เซี่ยเสี่ยวหลานกวาดสินค้ามาได้จำนวนสองกระเป๋าใหญ่
ไป๋เจินจูมีแรงกายที่เหลือล้น ช่วยเธอแบกของมาจนถึงบ้านพักรับรองวันแรกของเซี่ยเสี่ยวหลานกับการรับซื้อสินค้าดูเหมือนทั้งหมดคือเสื้อไหมพรมและกางเกงส่วนเสื้อคลุมนั้นเธอไม่กล้ารับมากเกินไป เสื้อคลุมที่คุณภาพดีมีราคาที่สูงฤดูหนาวของมณฑลอวี้หนานหนาวเย็นกว่าหยางเฉิง ดังนั้นเสื้อคลุมตัวบางจึงไม่มีประโยชน์เซี่ยเสี่ยวหลานเตรียมการไว้ว่ารอบหน้าค่อยรับเสื้อนอกตัวหนา
เธอนำเงินมา 900 หยวนครั้งเดียวก็จ่ายไปแล้ว 500 กว่า
หักค่ารถไปกลับ รวมทั้งอาหารและที่อยู่ เงินที่เธอสามารถใช้ได้มีอยู่ไม่เกิน 300 หยวน ส่วนเงินที่เหลือ เซี่ยเสี่ยวหลานตั้งใจซื้อเสื้อคลุมขนสัตว์คุณภาพดีกว่าเล็กน้อยอีกสักสองตัวแม้ต้นทุนจะสูง แต่เสื้อผ้าทุกตัวที่ขายออกไปได้กำไรมากเช่นกัน
เซี่ยเสี่ยวหลานจะเลี้ยงอาหารไป๋เจินจู เดิมหญิงสาวผู้นี้ไม่เห็นด้วยทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานยืนกรานที่จะเลี้ยง ไป๋เจินจูจึงรับประทานหมี่น้ำราคาถูกตอนกลางคืนเธอจะพักห้องเดียวกับเซี่ยเสี่ยวหลาน เลยอธิบายให้ชัดเจนขึ้นสักสองสามประโยค
“ตอนกลางคืนของหยางเฉิงนั้นวุ่นวายทีเดียว ถ้าคุณรู้สึกว่าไม่สะดวกที่จะพักร่วมกับคนอื่นฉันจะไปนอนห้องข้างๆ แทน”
ก่อนโจวเฉิงมาถึง ไป๋เจินจูต้องอยู่เคียงข้างเซี่ยเสี่ยวหลาน
เซี่ยเสี่ยวหลานจะไล่คนไปได้อย่างไร “พี่ไป๋ พี่อยู่คุยเป็เพื่อนฉันที่นี่ดีแล้ว”
หลังจากเดินชมแผงลอยขายส่ง เซี่ยเสี่ยวหลานเหนื่อยล้าไม่น้อย สภาพของบ้านพักนั้นไม่ถือว่าเลวร้ายเพียงสามารถอาบน้ำร้อนได้ เซี่ยเสี่ยวหลานก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างมากแล้ว เธอสงสัยว่าไป๋เจินจูรู้จักโจวเฉิงได้อย่างไรผลคือก่อนหน้านี้ไป๋เจินจูไม่แม้แต่เคยได้ยินชื่อ ‘โจวเฉิง’ มาก่อน
“พี่ชายฉันวานให้ฉันมารับคุณ ทั้งยังต้องดูแลคุณให้ดีๆ ดังนั้นฉันจึงมา”
ตระกูลของไป๋เจินจูเปิดศูนย์ศิลปะการต่อสู้ พี่ชายของเธอเข้าร่วมกองทัพที่อยู่ทางเหนือในบ้านมีเพียงเธอคนเดียวที่คอยประคับประคองครอบครัวปัจจุบันคนร่วมชาติไม่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้และหันมานิยมชี่กง [1] ไป๋เจินจูไม่มีช่องทางหาเลี้ยงชีพ จึงเปลี่ยนอาชีพเป็ค้าขายผลไม้
เธอไม่ดูแคลนธุรกิจอิสระแม้แต่น้อย เพราะเธอก็ทำงานแบบนี้เช่นกัน
“พี่ไป๋ พี่สุดยอดจริงๆ !”
