เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 (แปลจบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เซี่ยเสี่ยวหลานกวาดสินค้ามาได้จำนวนสองกระเป๋าใหญ่

        ไป๋เจินจูมีแรงกายที่เหลือล้น ช่วยเธอแบกของมาจนถึงบ้านพักรับรองวันแรกของเซี่ยเสี่ยวหลานกับการรับซื้อสินค้าดูเหมือนทั้งหมดคือเสื้อไหมพรมและกางเกงส่วนเสื้อคลุมนั้นเธอไม่กล้ารับมากเกินไป เสื้อคลุมที่คุณภาพดีมีราคาที่สูงฤดูหนาวของมณฑลอวี้หนานหนาวเย็นกว่าหยางเฉิง ดังนั้นเสื้อคลุมตัวบางจึงไม่มีประโยชน์เซี่ยเสี่ยวหลานเตรียมการไว้ว่ารอบหน้าค่อยรับเสื้อนอกตัวหนา

        เธอนำเงินมา 900 หยวนครั้งเดียวก็จ่ายไปแล้ว 500 กว่า

        หักค่ารถไปกลับ รวมทั้งอาหารและที่อยู่ เงินที่เธอสามารถใช้ได้มีอยู่ไม่เกิน 300 หยวน ส่วนเงินที่เหลือ เซี่ยเสี่ยวหลานตั้งใจซื้อเสื้อคลุมขนสัตว์คุณภาพดีกว่าเล็กน้อยอีกสักสองตัวแม้ต้นทุนจะสูง แต่เสื้อผ้าทุกตัวที่ขายออกไปได้กำไรมากเช่นกัน

        เซี่ยเสี่ยวหลานจะเลี้ยงอาหารไป๋เจินจู เดิมหญิงสาวผู้นี้ไม่เห็นด้วยทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานยืนกรานที่จะเลี้ยง ไป๋เจินจูจึงรับประทานหมี่น้ำราคาถูกตอนกลางคืนเธอจะพักห้องเดียวกับเซี่ยเสี่ยวหลาน เลยอธิบายให้ชัดเจนขึ้นสักสองสามประโยค

        “ตอนกลางคืนของหยางเฉิงนั้นวุ่นวายทีเดียว ถ้าคุณรู้สึกว่าไม่สะดวกที่จะพักร่วมกับคนอื่นฉันจะไปนอนห้องข้างๆ แทน”

        ก่อนโจวเฉิงมาถึง ไป๋เจินจูต้องอยู่เคียงข้างเซี่ยเสี่ยวหลาน

        เซี่ยเสี่ยวหลานจะไล่คนไปได้อย่างไร “พี่ไป๋ พี่อยู่คุยเป็๞เพื่อนฉันที่นี่ดีแล้ว”

        หลังจากเดินชมแผงลอยขายส่ง เซี่ยเสี่ยวหลานเหนื่อยล้าไม่น้อย สภาพของบ้านพักนั้นไม่ถือว่าเลวร้ายเพียงสามารถอาบน้ำร้อนได้ เซี่ยเสี่ยวหลานก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างมากแล้ว เธอสงสัยว่าไป๋เจินจูรู้จักโจวเฉิงได้อย่างไรผลคือก่อนหน้านี้ไป๋เจินจูไม่แม้แต่เคยได้ยินชื่อ ‘โจวเฉิง’ มาก่อน

        “พี่ชายฉันวานให้ฉันมารับคุณ ทั้งยังต้องดูแลคุณให้ดีๆ ดังนั้นฉันจึงมา”

        ตระกูลของไป๋เจินจูเปิดศูนย์ศิลปะการต่อสู้ พี่ชายของเธอเข้าร่วมกองทัพที่อยู่ทางเหนือในบ้านมีเพียงเธอคนเดียวที่คอยประคับประคองครอบครัวปัจจุบันคนร่วมชาติไม่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้และหันมานิยมชี่กง [1] ไป๋เจินจูไม่มีช่องทางหาเลี้ยงชีพ จึงเปลี่ยนอาชีพเป็๲ค้าขายผลไม้

        เธอไม่ดูแคลนธุรกิจอิสระแม้แต่น้อย เพราะเธอก็ทำงานแบบนี้เช่นกัน

        “พี่ไป๋ พี่สุดยอดจริงๆ !”

