“ท่านพ่อ เ้าของร้านเหนียนมาแล้วขอรับ!” เสียงสดใสของผิงอันแว่วเข้ามาจากนอกประตู
“อ้าว เ้าของร้านเหนียนมาแล้ว เร็ว! รีบเชิญคนเข้ามา” หูฉางหลินลุกยืน แล้วดึงหูฉางกุ้ยที่อยู่ข้างกายขึ้นเดินออกไปข้างนอกด้วยกัน
ทุกคนในบ้านพากันลุกขึ้นเข้าไปรุมล้อม
เ้าของร้านเหนียน? เหนียนเสียงหลินของสือหลี่เซียง? เขาก็มาด้วย?
กู้ฉีปิดริมฝีปากไอเบาๆ สองสามที แล้วจึงมองออกไปดูข้างนอก
นอกลานบ้านมีเสียงหัวเราะเบิกบานของเหนียนเสียงหลินดังขึ้น เขาหัวเราะแล้วแสดงความยินดีกับสองพี่น้องสกุลหูที่เดินเข้ามาต้อนรับ ลูกจ้างสองคนตามหลังเขาอยู่ติดๆ กำลังย้ายต้นหยวนเป่า [1] สีเขียวเป็มันขลับสองกระถางลงมาจากบนเกวียน จัดวางไว้ข้างประตูทั้งสองด้าน ในเวลาต่อมาสองคนก็ได้ถือกล่องไม้ใบใหญ่ตามอยู่ด้านหลังเ้าของร้านเหนียน
เหนียนเสียงหลินยื่นของขวัญให้สองพี่น้องสกุลหูและหัวเราะชอบใจ
หูฉางหลินและหูฉางกุ้ยสองคนรับมาอย่างระมัดระวัง นำทางเขาเข้าในห้องโถง
เท้าเหนียนเสียงหลินเพิ่งจะก้าวเข้าห้องโถงดวงตาก็เป็ประกายวาบ เงากายที่สวมชุดสีขาวราวพระจันทร์นั่งตัวตรงดั่งต้นสนนั่น ไม่ใช่คุณชายห้าของสกุลกู้หรอกหรือ
ในใจเขาใมาก กู้อู่ผู้นี้ร่างกายอ่อนแอง่ายไม่ออกมาข้างนอก แม้มาถึงในเมืองระยะหนึ่งแล้ว เขาได้แค่เคยเห็นจากที่ไกลๆ สองครั้งเอง คหบดีครอบครัวใหญ่ที่มีชื่อเสียงและอำนาจในเมืองแสดงเจตนาขอเข้าพบ พ่อบ้านพวกเขาล้วนใช้เหตุผลเพราะต้องพักผ่อนฟื้นฟูร่างกายมาปฏิเสธ ยามนี้กลับปรากฏอยู่ในหมู่บ้านเขตูเาเล็กๆ แห่งนี้ ในงานเลี้ยงย้ายบ้านของครอบครัวเกษตรกรธรรมดาครอบครัวหนึ่ง
สกุลหู… มีบุพเพสันนิวาสกับเขาอย่างไรกันแน่ คาดไม่ถึงเลยว่าจะมาปรากฏอยู่ที่นี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สาวเท้าด้วยความรวดเร็วไปข้างหน้า ยิ้มแล้วโค้งตัวลงทักทายโดยมิรอช้า กู้ฉีพยักหน้าเล็กน้อย
หลิวผิงอยู่ด้านข้างรีบเดินไปข้างหน้าและดึงเขาไว้ คุณชายป่วยเพราะร่างกายอ่อนแอมาั้แ่เด็ก ไม่ชอบวิธีการคบค้าสมาคมตามงานเลี้ยงส่วนตัวเหล่านี้มาตลอด “น้องชายเหนียน หาได้ยากที่จะบังเอิญมาอยู่ด้วยกัน วันนี้ดื่มเป็เพื่อนพี่ชายสักหน่อย”
