“ไม่เหมือน!”
เมื่อได้ยินคำตอบของฮั่วเยี่ยนไหว ไป๋เซี่ยเหอก็หันไปมองเขาด้วยท่าทีกระวนกระวาย ทว่ากลับสบตาของฮั่วเยี่ยนไหวที่มองมาพอดิบพอดี
เฮอะ!
ดูเหมือนว่าคนผู้นั้นจะใจกว้างจนยอมยื่นมือเข้าช่วยเหลือนาง
อันที่จริงฮั่วเยี่ยนไหวรู้สึกภาคภูมิใจในคำว่า ‘วรยุทธ์เลิศล้ำ’ อยู่เล็กน้อย
หลายปีมานี้ ฮั่วเยี่ยนไหวได้รับคำสรรเสริญเยินยอจนทำให้เขาเบื่อ ทว่าไม่รู้ว่าเหตุใดคำว่า ‘วรยุทธ์เลิศล้ำ’ ถึงได้ติดตรึงอยู่ในใจเขาได้
บางทีอาจเป็เพราะจิ้งจอกน้อยกระมัง
รักบ้านรวมถึงอีกา[1]
ส่วนเื่ที่เขาช่วยเหลือนาง ก็เพียงไม่อยากให้นางประสบปัญหาจนทำให้จิ้งจอกน้อยเสียใจก็เท่านั้น
เหตุผลช่างเรียบง่ายปานนี้เอง
“สำหรับเื่อิจฉาริษยา การสมรสระหว่างหม่อมฉันกับไท่จื่อถูกกำหนดขึ้นโดยผู้าุโอย่างฝ่าา หม่อมฉันไม่มีความรู้สึกส่วนตัวใดๆ ต่อเื่นี้ แล้วจะมีความอิจฉาริษยาได้อย่างไรเพคะ?”
“ในเมื่อเ้าพูดเช่นนี้ คนที่แอบอยู่นอกหน้าต่างไม่ใช่เ้าจริงๆ หรือ?” ความสงสัยในแววตาของฮั่วิเชินเริ่มลดลงเรื่อยๆ
คำกล่าวของไป๋เซี่ยเหอนับว่าสมเหตุสมผล ในเมื่อไม่ใช่นางก็ดี
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ข้าก็ไม่สงสัยเ้าแล้ว เ้าวางใจเถิด วันหน้าไม่ว่าข้าจะโปรดปรานผู้ใด ตำแหน่งไท่จื่อเฟยก็จะเป็ของเ้า”
สีหน้าของไป๋เสียนอันและไป๋หว่านหนิงเปลี่ยนไปทันที ดูอัปลักษณ์จนถึงขีดสุด โดยเฉพาะไป๋เสียนอัน
เนื่องจากการแปรพักตร์อย่างกะทันหันของไท่จื่อ การกระทำของไป๋เสียนอันเมื่อครู่จึงดูเหมือนคนต่ำช้าที่เอาแต่สร้างปัญหา
ทว่าสีหน้าของไป๋หว่านหนิงเปลี่ยนไปเพราะประโยคที่บอกว่าตำแหน่งไท่จื่อเฟยเป็ของไป๋เซี่ยเหอ
ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องได้ตำแหน่งไท่จื่อเฟย
มิฉะนั้นเื่ในวันนี้จะกลายเป็ฝันร้ายของนางไปชั่วชีวิต
หนังตาของไป๋เซี่ยเหอกระตุกเล็กน้อย นางกำหมัดแน่นด้วยเกรงว่าจะเผลอบีบคอคนที่หลงตัวเองจนถึงขีดสุดผู้นี้ให้ตาย ช่างน่าขยะแขยงเสียจริง
“ส่วนเื่ที่ไท่จื่อตรัสว่าหม่อมฉันวางเพลิง นั่นยิ่งเป็ไปไม่ได้ ตอนที่ไฟลุกโหมขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าลุกไหม้มาพักใหญ่แล้ว แต่หากหม่อมฉันโยนไฟเข้าไปผ่านทางหน้าต่าง ไท่จื่อจะทอดพระเนตรไม่เห็นหรือเพคะ?”
