คนมักจะเห็นอกเห็นใจผู้อ่อนแอกว่าเสมอ หลี่ลั่วนั้นน้ำตาไหลทุกคำพูด ทำให้ผู้ที่ได้ยินนั้นปวดใจยิ่งนัก
“เ้าสัตว์เดรัจฉานตัวนี้ยามนี้ยัง้าทำลายชื่อเสียงของพี่สาวข้า อย่าพูดเลยว่าพี่ของข้ายังบริสุทธิ์ดุจหยกขาว ต่อให้ไม่บริสุทธิ์ ข้าก็จะเลี้ยงพี่สาวของข้าเอง ต่อไปข้าจะเลี้ยงพี่สาวข้าจนชราภาพ ส่งพี่สาวของข้าขึ้น์ ถึงอย่างไรก็จะไม่มีวันยกพี่สาวของข้าให้กับเ้าคนเช่นนี้”
“เสี่ยวโหวเหฺยที่น่าสงสารของข้า เพิ่งจะกลับมายังจวนโหว ไฉนจึงถูกเ้าพวกหน้าไม่อายรังแกเข้าให้แล้วเสียเล่า” ไห่กงกงเดินออกมาจากกลุ่มฝูงชน คำพูดของหลี่ลั่วเมื่อสักครู่ทำให้เขาตกตะลึงยิ่งนัก ที่จริงแล้วเขามาถึงั้แ่หยวนข่ายคุกเข่าลงไปกับพื้นได้ไม่นาน ทว่าไม่ได้เข้าไปเพราะ้าดูสถานการณ์ก่อน คิดไม่ถึงว่าจะได้ดูละครที่มีสีสันเช่นนี้ อาจเป็เพราะละครเื่นี้ของสกุลหลี่นั้นทำให้ผู้คนติดกันงอมแงมก็เป็ได้ แต่เมื่อไห่กงกงได้นำคำพูดของหลี่ลั่วมาปะติดปะต่อกันแล้วจึงเข้าใจกระจ่างแจ้ง นี่เป็การลงมือคิดบัญชีกับบุตรีคนโตของหลี่ซวี่
ไห่กงกงจำได้ว่าหลี่เหล่าไท่เหฺยกำลังวิ่งเต้นตำแหน่งราชเลขานุการอยู่ เื่ราวที่เกิดขึ้นในวันนี้จะต้องรู้ไปทั่วทั้งเมืองหลวงในวันรุ่งขึ้นเป็แน่ ส่วนเื่ตำแหน่งราชเลขานุการของหลี่เหล่าไท่เหฺยคงจำต้องหมดวาสนาไปด้วย ฝ่าาองค์ปัจจุบันนั้นดูภายนอกแล้วเหมือนจะแข็งกร้าวและเ็า แต่ในความเป็จริงแล้วทรงให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์พี่น้องเป็อย่างยิ่ง ฝ่าาปฏิบัติต่อกู้จวิ้นเฉินซึ่งเป็โอรสองค์เล็กที่พี่ชายเหลือเอาไว้เช่นไรนั้นไม่ต้องกล่าวถึง การปฏิบัติต่อหลี่ลั่วที่เป็บุตรชายของหลี่ซวี่ซึ่งได้ฝากฝังไว้ก่อนตายนั้นย่อมมีความรักและเอ็นดูอยู่หลายส่วน
“ไห่เหฺยเหฺย ท่านมาแล้ว” หลี่ลั่วดวงตาเป็ประกาย ดวงตากลมโตทั้งคู่ทอประกายวาววับ ช่างน่ารักยิ่ง เปรียบกับเมื่อสักครู่ที่เป็เด็กปากคอเราะร้าย เข้มแข็งแกร่งกล้าแล้วราวกับไม่ใช่คนเดียวกัน ไห่กงกงรู้ดีว่าเด็กน้อยคนนี้ไม่ได้ง่ายดายเหมือนอย่างที่เห็น หากเป็เด็กไร้เดียงสาจะพูดจาเช่นนั้นได้อย่างไร?
