คนที่อยู่ทั่วทั้งจัตุรัสเยียนหลงเงียบงัน
ทุกคนจ้องไปที่ทั้งสามคนบนแท่นเยียนซิน
คำพูดของหลัวเลี่ยนั้นเรียบง่ายมากแต่มันกลับปลุกความรู้สึกหนึ่งขึ้นมากในจิตใจของผู้คนและทำให้หลายคนที่ได้ยินรู้สึก “ขยะแขยง” พวกเขาไม่คิดว่าหลัวเลี่ยจะลงมือโดยไม่มีจุดประสงค์และคิดว่าหลัวเลี่ยจะต้องอยากเข้าร่วมกับตระกูลข่งมากแน่ๆ จึงทำเช่นนี้
จิตใจคนยากแท้หยั่งถึงและเราก็ไม่สามารถเข้าไปควบคุมจิตใจของคนอื่นได้
หลัวเลี่ยคิดแค่ว่าเขา้าทำในสิ่งที่เขาคิดว่าถูกต้องเท่านั้นและนั่นก็เพียงพอแล้ว
“ข่งเยวี่ยเจินก็แค่ประโยคหนึ่ง แต่เ้ากลับกล้าลงมือกับคนสองคนที่ไม่ได้คุกคามเ้าก่อนเพียงเพราะอยากเพิ่มความอบอุ่นเช่นนั้นหรือ” ไก้อู๋ซวงเอ่ยประโยคนี้ออกมาจนจบด้วยความยากลำบาก เปลือกตาของนางใกล้จะปิดลงแล้ว
นางไม่ได้เต็มใจ
ต่อให้นางตายไปก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
“เมื่อข้ามาถึงที่นี่ ข้าก็รู้สึกว่าความอบอุ่นของที่นี่มีน้อยมาก และต่อให้ข้าได้พบกับความอบอุ่นแล้วมันก็ยังคงมีความหนาวเย็นที่ชื่อว่าผลประโยชน์ปะปนเข้ามาด้วยเสมอ จริงๆ สำหรับข้าแล้ว ข้ายังคงหวงแหนเศษเสี้ยวของความอบอุ่นนั้น” หลัวเลี่ยคลายมือออก
ไก้อู๋ซวงที่เบิกตากว้างล้มลงอย่างช้าๆ
ตุบ!
ร่างของไก้อู๋ซวงล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นโดยที่ยังมีกระบี่เยวี่ยเจินคาอยู่ที่ระหว่างคิ้วของนาง นางไม่ได้ส่งเสียงอีกแล้ว
หลัวเลี่ยหลับตา เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและพูดเบาๆ ว่า “หลับให้สบายเถิด”
บริเวณโดยรอบยังคงเงียบสงัด
เมื่อทุกคนมองไปที่ไก้อู๋ซวงและเห็นว่าไม่มีการตอบสนองจากนางอีกต่อไป พวกเขาจึงหันไปหาหลัวเลี่ย
ชายหนุ่มคนนี้ที่ถูกทุกคนดูถูกดูแคลนและมั่นใจว่าเขาจะต้องตายแน่ๆ แต่เขากลับต่อสู้กลับได้ ไม่สิ พูดให้ถูกก็คือเขาแข็งแกร่งทรงพลังจนสามารถกำจัดไก้อู๋ซวงไปได้
เหลยเจิ้นจื่อพึมพำกับตัวเองว่า “แม้ว่าเ้าจะไม่ใช่วีรบุรุษแต่เ้าก็มีพลังที่ไร้เทียมทาน!”