คำกล่าวหาของฮั่วิเชินล้วนถูกไป๋เซี่ยเหอแก้ต่างทั้งหมด เรี่ยวแรงของเขาพลันมลายสิ้น กระทั่งเพิ่งได้สติในตอนนี้ว่าถ้อยคำของเขาเมื่อครู่ฟังดูโง่เขลาเพียงใด
ทว่าหากเป็เช่นนี้...
“หนิงเอ๋อร์?”
คิ้วของไป๋หว่านหนิงกระตุกทันที น้ำตาไหลรินก่อนที่นางจะทันได้เอื้อนเอ่ยเสียอีก “พี่เชินสงสัยหนิงเอ๋อร์หรือเ้าคะ?”
ไป๋หว่านหนิงที่กำลังคุกเข่าอยู่คลานไปข้างหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว “ฝ่าาเพคะ ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันเป็ผู้ลงมือเอง หม่อมฉันรักไท่จื่อมาเนิ่นนาน เมื่อทราบว่าการหมั้นหมายของไท่จื่อใกล้เข้ามา จึงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตนเองได้ ดังนั้น...”
เมื่อเห็นท่าทีของคู่รักคู่นี้ ไป๋เซี่ยเหอก็ดูเหมือนผู้ร้ายที่เข้าไปทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขา
เดิมทีไป๋หว่านหนิงมีความคิดที่จะถอยเพื่อก้าว นางตั้งใจที่จะกระตุ้นความรู้สึกผิดของฮั่วิเชิน
ผู้ใดจะรู้ว่าไป๋เสียนอันที่รักบุตรสาวผู้นี้มากจะปวดร้าวใจสุดขีดเมื่อเห็นนางหลั่งน้ำตา
“ไท่จื่อ ไม่ว่าอย่างไรพระองค์กับหนิงเอ๋อร์ก็...” ใบหน้าที่ดูชราของไป๋เสียนอันแดงก่ำ ไม่ทราบว่าควรพูดอย่างไรต่อ
“ไม่ว่าอย่างไรพระองค์ก็ต้องอภิเษกสมรสกับหนิงเอ๋อร์พ่ะย่ะค่ะ!”
“แม่ทัพไป๋วางใจเถิด ข้าต้องรับผิดชอบแน่นอน รอให้การอภิเษกสมรสระหว่างข้ากับเซี่ยเหอสิ้นสุดลงก่อน ข้าจะแต่งตั้งหนิงเอ๋อร์เป็ชายารอง ยกเกี้ยวเข้าตำหนักอย่างสง่าผ่าเผย”
“ไม่นะเ้าคะ!” ไป๋หว่านหนิงร่ำไห้ราวกับดอกสาลี่พร่ำหยาดฝน “หนิงเอ๋อร์ไม่้าเข้าตำหนักของไท่จื่อ ไม่้าเ้าค่ะ”
ฮั่วิเชินชะงักไปทันที “เ้าพูดเหลวไหลอะไร? หากไม่เข้าตำหนักของข้า เ้าจะตบแต่งให้คนอื่นได้อีกหรือ?”
“หนิงเอ๋อร์ยินยอมไม่ออกเรือนชั่วชีวิตเ้าค่ะ” ไป๋หว่านหนิงโขกศีรษะอย่างหนักหน่วง “เมื่อถึงเวลาที่พี่สาวเป็ไท่จื่อเฟยแล้วหนิงเอ๋อร์เป็อนุ หนิงเอ๋อร์จะมีทางรอดได้อีกหรือเ้าคะ?”
ถ้อยคำที่มีทั้งจริงและเท็จผสมกันถูกกล่าวออกมาจากปากของไป๋หว่านหนิงเพื่อใช้ข่มขู่เป็สำคัญ ทว่ากลับมีคนที่เชื่อในถ้อยคำนั้นอยู่จริงๆ
“ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋เสียนอันมองไป๋หว่านหนิงด้วยแววตารักใคร่ “หนิงเอ๋อร์คือบุตรสาวที่กระหม่อมทะนุถนอมมากที่สุด จะเป็อนุได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”
“แต่ข้าหมั้นหมายกับคุณหนูใหญ่สกุลไป๋แล้ว”
“ล้มเลิกการหมั้นหมาย แล้วแต่งหนิงเอ๋อร์แทนก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”
เหลวไหล ช่างเหลวไหลจริงๆ นี่คือเื่งามหน้าอะไรกัน?