‘ใตู้เาแห่งนี้กระดูกสีขาวโพลนทับถมกันชั้นแล้วชั้นเล่า แต่ทว่า...กระดูกขาวยังไม่ทันได้สลายกลายเป็เถ้า พวกท่านต่างก็ลืมบิดาของข้าและนักรบที่พิทักษ์รักษาชายแดนของพวกเราแล้วใช่หรือไม่?’
คำพูดประโยคนี้ อย่าว่าแต่ผู้คนที่ห้อมล้อมอยู่ที่นี่เลย แม้กระทั่งไห่กงกงเองฟังแล้วยังจิตใจอ่อนไหว ครั้งนั้นเขาตามไปดูแลปรนนิบัติจ้าวหนิงฮ่องเต้ที่ชายแดน ได้พบเห็นโจรฏชายแดนว่านั่นเป็ความโหดร้ายชนิดใด และเป็ความทุกข์ทรมานขนาดไหน ทหารล้มลงตายต่อหน้าพวกเขาคนแล้วคนเล่า ทว่าศึกใหญ่อยู่ตรงหน้า ในสถานการณ์เช่นนั้นย่อมไม่อาจมีความเห็นอกเห็นใจได้
อย่าว่าแต่ทหารเ่าั้เลย แม้กระทั่งฝ่าาและหลี่ซวี่เองต่างก็มีาแตามตัวไม่น้อย าแบางาแถึงขั้นเอาชีวิต เพียงแค่คิดขึ้นมาไห่กงกงยังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง
“เสี่ยวโหวเหฺย” ไห่กงกงยื่นมือออกมาลูบศีรษะของหลี่ลั่ว “เสี่ยวโหวเหฺยโปรดวางใจ ท่านเป็ลูกหลานของขุนนางผู้มีคุณความดีความชอบในการก่อตั้งราชวงศ์ และเป็บุตรของวีรบุรุษผู้กล้าหลี่ซวี่ ครั้งนั้นหลี่โหวเหฺยนำทัพทหารมือดีห้าพันนายมากำราบศึกภายในคืนความสงบสุขให้แก่แผ่นดิน ทำให้ชาวบ้านในเมืองหลวงรอดพ้นจากภัยา ต่อให้ผู้อื่นลืมไปแล้ว แต่ข้ายังจำได้ขอรับ”
“ไห่เหฺยเหฺย ต่อไปข้าจะเป็เหมือนกับท่านพ่อ ต้องเป็คนที่เปิดเผยและตรงไปตรงมา จะเป็ขุนนางที่ซื่อสัตย์ของฝ่าาไปชั่วชีวิตขอรับ” หลี่ลั่วพูด
เด็กมีจิตใจที่บริสุทธิ์ นี่เป็ความเห็นที่ฝ่าาทรงมีต่อหลี่ลั่ว
ไห่กงกงมองเขา จะเป็ขุนนางที่ซื่อสัตย์ของฝ่าาไปชั่วชีวิต คำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจเช่นนี้ออกมาจากปากของเด็กน้อยอายุห้าขวบ ช่างทำให้คนรู้สึกเหลือเชื่อ ไห่กงกงยิ้มอย่างปวดใจ ต่อมาก็หันไปมองคนรอบข้าง “ใต้เท้าจวนว่าการ คนต่ำช้าเช่นนี้ยังไม่นำตัวไปอีก”
ใต้เท้าจวนว่าการ จวนว่าการประจำเมืองหลวง เป็หลี่จงิที่ไปเชิญมาก่อนหน้านี้ เขาอยู่ที่หน้าประตูตลอดเวลา กำลังรอสัญญาณจากหลี่ลั่ว ยามนี้ถูกไห่กงกงเอ่ยถึงแล้วจึงใจนสะดุ้ง เห็นว่าเขารั้งตำแหน่งขุนนางขั้นสามเช่นนี้ หากอยู่ในตำแหน่งอื่นเขาอาจจะเงยหน้าเงยตาขึ้นมาได้สักหน่อยอยู่หรอก แต่ตำแหน่งขุนนางจวนว่าการประจำเมืองหลวงนี้เป็เพียงตำแหน่งที่ชีวิตยากลำบากเป็อย่างยิ่ง
