หวังเฉิงอุ้มหร่านซวี่จือออกไปจากความวุ่นวายในห้อง หร่านซวี่จือจึงให้ระบบฉายความเป็ไปภายในห้องนั้น
ไป๋ซวงผมเผ้ายุ่งเหยิงและเธอก็กำลังบีบคอของเฉิงจวิ้นราวกับคนบ้า ส่วนเฉิงจวิ้นก้มมีสีหน้าที่ตื่นตระหนก ใบหน้าของเขานั้นแดงก่ำและอยากคว้ามือของไป๋ซวง แม้ไป๋ซวงจะเป็สาวชนบทแต่เรี่ยวแรงของเธอก็ไม่น้อย เมื่อบ้าคลั่งก็ถึงขั้นควบคุมไม่อยู่
สุดท้ายเฉิงจวิ้นก็ยังหนีเอาตัวรอดไปได้ ไป๋ซวงกอดไป๋หลิงฮัวพร้อมกับร้องไห้โฮ ผมลอนของไป๋หลิงฮัวบดบังใบหน้าด้านข้างไว้ มือของเธอโอบหลังของไป๋ซวงไว้ เหมือนกำลังปลอบ เล็บสีแดงนั้นเป็แต้มๆ จุดๆ เหมือนว่าหลุดไปเยอะ
ไป๋หลิงฮัวมีนิสัยอย่างหนึ่ง เมื่ออารมณ์ของเธอไม่นิ่ง ใบหน้ามักจะไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกอะไรแต่กลับชอบแคะสีเล็บบนนิ้วของตนเอง
หวังเฉิงข่มอารมณ์รอบตัวแล้วใช้ยาทาผิวส่วนของหร่านซวี่จือที่ถูกบีบจนแดง
หร่านซวี่จือใช้แขนสองข้างโอบเอวของหวังเฉิงแล้วใช้น้ำเสียงผ่อนคลายปลอบเขา “พี่หวัง ผมไม่เป็ไร”
หวังเฉิงมองดูหร่านซวี่จือที่เป็เด็กดีก็ยิ่งรู้สึกปวดใจและโมโห “หรือต่อไปนายมาอยู่บ้านพี่หวังดี? จะได้ไม่ต้องคอยทำให้เป็ห่วง”
ขณะที่พูดก็กัดฟันเอ่ย “พี่จะยำไอ้ขยะบ้านั่นให้เละแน่ คอยดู! ”
“พี่หวัง ทำไมจู่ๆ พวกพี่ก็มากลางคันได้ล่ะ? ”
หวังเฉิงมองต่ำช่วยหร่านซวี่จือทายาอย่างตั้งใจ พลางตอบเขา “ไป๋หลิงฮัวให้พี่มาช่วยซ่อมเต้าเสียบให้นาย ระหว่างทางก็เจอกับพี่รองน่ะ”
ซ่อมเต้าเสียบ?
หร่านซวี่จือคิด ก็ให้เฉิงจวิ้นช่วยซ่อมแล้วไม่ใช่หรือ? ไป๋หลิงฮัวเองก็น่าจะได้ยินถึงจะถูก ก็ไม่น่าจะไปเรียกหวังเฉิง
ทำไมกัน? หรือเพราะมองออกว่าเฉิงจวิ้นคิดอะไรอยู่?
เป็ไปได้ ไป๋หลิงฮัวเจอผู้ชายมามากมายนับไม่ถ้วน กับเื่แบบนี้ เธอมักจะมีประสบการณ์ ไม่แน่ว่าคงเรียกหวังเฉิงมาช่วย
กลางคืนตอนนอน ระหว่างที่นอนบนเตียงและสะลึมสะลืออยู่นั้น รู้สึกเหมือนมีเสียงสวบสาบอยู่ตรงหน้าต่าง
อะไรน่ะ?
แมวจรจัดหรือ?
