หลินเฟิงไม่สนใจสีหน้าของอ๋องเทียนหลางว่าตอนนี้ดูน่าเกลียดแค่ไหน และกล่าวว่า “การที่ตั้งชื่อสำนักว่าสำนักเทียนอี้ ไม่รู้ว่าอ๋องเทียนหลางจะสื่อถึงอะไรกันแน่?”
“แน่นอนมันเป็ความคิดของข้า” อ๋องเทียนหลางกล่าวตอบในทันที ขณะนั้นแววตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารที่กำลังจ้องมองไปยังหลินเฟิง
“คนคนนี้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก”
เมื่อครู่นี้หลินเฟิงกล่าวว่าลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ได้รับสมัครพวกเสเพลและยังเป็ฏอีกด้วย เื่นี้เป็เื่จริงที่ไม่สามารถโต้แย้งได้ ต้วนเทียนหลางนั้นจึงไร้หนทางที่จะโต้เถียง จากนั้นหลินเฟิงก็ได้ถามถึงชื่อของลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ว่ามันไม่สมควรที่จะใช้ชื่อนี้ แน่นอนว่าได้ทำให้เหล่าผู้คนต่างเห็นด้วยว่ามันมีเหตุผลที่น่าเชื่อถืออย่างยิ่ง
ในขณะนั้นหลินเฟิงได้กล่าวถามว่ามันเป็ความคิดของใคร แน่นอนว่าต้วนเทียนหลางตอบว่ามันเป็ความคิดของเขาเอง เพราะถ้าเขาไม่ตอบ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความผิดนี้จะสาวถึงตัวเขาได้และเขาก็ไม่กล้าอีกด้วย
แต่เป็เพราะเขาได้ยืนยันคำตอบ หลินเฟิงจึงยอมรับอย่างไม่ต้องสงสัย แต่จริงๆ แล้วชื่อของลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่มันไม่สมควรได้ชื่อว่า ‘ลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่’
ซึ่งปัญหานี้ เขาเองก็ยังไม่สามารถตอบได้!
“ต้วนเทียนหลางได้โน้มน้าวศิษย์ของแต่ละนิกายให้เข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ แล้วยังทำลายนิกายหยุนไห่จนในที่สุดก็สร้างลานศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา อย่างไรก็ตามต้วนเทียนหลางควรทราบว่านิกายหยุนไห่นั้นเป็ของแม่ทัพหลิ่วชั่งหลัน?”
หลินเฟิงยังคงกล่าวถาม แต่ต้วนเทียนหลางในขณะนี้เริ่มเงียบและไร้คำพูด
“มันไม่สำคัญถ้าต้วนเทียนหลางจะไม่ตอบ แม่ทัพหลิ่วนั้นถือว่าเป็ศิษย์คนหนึ่งของนิกายหยุนไห่ แต่แม่ทัพมิอาจรู้ได้ นอกจากนี้คุณธรรมและความเที่ยงธรรมของแม่ทัพในอาณาจักรเสวี่ยเยว่ก็ยังไม่มีใครรู้ การที่นิกายหยุนไห่ถูกทำลายแน่นอนว่าไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่แก้แค้นและทวงความยุติธรรมกลับคืนมา คำพูดเช่นนี้แม่ทัพหลิ่วจะต้องมาสังหารยังเมืองหลวงอย่างแน่นอน จากนั้นจะถูกอ๋องเทียนหลางกล่าวหาเขาว่าเป็ฏ นี่ช่างเป็แผนการที่เยี่ยมยอดเสียจริงๆ อ๋องเทียนหลาง แผนการของเ้าช่างร้ายกาจยิ่งนัก นี่คือแผนของเ้าั้แ่ต้นเพื่อที่จะสนับสนุนอาณาจักรเสวี่ยเยว่?”
แม้กระนั้นหลินเฟิงก็ยังคงกล่าวต่อ จึงทำให้ในหัวใจของฝูงชนต่างต้องสั่นไหว
ใช่แล้ว สิ่งที่หลินเฟิงพูดมาได้ถูกครึ่งหนึ่ง มันเป็แผนการของต้วนเทียนหลางที่มันสมบูรณ์แบบอย่างมาก
แต่พวกเขาล้วนเข้าใจดีว่าแผนการนี้ไม่มีทางที่ต้วนเทียนหลางจะคิดเอง...