“ขอรับ” ใต้เท้าจวนว่าการรีบเข้าไปจับกุมตัวหยวนข่ายแล้วนำตัวออกไป เขาเกรงว่าหากช้าไปก้าวหนึ่ง คนโปรดเบื้องพระพักตร์ของฝ่าาคนนี้จะนำความไปร้องเรียนต่อฝ่าา แต่เมื่อผ่านเื่ราวนี้ไป เขาก็ได้เปิดหูเปิดตาขึ้นอีกเล็กน้อย เสี่ยวโหวเหฺยของจวนจงหย่งโหวผู้นี้มีฝีปากที่ร้ายกาจยิ่ง ซ้ำฝ่าายังทรงเอาพระทัยใส่ต่อเสี่ยวโหวเหฺยท่านนี้ไม่น้อย ไม่เช่นนั้นไฉนเลยจะส่งไห่กงกงมาดูแลเขาได้เล่า?
ในเมืองหลวงเป็สถานที่ที่ฮ่องเต้ประทับอยู่ มีชนชั้นสูงมากมาย หยวนเฉิงเห็นหยวนข่ายถูกจับกุมตัวไป ย่อมไม่กล้าอาละวาดใดๆ เขาจึงรีบวิ่งกลับไปหวังว่าหลี่เหล่าไท่ไท่จะฟื้นคืนสติแล้ว
หยวนข่ายถูกจับไปแล้ว ละครหน้าจวนก็จบลงแล้ว หลี่ลั่วจับมือของไห่กงกงอย่างสนิทชิดเชื้อ “ไห่เหฺยเหฺย ไฉนวันนี้ท่านจึงมาที่นี่ได้ มาเยี่ยมข้าใช่หรือไม่?”
ไห่กงกงยิ้มแล้วพลิกมือกลับมาจับมือหลี่ลั่วเอาไว้ “ใช่ที่ไหนกันเล่า รองแม่ทัพหลี่ถือเทียบของเ้ามาเชิญหมอหลวง แล้วยังกล่าวอีกว่าหมอหลวงที่ว่างอยู่ให้เชิญมาให้หมด ถามเขาก็ไม่ชัดเจนอันใด ฝ่าาทรงเป็ห่วงท่าน จึงให้ข้ามาดูสักหน่อย” พูดแล้วก็ร้องฮึเสียงเย็นขึ้นครั้งหนึ่ง “ยังดีที่ข้ามาแล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่รู้ว่าท่านอยู่ที่นี่ถูกพวกเขารังแกเช่นนี้”
“ไม่เป็ไรขอรับ ข้าเป็คนที่จะต้องทำการใหญ่ในภายภาคหน้า ข้าไม่กลัวพวกเขา ไห่เหฺยเหฺย ที่ข้ายังมีผลอิงเถาที่ท่านพี่ฉีอ๋องประทานมาให้อีก ข้าให้สาวใช้ไปหยิบมาให้ท่านสักเล็กน้อยนะขอรับ”
เดิมทีไห่กงกงอยากจะพูดว่าไม่ต้อง ผลอิงเถาที่ฉีอ๋องประทานก็มิใช่ที่ฝ่าาพระราชทานไปให้หรอกหรือ แม้ว่าจะสูงค่าและมีปริมาณน้อย ทว่าฝ่าากลับได้ชิมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เมื่อเห็นว่าหลี่ลั่วมีความตั้งใจมอบให้ราวกับเป็สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ไห่กงกงไม่อยากให้เขาผิดหวังจึงได้แต่พยักหน้ารับ “เช่นนั้นข้าต้องขอบคุณเสี่ยวโหวเหฺยแล้ว หมอหลวงที่ว่างอยู่ต่างได้เชิญมาหมดแล้ว แม้กระทั่งหลิวย่วนเจิ้งจากสำนักหมอหลวงก็มาด้วยตนเอง เสี่ยวโหวเหฺยจะจัดการอย่างไร?”