ไป๋เจินจูรู้สึกว่าไม่ใช่เื่ใหญ่โต “ใครมีปัญหากับฉันฉันก็จะต่อยพวกเขา หมัดใครแข็งกว่า คนนั้นก็มีเหตุผล”
เซี่ยเสี่ยวหลานจะค้าขายเสื้อผ้า ไป๋เจินจูรู้ตัวดีว่าช่วยเหลืออะไรได้ไม่มากหากเซี่ยเสี่ยวหลานยอมขายผลไม้ ไป๋เจินจูก็กล้าบอกแหล่งสินค้าราคาถูกที่สุดไป๋เจินจูไม่ได้ผ่านการเกิดใหม่ เธอคือหญิงสาวผู้เกิดและเติบโตในหยางเฉิงค่านิยมของหยางเฉิงเปิดกว้างกว่าอวี้หนาน คนที่ทำธุรกิจอิสระเหมือนไป๋เจินจูจึงมีอยู่มากมายเหลือล้น
เงินทองในยุค 80 ช่างหาได้ง่ายดายนัก ขอเพียงไม่ถูกหลอกลวงมั่นคงตั้งใจ และมีความคิดอีกนิดหน่อย ย่อมไม่มีทางขาดทุนแน่นอน
ทว่าต่อให้ธุรกิจผลไม้ของไป๋เจินจูจะเฟื่องฟูสักเท่าไรสิ่งที่ทำให้เธอภาคภูมิใจยังคงเป็พี่ชายผู้เข้าร่วมกองทัพของเธอ “เลื่อนขั้นแล้ว ค่อยหาพี่สะใภ้ให้ฉันสักคนชาตินี้พี่ชายฉันยังบกพร่องอะไรอีก? ฉันก็แค่ขยันหาเงินรอเวลาที่พี่ชายฉันจะแต่งงาน ไม่ยอมให้ครอบครัวว่าที่พี่สะใภ้ปรามาสได้!”
ยอมแล้ว เธอก็เป็เพียงหญิงสาวประเภทอุทิศตนคนหนึ่งล่ะนะ
ด้วยขีดจำกัดของยุคสมัยทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานไร้ความสามารถในการอธิบายความคิดเห็นของเซี่ยเสี่ยวหลานคือคนเราต้องใช้ชีวิตเพื่อตนเองเป็อันดับแรก แต่ไป๋เจินจูรู้สึกว่าการอุทิศตัวเพื่อพี่ชายมีความสุขกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีความตั้งใจไปแก้ไขความคิดของเธอ ทั้งสองคนสนทนากัน จากนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานค่อยๆเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝัน
วันต่อมายังเป็ไป๋เจินจูที่คอยติดตาม เซี่ยเสี่ยวหลานตะลอนไปยังตลาดค้าส่งหลายๆแห่งในหยางเฉิงจนครบ
สินค้าดีสวยงามละลานตา สิ่งที่ทำกำไรมากกว่าเสื้อผ้าคือเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กอย่างนาฬิกาข้อมือ เครื่องคิดเลข และเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่อย่างเครื่องเล่นวิทยุโทรทัศน์ สิ่งของที่นึกได้ล้วนพบได้ที่หยางเฉิง ทั้งข้อจำกัดการใช้ตั๋วซื้อสินค้าแทบไม่พบในหยางเฉิงแล้วตลาดของที่นี่คับคั่งไปด้วย ‘สินค้าทางน้ำ’ หลากหลายชนิด ทุกวันจะมีเรือขนส่งสินค้าจากฮ่องกงลอบขนสินค้าเข้ามา แม้ศุลกากรจะสามารถจับและยึดไว้เป็จำนวนใหญ่ทว่ายังคงมีปลาที่หลุดลอดแหไปได้
ถ้ามีเส้นสายก็สามารถซื้อสินค้าต่างๆ จากคลังของจุดตรวจสอบศุลกากรได้ในราคาย่อมเยา
สินค้าเถื่อนที่ถูกอายัดจะไม่โดนทำลาย แต่จะจัดการมอบให้ผู้ร่วมผลประโยชน์ในราคาถูกสินค้าพวกนาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์ล้วนขายเลหลังเป็ลัง เครื่องซักผ้า โทรทัศน์ตู้เย็นก็ไม่น้อยหน้า หากเงินหนาอีกสักหน่อยถึงขั้นสามารถซื้อรถยนต์หนีภาษีที่ถูกยึดไว้ได้ด้วย
เซี่ยเสี่ยวหลานอาจหาญมากพอ สิ่งของที่คนอื่นกล้าขายเธอก็กล้าเช่นกัน
แต่เธอขาดต้นทุนน่ะสิ!