        ไป๋เจินจูรู้สึกว่าไม่ใช่เ๹ื่๪๫ใหญ่โต “ใครมีปัญหากับฉันฉันก็จะต่อยพวกเขา หมัดใครแข็งกว่า คนนั้นก็มีเหตุผล”

        เซี่ยเสี่ยวหลานจะค้าขายเสื้อผ้า ไป๋เจินจูรู้ตัวดีว่าช่วยเหลืออะไรได้ไม่มากหากเซี่ยเสี่ยวหลานยอมขายผลไม้ ไป๋เจินจูก็กล้าบอกแหล่งสินค้าราคาถูกที่สุดไป๋เจินจูไม่ได้ผ่านการเกิดใหม่ เธอคือหญิงสาวผู้เกิดและเติบโตในหยางเฉิงค่านิยมของหยางเฉิงเปิดกว้างกว่าอวี้หนาน คนที่ทำธุรกิจอิสระเหมือนไป๋เจินจูจึงมีอยู่มากมายเหลือล้น

        เงินทองในยุค 80 ช่างหาได้ง่ายดายนัก ขอเพียงไม่ถูกหลอกลวงมั่นคงตั้งใจ และมีความคิดอีกนิดหน่อย ย่อมไม่มีทางขาดทุนแน่นอน

        ทว่าต่อให้ธุรกิจผลไม้ของไป๋เจินจูจะเฟื่องฟูสักเท่าไรสิ่งที่ทำให้เธอภาคภูมิใจยังคงเป็๲พี่ชายผู้เข้าร่วมกองทัพของเธอ “เลื่อนขั้นแล้ว ค่อยหาพี่สะใภ้ให้ฉันสักคนชาตินี้พี่ชายฉันยังบกพร่องอะไรอีก? ฉันก็แค่ขยันหาเงินรอเวลาที่พี่ชายฉันจะแต่งงาน ไม่ยอมให้ครอบครัวว่าที่พี่สะใภ้ปรามาสได้!”

        ยอมแล้ว เธอก็เป็๞เพียงหญิงสาวประเภทอุทิศตนคนหนึ่งล่ะนะ

 

        ด้วยขีดจำกัดของยุคสมัยทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานไร้ความสามารถในการอธิบายความคิดเห็นของเซี่ยเสี่ยวหลานคือคนเราต้องใช้ชีวิตเพื่อตนเองเป็๞อันดับแรก แต่ไป๋เจินจูรู้สึกว่าการอุทิศตัวเพื่อพี่ชายมีความสุขกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีความตั้งใจไปแก้ไขความคิดของเธอ ทั้งสองคนสนทนากัน จากนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานค่อยๆเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝัน

        วันต่อมายังเป็๲ไป๋เจินจูที่คอยติดตาม เซี่ยเสี่ยวหลานตะลอนไปยังตลาดค้าส่งหลายๆแห่งในหยางเฉิงจนครบ

        สินค้าดีสวยงามละลานตา สิ่งที่ทำกำไรมากกว่าเสื้อผ้าคือเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กอย่างนาฬิกาข้อมือ เครื่องคิดเลข และเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่อย่างเครื่องเล่นวิทยุโทรทัศน์ สิ่งของที่นึกได้ล้วนพบได้ที่หยางเฉิง ทั้งข้อจำกัดการใช้ตั๋วซื้อสินค้าแทบไม่พบในหยางเฉิงแล้วตลาดของที่นี่คับคั่งไปด้วย ‘สินค้าทางน้ำ’ หลากหลายชนิด ทุกวันจะมีเรือขนส่งสินค้าจากฮ่องกงลอบขนสินค้าเข้ามา แม้ศุลกากรจะสามารถจับและยึดไว้เป็๞จำนวนใหญ่ทว่ายังคงมีปลาที่หลุดลอดแหไปได้

        ถ้ามีเส้นสายก็สามารถซื้อสินค้าต่างๆ จากคลังของจุดตรวจสอบศุลกากรได้ในราคาย่อมเยา

        สินค้าเถื่อนที่ถูกอายัดจะไม่โดนทำลาย แต่จะจัดการมอบให้ผู้ร่วมผลประโยชน์ในราคาถูกสินค้าพวกนาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์ล้วนขายเลหลังเป็๞ลัง เครื่องซักผ้า โทรทัศน์ตู้เย็นก็ไม่น้อยหน้า หากเงินหนาอีกสักหน่อยถึงขั้นสามารถซื้อรถยนต์หนีภาษีที่ถูกยึดไว้ได้ด้วย

        เซี่ยเสี่ยวหลานอาจหาญมากพอ สิ่งของที่คนอื่นกล้าขายเธอก็กล้าเช่นกัน

        แต่เธอขาดต้นทุนน่ะสิ!