“ข้าอยากเชิญทุกท่านไปดูอาการของเหล่าไท่ไท่ เหล่าไท่ไท่เนื่องจากสุขภาพไม่ดี ย้ายมาอยู่ที่จวนโหวของพวกเราเป็เวลาห้าปีแล้ว ยามนี้อาการก็ยังไม่ดีขึ้น คิดดูแล้วคงเป็เพราะท่านหมอก่อนหน้าที่เชิญมาคงจะให้ยาไม่ถูกกับโรค ดังนั้นข้าจึงอยากรบกวนท่านหมอหลวงทุกท่านขอรับ” หลี่ลั่วกล่าว
“เสี่ยวโหวเหฺยช่างมีใจกตัญญูยิ่งนัก เช่นนั้นข้าจะไปดูด้วยตัวเอง” หลิวย่วนเจิ้งกล่าว
“ขอบคุณท่านหลิวย่วนเจิ้งขอรับ”
ที่จริงแล้วละครฉากเมื่อสักครู่ เหล่าหมอหลวงต่างก็ได้เห็นกับตา เื่สุขภาพไม่ดีล้วนเป็ข้ออ้างทั้งสิ้น ทุกคนล้วนรู้อยู่แก่ใจ ไม่ต้องพูดออกมาก็พอ
หลี่ลั่วเดินนำไห่กงกงและหลิวย่วนเจิ้งรวมไปถึงคนอื่นๆ มาถึงเรือนว่านโซ่ว ครั้นแล้วกลับถูกข้ารับใช้ของเรือนว่านโซ่วเข้าขัดขวาง “เหล่าไท่ไท่สุขภาพไม่ดี ไม่พบเสี่ยวโหวเหฺยเป็การชั่วคราวเ้าค่ะ” ข้ารับใช้รายงาน
หลี่ลั่วยังไม่ได้เอ่ยปาก ไห่กงกงก็พูดขึ้นก่อน “กำเริบเสิบสาน ที่นี่เป็จวนโหวของจงหย่งโหว มีสถานที่ใดบ้างที่เสี่ยวโหวเหฺยจะไปไม่ได้?”
ข้ารับใช้ถูกบารมีของไห่กงกงทำให้ใจนสะดุ้ง นี่ต่างหากเล่าถึงจะเรียกว่าอำนาจและบารมี ั้แ่น้ำเสียงไปจนถึงสายตา ไม่มีสักอย่างที่ไม่เ็า “นี่...นี่เป็คำสั่งของเหล่าไท่ไท่ พวกเรา...พวกเราฟังคำสั่งของเหล่าไท่ไท่ ขอร้องเสี่ยวโหวเหฺยอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลยเ้าค่ะ”
“ตบปาก” ไห่กงกงสั่งการ “ต่อหน้าเ้านายยังมีบ่าวไพร่ที่แทนตัวเองว่าพวกเราได้อีกหรือไร?”
“ขอรับ” ขันทีน้อยที่ติดตามไห่กงกงก้าวขึ้นมาตบข้ารับใช้ผู้นั้นไปสามฝ่ามือดัง ‘เพียะ เพียะ เพียะ’
ข้ารับใช้ผู้นั้นใเสียจนไม่กล้ายกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง ได้แต่พูดเสียงสั่นว่า “เ้า...พวกเ้า...”