“ได้สิ เ้าของร้านใหญ่หลิวมีคำสั่ง น้องชายจะกล้าไม่เชื่อฟังได้อย่างไร” เหนียนเสียงหลินตามหลิวผิงไปนั่งอยู่ที่โต๊ะด้านข้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แล้วยังทักทายเฉินเผิงเฟยที่อยู่ด้านข้างอีกด้วย
ผู้ที่เคยชินกับการค้าขายสามารถคล้อยตามสายตาและสีหน้าของผู้อื่นได้โดยไม่ต้องเอ่ยอะไร เขาครุ่นคิดหนึ่งรอบแล้วจึงเริ่มพูดคุยถึงเื่ราวที่อยู่ในชีวิตประจำวันอย่างทำดีดั่งน้ำ [2] พยายามแสดงความสามารถสวมเสื้อผ้าแขนยาวเต้นระบำสวยงามของเขาขึ้นอย่างสุดความสามารถ ไม่นานบรรยากาศในห้องโถงจึงคึกคักขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเจินจูใช้สองมือยกถ้วยชาเข้ามา บรรยากาศได้ผ่อนคลายลงและสนุกครึกครื้นขึ้น
นางเดินมุ่งตรงเข้าไปที่กู้ฉี วางถ้วยชาไว้ตรงหน้าเขาและยิ้มน้อยๆ “พี่ชายกู้อู่ นี่เป็ชาขิงที่ท่านย่าข้าชงเป็พิเศษ ท่านลองชิมดู”
“ขอบคุณมาก!” ชาขิง? กู้ฉียิ้มบางๆ หนึ่งที ยกถ้วยชากระเบื้องสีขาวธรรมดามากตรงหน้าขึ้น ความอบอุ่นที่แฝงอยู่ไหลล้นออกมาจากขอบถ้วย เปิดฝาถ้วยออก กลิ่นเผ็ดอันเป็ลักษณะเฉพาะของขิงหนึ่งสายลอยมาเข้าจมูก เขาอดเอนศีรษะออกไปไอสองทีไม่ได้
“ท่านย่าข้าบอกว่า การดื่มน้ำชาขิงดีต่ออาการไอและร่างกายเย็นที่สุด” ขิงเป็ผลผลิตในมิติช่องว่าง ส่วนน้ำชาเป็การเติมน้ำแร่จิติญญาเข้าไป หากไม่ดื่มผู้ที่จะไม่ได้รับผลประโยชน์ก็เป็ตัวเ้าเอง เจินจูมองเขาที่ยังคงใบหน้าซีดขาวอย่างยิ้มตาหยี
“เจินจู ที่บ้านข้ายังมีชาเขียวแก่คั่วอยู่ ไม่เช่นนั้น ชงชาเขียวให้คุณชายสักหน่อยไหม” จ้าวเหวินเฉียงอดกล่าวขึ้นไม่ได้ ถึงคุณชายกู้อู่ผู้นี้ดูแล้วจะป่วยเพราะร่างกายอ่อนแอ แต่ชาขิงกลิ่นเผ็ด เขาต้องดื่มไม่ชินแน่นอน
“บ้านคนแก่อย่างข้ายังมีปิงเหอชุน [3] อยู่เล็กน้อย” สกุลจ้าวกล่าวออกมาเป็นัย
“…”
ที่แท้เข้าใจว่าครอบครัวนางดูแคลนแขกที่มาจากเมืองหลวง เจินจูอดขบขันไม่ได้
“ไม่เป็ไร ชาขิงก็ดีมากแล้ว” กู้ฉีกลับส่ายหน้า ประคองถ้วยชาขึ้นจิบเบาๆ หนึ่งอึก
กลิ่นขิงหอมเข้มหนึ่งสายคละคลุ้งที่จมูก รสชาติเผ็ดอบอุ่นทำให้กลั้นความอยากไอไว้ไม่ได้ จึงข่มอาการคันที่ลำคอไว้ เขาดื่มลงไปอีกสองสามอึก ไม่นาน ความร้อนหนึ่งสาย ได้เริ่มกระจายั้แ่กระเพาะไปจนถึงแขนขาทั้งสี่และกระดูกนับร้อยชิ้น [4] มือเท้าเย็นเฉียบที่เขาเป็ตลอดมา ไม่นึกเลยว่ากลางฝ่ามือและฝ่าเท้าจะเริ่มอุ่นขึ้น