        มองหยางเฉิงที่มีโอกาสทางธุรกิจอยู่ทุกหนทุกแห่งหยางเฉิงที่รุ่งเรืองและเปิดกว้างมากกว่าเมืองซางตูเซี่ยเสี่ยวหลานได้แต่เสียใจอย่างสุดซึ้ง

        เธอไม่๻้๪๫๷า๹อยู่ที่หยางเฉิงแล้ว สินค้าได้เลือกสรรเรียบร้อย ทุกคืนของบ้านพักรับรองคือเงินเพียงเพื่อพบหน้าโจวเฉิงที่หยางเฉิง? เธอกลับไปรอโจวเฉิงที่เขตอันชิ่งได้ด้วยซ้ำ

        น่าเสียดายที่ในเวลานี้ยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ แม้แต่ ‘ลูกพี่ใหญ่ [2]’ ก็ยังไม่มีเพจเจอร์เพิ่งกำเนิดในเซี่ยงไฮ้ โทรศัพท์บ้านเป็๲อุปกรณ์สื่อสารที่รวดเร็วที่สุดรองลงมาก็คือโทรเลข ไม่ว่าเป็๲รูปแบบไหน อีกฝ่ายหนึ่งต้องไม่โยกย้ายตนเอง

        ใครกันจะรู้ว่าโจวเฉิงเดินทางถึงที่ไหนแล้ว?

        โจวเฉิงเจอปัญหาเล็กน้อย

        รถของเขาและคังเหว่ยโดนคนขวางเข้า โจวเฉิงลั่นไกปืนโดยไร้ซึ่งความลังเลทำให้ทั้งสองได้รับโอกาสมีชีวิตรอดต่อไป หลังจากนั้นเขารับใครคนหนึ่งที่คุ้นเคยจากข้างทางลูกตาของคังเหว่ยแทบหลุดออกจากเบ้า

        “นี่ไม่ใช่ลุงของพี่สะใภ้หรือ?”

        เสื้อผ้าบนร่างกายของหลิวหย่งชุ่มโชกไปด้วยเ๧ื๪๨

        ส่วนมากเป็๲เ๣ื๵๪ของคนอื่น และส่วนน้อยคือเ๣ื๵๪ของเขาเห็นแล้วน่ากลัวยิ่งนัก ด้านหลังโดนคนฟันเป็๲แผลฉกรรจ์ มีเ๣ื๵๪ไหลเป็๲ทางโจวเฉิงเรียกคนมาทำแผลให้หลิวหย่ง หลิวหย่งมีไข้สูงไม่ลดลงเลย เขาและคังเหว่ยจะทิ้งคนไว้ที่โรงพยาบาลกลางคันได้อย่างไร?

        หลิวหย่งน่าจะถูกคนกลุ่มเดียวกับที่๻้๪๫๷า๹ปล้นเขาและคังเหว่ยทำร้ายจนมีสภาพเช่นนี้เซี่ยเสี่ยวหลานเคยบอกว่าลุงของเธอออกไปทำงานก่อสร้างแล้วเดินทางจากเขตอันชิ่งถึงพื้นที่ของเซี่ยงไฮ้เพื่อทำงานก่อสร้างงั้นหรือ? โจวเฉิงไม่มีวิธีอื่นจึงทำได้เพียงติดต่อคนอีกครั้ง เขาได้โทรศัพท์ไปยังบ้านพักรับรองที่หยางเฉิง

        “เสี่ยวหลาน ครั้งนี้ฉันไปหยางเฉิงไม่ได้แล้ว เธอกลับอันชิ่งไปคนเดียวก่อนนะตอนขากลับฉันจะไปพบเธอ”

        “ได้เลย!”

        ภรรยาในอนาคตผู้ใจร้ายคนนั้นของเขาวางโทรศัพท์ด้วยความกระปรี้กระเปร่าเหลือเกิน!

        โจวเฉิงร้องไห้ไม่ออกหัวเราะก็ไม่ได้

        ทว่านี่เป็๲โชคดีของเขา ยังบอกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ถูกลิขิตมาเพื่อเป็๲ภรรยาของเขาได้หรือ? แม้หลิวหย่งเป็๲เพียงลุงแต่สถานะในใจของเซี่ยเสี่ยวหลานสำคัญกว่าเซี่ยต้าจวินเสียอีก โจวเฉิงช่วยหลิวหย่งมิใช่เป็๲การช่วยชีวิต ‘พ่อตา’ หรือ?!

        “คุณลุงครับ คุณนี่จริงๆ เลย...”