ไห่กงกงไม่ใส่ใจนางอีกต่อไป พูดกับหลี่ลั่วว่า “เสี่ยวโหวเหฺย วันนี้ข้าขอพูดคำพูดกำเริบเสิบสานสักประโยค เสี่ยวโหวเหฺยเป็โหวเหฺยที่ฝ่าาทรงพระราชทานชื่อ ในใต้หล้านี้ต่อให้ท่านทำผิดก็ไม่มีผู้ใดกล้าทำเครื่องหมายขีดฆ่าบนชื่อของท่าน วันนี้ข้ารับใช้ในบ้านกำเริบเช่นนี้ยังอยู่ในจวนโหวของท่าน กำเริบต่อท่าน ก็คือตบหน้าของฝ่าา”
“ขอบคุณไห่เหฺยเหฺยที่ชี้แนะ ข้าทราบแล้วขอรับ” หลี่ลั่วยอมรับโดยดุษฎี
“นี่กำลังทำอันใดอัน?” หยางหมัวมัวออกมาจากด้านใน สายตาที่คมปลาบคู่นั้นมองมายังทุกคน สุดท้ายไปหยุดอยู่ที่ร่างของหลี่ลั่ว “เสี่ยวโหวเหฺย เหล่าไท่ไท่ไม่สบายกำลังพักผ่อน ท่านเป็โหวเหฺยที่ฝ่าาทรงยกย่อง ก็อย่าให้เสียแรงที่ฝ่าาทรงเมตตาสิเ้าคะ”
หลี่ลั่วแม้แต่มองยังไม่มองนาง เอ่ยขึ้นกับหลิวย่วนเจิ้งว่า “ท่านหลิวย่วนเจิ้งขอรับ พวกเราเข้าไปกันเถิด”
“ได้”
“ข้าบอกว่า...” หยางหมัวมัวกำลังจะอ้าปาก หลี่ลั่วก็เอ่ยขัดขึ้น “ฉางเฉิง ลากนางออกไป ที่นี่เป็จวนโหว บ่าวไพร่ที่สัญญาขายตัวไม่ได้อยู่ในจวนโหว ให้พ่อบ้านจี้รวบรวมรายชื่อออกมาภายในเวลาสามวัน จากนั้นขับไล่ออกไปเสีย”
“ขอรับ”
“ข้าเป็คนของเหล่าไท่ไท่ พวกเ้ากล้าแตะต้องข้า...คนอย่างพวกเ้ากล้าแตะต้องข้า ข้าจะทำให้พวกต้องชดใช้” หยางหมัวมัวะโพูดอย่างบ้าคลั่ง ทว่าไม่มีผู้ใดฟังคำพูดไร้สาระของนาง นางถูกหลี่ฉางเฉิงลากออกไป ยังดีที่อายุของทั้งสองห่างกันมาก จึงไม่เกิดข้อครหานินทาใดๆ
เสียงของหยางหมัวมัวดังมาก คนที่อยู่ในเรือนทั้งหมดต่างก็ได้ยินจึงพากันออกมา “นี่มันเื่อันใดกัน?” ภรรยาหลี่ฮุยเอ่ยขึ้น เมื่อออกมาก็พบคนกลุ่มใหญ่
“ท่านป้าใหญ่” หลี่ลั่วพูด “ข้าส่งเทียบเชิญให้กับสำนักหมอหลวง เหล่าไท่ไท่ป่วยหนักรักษาไม่หายมาตลอด ข้าหนักใจเป็อย่างมาก หลังจากฝ่าาทรงทราบจึงได้ให้ไห่กงกงนำท่านหลิวย่วนเจิ้งและหมอหลวงท่านอื่นๆ มาดูอาการให้เหล่าไท่ไท่ หลังจากไห่กงกงและท่านหลิวย่วนเจิ้งดูอาการแล้วยังต้องกลับไปรายงานต่อฝ่าาอีกขอรับ”
คำพูดของหลี่ลั่วทำให้ภรรยาหลี่ฮุยไม่กล้าพูดคำว่า “ไม่” ออกมา ได้แต่พาพวกเขาเข้าไป
หลี่เหล่าไท่ไท่นอนอยู่บนเตียงในห้อง ก่อนหน้านี้ถูกหลี่ฉางเฉิงตีจนสลบ ยามนี้ฟื้นคืนสติแล้ว สีหน้าย่ำแย่นัก ไม่รู้ว่าป่วยจริงหรือโมโหจนเป็เช่นนี้กันแน่