ทุกคนต่างรู้สึกหนาวสะท้านเมื่อลมพัดผ่านร่างกายไป อย่างไรก็ตามคุณงามความดีของหลิ่วชั่งหลันกลับมีโชคชะตาที่ช่างน่าเศร้า ถูกคิดร้ายโดยผู้ที่อยู่เื้ัอย่างหนักหนาสาหัส
“หยุดพูดเื่ไร้สาระได้แล้ว!!!”
ต้วนเทียนหลางกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว จากนั้นกลิ่นอายอันเยือกเย็นได้รายล้อมร่างกายของหลินเฟิงเหมือนมันตั้งใจจะฆ่าเขา
“ข้าพูดอะไรผิดไปเหรอ ทั้งหมดนี้เป็สิ่งที่อ๋องเทียนหลางได้กระทำไว้ และใครกันที่เป็ผู้อยู่เื้ัเื่นี้?”
ดูเหมือนว่าหลินเฟิงจะไม่รู้สึกถึงจิตสังหารที่ออกมาจากร่างกายของต้วนเทียนหลางและยังคงกล่าวต่อไป คำพูดเหล่านี้ต่างะเือารมณ์ของเหล่าผู้คน
“แน่นอนว่าเื่เหล่านี้ ข้าต้วนเทียนหลางเป็คนกระทำเอง ตอนนี้เ้าพูดจบหรือยัง?”
ต้วนเทียนหลางยอมรับอย่างไม่สะทกสะท้าน แน่นอนว่าเขาต้องยอมรับมัน หรือกล่าวได้ว่าผู้ที่อยู่เื้ัเขาได้วางแผนทั้งหมดนี้มาอย่างรอบคอบแล้ว?
เขาเป็เพียงแค่อ๋องแห่งราชวงศ์ แล้วผู้ที่อยู่เื้ัคือใครกัน? แล้วจะไม่ทำให้ผู้คนรู้สึกผิดหวังได้อย่างไรกัน?
“แน่นอนว่าไม่ ในเมื่ออ๋องเทียนหลางก็ได้ยอมรับในสิ่งทำลงไป งั้นข้าจะถามเ้า เ้า้าใส่ร้ายแม่ทัพหลิ่วและยังสังหารประชาชนของอาณาจักรเสวี่ยเยว่นับพันชีวิต ต้วนเทียนหลาง เ้าไม่คิดว่าการกระทำของตนเองจะเป็ฏหรอกหรือ?”
หลินเฟิงกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ขณะกวาดสายตามองไปยังผู้คนที่อยู่รอบตัวต้วนเทียนหลางและกล่าวว่า “พวกเ้าก็ด้วย หากไปร่วมแผนการของเขานั่นคือฏ ฉะนั้นจะถือว่าเป็ความผิด?”
ฝูงชนต่างตะลึงงัน เพราะเมื่อไม่นานมานี้ต้วนเทียนหลางได้เจรจากับหลิ่วชั่งหลันรวมทั้งกองทหารม้าโลหิตให้พวกเขาจัดการหลินเฟิง การที่มีเหตุผลเช่นนี้จึงทำให้ต้วนเทียนหลางมิอาจปฏิเสธได้
ผู้ที่ก่ออาชญากรรมได้กล่าวหาผู้บริสุทธิ์ว่ามีความผิด และถูกปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรม
ด้วยคำพูดของหลินเฟิงจึงพลิกสถานการณ์ได้ในทันที
ปากของหลินเฟิงนั้นเปรียบเสมือนคมดาบ
ถ้าหากเปลี่ยนสถานที่ได้ ต้วนเทียนหลางอาจอาศัยความแข็งแกร่งของเขาเพื่อปราบปรามหลินเฟิงอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามวันนี้คือวันสถาปนาของลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ ทุกคำพูดและการกระทำของเขาควรระมัดระวัง เพราะตอนนี้การกระทำของเขาต่างถูกอาณาจักรเสวี่ยเยว่จับตามองอยู่ การที่ส่งทหารไปโดยไร้สาเหตุ และเขาก็ไม่มีทางทำเช่นนี้กับหลิ่วชั่งหลัน นอกจากหลิ่วชั่งหลันจะเป็เหมือนเมื่อก่อน นั่นคือพวกเขาจะต้องต่อสู้ และสามารถกำหนดความผิดของหลิ่วชั่งหลันให้เป็ฏได้
“เ้าคิดว่าจะอาศัยปากของเ้าแล้วพูดจาไร้สาระ วันนี้เป็วันสถาปนาของลานศักดิ์สิทธิ์ แต่เ้ากลับมาเพื่อสร้างปัญหาเช่นนี้ ข้าอยากจะถามเ้าว่ามาทำอะไรที่นี่กันแน่?”
