โหยวเสี่ยวโม่ใที่เมื่อเปิดประตูห้องก็เห็นคนอยู่ด้านนอก
คนบางคนบอกจะมาหาพรุ่งนี้เช้า แต่ตอนนี้มันพึ่งกลางคืน แถม่ระยะห่างจากตอนกลางวันถึงตอนนี้ก็ไม่ถึงสามชั่วยามด้วยซ้ำ
หลิงเซียวไม่ได้สนใจว่าเขาคิดอะไร ผลักประตูออกแล้วเดินเข้าห้อง ท่าทีวางอำนาจให้ความรู้สึกว่าเขานี่แหละเ้าของห้องที่แท้จริง เมื่อนั่งลง สายตาอ่อนโยนเป็ประกายก็มาหยุดบนตัวโหยวเสี่ยวโม่
นี่มันะุปืนใหญ่ห่อด้วยกระดาษลูกอมพร้อมไม้เสียบชัดๆ!
โหยวเสี่ยวโม่มองอย่างขนลุก รีบปิดบานประตู จากนั้นเดินไปตรงหน้าเขา สำรวจสีหน้าเรียบนิ่งของเขา ย้อนนึกเื่ที่เกิดขึ้นไม่กี่วัน ก็ไม่ได้ทำอะไรให้เขาไม่พอใจนี่ จึงเอ่ยถาม “ศิษย์พี่หลิง คุยกันไว้ว่าจะเจอกันพรุ่งนี้ ทำไมมาถึงตอนนี้ล่ะ?”
“ฟังน้ำเสียงเ้า เหมือนไม่อยากให้ข้ามางั้นสินะ?” หลิงเซียวหางคิ้วกระตุกขึ้น แต่ดูไม่ออกว่าคิดอะไรกันแน่
โหยวเสี่ยวโม่รีบปฏิเสธ “ไม่ใช่นะ ท่านมาได้ทุกเมื่อที่้า”
มีหรือที่เขาจะกล้าคัดค้าน ไม่ได้เบื่อโลกเสียหน่อย เขาพอคุ้นชินบ้างแล้วกับนิสัยชอบด่วนตัดสินใจเองของหลิงเซียว
หลิงเซียวจ้องหน้าเขาราวกับว่าจะจ้องให้เป็รู จนโหยวเสี่ยวโม่เริ่มทนไม่ไหว เขาจึงละสายตาออก “ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีชื่อเ้าอยู่บนรายชื่อด้วย”
“รายชื่อ รายชื่ออะไร?” โหยวเสี่ยวโม่ตะลึง
“ทำไม เ้าไม่รู้หรือว่าการประลองทุกปี แขนงโอสถจะวางแผนเขียนรายชื่อ คนที่ถูกระบุชื่อจะต้องรับผิดชอบสายกลาง” หลิงเซียวเข้าใจว่าเขายังไม่รู้พร้อมอธิบายให้เขาฟัง
โหยวเสี่ยวโม่กะพริบตา เขากับศิษย์พี่ใหญ่และอาจารย์คุยกันเมื่อตอนเย็น คิดไม่ถึงว่าหลิงเซียวจะรู้ข่าวเร็วขนาดนี้ มันจะเร็วเกินไปแล้ว ทว่าพอคิดถึงสถานะและตำแหน่งของเขาในแขนงการต่อสู้ ก็พอเข้าใจได้
“เื่นี้ข้าพอทราบ ตอนเย็นอาจารย์จ้าวเรียกพวกข้าไปคุยแล้ว ตอนแรกตั้งใจให้ศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่รองเป็ตัวแทน แต่ว่าศิษย์พี่ใหญ่ต้องดูแลคนอื่น จึงยกโอกาสนี้ให้ข้าแทน ครั้งนี้ที่ไปดูแลสายกลางมีข้ากับศิษย์พี่รอง” โหยวเสี่ยวโม่ส่ายหัวพร้อมชี้แจงเป็เื่เป็ราว เพราะไม่ใช่ความลับอะไรนัก
หลิงเซียวหรี่ตามองใบหน้ายิ้มแย้มของเขา “ศิษย์พี่ใหญ่เ้าคนนี้ เหมือนจะใจดีกับเ้าเหลือเกินนะ?”