“เหล่าไท่ไท่ นี่คือท่านหลิวย่วนเจิ้ง มาตามพระราชโองการของฝ่าาให้มาดูอาการป่วยของท่านขอรับ” หลี่ลั่วแนะนำ “ไห่กงกงก็มาพร้อมกันด้วยขอรับ”
หลี่เหล่าไท่ไท่พูดอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “โรคของข้านั้นเป็โรคที่ข้าป่วยเป็ประจำ ยังต้องรบกวนไห่กงกงและท่านหลิวย่วนเจิ้งมาที่นี่ด้วยแล้ว”
“คนเมื่อแก่แล้ว สุขภาพมักจะแสดงให้เห็นถึงปัญหาต่างๆ พวกเราไม่ยอมแก่ก็ไม่ได้” หลิวย่วนเจิ้งกล่าว จากนั้นเขาจึงตรวจอาการป่วยของเหล่าไท่ไท่ หลังจากดูแล้ว เขาจึงเอ่ยขึ้นยิ้มๆ “สุขภาพของเหล่าไท่ไท่แข็งแรงยิ่งนัก ไม่มีปัญหาอันใด อาจจะเป็เพราะอายุมากแล้ว อารมณ์ฉุนเฉียวรุนแรง ข้าให้ยาบำรุงสักหน่อยก็พอแล้ว”
“ไม่มีปัญหาอันใดจริงๆ หรือ?” หลี่เหล่าไท่ไท่เอ่ย “แต่หัวใจของเ็ปยิ่งนัก ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรง รู้สึกว่าจิตใจของตัวเองก็ยังยากที่จะรวบรวมกำลังได้”
“เหล่าไท่ไท่ต้องทำใจให้กว้าง หากว่าไม่เชื่อข้าที่นี่ยังมีหมอหลวงท่านอื่นอีก” หลิวย่วนเจิ้งตอบ
“ท่านหลิวย่วนเจิ้งเป็อันดับหนึ่งของสำนักหมอหลวงของพวกเรา หากเหล่าไท่ไท่ไม่เชื่อคำพูดของท่านหลิวย่วนเจิ้ง อย่าว่าแต่พวกเราเลย เกรงว่าทั้งเมืองหลวงก็หาคนที่สองที่จะมารักษาเหล่าไท่ไท่ไม่ได้แล้ว” หนึ่งในหมอหลวงกล่าวขึ้น
“ท่านหลิวย่วนเจิ้ง เหล่าไท่ไท่ไม่มีปัญหาอันใดจริงๆ หรือขอรับ?” หลี่ลั่วหนักใจมาก “หลายวันก่อนในเรือนจัดงานเลี้ยง อยู่ดีๆ เหล่าไท่ไท่ก็รู้สึกไม่สบาย จึงได้เชิญคนมาคนหนึ่งเป็ซือไท่อะไรสักอย่างมาดู ซือไท่คนนั้นบอกว่าที่สุขภาพของเหล่าไท่ไท่ไม่ดีเป็เพราะฮวงจุ้ยของที่นี่ถูกคนบดบังเอาไว้ บัดนี้เหล่าไท่ไท่หายดีแล้ว เช่นนั้นไปรับมารดาใหญ่กลับมาได้แล้วใช่หรือไม่?”
“เื่นี้...” หลิวย่วนเจิ้งไม่รู้จะเอ่ยปากเช่นใดดี
“เื่นี้เกรงว่าจะไม่ได้” ภรรยาหลี่ฮุยกัดฟันตอบขึ้นมา “ฉือหย่งซือไท่บอกว่าต้องเจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน”
“แต่มารดาใหญ่เป็เ้าของบ้านฝ่ายหญิงของจวนโหว เ้าของบ้านฝ่ายหญิงไม่อยู่ เื่ราวต่างๆ ในจวนวุ่นวายไปหมดแล้ว” หลี่ลั่วกล่าว