ต้วนเทียนหลางเหมือนจะลืมเื่เกี่ยวกับหลิ่วชั่งหลัน และเขาพยายามเปลี่ยนเื่ จากนั้นได้เคลื่อนตัวไปหาหลินเฟิง
“ข้าไปก่อเื่อะไรกัน? เพียงแค่พูดไปไม่กี่ประโยค ถ้าเ้าคิดว่าข้าหยาบคาย และพูดจาเหลวไหล ข้าก็จะไป”
หลินเฟิงกล่าวอย่างสบายๆ วันนี้ที่เขามา หนึ่งคือเพื่อ้าเห็นวันสถาปนาของลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ สองคือคาดหวังที่จะหาโอกาสโน้มน้าวศิษย์อัจฉริยะของลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่
แต่ในความเป็จริงแล้วมันไม่ได้เป็ไปตามแผนที่เขาวางไว้ เพราะการที่หลิ่วชั่งหลันมาปรากฏตัวในเวลานี้ ทำให้หลินเฟิงไม่อาจนั่งเฉยได้จนต้องยืนขึ้นเพื่อป้องกันหลิ่วชั่งหลันไม่ให้ใช้ชีวิตเพื่อหลบหนีจากการหลอกลวง แม้กระทั่งความยุติธรรมก็ไม่มีความหมายแต่อย่างใด
หลินเฟิงพบว่าถึงแม้ไม่ต้องประลองฝีมือ แต่คำพูดของเขาเหล่านี้ราวกับต้วนเทียนหลางถูกตบหน้าอย่างรุนแรง จึงทำให้เขารู้สึกสนุกและแน่นอนว่ามันยังไม่เพียงพอ
“ท่านแม่ทัพ ในโลกนี้มันไม่มีสิ่งที่เรียกว่ายุติธรรม มีแต่พละกำลังที่ทรงพลังเท่านั้น นั่นแหละคือความยุติธรรม ดังนั้นการมีชีวิตอยู่ถึงจะสามารถทวงความยุติธรรมกลับคืนมาได้”
หลินเฟิงหันไปกล่าวกับหลิ่วชั่งหลัน จึงทำให้หลิ่วชั่งหลันถึงกับสะดุ้งใ
“ความแข็งแกร่งคือความยุติธรรม และการมีชีวิตอยู่ถึงจะสามารถทวงความยุติธรรมกลับคืนมา!”
มันเป็คำพูดที่เรียบง่ายแต่ทุกคนต่างตระหนักกันดี ว่าเมื่อไรก็ตามที่พวกเขาถูกจับได้ เขาจะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
หลิ่วชั่งหลัน แน่นอนว่าเป็เพราะเขามองอย่างทะลุปรุโปร่ง ดังนั้นวันนี้จึงมาเพื่อทวงความยุติธรรมที่เขาได้ทุ่มเทและเสียสละทุกอย่างเพื่ออาณาจักรเสวี่ยเยว่ แต่ก็ถูกคนเ่าั้แว้งกลับมาทำลายนิกายหยุนไห่ เพราะคุณงามความดีของตัวเขาเองนั้น จึงได้รับความสนใจจากเหล่าผู้คนเป็อย่างมาก แต่เขาถูกทรยศจึงต้องใช้การกระทำเช่นนี้อย่างไม่เต็มใจ เพื่อทวงความยุติธรรมกลับคืนมา
แต่ในความเป็จริง การกระทำของเขาได้อยู่ในสายตาของหลินเฟิง แต่กลับเป็เพียงความโง่เขลาเท่านั้น
ท่านอ๋องไม่ได้สนใจเ้า แต่กลับใส่ร้ายเ้า หรือว่ามันเป็เพราะคำพูดเ่าั้ จึงได้ย้อนกลับมาทำลายตัวเอง? แต่นี่เป็เพียงข้ออ้างให้แก่เขา ซึ่งทำให้เขาพอใจเป็อย่างยิ่ง
ช่างเป็คนที่โง่เขลาเสียจริงๆ
“ท่านแม่ทัพ กลับไปเสียเถิด”
หลินเฟิงกล่าวเกลี้ยกล่อมหลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดหลิ่วชั่งหลันก็พยักหน้าตอบช้าๆ
“เ้าอยากไปกับข้าด้วยไหม?”