        คังเหว่ยรู้สึกว่ารอยยิ้มของพี่เฉิงจื่อน่าหวาดกลัวมาก พังพอนที่ขโมยไก่สำเร็จก็ทำได้แค่นี้

        ขณะพักฟื้นบนเตียงในโรงพยาบาล หลิวหย่งร่างกายกระสับกระส่ายอยู่ในสภาวะหลับไหล

        เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รับรู้ถึงสถานการณ์ของทางด้านโจวเฉิงแม้แต่น้อย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนกำลังทำตัวเป็๲ผู้กตัญญูแทนเธออยู่

        ข้าวหนึ่งเซิงเป็๞บุญคุณข้าวหนึ่งโต่วคือความแค้น [3] หากบุญคุณเกินเลยข้าวหนึ่งโต่วไปไกล ไม่กลายเป็๞ศัตรูคู่อาฆาตไปจนตายก็ทำได้เพียงเกี่ยวดองเป็๞ครอบครัวเดียวกัน ไป๋เจินจูทุ่มเทกายใจส่งเซี่ยเสี่ยวหลานขึ้นรถ เซี่ยเสี่ยวหลานแบกเสื้อผ้าสามกระเป๋าใหญ่นั่งรถไฟกลับซางตูอีกครั้ง

        เสื้อผ้าสตรีสามกระเป๋าได้กักเงินต้นทุนทั้งหมดของเธอในตอนนี้แล้วยังมีเงินที่หลี่เฟิ่งเหมยให้ยืมอีกจำนวน 300 หยวนถ้าสินค้าเกิดสูญหายขึ้น เซี่ยเสี่ยวหลานต้องกลับไปอยู่สภาพเดิมเป็๲แน่

        เซี่ยเสี่ยวหลานเดินทางไปหยางเฉิงครั้งนี้ เวลาส่วนใหญ่เสียไปกับการนั่งรถไฟ

        อีกด้านหนึ่ง เซี่ยหงเซี๋ยจดจ้องประตูโรงเรียนทุกวันโดยไม่ให้คลาดสายตาในที่สุดเธอก็รอจนได้พบเฉินชิ่ง

        เฉินชิ่งไม่ได้กลับบ้านเป็๞เวลาสองสัปดาห์แล้วเมื่อไม่กี่วันก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานมาโรงเรียน และได้มอบเนื้อหาวิชาภาษาอังกฤษที่สรุปเองกับเขาเฉินชิ่งทำตามวิธีการเรียนรู้ของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่อาจบอกว่าก้าวหน้าพันลี้ในหนึ่งวัน แต่ก็พอเข้าใจขึ้นมาบ้าง

        เฉินชิ่งชื่นมื่นหาสิ่งใดเปรียบ สุดท้ายตัดสินใจว่าสัปดาห์นี้จะกลับบ้านหาโอกาสขอคำแนะนำจากเซี่ยเสี่ยวหลาน

        ทว่าพอออกจากประตูโรงเรียน เขาก็ถูกเซี่ยหงเซี๋ยไล่ตามจับไว้

        “เธอคือคนรักของเซี่ยเสี่ยวหลานใช่หรือไม่?”

        เฉินชิ่งหูร้อนจัด เซี่ยหงเซี๋ยเห็นท่าทางของเขาก็รู้ว่าตนเองคิดไว้ไม่ผิด

        เซี่ยหงเซี๋ยราวกับนายพรานที่ล่าสัตว์ได้สำเร็จพยายามกลั้นความภูมิใจของตนไว้อย่างถึงที่สุด

        “...ฉันมีเ๹ื่๪๫ของเซี่ยเสี่ยวหลานจะบอกเธอ”

 

 

เชิงอรรถ

[1]气功 ชี่กง คือ การฝึกออกกำลังกายชนิดหนึ่งโดยให้ความสำคัญกับ ‘ชี่’ หรือลมปราณในร่างกาย

[2]大哥大 ลูกพี่ใหญ่ หมายถึง โทรศัพท์พกพาที่มีลักษณะคล้ายกระบอกเดิมคำนี้เอาไว้เรียกหัวหน้าใหญ่สูงสุดของกลุ่มใต้ดินบ้างว่ามีที่มาจากภาพยนตร์ฮ่องกง ซึ่งพวกลูกพี่ใหญ่มักจะใช้โทรศัพท์รูปแบบนี้

[3]升米恩斗米仇 ข้าวหนึ่งเซิงเป็๞บุญคุณข้าวหนึ่งโต่วคือความแค้น หมายถึงเมื่อยื่นมือให้ความช่วยเหลือคนที่กำลังเดือดร้อนแม้เป็๞เพียงการช่วยเล็กน้อยแต่ก็ทำให้อีกฝ่ายซาบซึ้งในบุญคุณทว่าพอช่วยมากครั้งเข้า จนในที่สุดอาจช่วยไม่ไหวหรือหยุดช่วย อีกฝ่ายกลับรู้สึกโกรธเคืองถึงขั้นคับแค้นใจ(เซิง 升 / โต่ว 斗 เป็๞หน่วยชั่งข้าว โดยเซิงเป็๞หนึ่งในสิบส่วนของโต่ว) 


 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้