ในใจกู้ฉีสั่นสะท้าน ตลอดทั้งปีเขาป่วยร่างกายไม่สู้ความหนาวเย็น มือและเท้าก็เลยเย็นอยู่ตลอดมา น้ำขิงนี่เพิ่งจะดื่มไม่กี่อึกกลับทำให้มือและเท้าของเขามีความรู้สึกว่าเหงื่อออกเล็กน้อย ข่มความดีใจระคนแปลกใจไว้แล้วดื่มน้ำชาที่เหลืออยู่เข้าท้องไปอีกหนึ่งอึก ความอบอุ่นไหลแผ่ออกอย่างต่อเนื่อง แม้แต่หน้าผากก็เริ่มมีเหงื่อชื้นเล็กน้อยเช่นกัน
เขาเงยหน้ามองไปทางแม่นางน้อยหน้าตายิ้มแย้ม ในตาจึงเกิดรอยยิ้มตามขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
บางทีไม่แน่ว่าเด็กสาวผู้นี้อาจเป็ดาวนำโชคในชีวิตของเขาจริงๆ ก็ได้…
“เอาล่ะ ชาขิงหนึ่งถ้วยแล้ว ตอนนี้ในครัวเคี่ยวน้ำแกงไก่ไว้ พี่ชายกู้อู่รอสักเดี๋ยวแล้วซดน้ำแกงไก่สักหน่อยเถิด” เจินจูยิ้มน้อยๆ หนึ่งที ยกถ้วยน้ำชาตรงหน้าเขาแล้วเดินจากไป
ตอนที่เจินจูถือถ้วยน้ำชาขิงเข้ามาหลิวผิงก็เริ่มตึงเครียดขึ้น การบริโภคของคุณชายละเอียดถี่ถ้วนมาโดยตลอด สำหรับชาขิงนี่พอได้ฟังแล้วก็รู้ได้เลยว่าฉุนเผ็ดปาก แม้มีฤทธิ์อบอุ่นปอดบรรเทาอาการไอขับไล่ความหนาวเย็น แต่เอามาดื่มและใช้เพียงอย่างเดียวผลที่ได้มีจำกัด ที่สำคัญที่สุดคือรสขิงแรงเกินไป เขากลัวจริงๆ ว่าคุณชายจะสำลักเข้า
คิดไม่ถึงเลยว่ากู้ฉีดื่มลงไปไม่กี่อึก กลับใบหน้าไม่เปลี่ยนสี ผ่านไปไม่นานบนหน้าผากมีเหงื่อผุดออกมาบางๆ แก้มก็ปรากฏสีแดงจางๆ ด้วย
เหนียนเสียงหลินรู้สึกแปลกใจมาก ชาขิง? กู้ฉีดื่มลงไปใบหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยนสี ดวงตากลับเป็ประกาย เขาจึงกลับไปพูดคุยถึงสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวันกับหลิวผิงมากขึ้นอย่างกระตือรือร้น
ไม่นานงานเลี้ยงก็ได้เริ่มขึ้นด้วยเสียงประทัดที่ดังคึกคัก
แม่สามีและลูกสะใภ้ไม่กี่คนที่มาช่วยงาน ต่างก็ยกอาหารร้อนเดินเข้ามาเป็แถว ขณะนี้ในบ้านนอกบ้านเสียงคนจอแจวุ่นวายมาก
“ว้าว ถ้วยงดงามมากนัก!”
“จริงด้วย ถ้วยและจานดูดีเพียงนี้ผู้ใดจะใช้ได้ลงกัน!”
“ฝีมือละเอียดและงดงามเพียงนี้เลยหรือ ใจกว้างจริงๆ มอบชุดถ้วยจานให้ตั้งสองชุด!”