หลิ่วชั่งหลันกล่าวกับหลินเฟิง หลินเฟิงจึงครุ่นคิดสักครู่ จากนั้นเขาก็พยักหน้า “ก็ได้”
“มาก่อปัญหาที่ลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ แล้วคิดว่าจะออกไปจากที่นี่ได้ง่ายๆ งั้นเหรอ?” ต้วนเทียนหลางกล่าวอย่างเย็นะเื วันนี้เขาถูกหลินเฟิงก่อเื่วุ่นวาย ทำให้เขาอับอาย และยังทำให้ลานศักดิ์สิทธิ์ต้องสูญเสียเป็อย่างมาก
“ข้าจะพาเขาไป ใครจะกล้าหยุด!”
หลิ่วชั่งหลันจ้องเขม็งไปยังต้วนเทียนหลางด้วยสายตาคมกริบราวกับคมดาบ หลิ่วชั่งหลันในเวลานี้กลายเป็หลิ่วชั่งหลันคนเดิมแล้ว
ในครั้งแรกเพราะความอยากตายเป็เหตุผลที่เขามา และ้าให้ต้วนเทียนหลางเป็ผู้ลงมือ เพราะอีกฝ่ายมีเหตุผลที่จะทำมัน แต่ตอนนี้เขาไม่ได้ลงมือ และต้วนเทียนหลางได้ส่งทหารไปโดยไร้สาเหตุ และยังให้หลิ่วชั่งหลันเข้าร่วมกับเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็การบอกผู้คนทั้งโลก แต่หลิ่วชั่งหลันนั้นไม่ยอมเข้าร่วมจึง้าเขาสังหารเขาแทน
“หลิ่วชั่งหลัน เ้าอย่าลืมสิว่าเ้ามาที่นี่โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต มิหนำซ้ำมาเมืองหลวงเพื่อก่อความวุ่นวาย มันถือว่าเป็ความผิดร้ายแรง” ต้วนเทียนหลางกล่าวอย่างเ็า
“นี่เป็การตัดสินใจของข้า แล้วเ้ามีสิทธิ์อะไร? ถ้าฝ่าาจะทรงตำหนิ ก็จงลดตำแหน่งของข้าเถิด แล้วข้าจะไปอย่างสมัครใจ หรือแม้แต่จะเริ่มจากยศต่ำก็ย่อมได้”
หลิ่วช่างหลันกล่าวอย่างเ็า แต่สีหน้าของต้วนเทียนหลางกลับยังคงดูบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด ขับไล่? เริ่มต้นจากทหารยศต่ำ?
ตราบใดที่หลิ่วชั่งหลันยังเป็ทหาร ถึงแม้ว่าสถานะของเขาจะเป็เพียงยศทหารธรรมดา แต่ก็ยังคงสามารถสั่งการได้ เพราะเขายังเป็ทหารที่มีอิทธิพลอย่างมาก และไม่มีใครสามารถเทียบได้
“ให้ม้าโลหิตกับเขา”
หลิ่วชั่งหลันกล่าวกันคนที่อยู่ข้างๆ ให้ไปนำม้ามาให้หลินเฟิง
“ไปกันเถอะ” หลิ่วชั่งหลันกล่าวกับหลินเฟิง จากนั้นหลินเฟิงก็ควบม้าโลหิตไป
หลินเฟิงนั่งอยู่บนม้าโลหิต ก่อนจากไปเขาได้พยักหน้าให้เมิ่งฉิงเป็สัญญาณ สำหรับเมิ่งฉิงนั้นเขาไม่ได้กังวลว่าในภายภาคหน้าจะเกิดอะไรขึ้น
ขณะนั้นหลินป้าต้าวและหลินหลุ่ยนั้นได้ถอยหลังไปสองสามก้าว เพราะมีสายตาที่กำลังมองมายังพวกเขา จึงทำให้พวกเขาต่างประหลาดใจ แววตานี้มันออกมาจากใต้หน้ากากทองสัมฤทธิ์
ในชั่วพริบตานั้นม้าโลหิตได้คำรามออกไป จนหลินป้าต้าวและหลินหลุ่ยต่างขมวดคิ้วแน่น และสงสัยว่าแววตานั้นเป็ของใครกัน