ไป๋เสียนอันลำเอียงเข้าข้างไป๋หว่านหนิงจนเกินเหตุ
“นี่...”
ฮั่วิเชินลำบากใจและลังเลเล็กน้อย เขามองเห็นความชมชอบที่เสด็จพ่อเสด็จแม่มีต่อไป๋เซี่ยเหอ ดังนั้น การล้มเลิกการหมั้นหมายจึงไม่ใช่การตัดสินใจที่ชาญฉลาดนัก
ทว่าเขาก็ทิ้งไป๋หว่านหนิงที่อ่อนโยนและเอาใจใส่ไม่ได้เช่นเดียวกัน
“หม่อมฉันยินยอมให้ล้มเลิกการหมั้นหมายเพคะ”
ไป๋เซี่ยเหอก้าวออกมาในเวลาสำคัญ
จู่ๆ ฮองเฮาก็บีบมือของนาง จากนั้นก็ส่งสายตาให้นางอย่างแรงกล้า
เมื่อเป็เช่นนี้แล้ว นางจะดูไม่ออกได้อย่างไรว่าฮองเฮาจริงใจต่อนาง และนางก็จะไม่ทำให้ฮองเฮาต้องผิดหวัง
นอกจากนี้ นางจะไม่ปล่อยให้ตนเองต้องตบแต่งกับชายสารเลวพรรค์นี้เป็อันขาด!
“ในเมื่อน้องรองกับไท่จื่อรักใคร่กัน หม่อมฉันทนไม่ได้จริงๆ ที่จะทำลายความรักของพวกเขา และไม่เต็มใจจะทำให้ไท่จื่อทรงลำบาก ฝ่าาโปรดทรงอนุญาตด้วยเพคะ”
ถ้อยคำนี้ฟังดูสง่าผ่าเผยและเต็มไปด้วยความเสียสละ
ไม่มีความละโมบในอำนาจแม้แต่น้อย นางแสร้งทำเป็เสียสละ ทว่ากลับบรรลุผลสำเร็จอันยิ่งใหญ่
แม้แต่ฮั่วิเชินยังรู้สึกซาบซึ้งใจ
ในอดีตเขาตามืดบอดไปจริงๆ ถึงได้เชื่อถ้อยคำให้ร้ายไป๋เซี่ยเหอ เขาเข้าใจหญิงสาวที่ดีงามเช่นนี้ผิดไป
จิตใจดี รูปโฉมก็งดงาม ทั้งยังรู้วิชาแพทย์อีก
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ไป๋หว่านหนิงราวกับถูกทิ้งห่างไปไกลทันที
“ฝ่าา หม่อมฉันคิดว่านี่เป็วิธีที่ดีที่สุดแล้ว ถึงอย่างไรไท่จื่อก็เป็สามีภรรยากับคุณหนูรองสกุลไป๋แล้ว คุณหนูรองสกุลไป๋ย่อมไม่สามารถออกเรือนกับผู้อื่นได้จริงๆ ท่านคิดเห็นอย่างไรเพคะ?”
เมื่อได้รับการสนับสนุนจากฮองเฮา ฮ่องเต้ย่อมต้องอนุญาตอยู่แล้ว นอกจากนี้ เมื่อครู่เขายังเพิ่งรู้เื่บางอย่างจากปากของฮองเฮา นึกไม่ถึงว่าไป๋เซี่ยเหอจะรักษาร่างกายของฮองเฮาให้หายดีได้จริงๆ
นับได้ว่าไป๋เซี่ยเหอเป็ผู้มีพระคุณของราชวงศ์เสียแล้ว!
“ข้าเห็นด้วยกับฮองเฮา”
ฮั่วิเชินยังคงพยายามดิ้นรน เขาอยากรับพี่น้องคู่นี้เข้าตำหนักไท่จื่อทั้งสองคน
“เสด็จพ่อ...”