หร่านซวี่จือลืมตาขึ้น ท่ามกลางความมืดสลัว เมื่อมองผ่านรอยแยกหน้าต่าง ในความมืดนั้น ทันใดนั้นก็เห็นดวงตาคู่หนึ่ง กะพริบตาผ่านรอยแยก
หร่านซวี่จือสะดุ้งตื่นขึ้นจากความง่วงแล้วเบิกตาโตมองไปทางนั้น
ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
หร่านซวี่จือวางเท้าที่เปลือยอยู่ลงจากเตียง แล้วค่อยๆ เดินไปอย่างระมัดระวัง และไม่กล้าหายใจดัง จากนั้นก็ดึงหน้าต่างสองบานออกทันใด
แมวดำจรจัดตัวหนึ่งนั่งเลียเล็บตนเองอยู่ตรงขอบหน้าต่าง หลังจากที่หร่านซวี่จือเปิดหน้าต่างออกก็ทำให้มันสะดุ้งใ
หร่านซวี่จือกวาดตามองรอบทิศ นอกจากหญ้าวัชพืชที่สูงเสียดเอวกำลังไหวไปมาเพราะแรงลมแล้ว ก็มีเพียงพุ่มไม้เป็แผง ไม่มีใครอื่นใด
แต่ว่า นั่นไม่ใช่การคิดไปเอง
หร่านซวี่จือรู้ดี
เมื่อครู่นี้ ต้องคนมาแอบดูที่หน้าต่างห้องตนเองแน่ ส่วนจะเป็ใครนั้น เขาไม่อาจรู้ได้
เมื่อตื่นมาตอนเช้า หร่านซวี่จือได้ยินเสียงไก่ตัวผู้ขัน จากนั้นเขาก็เกาศีรษะที่ยุ่งเหมือนรังนกเดินออกมาจากห้องนอน
“เสี่ยวหลิง ช่วยพี่ไปเด็ดผักตรงสวนหลังเขามาหน่อย” ไป๋เหมยยุ่งแต่เช้า เมื่อเห็นหร่านซวี่จือก็ยื่นตะกร้าสานไม้ไผ่ให้เขาหนึ่งอัน “รีบหน่อย น้ำมันกำลังเดือดอยู่ในกระทะ”
“อืม” หร่านซวี่จือดึงกางเกงที่ขยับลงมาแล้วเดินอ้อยอิ่งหิ้วตะกร้าไปทางหลังเขา
หลายวันก่อนหน้านี้ฝนตกทำให้ตอนนี้อุณหภูมิลดลงไม่น้อย ดินโคลนบนเขายังคงเปียกชุ่ม หร่านซวี่จือสวมรองเท้าพลาสติกเหยียบบนนั้นและพื้นรองเท้าค่อนข้างลื่น เพียงแค่ประมาท ก็สามารถล้มได้ทุกเมื่อ
หร่านซวี่จือเพิ่งตื่นยังไม่มีสติดี ซึ่งผักที่ไป๋เหมยปลูกนั้นอยู่้าหน่อย ขณะที่ขึ้นไป เขาก็ขยี้ตาไปด้วยทำให้มองไม่เห็นก้อนหินด้านหน้า จึงไม่ได้ระวัง ฉับพลันก็ลื่นและกลิ้งไถลงมา
เดิมทีหร่านซวี่จือคิดว่าตนเองน่าจะศีรษะกระแทกแน่ แต่คิดไม่ถึงว่ากลับกระแทกกับผ้าที่ออกจะแข็งเล็กน้อย เมื่อเงยหน้าขึ้น หร่านซวี่จือมองเห็นใบหน้าที่เปื้อนดินโคลนและดูสกปรก
หร่านซวี่จือสะดุ้งะโเด้งแล้วคลานขึ้นมา เมื่อมองจากที่ไกล ก็รู้สึกว่าใบหน้านั้นคุ้นๆ
เฉิงจวิ้น???