หลายคนใกับประโยคนี้
ใครจะสามารถทำในสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่สนอันตรายและผลประโยชน์ที่ได้รับเช่นที่หลัวเลี่ยทำเพื่อความรู้สึกส่วนตัวนี้บ้าง
คนที่มีนิสัยเช่นนี้หาตัวจับได้ยากเพราะคงไม่มีใครทำแบบนี้อีกแล้ว
ไก้อู๋ซวงทำให้หลัวเลี่ยมั่นใจมากขึ้น เขาไม่ได้ทะนงตนแต่เขาก็คิดว่าใต้หล้านี้ไม่มีเทียบเขาได้อีกแล้ว
ชางจื่อเฟิงองค์ชายแห่งราชวงศ์ชางผู้ที่รังเกียจหลัวเลี่ยไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ออกมาแม้เขาอยากจะพูดว่าน่าขยะแขยงมากแค่ไหน เขายังคงใกับสิ่งที่หลัวเลี่ยทำเพื่อพวกพ้อง มันเป็สิ่งที่เขาผู้ซึ่งเติบโตมากับการแก่งแย่งชิงดีในราชวงศ์โหยหามาโดยตลอด
“ความอบอุ่นที่ผสานกับความหนาวเย็น”
หลิวหงเหยียนพึมพำกับตัวเองเบาๆ แล้วน้ำตาของนางก็ไหลออกมาเงียบๆ นางเสียใจจริงๆ
เสว่ยปิงหนิงพูดเบาๆ อย่างอ่อนโยนว่า “หงเหยียน เ้าไม่ต้องเป็แบบนี้ ไม่มีอะไรมาขว้างกั้นเ้ากับเขาตั้งนานแล้ว”
“ไม่!” หลิวหงเหยียนส่ายหัว “ตอนที่เขาเริ่มแสดงวรยุทธ์ที่ไม่ธรรมดาออกมา ข้าก็เริ่มคิดวิธีที่จะใช้เขาต่อสู้เพื่ออำนาจ” นางพูดอย่างเศร้าใจ “ข้าไม่มีวันลืมประโยคนั้นที่เขาพูดกับข้าก่อนออกจากแคว้นเป่ยสุ่ยว่า 'ในการต่อสู้เพื่ออำนาจ มิตรภาพนั้นเบาบางเหมือนกระดาษ' และมันก็บางมากจริงๆ บางจนข้าหนาวเหน็บ ั้แ่ข้าลืมตาขึ้นมาดูโลก ข้ามีชีวิตอยู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บจากผลประโยชน์และไม่เคยได้รับความอบอุ่นมาก่อน คงจะจริงที่คนเราจะรับรู้ถึงความเสียใจก็ต่อเมื่อสูญเสียมันไปแล้วเท่านั้น”
เสว่ยปิงหนิงกอดหลิวหงเหยียนอย่างอ่อนโยน นางเข้าใจความเ็ปของหลิวหงเหยียน สายตาของนางจับจ้องไปยังเด็กชายที่นางคิดถึง
และพวกนางก็เป็ที่จับตามองของคนๆ หนึ่งเช่นกัน
นั่นคือหลงเยียนหรัน
อย่างไรก็ตามเมื่อสายตาของหลงเยียนหรันที่จ้องหลิวหงเหยียนอยู่เห็นน้ำตาของนาง หลงเยียนหรันก็หันหน้าไปมองหลัวเลี่ยอีกครั้ง นางรู้สึกขัดใจ “หลัวเลี่ย เ้าเป็คนที่มีคุณธรรม ข้าไม่อยากฆ่าเ้า แต่ถ้าหลิวหงเหยียนทำลายเผ่าัของข้าเพราะเ้า ข้าก็จะไม่ปราณีอีกต่อไป”
และหญิงสาวสองคนที่ยังอยู่บนยอดต้นไม้ก็มีความคิดที่แตกต่างกัน
เย่เิหลงพูดถึงท่าทางที่หลัวเลี่ยแสดงออกมาว่า “พูดได้เลี่ยนมาก ไม่เหมือน 'ผู้มีัอยู่ในเป้า' เขาต่างหากที่เป็วีรบุรุษตัวจริงและเขาต้องไม่พูดอะไรมากมายไร้สาระแบบนี้ออกมาแน่ๆ”
จัวชิงหยิ๋งเม้มริมฝีปากและยิ้ม “เ้าอิจฉา”
เย่เิหลงมองไปที่รอยยิ้มของจัวชิงหยิ๋งด้วยความประหลาดใจ นางใมาก “เ้ายิ้มแล้ว”
ท่าทางของผู้คนโดยรอบที่ตกตะลึงกับหลัวเลี่ยทำให้เกาอวิ๋นเหลิ่งรับไม่ได้
เขาเกาอวิ๋นเหลิ่งคนนี้เป็เยาวชนที่มีชื่อเสียงที่สุดในตอนนี้และยังเป็เยาวชนที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักอูอวิ๋นเซียน นอกจากนี้เขายังเป็ที่รู้จักในนามผู้ที่คาดว่าจะขึ้นเป็บรรพชนในอนาคต
มาจนถึงตอนนี้ที่เขาทุ่มเทช่วยไก้อู๋ซวงอย่างเต็มที่แล้ว แต่นอกจากเขาจะช่วยไก้อู๋ซวงเอาไว้ไม่ได้ เขายังทำให้หลัวเลี่ยาเ็ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และยังทำให้หลัวเลี่ยกลายเป็จุดสนใจ ได้รับคำชม และการยกย่อง ส่วนเขาก็กลายเป็เพียงตัวประกอบของหลัวเลี่ย เื่นี้ทำให้เขาโกรธมาก
“หลับให้สบาย? ข้าไม่คิดว่าข่งเยวี่ยเจินจะหลับสบายได้” น้ำเสียงที่เ็าของเกาอวิ๋นเหลิ่งดังขึ้น “ในเมื่อคนที่ล้างแค้นให้นางกำลังจะตาย”
ชิ้ง!