เื่นี้ทำให้โหยวเสี่ยวโม่นึกถึงเื่เข้าใจผิดเมื่อตอนบ่าย แก้มแดงระเรื่อเป็สีขาวอมชมพูทันใด นั่นมันช่างน่าขายหน้าจริง
แต่ปฏิกิริยาแบบนี้หลิงเซียวกลับเข้าใจว่ามันเป็อาการเขินอาย จู่ๆ ั์ตาก็ปกคลุมไปด้วยพายุมรสุมมืดครึ้ม แต่คนเบื้องหน้ากลับไม่ทันสังเกต เพียงแต่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง
“ศิษย์พี่หลิง ท่านมีธุระอะไรหรือเปล่า?”
โหยวเสี่ยวโม่ฉุกคิดได้ว่าในห้องยังมีใครคนหนึ่งอยู่
ทว่าจังหวะที่เขาหันไปมองหลิงเซียวนั้น ใบหน้าเขานั้นไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใดๆ แล้ว นิ่งสงบราวกับสายตาเมื่อครู่ตาฝาดไปเอง
หลิงเซียวมองลึกเข้าไปในตัวโหยวเสี่ยวโม่ สายตานั้นแหลมคมราวกับใบมีด กวาดตาจากบนลงล่าง ไม่เว้นแม้แต่จุดเดียว เมื่อกวาดตามองอย่างละเอียดแล้ว อีกฝ่ายพลันรู้สึกขนลุกตั้งเป็หนังไก่ขึ้นมา
“ยังมีอีกเื่หนึ่ง ในเมื่อหลายวันนี้เ้ามีธุระต้องทำ เื่ยาเซียนตันก็พักไว้ก่อนชั่วคราว รอเ้ากลับทัพพิภพเมื่อไร ค่อยใช้คืนแล้วกัน”
ทันใดโหยวเสี่ยวโม่ซึ้งใจมาก ที่หลิงเซียวยอมเอ็นดูเขาขึ้นมาบ้าง นี่มันราวกับฝนหลั่งเป็สีแดง หิมะตกเดือนหก
แม้จะเหลือเชื่อ แต่เป็เื่จริงที่ชวนประหลาดใจมาก ทว่าประโยคท้ายที่ตามมา ความซึ้งใจทั้งหลายกลับปลิวหายไปราวกับพายุใหญ่พัดผ่าน พัดจนไม่เหลืออะไร ซาบซึ้งอยู่ครึ่งวัน ดันเข้าใจผิดไปเองสินะ
“ได้ยินหรือเปล่า?” เมื่อไม่ได้ยินคำตอบ หลิงเซียวกระตุกคิ้วจ้องไปยังเขา
โหยวเสี่ยวโม่ไหล่กระตุกพร้อมตอบรับ “ข้ารู้แล้ว”
หลิงเซียวลุกขึ้น “งั้นตามนี้ก็แล้วกัน พรุ่งนี้ข้าจะมารับเ้า”
โหยวเสี่ยวโม่ร้องใ “ท่านหมายความว่า จะมารับข้าที่นี่ด้วยตัวเองงั้นหรือ?” เขานึกว่าที่หลิงเซียวบอกเจอกันคือหมายถึงตอนประลอง ไม่คิดมาก่อนว่าจะมารับถึงที่นี่
“เ้าคิดว่าไงล่ะ?” หลิงเซียวถามกลับเสียงเรียบ เขาไม่มีทางบอกโหยวเสี่ยวโม่หรอก ว่าตอนแรกที่เขาหมายถึงคือเจอกันที่ลานประลองจริง แต่ตอนหลังเขาเปลี่ยนใจเอง
ในเมื่อโหยวเสี่ยวโม่ชอบฟางเฉินเล่อถึงเพียงนี้ เขาจะไม่ยอมให้พวกเขาได้เจอกัน ฉะนั้นต้องรีบมารับคนไปแต่เช้า เพื่อเลี่ยงพวกเขาไปแอบเจอกันตอนเขาไม่อยู่ เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงไม่สบอารมณ์หลังจากเห็นปฏิกิริยาของโหยวเสี่ยวโม่ เมื่อคิดไม่ออก จึงทำตามวิธีตัวเอง