ประตูด้านข้างห้องโถงใหญ่และห้องนอนฝั่งตะวันออกไม่ได้สลักกลอนประตูไว้ได้ถูกเปิดออก ของขวัญอวยพรที่แต่ละครอบครัวมอบให้วางอยู่บนเตียงใหญ่ใกล้หน้าต่าง ที่เด่นสะดุดตาที่สุดคือกล่องไม้แดงลวดลายแกะสลักสองกล่อง และหีบไม้เคลือบสีแดงวาดลวดลายปีติยินดีฝีมือประณีตหนึ่งกล่อง เป็ของขวัญอวยพรที่เหนียนเสียงหลินมอบให้
หูอู้จูอยากรู้อยู่นานแล้วว่าของขวัญที่เ้าของร้านเหนียนและคุณชายกู้ผู้นั้นมอบให้คืออะไร จึงถือโอกาส่ว่างตอนนำอาหารขึ้นโต๊ะ นางจึงผลักประตูห้องที่ไม่ได้สลักกลอนไว้ให้เปิดออก แล้วเปิดกล่องไม้สีแดงสองกล่องดู
ด้านหนึ่งคือถ้วยชามเฟิ่นชิงโย่ว [5] ครบชุดสีดั่งหยก ด้านหนึ่งคือถ้วยชามเครื่องเคลือบสีขาวพิมพ์ลายสวยเรียบบริสุทธิ์เคลือบเงาวาวครบชุด
เหลียงซื่อและเฝิงซื่อติดตามเข้าห้องมาร่วมดูด้วย รวมทั้งแม่ลูกหูชิวเซียงกับเจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนต่างก็รู้สึกตะลึงและอิจฉาในถ้วยชามงดงามสองชุดนี้ เดิมทีรู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อยเพราะเปิดของขวัญอวยพรโดยพลการ แต่ตอนนี้ถูกความรู้สึกอิจฉาริษยาเข้าครอบงำเต็มหัวใจ
หูอู้จูสายตาเป็ประกาย ความอิจฉาในตาทอออกมาอย่างปิดบังไว้ไม่อยู่ ดวงตาเคลื่อนไปหยุดอยู่ที่กล่องไม้เคลือบสีแดงวาดลวดลายสวยหรูยิ่งกว่า กล่องของคุณชายสกุลกู้ที่มาจากเมืองหลวงผู้นั้นมอบให้ มือรั้งไว้ไม่อยู่อีกต่อไป เอื้อมไปข้างหน้าแล้วเปิดออก
“ว้าว”
“เป็กระจกทองแดงหรือ”
“หนึ่งคู่เลยนี่”
“นี่แพงมากเลยกระมัง?”
สตรีไม่กี่คนต่างวิ่งพรูเบียดกันเข้ามาข้างหน้า ในกล่องไม้มีกระจกทองแดงดอกทานตะวันหกกลีบ ลวดลายพันกิ่งดอกโบตั๋นหนึ่งคู่วางนอนราบอยู่ แสงแวววาวของโลหะเคลือบเงาส่องสว่าง ลายภาพสวยแบบมีชั้นเชิง พอมองแล้วรู้ได้เลยว่ามีราคาไม่น้อย
หูอู้จูหยิบหนึ่งชิ้นในนั้นขึ้นมาด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน ผิวกระจกสะท้อนใบหน้าของตนเองออกมาทั้งหมดตามความจริง ความริษยาในใจแสดงออกมาอย่างยับยั้งไว้ไม่อยู่ นางมีกระจกทองแดงผิวเรียบดอกกระจับเป็สินสมรสที่บิดามารดาซื้อให้ตอนแต่งงานหนึ่งชิ้น ทุกค่ำเช้านางล้วนถือออกมาส่องหนึ่งรอบ พี่สะใภ้และน้องสะใภ้ของนางต่างไม่มีกระจกทองแดง มีเพียงในห้องแม่สามีนางที่มีกระจกทองแดงที่เก่าเสียจนมองเงาคนไม่ออก นี่จึงทำให้ในใจนางอิ่มอกอิ่มใจเล็กน้อยอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่กระจกทองแดงชิ้นนั้นของนางเทียบกับสองชิ้นนี้แล้ว ความแตกต่างอย่างง่ายๆ เลยคือ เหมือนผ้าหยาบกับผ้าดิ้นเงินดิ้นทอง คิดได้ดังนี้จิตใจของหูอู้จูอึดอัดจนไม่สงบสุข
เจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนสองตาเปล่งประกาย นางหยิบอีกชิ้นขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง ในกระจกสะท้อนใบหน้าของดรุณีขาวผ่องงามเฉิดฉาย มือของนางจับกระจกแน่นแล้วแน่นอีก
“ท่านแม่”
ผู้เป็บุตรสาวหมุนศีรษะมองไปทางหูชิวเซียง ความเว้าวอนในสายตาซ่อนเร้นไว้ไม่มิดแม้แต่นิด
หูชิวเซียงรู้ความคิดของบุตรสาว แน่นอนว่านางก็้า ในใจจึงคิดคำนวณขึ้น นี่เป็ของขวัญอวยพรเข้าบ้านใหม่ของน้องชายคนเล็ก ตามที่ควรจะเป็คือไม่มีทางมอบให้พวกนางแน่ แต่ฉางกุ้ยไร้เล่ห์เหลี่ยมเชื่อฟังบิดามารดา ขอแค่มารดาของนางยินยอม เขาก็ต้องยินยอมด้วยอย่างแน่นอน
นางส่งสายตาเป็นัยโดยไม่ให้คนอื่นรู้ ตบปลอบโยนบุตรสาวเบาๆ
การกระทำเล็กน้อยของสองแม่ลูกนี้ เหลียงซื่อย่อมเห็นอยู่ในสายตา ในใจนางเหน็บแนมอย่างเ็าหนึ่งที แม้แม่สามีจะรักพี่คนโตนี้สุดหัวใจ แต่ในใจของแม่สามีนั้น บุตรชายคนเล็กอย่างหูฉางกุ้ยสิถึงจะเป็คนสำคัญของนางโดยแท้จริง คิดจะเอาสิ่งของของน้องสามี เช่นนั้นก็ต้องดูว่าแม่สามีจะยินยอมหรือไม่
“ทำไมพวกเ้าไม่นั่งอยู่ที่โต๊ะเลี้ยง พากันมาทำอะไรที่นี่?