ดาบล้ำค่าที่เสียบเข้าที่ไหล่ซ้ายของหลัวเลี่ยสั่นอย่างรุนแรง พลังงานที่ไหลเวียนอยู่ในดาบเริ่มทำงานโดยมีจุดประสงค์คือเพื่อสังหารหลัวเลี่ย
“ในความคิดของข้า เ้ายังสู้ไก้อู๋ซวงไม่ได้เลย จริงๆ นะ ข้าไม่โกหกเ้า”
หลัวเลี่ยก็แค่ก้าวผิดไปหนึ่งครั้งจนทำให้ดาบวิเศษปักเข้าที่ไหล่ของเขาตอนที่เขาเอียงตัวได้
แม้ว่าดาบเล่มนี้จะเป็าวุธวิเศษ แต่ก็มีความคมมาก มันสามารถแทงเข้าที่เนื้อของหลัวเลี่ยได้ แต่หากมันแทงเข้าที่กระดูกของเขานั่นก็เป็อีกเื่หนึ่ง
จริงๆ แล้วหลังจากที่หลัวเลี่ยฝึกฝนเคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์ ร่างของเขาอาจจะไม่ถึงขั้นทนต่อสมบัติวิเศษแต่ก็สามารถต้านทานมันได้เล็กน้อย
เช่นกระดูกทั้งหมดในร่างกายของเขา
กล่าวคือิั กล้ามเนื้อ เส้นเื และอวัยวะภายในนั้นมีคุณสมบัติที่ด้อยกว่ากระดูก
กระดูกของเขาแข็งแกร่งมากจนน่ากลัว
แน่นอนว่าการโจมตีนี้ทำให้หลัวเลี่ยเ็ปมาก แต่หลัวเลี่ยก็เพิกเฉยกับมัน เขาอาศัยความแข็งแกร่งของกระดูกบิดดาบออกมา
หลัวเลี่ยใช้โอกาสนี้ชกหมัดออกไป
บูม!
เขาชกไปที่ตัวดาบโดยตรง
ตึง!
ดาบวิเศษสั่นอย่างรุนแรงและพลังที่อยู่ภายในก็พุ่งกระจายเข้ามาจนทำให้เกาอวิ๋นเหลิ่งต้องปล่อยมือจากดาบ ในขณะเดียวกันกับที่หลัวเลี่ยยกเท้าขึ้นเตะหน้าอกของเกาอวิ๋นเหลิ่ง
ในเมื่อตำแหน่งที่ดาบปักอยู่ทำให้หลัวเลี่ยใช้มือไม่ได้ เช่นนั้นเขาก็ใช้เท้าเตะคนแทน การเคลื่อนไหวนี้มีความต่อเนื่องกันมากจนทำให้เกาอวิ๋นเหลิ่งไม่มีเวลาตอบโต้ได้ เกาอวิ๋นเหลิ่งไม่มีทางเลือกนอกจากต้องถอยหลังออกมาเพื่อเลี่ยงการเตะนี้
หลัวเลี่ยยื่นมือขวาออกไปจับดาบที่ติดอยู่บนไหล่ของเขา จากนั้นเขาก็ดึงมันออกมาและวาดดาบ
เกาอวิ๋นเหลิ่งถูกสถานการณ์บังคับให้ลอยออกจากแท่นเหยียนซินอีกครั้ง
ตอนนี้ภาพของหลัวเลี่ยที่ยืนอยู่บนแท่นเหยียนซินเพียงคนเดียวโดยมีเืและร่างของไก้อู๋ซวงอยู่ใต้เท้าได้ตราตรึงอยู่ในใจของทุกคนที่มองอยู่
มิตรภาพ ความดุดัน และลูกผู้ชายตัวจริง!
หึ!
หลัวเลี่ยขว้างดาบในมือไปทางแท่นเหยียนซิน จากนั้นเขาก็หยิบยาออกมารักษาาแโดยไม่สนใจเกาอวิ๋นเหลิ่งอีก
เกาอวิ๋นเหลิ่งรับไม่ได้ที่ถูกเมิน เห็นได้ชัดว่าต่อให้มีดาบปักอยู่หลัวเลี่ยก็สามารถทำให้เขาตอบโต้ไม่ได้ นี่เหมือนกับเป็การบอกว่าถ้าไม่ได้จะต้องฆ่าไก้อู๋ซวง เขาคงไม่มีโอกาสทำร้ายหลัวเลี่ยได้ด้วยซ้ำ สิ่งนี้ทำให้เกาอวิ๋นเหลิ่งรู้สึกราวกับถูกตบหน้า
“เ้าดูถูกข้า”
“ข้าไม่เคยโดรดูิ่ถึงขนาดนี้มากก่อนในชีวิต”
“ข้าจะทำให้เ้าได้ลิ้มรสสิ่งที่มีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนได้ วิชาลับขั้นสูงที่บรรพชนอูอวิ๋นเซียนเปิดให้ข้าฝึกเพียงผู้เดียว!”
เกาอวิ๋นเหลิ่งเหวี่ยงแขนของเขาลงอย่างรุนแรง
ทันใดนั้นเขาก็กลายร่างเป็ดาบศักดิ์สิทธิ์แล้วทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า