ใบหน้ากับตัวของเฉิงจวิ้นล้วนเป็ดินโคลนที่สกปรก คงเพราะกลิ้งลงมาจากบนเขา สกปรกจนหร่านซวี่จือแทบดูไม่ออก
ศีรษะของเขามีอะไรบางอย่างเป็สีดำแดง หร่านซวี่จือถึงเดาได้ว่านี่น่าจะเป็เืของเขา ปลายจมูกเริ่มมีกลิ่นคาวเืโชยขึ้นมาเตะจมูกจนอยากจะอาเจียน
หร่านซวี่จือสะดุ้ง หัวใจหยุดเต้นไปเสี้ยววิ เมื่อนั่งย่อลงวางนิ้วมือไปที่จมูกของเฉิงจวิ้น
ไม่มีลมหายใจแล้ว
น่าจะไม่มีลมหายใจนานแล้ว เมื่อครู่ตอนที่หร่านซวี่จือล้มมาโดนตัวของเฉิงจวิ้นทำให้สามารถรู้สึกได้ว่าร่างกายของเขานั้นแข็งแล้ว บอกได้ว่าเฉิงจวิ้นน่าจะตายั้แ่เมื่อคืน
เดือนนี้ มีคนในหมู่บ้านตายเป็รายที่สามแล้ว
ทุกคนเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านจึงเริ่มหาคนมาทำพิธีกรรมเพื่อกำจัดความอัปมงคลให้กับหมู่บ้าน
เื่นี้ค่อนข้างใหญ่โต หมู่บ้านข้างๆ ก็พากันมาดูความครึกครื้นและดูไป๋หลิงฮัวสาวงามที่มีชื่อเสียงของหมู่บ้าน หร่านซวี่จือเจอหลี่เยวี่ยิ่ในกลุ่มคนด้วย ข้างกายเธอนั้นมีผู้ใหญ่ผมขาวที่ท่าทางมีพลังยืนอยู่ซึ่งน่าจะเป็ปู่ของเธอ เขาเป็ผู้ใหญ่บ้านชื่อ หลี่เหวินหย่วน
เมื่อหวังเฉิงเจอหร่านซวี่จือจึงคว้าตัวเขาไว้และสีหน้าก็ไม่ดีนัก “ทำไมเฉิงจวิ้นถึงตายอยู่สวนหลังบ้านนายได้ล่ะ? ”
หร่านซวี่จือนิ่งเงียบไปชั่วครู่ “เมื่อคืน เขาเหมือนจะมาที่หน้าต่างห้องผม แต่พอผมออกไปดูก็ไม่เห็นอะไร”
ทุกคนต่างก็หารอยเท้าของเฉิงจวิ้นที่อยู่ข้างบน เดาว่าเมื่อคืนคงมืดมากและทางนั้นก็ลื่นเกินไป ทำให้เฉิงจวิ้นมองไม่เห็น เขาจึงลื่นแล้วกลิ้งลงไปตาย
หวังเฉิงเหมือนกำลังจะพูดอะไร แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงของหลี่เยวี่ยิ่ดังขึ้นมาจากข้างหลัง
“พี่หวัง! ” หลี่เยวี่ยิ่โบกมือให้หวังเฉิงอย่างสดใส ด้านหลังเธอมีหลี่เหวินหย่วนตามมาด้วย
ครั้งนี้หวังเฉิงหนีไม่พ้นเพราะผู้ใหญ่บ้านหลี่มาหาหวังเฉิงเอง ซึ่งหวังเฉิงนั้นไม่คิดว่าจะอยู่กับหลี่เยวี่ยิ่ แต่เพื่อไว้หน้าหลี่เหวินหย่วนจึงเดินเล่นอยู่กับเขา
“ไม่เป็ไร พี่หวัง” หร่านซวี่จือเอ่ยกับหวังเฉิงเสียงค่อย “ผมจะขึ้นไปดูบนเขา รอพี่ว่างแล้วค่อยมาหา”
ขณะพูด หร่านซวี่จือก็เดินไปเอง แม้ว่าหวังเฉิงเรียกไว้ก็ไม่ฟัง
หลี่เยวี่ยิ่ตาไว เธอมองตามสายตาของหวังเฉิงแล้วเห็นหร่านซวี่จือ จากนั้นก็เห็นสร้อยข้อมือหญ้าบนข้อมือของหวังเฉิง
สร้อยข้อมือที่หร่านซวี่จือทำให้หวังเฉิงนั้น ไม่รู้ว่ารอบที่เท่าไหร่แล้ว หญ้าเ่าั้ไม่กี่วันก็เหี่ยวแห้งจากนั้นก็ขาด หวังเฉิงยังหน้าด้านขอให้หร่านซวี่จือทำให้อีกอัน
หร่านซวี่จือนั้นี้เี บ้านจนแถมยังทำอะไรไม่เป็ จะให้เขาให้อะไรที่เหมือนกับของที่ระลึกที่หลี่เยวี่ยิ่ให้นั้นคงไม่มีทางเป็ไปได้
อันแรกนั้นน่าเกลียดอย่างมาก แต่เมื่อทำเยอะเข้า อันที่อยู่บนข้อมือของหวังเฉิงตอนนี้จึงเริ่มเป็รูปเป็ร่างมากขึ้น
“พี่หวัง บนข้อมือของพี่สวยจัง” หลี่เยวี่ยิ่เผยรอยยิ้มที่ฝืนเล็กน้อย
หวังเฉิงก็แกล้งทำเป็ไม่ใส่ใจ “อืม มีคนให้มาน่ะ”
หวังเฉิงนั้นกำลังผลักความรับผิดชอบอยู่ทางนี้ ส่วนหร่านซวี่จือก็ปีนขึ้นยอดเขาคนเดียว
ชาวบ้านเ่าั้พูดไม่ผิดและบนเขานั้นก็มีรอยเท้าเยอะจริงๆ