ขณะที่คิดอยู่ เสียงเ็าของหวังซื่อดังขึ้นมาจากด้านหลังกาย
“ท่านย่า ไม่ใช่ว่าพวกข้าอยากรู้อยากเห็นหรอกหรือ อยากเห็นว่าเ้าของร้านในเมืองต่างมอบของขวัญอะไรให้ เลยพากันมาดูนิดหน่อย ทุกคนล้วนมาเปิดหูเปิดตาเองนะเ้าคะ” เห็นว่าหวังซื่อใบหน้าเคร่งขรึม หูอู้จูวางกระจกในมือลงทันที เดินมาข้างหน้าดึงแขนเสื้อของหวังซื่ออย่างยิ้มแป้น
เห็นๆ กันอยู่ว่าเป็ตัวเองอยากดู แต่ดึงพวกนางทั้งหมดรวมไปด้วย เจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนมุ่ยปาก
หวังซื่อกวาดสายตาผ่านกล่องไม้ไม่กี่กล่องที่เปิดอ้าแวบหนึ่ง แล้วมองสีหน้าแตกต่างกันไปของแต่ละคนอีกหนจึงย่นคิ้วขึ้น นางยุ่งอยู่ในครัวจนวิงเวียนศีรษะ คนพวกนี้กลับไม่ไปช่วยก็ช่างเถิด แต่ยังตัดสินใจพากันมาเปิดของขวัญอีก
แขกยังอยู่บนโต๊ะงานเลี้ยงห้องโถง พวกนางกลับเข้าห้องมารื้อค้นข้าวของอย่างละเอียด สีหน้าหวังซื่อยิ่งมืดครึ้มลงเรื่อยๆ หากไม่ใช่ว่าเป็ภรรยาของหงซานแอบบอกนาง ยามนี้คงยังรื้อค้นกันอยู่เลยกระมัง
“วางของให้ดี แล้วกลับไปโต๊ะเลี้ยงให้หมด” หวังซื่อตำหนิเสียงต่ำ
“ท่านแม่ อย่าโกรธเลยเ้าค่ะ อู้จูแค่มาดูด้วยความสงสัยใคร่รู้ เด็กน้อยไม่รู้จักคิด ข้าเฝ้าดูอยู่ ไม่ได้รื้อของระเกะระกะ” หูชิวเซียงดึงมือของหวังซื่อ ใบหน้ายิ้มใจเย็น
สีหน้าหวังซื่อผ่อนอารมณ์โกรธลงเล็กน้อย
แต่หูอู้จูกลับนิ่วหน้าลง พวกนางไม่ใช่ตามมาดูด้วยหรือ พอคิดจะเอ่ยปากโต้แย้ง...