ยังไม่ทันเอ่ยจบ ฮ่องเต้ก็ถลึงตามองเขาทันที จากนั้นก็ทรงโบกมือยกใหญ่ก่อนจะมีพระราชโองการ
“ถ่ายทอดคำสั่ง คุณหนูรองสกุลไป๋จะอภิเษกสมรสกับไท่จื่อ ทว่าเนื่องจากประพฤติมิชอบ จึงถอดถอนบรรดาศักดิ์เสี้ยนจู่”
ในเมื่อได้ครองตำแหน่งไท่จื่อเฟยแล้ว เหตุใดจึงจะ้าเสี้ยนจู่อีกเล่า?
ไป๋หว่านหนิงขอบพระทับด้วยความยินดีเป็อย่างยิ่ง ทว่าฮั่วิเชินกลับรู้สึกราวกับมีอะไรบางอย่างค้างคาอยู่ในใจ เขารู้สึกว่าตนเองเสียเปรียบเสียแล้ว
ช่างเถิด รอให้มีโอกาสค่อยขอให้เสด็จพ่อออกพระราชโองการให้ไป๋เซี่ยเหอเป็ชายารองก็ได้
สำหรับสกุลไป๋นั้น การที่บุตรสาวได้ตบแต่งเข้าตำหนักไท่จื่อก็นับว่าสูงเกินเอื้อมแล้ว อันที่จริงแค่บรรดาศักดิ์ชายารองก็เพียงพอแล้ว
ฮองเฮากะพริบตาให้ฮ่องเต้ที่นั่งอยู่ข้างๆ ฝ่ามือขาวนวลยกขึ้นเท้าคาง ก่อนจะเอ่ยราวกับไม่ตั้งใจ “เช่นนั้นเื่ตลกร้ายในวันนี้ก็จบไปเช่นนี้หรือ? สงสารแม่หนูเซี่ยเหอนัก ลำบากตรวจชีพจรให้ข้าแล้วยังถูกทำให้ใอีก”
นางส่ายศีรษะ พลางเอ่ยอย่างไร้หนทาง “หากเป็เช่นนี้ วันหน้าผู้ใดจะกล้าเป็ห่วงเป็ใยร่างกายของหม่อมฉันเล่าเพคะ?”
ฮ่องเต้รู้สึกปวดศีรษะเล็กน้อย ผู้ใดจะกล้าไม่ใส่ใจร่างกายของมารดาแห่งแผ่นดินเล่า?
ทว่าในเมื่อฮองเฮาตรัสเช่นนั้น...
“เื่ในวันนี้ทำให้คุณหนูใหญ่สกุลไป๋ได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจและใจริงๆ คุณหนูใหญ่สกุลไป๋ เ้ามีข้อเรียกร้องอันใดก็เอ่ยกับข้าได้”
ดวงตาของฮั่วิเชินเป็ประกาย
นี่ถือเป็โอกาสดี
เมื่อไป๋เซี่ยเหอสบกับสายตาที่ราวกับ้าบอกใบ้อะไรบางอย่างของฮั่วิเชิน นางก็รู้สึกอยากจะอาเจียนออกมาทันที คนที่ทั้งหลงตัวเองทั้งโง่เขลาปานนี้ หากอยู่ในยุคปัจจุบันนางกล้ารับประกันเลยว่ามีชีวิตรอดได้ไม่นานแน่
“หม่อมฉันย่อมใส่ใจฮองเฮาอยู่แล้วเพคะ”
ฮ่องเต้ลูบคาง แววตาพลันเป็ประกาย “ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้าจะตัดสินใจเองแล้วกัน”
ลางสังหรณ์ไม่ดีผุดขึ้นในใจของไป๋เซี่ยเหอทันที
“ประทานสมรสแก่คุณหนูใหญ่สกุลไป๋เป็ชายาของเซ่อเจิ้งอ๋อง!”
------------------------
[1] รักบ้านรวมถึงอีกา เป็สำนวน หมายถึง รักใครก็รักสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคนนั้นด้วย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้