โหยวเสี่ยวโม่ส่ายหัวเบาๆ เขารู้ว่าหลิงเซียวไม่พอใจ
เพียงแต่ยังไม่เข้าใจ เขาทำอะไรให้หลิงเซียวไม่พอใจขนาดนี้ มาคิดดูแล้วก็ไม่ได้ทำอะไร
พอหลิงเซียวกลับไป โหยวเสี่ยวโม่ก็ยังคิดไม่ออก จึงเลิกคิดไปก่อน แม้ว่าอาจารย์จ้าวจะให้พวกเขาพักผ่อนเยอะๆ คืนนี้ เพราะมีภารกิจพรุ่งนี้ แต่โหยวเสี่ยวโม่ไม่อยากเสียเวลา
เดือนนี้มัวแต่ยุ่งกับการเก็บเกี่ยวหญ้าเซียนในห้วงเวลา เขาจึงไม่ได้หลอมยามาสักพัก ฉะนั้นเวลาตอนนี้เหมาะเจาะพอดี เขาวางแผนจะใช้หญ้าเซียนในห้วงเวลามาหลอมยา ดูสิว่าคุณภาพจะเป็เช่นไร
เมื่อคิดได้ก็ลงมือทำ โหยวเสี่ยวโม่รีบปิดประตูล็อกกลอนแ่า จากนั้นหยิบเตาหลอมที่อยู่ในถุงเก็บของออกมาวาง
เตาหลอมยังคงเป็อันเดิมที่ยืมมาจากห้องหิน ทั้งดำคร่ำครึทั้งเก่า ภายนอกช่างไม่น่าดู
โหยวเสี่ยวโม่เคยมีความคิดที่จะซื้อเตาหลอมใหม่ดีๆ สักอัน แต่ยังออมเงินไม่พอ เพราะสองครั้งที่ผ่านมาเงินที่ได้จากการขายยาเซียนตันล้วนเอาไปลงทุนกับการซื้อเมล็ดพันธุ์เพาะปลูก เงินที่เหลือจึงไม่พอซื้อเตาหลอมที่ดี
ทว่านี่เป็เพียงเหตุผลข้อเดียว ที่สำคัญคือถ้าเขาซื้ออันใหม่ต้องเป็ที่สงสัยของคนอื่นแน่นอน ตัวเขามีฐานะทางบ้านยากจน เข้าสำนักเพียงสองเดือน จะมีเงินเยอะแยะซื้อเตาหลอมดีๆ ได้อย่างไร
เมื่อไตร่ตรองถี่ถ้วน โหยวเสี่ยวโม่จึงพักความคิดนี้ไว้ก่อน
โหยวเสี่ยวโม่หยิบหญ้าเซียนจากห้วงเวลาออกมาสิบสองต้น ไม่กล้าเอาออกมาเยอะ แม้ว่าจะล็อกกลอนประตูแล้ว แต่ก็กลัวจะมีคนบุ่มบ่ามเข้ามา
หญ้าเซียนทั้งสิบสองต้นนั้นเป็ส่วนผสมของยาทดแทนความหิว คราวก่อนที่ลงเขา เขาพอสอบถามเบื้องต้น พบว่ายาทดแทนความหิวนั้นเป็ที่้าของตลาดพอสมควร
นักฝึกตนบางคนที่แกร่งกล้าจนถึงขั้นไม่ต้องกินดื่มนั้นมีบ้าง แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีความสามารถเช่นนี้ได้ อย่างน้อยคนธรรมดาก็จำเป็ต้องกินวันละสามมื้อ ยังมีพวกที่พลังอ่อนแออยู่ รวมถึงนักหลอมโอสถเองก็ด้วย
คนมากมายเหล่านี้รวมกันเป็ตัวเลขจำนวนมากโขอยู่ จากที่รู้กันว่ายาทดแทนความหิวนั้นมีคุณภาพระดับต่ำ ปานกลางและระดับสูงที่มีไม่มาก ถึงจะมี คนที่แย่งซื้อไปก็ล้วนแต่พวกที่มีเงินมีอำนาจ จึงเห็นได้ว่ายาทดแทนความหิวนั้นเป็ที่้ามากเพียงใด