เหลียงซื่อก็หยิกนางหนึ่งที ถลึงตามองนางแวบหนึ่ง นี่อยู่ในงานเลี้ยงย้ายบ้านของน้องชายคนเล็กของสามี หากหูอู้จูกล้าทะเลาะกับท่านป้าของนางขึ้นมา หลังจากนี้กลับไปแม่สามีได้จัดการตนเองไม่เหลือไว้แน่
หวังซื่อเดินไปข้างหน้าปิดฝาให้เรียบร้อยด้วยตัวเอง เห็นของข้างในกล่องเข้า นางก็ถอนหายใจหนึ่งที ไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไร อาจเพราะเห็นเจินจูจ่ายเงินซื้อมากมายบ่อยจนชินแล้ว รวมกับขณะนี้ทรัพย์สินในบ้านสกุลหูมากมายขึ้นด้วย เงินเก็บติดตัวนางก็มีไม่น้อย ถ้วยชามครบชุดกับกระจกทองแดงคุณภาพสูงมีราคามากนิดหน่อย ราคามากที่สุดแค่สิบกว่าเหลียง สำหรับเมื่อก่อนแน่นอนว่าต้องรู้สึกเป็เื่ใหญ่ แต่ ณ ตอนนี้ขายอาหารหมักหนึ่งครั้งสามารถหาเงินได้หลายสิบเหลียง ของพวกนี้ไม่ได้มีค่าสูงขนาดนั้นแล้ว
เป็ไปอย่างที่คิด เงินสามารถทำให้คนมีความกล้า หวังซื่อรู้สึกปลงอยู่ในใจ
มองคนทั้งห้องออกจากประตูไปทั้งหมดแล้ว หวังซื่อจึงปิดประตูให้แ่า
“ท่านแม่ ห้องครัวกำลังยุ่งอยู่กระมัง ข้าจะไปช่วยท่านยกกับข้าวนะเ้าคะ” หูชิวเซียงคิดคำนวณผลประโยชน์ในตัวเอง เป็ธรรมดาที่ต้องเอาใจมารดาของตนไว้ จึงยิ้มแล้วดึงมือของหวังซื่อเดินเข้าห้องครัวไป
อารมณ์บนใบหน้าของหวังซื่อผ่อนคลายลงมาก “ลูกสะใภ้ใหญ่ เ้าดูแลแขก ร่างกายมีน้ำหนักมากแล้วอย่าวิ่งสะเปะสะปะไปทั่ว” กล่าวจบ จ้องนางด้วยความจริงจังแวบหนึ่ง
“เข้าใจแล้วเ้าค่ะ ท่านแม่” เหลียงซื่อยิ้มอย่างกระวนกระวายใจ นางรู้ว่าหวังซื่อโกรธที่เมื่อครู่ไม่เฝ้าหูอู้จูไว้ นางออกแรงดึงหูอู้จูมา “อู้จู ไปช่วยที่ห้องครัว”
“ท่านแม่” หูอู้จูมุ่ยปาก
เหลียงซื่อถลึงตาใส่นางอย่างเด็ดขาดทีหนึ่ง อู้จูจึงเบะปากและตามหวังซื่อไปห้องครัวอย่างเชื่องช้า
เชิงอรรถ
[1] ต้นหยวนเป่า (元宝树) คือ พืชในกลุ่ม Castanospermum australe หรืออ่าวมอร์ตันเกาลัด หรือถั่วดำ เป็พืชดอก ดอกที่ออกมาเป็ลักษณะยาวคล้ายเงินจีนลักษณะปลายสองข้างโค้งขึ้นคล้ายเรือ จึงได้ชื่อว่าต้นหยวนเป่าตามคำเรียกของเงิน
[2] ทำดีดั่งน้ำ พรรณนาถึง สามารถรับเอาความคิดเห็นที่ถูกต้องของผู้อื่นมาได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น ซึ่งหมายถึง การคล้อยตาม หรือรับฟังความคิดเห็นที่ดี เหมือนกับกระแสน้ำที่ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ
[3] ปิงเหอชุน (碧螺春) หรือชาเขียว หรือชาหอยทากมรกตฤดูใบไม้ผลิ เป็หนึ่งในสิบของชาที่มีชื่อเสียงที่สุดของจีน มีแหล่งกำเนิดจากมณฑลเจียงซู เมืองซูโจว บริเวณทะเลสาบไท่หู เขาต้งถิง ใบชามีกลิ่นหอมดุจดอกไม้บางเบาสดชื่น
[4] แขนขาทั้งสี่และกระดูกนับร้อยชิ้น หมายถึง ส่วนต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ทั่วทั้งร่าง
[5] ถ้วยชามเฟิ่นชิงโย่ว คือ ถ้วยชามพอร์ซเลน ‘พอร์ซเลน’ เป็เซรามิกที่มีเนื้อสีขาว เคลือบผิวเป็มัน โปร่งแสงมีความแข็งแกร่งเหมือนแก้วไม่ดูดซึมน้ำ เคาะมีเสียงดังกังวานส่วนผสมของเนื้อดินที่ใช้คือ ดินขาว ดินเหนียว หรือบอลเคลย์ หินไชน่าสโตน แร่ฟันม้าและแร่ควอตซ์ ผลิตภัณฑ์ใช้งานได้หลากหลายทั้งในชีวิตประจำวันและงานอื่นๆ