มองหยางเฉิงที่มีโอกาสทางธุรกิจอยู่ทุกหนทุกแห่งหยางเฉิงที่รุ่งเรืองและเปิดกว้างมากกว่าเมืองซางตูเซี่ยเสี่ยวหลานได้แต่เสียใจอย่างสุดซึ้ง
เธอไม่้าอยู่ที่หยางเฉิงแล้ว สินค้าได้เลือกสรรเรียบร้อย ทุกคืนของบ้านพักรับรองคือเงินเพียงเพื่อพบหน้าโจวเฉิงที่หยางเฉิง? เธอกลับไปรอโจวเฉิงที่เขตอันชิ่งได้ด้วยซ้ำ
น่าเสียดายที่ในเวลานี้ยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ แม้แต่ ‘ลูกพี่ใหญ่ [2]’ ก็ยังไม่มีเพจเจอร์เพิ่งกำเนิดในเซี่ยงไฮ้ โทรศัพท์บ้านเป็อุปกรณ์สื่อสารที่รวดเร็วที่สุดรองลงมาก็คือโทรเลข ไม่ว่าเป็รูปแบบไหน อีกฝ่ายหนึ่งต้องไม่โยกย้ายตนเอง
ใครกันจะรู้ว่าโจวเฉิงเดินทางถึงที่ไหนแล้ว?
โจวเฉิงเจอปัญหาเล็กน้อย
รถของเขาและคังเหว่ยโดนคนขวางเข้า โจวเฉิงลั่นไกปืนโดยไร้ซึ่งความลังเลทำให้ทั้งสองได้รับโอกาสมีชีวิตรอดต่อไป หลังจากนั้นเขารับใครคนหนึ่งที่คุ้นเคยจากข้างทางลูกตาของคังเหว่ยแทบหลุดออกจากเบ้า
“นี่ไม่ใช่ลุงของพี่สะใภ้หรือ?”
เสื้อผ้าบนร่างกายของหลิวหย่งชุ่มโชกไปด้วยเื
ส่วนมากเป็เืของคนอื่น และส่วนน้อยคือเืของเขาเห็นแล้วน่ากลัวยิ่งนัก ด้านหลังโดนคนฟันเป็แผลฉกรรจ์ มีเืไหลเป็ทางโจวเฉิงเรียกคนมาทำแผลให้หลิวหย่ง หลิวหย่งมีไข้สูงไม่ลดลงเลย เขาและคังเหว่ยจะทิ้งคนไว้ที่โรงพยาบาลกลางคันได้อย่างไร?
หลิวหย่งน่าจะถูกคนกลุ่มเดียวกับที่้าปล้นเขาและคังเหว่ยทำร้ายจนมีสภาพเช่นนี้เซี่ยเสี่ยวหลานเคยบอกว่าลุงของเธอออกไปทำงานก่อสร้างแล้วเดินทางจากเขตอันชิ่งถึงพื้นที่ของเซี่ยงไฮ้เพื่อทำงานก่อสร้างงั้นหรือ? โจวเฉิงไม่มีวิธีอื่นจึงทำได้เพียงติดต่อคนอีกครั้ง เขาได้โทรศัพท์ไปยังบ้านพักรับรองที่หยางเฉิง
“เสี่ยวหลาน ครั้งนี้ฉันไปหยางเฉิงไม่ได้แล้ว เธอกลับอันชิ่งไปคนเดียวก่อนนะตอนขากลับฉันจะไปพบเธอ”
“ได้เลย!”
ภรรยาในอนาคตผู้ใจร้ายคนนั้นของเขาวางโทรศัพท์ด้วยความกระปรี้กระเปร่าเหลือเกิน!
โจวเฉิงร้องไห้ไม่ออกหัวเราะก็ไม่ได้
ทว่านี่เป็โชคดีของเขา ยังบอกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ถูกลิขิตมาเพื่อเป็ภรรยาของเขาได้หรือ? แม้หลิวหย่งเป็เพียงลุงแต่สถานะในใจของเซี่ยเสี่ยวหลานสำคัญกว่าเซี่ยต้าจวินเสียอีก โจวเฉิงช่วยหลิวหย่งมิใช่เป็การช่วยชีวิต ‘พ่อตา’ หรือ?!
“คุณลุงครับ คุณนี่จริงๆ เลย...”