โหยวเสี่ยวโม่สูดลมหายใจลึก พร้อมหยิบหญ้าเซียนทั้งสามต้นขึ้นมา
หญ้าเซียนพวกนี้เป็ผลเก็บเกี่ยวรอบแรกที่เพาะปลูกได้ แฝงด้วยพลังปราณเข้มข้น เพียงแค่ถือไว้บนมือ เขาก็ได้กลิ่นหอมสดชื่นจากมัน ทั้งร่างราวกับได้รับการชะล้างก็ไม่ปาน ผ่อนคลายอย่างยิ่ง
โหยวเสี่ยวโม่ตื่นเต้นดีใจว่าหญ้าเซียนจะพัฒนาคุณภาพได้ผลลัพธ์ดีเกินคาดเช่นนี้ ถ้าหลอมเป็ยา ไม่รู้ว่าจะได้ยาเซียนตันคุณภาพแบบไหน
จากนั้นโยนหญ้าเซียนสามต้นลงในเตาหลอม โหยวเสี่ยวโม่ค่อยๆ ปล่อยพลังปราณออกมา
หลังจากการฝึกฝนพลังกว่าหนึ่งเดือน พลังปราณของเขาหนาแน่นและบริสุทธิ์ขึ้นมากทีเดียว
เพียงชั่วครู่พลังปราณสีขาวก็พุ่งทะลวงเข้าสู่เตาหลอม โดยเคล็ดวิชาที่หมั่นฝึกฝนมา หญ้าเซียนสามต้นละลายกลายเป็ปราณเหลว จากนั้นสิ่งสกปรกก็ถูกกำจัดออก แม้ว่าจะเป็หญ้าเซียนคุณภาพสูง แต่ก็ยังมีสิ่งสกปรกที่ซ่อนตัวอยู่
ที่โหยวเสี่ยวโม่จะทำคือ กำจัดสิ่งสกปรกพวกนี้ออกไปให้หมด
แม้จะไม่มีความหวังมากนัก แต่เขาได้ผ่านการฝึกมากว่าพันหน เมื่อลงมือทำก็ไม่ได้รู้สึกว่ายากเกินไป เพียงแต่เมื่อหลอมร้อนได้รอบหนึ่ง เขาก็เริ่มหมดแรงแม้ใจจะสู้ก็ตาม ไม่ใช่เพราะพลังปราณเขาไม่พอ หากแต่สิ่งสกปรกพวกนั้นกำจัดอย่างไรก็ไม่ออก จนสุดท้ายก็ต้องเข้าสู่กระบวนการบดนวดแทน
เนื่องจากคุณภาพหญ้าเซียนที่ต่างกัน เพื่อไม่ให้ล้มเหลว โหยวเสี่ยวจึงตั้งจิตรวบรวมสมาธิแรงกล้า กระบวนการนวดห้าท่านั้นแม้จะง่าย แต่เขาก็พยายามไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด ระมัดระวังทุกขั้นตอนอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน ถ้าตอนนี้มีคนมาเคาะประตู เขาเองคงไม่ได้ยิน
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป!
โหยวเสี่ยวโม่จ้องมองเม็ดยาในอุ้งมือพร้อมกับปาดเหงื่อ สีฟ้าครามที่ออกเข้ม
นี่คือยาเซียนตันคุณภาพสูง กลิ่นที่แฝงอยู่ในเม็ดยานี้หอมเข้มข้นกว่าที่เขาเคยได้กลิ่นมาทั้งหมด ทั้งห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมสมุนไพร โหยวเสี่ยวโม่จ้องมองมัน พลันหลุดยิ้มออกมาอย่างอุ่นใจ พรุ่งนี้เอาให้หลิงเซียวดู เขาต้องดีใจมากแน่
ถ้าเขาดีใจ จะพอทำให้หายโกรธได้บ้างหรือเปล่านะ?