีอิ่ง และไม่มีวิชาิญญาที่น่ากลัวเหมือนเช่นหยางลู่!
ดังนั้นเมื่อหม่าหัวอวิ๋นเรียกเซียวหลิงอวิ๋นขึ้นไป แม้ตัวเขาจะมีความสามารถที่น่าทึ่ง แต่เซียวหลิงอวิ๋นกลับรู้สึกอับอายเหมือนตัวเองจะหุงข้าวแต่ไม่มีข้าวสารจะหุง ไม่มีวรยุทธ์ดีๆ ที่จะใช้ และไม่มีท่าไม้ตายใดๆ ที่สามารถเทียบได้กับสองสาวงามก่อนหน้าเขาเลยด้วยระดับพลังยุทธ์ในปัจจุบัน!
เซียวหลิงอวิ๋นจึงยิ้มอย่างขมขื่น ก่อนที่จะขยับร่างกาย แล้ววิ่งออกไป ต่อยอย่างแรงไปที่ม่านพลังแสงสีเงินนั้น!
ม่านพลังแสงสั่นเล็กน้อย มีตัวเลขปรากฏขึ้นมา: สองพันสองร้อยสามสิบห้า
ด้วยตัวเลขที่ปรากฏขึ้นมานี้ ไม่เพียงแต่จะด้อยกว่าจ้าวหนีอิ่งมากเท่านั้น แม้แต่เทียบกับหยางลู่ก็ยังห่างชั้นกันมาก! ทำให้ผู้ชมโดยรอบจำนวนมากที่เดิมทีคาดหวังว่าจะได้เห็นปาฏิหาริย์อีกครั้งต้องพากันอ้าปากค้าง!
แม้แต่บรรดาผู้าุโสูงสุดก็ยังต้องหัวเราะเจื่อนๆ: เ้าเด็กคนนี้! ทำไมถึงทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดีแบบนี้ทุกครั้งเลยนะ!
“นี่หรือคืออัจฉริยะที่ปรากฏตัวขึ้นสักครั้งในสำนักิญญาเมฆาของเราในรอบหมื่นปี แย่กว่าเด็กสาวคนก่อนหน้าเสียอีก!”
“คนแบบนี้ก็เรียกว่าอัจฉริยะหมื่นปีได้แล้วหรือ ไม่ได้เก่งไปกว่านักยุทธ์ระดับเก้าของสำนักเราเลย!”
“นี่มันพวกอยากเด่นอยากดังชัดๆ!”
“พวกลวงโลก ชื่อเสียงจอมปลอม!”
มีทั้งเสียงประชดประชันและโห่ร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหลังจากนั้นก็มีคำว่า ‘หลอกลวง’ ดังเกรียวกราว!
“เงียบ!” หม่าหัวอวิ๋นะโเสียงเย็นะเื สะกดเสียงทั้งหมดให้เงียบลง “หลอกลวงอะไรกัน แสดงว่าสายตาของท่านเ้าสำนัก ผู้าุโสูงสุด และเหล่าผู้าุโของเราทุกคนแย่กว่าพวกเ้าอย่างนั้นหรือ เห็นพวกเราเป็คนตาบอดอย่างนั้นหรือ เซียวหลิงอวิ๋นเป็อัจฉริยะในรอบหมื่นปีที่พวกเรายอมรับ แต่เหตุใดเขาจึงแสดงออกมาได้แค่เพียงระดับนี้ ลองถามเ้าตัวเขาเอง หากพวกเ้าไม่พอใจ ก็สามารถขึ้นมาทดสอบพลังได้ในภายหลัง เพื่อขอรับสิทธิ์เข้าท้าชิงตำแหน่ง ขอเพียงสามารถเอาชนะเขาบนเวทีประลองได้ เก้าอี้ลูกศิษย์ก้นกุฏิของเซียวหลิงอวิ๋นก็จะตกเป็ของพวกเ้าทันที!”
“ดี ข้าจะต้องขึ้นไปแย่งสิทธิ์ในการท้าชิงมาให้ได้!”
“ข้าจะเอาชนะคนที่เรียกว่าอัจฉริยะในรอบหมื่นปีต่อหน้าผู้ชมทุกคนบนเวทีประลองนี้เอง และจะสิทธิ์ของลูกศิษย์ก้นกุฏิ!” แล้วบรรดาศิษย์ที่คิดว่าตัวเองมีความแข็งแกร่งมากพอพากันตื่นเต้นและเริ่มทุบอกชกลม