คังเหว่ยรู้สึกว่ารอยยิ้มของพี่เฉิงจื่อน่าหวาดกลัวมาก พังพอนที่ขโมยไก่สำเร็จก็ทำได้แค่นี้
ขณะพักฟื้นบนเตียงในโรงพยาบาล หลิวหย่งร่างกายกระสับกระส่ายอยู่ในสภาวะหลับไหล
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รับรู้ถึงสถานการณ์ของทางด้านโจวเฉิงแม้แต่น้อย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนกำลังทำตัวเป็ผู้กตัญญูแทนเธออยู่
ข้าวหนึ่งเซิงเป็บุญคุณข้าวหนึ่งโต่วคือความแค้น [3] หากบุญคุณเกินเลยข้าวหนึ่งโต่วไปไกล ไม่กลายเป็ศัตรูคู่อาฆาตไปจนตายก็ทำได้เพียงเกี่ยวดองเป็ครอบครัวเดียวกัน ไป๋เจินจูทุ่มเทกายใจส่งเซี่ยเสี่ยวหลานขึ้นรถ เซี่ยเสี่ยวหลานแบกเสื้อผ้าสามกระเป๋าใหญ่นั่งรถไฟกลับซางตูอีกครั้ง
เสื้อผ้าสตรีสามกระเป๋าได้กักเงินต้นทุนทั้งหมดของเธอในตอนนี้แล้วยังมีเงินที่หลี่เฟิ่งเหมยให้ยืมอีกจำนวน 300 หยวนถ้าสินค้าเกิดสูญหายขึ้น เซี่ยเสี่ยวหลานต้องกลับไปอยู่สภาพเดิมเป็แน่
เซี่ยเสี่ยวหลานเดินทางไปหยางเฉิงครั้งนี้ เวลาส่วนใหญ่เสียไปกับการนั่งรถไฟ
อีกด้านหนึ่ง เซี่ยหงเซี๋ยจดจ้องประตูโรงเรียนทุกวันโดยไม่ให้คลาดสายตาในที่สุดเธอก็รอจนได้พบเฉินชิ่ง
เฉินชิ่งไม่ได้กลับบ้านเป็เวลาสองสัปดาห์แล้วเมื่อไม่กี่วันก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานมาโรงเรียน และได้มอบเนื้อหาวิชาภาษาอังกฤษที่สรุปเองกับเขาเฉินชิ่งทำตามวิธีการเรียนรู้ของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่อาจบอกว่าก้าวหน้าพันลี้ในหนึ่งวัน แต่ก็พอเข้าใจขึ้นมาบ้าง
เฉินชิ่งชื่นมื่นหาสิ่งใดเปรียบ สุดท้ายตัดสินใจว่าสัปดาห์นี้จะกลับบ้านหาโอกาสขอคำแนะนำจากเซี่ยเสี่ยวหลาน
ทว่าพอออกจากประตูโรงเรียน เขาก็ถูกเซี่ยหงเซี๋ยไล่ตามจับไว้
“เธอคือคนรักของเซี่ยเสี่ยวหลานใช่หรือไม่?”
เฉินชิ่งหูร้อนจัด เซี่ยหงเซี๋ยเห็นท่าทางของเขาก็รู้ว่าตนเองคิดไว้ไม่ผิด
เซี่ยหงเซี๋ยราวกับนายพรานที่ล่าสัตว์ได้สำเร็จพยายามกลั้นความภูมิใจของตนไว้อย่างถึงที่สุด
“...ฉันมีเื่ของเซี่ยเสี่ยวหลานจะบอกเธอ”
เชิงอรรถ
[1]气功 ชี่กง คือ การฝึกออกกำลังกายชนิดหนึ่งโดยให้ความสำคัญกับ ‘ชี่’ หรือลมปราณในร่างกาย
[2]大哥大 ลูกพี่ใหญ่ หมายถึง โทรศัพท์พกพาที่มีลักษณะคล้ายกระบอกเดิมคำนี้เอาไว้เรียกหัวหน้าใหญ่สูงสุดของกลุ่มใต้ดินบ้างว่ามีที่มาจากภาพยนตร์ฮ่องกง ซึ่งพวกลูกพี่ใหญ่มักจะใช้โทรศัพท์รูปแบบนี้
[3]升米恩斗米仇 ข้าวหนึ่งเซิงเป็บุญคุณข้าวหนึ่งโต่วคือความแค้น หมายถึงเมื่อยื่นมือให้ความช่วยเหลือคนที่กำลังเดือดร้อนแม้เป็เพียงการช่วยเล็กน้อยแต่ก็ทำให้อีกฝ่ายซาบซึ้งในบุญคุณทว่าพอช่วยมากครั้งเข้า จนในที่สุดอาจช่วยไม่ไหวหรือหยุดช่วย อีกฝ่ายกลับรู้สึกโกรธเคืองถึงขั้นคับแค้นใจ(เซิง 升 / โต่ว 斗 เป็หน่วยชั่งข้าว โดยเซิงเป็หนึ่งในสิบส่วนของโต่ว)
