โดยปกติทั่วไปนักปรุงโอสถฝึกหัดจะมีอายุตั้งเเต่สิบปีถึงยี่สิบห้าปีโดยเสียส่วนใหญ่ ขึ้นอยู่กับระดับพลังิญญารวมไปถึงความเเข็งแกร่งของิญญายุทธ์ปราณธาตุไฟต้นกำเนิดและจะต้องมีจิติญญาของนักปรุงโอสถที่มากพอจึงจะสามารถเข้าสู่เส้นทางนี้ได้
นักปรุงโอสถคนหนึ่งจะต้องประกอบไปด้วยทั้งสามสิ่งนี้ไปในทิศทางเดียวกัน หากไม่เป็ไปดังนี้เเล้วย่อมถือว่านักปรุงโอสถฝึกหัดผู้นั้นขาดคุณสมบัติที่จะเลื่อนระดับเป็นักปรุงโอสถระดับหนึ่ง คงเป็ได้เพียงนักปรุงโอสถฝึกหัดต่อไปจนกว่าจะมีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมในทั้งสามด้านนี้จึงจะสามารถเข้าร่วมสอบเลื่อนระดับเป็นักปรุงโอสถระดับหนึ่งได้นั่นเอง
ดังนั้นการที่เหวินหวู่ได้บอกแก่สหายของตนถึงเหตุผลในการเดินทางมายังสมาคมสมาพันธ์นักปรุงโอสถในครั้งนี้ ว่า้าพาศิษย์คนล่าสุดมาสอบเลื่อนระดับจึงสร้างความใแก่จ้าวเสวี่ยถังเป็อย่างมาก ก่อนหน้าหลายปีที่ผ่านมาอีกฝ่ายได้เคยพาศิษย์ลำดับหกที่มีอายุเพียงสิบแปดสิบเก้าปีเท่านั้นมาสอบเลื่อนระดับเป็นักปรุงโอสถระดับหนึ่ง ก็นับว่าในตอนได้สร้างความตกตะลึงแก่ผู้คนในเมืองนี้รวมไปถึงสร้างชื่อเสียงเป็ที่ร่ำลือไปทั่วที่อีกฝ่ายสามารถบ่มเพาะศิษย์ที่มากไปด้วยความสามารถเช่นนี้ตั้งเเต่อายุยังน้อย
อย่างไรก็ตามรูปลักษณ์ภายนอกเป็หนุ่มน้อยคนหนึ่งที่คาดว่าอายุคงอยู่ที่สิบห้าสิบหกปีโดยประมาณที่ยืนอยู่ตรงหน้า อีกฝ่ายเป็ศิษย์คนล่าสุดที่ทางเหวินหวู่รับเข้าสังกัดในตำหนักศาสตร์เเห่งการรักษาในรอบหลายปี เพียงเวลาไม่ถึงสิบวันนับจากการเข้าร่วมทดสอบสำนักที่พึ่งเสร็จสิ้น
ทว่าเด็กหนุ่มคนนี้กลับเพรียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติที่สามารถสอบเลื่อนขั้นเป็นักปรุงโอสถระดับหนึ่งได้เเล้ว นับว่าเหวินหวู่ได้เก็บเกี่ยวสุดยอดรุ่นเยาว์อัจฉริยะคนนี้มาอยู่ในการดูเเลของตนช่างโชคดียิ่งนัก…
"ศิษย์ของข้าสามารถปรุงโอสถระดับหนึ่งได้ความบริสุทธิ์ถึงสิบส่วนตั้งเเต่ครั้งเเรก สามสี่วันให้หลังก็สามารถปรุงโอสถระดับสองได้ แม้สองสามครั้งเเรกความบริสุทธิ์จะยังไม่มากนักก็จริง คาดว่าโอสถระดับสองหากไม่ได้มีความพิเศษหรือมีสูตรโอสถพิศดารที่มากเกินไปย่อมสามารถหลอมสร้างปรุงโอสถระกับสองออกมาได้ความบริสุทธิ์ไม่ต่ำกว่าเจ็ดส่วนอย่างแน่นอน..."เหวินหวู่เอ่ยโอ้อวดศิษย์ของตนคนนี้ให้กับสหายด้วยความภูมิใจ
"์ช่วย!! เด็กน้อย อาจารย์ของเ้าก่อนที่จะเป็ตาเฒ่าเหวินเป็ผู้ใดกัน??" จ้าวเสวี่ยถังถามกลับเด็กหนุ่มไป เพราะว่าความสามารถเช่นนี้ย่อมมีอาจารย์มาก่อนเป็แน่
"ข้าไม่เคยฝากตัวเป็ศิษย์ของผู้ใดมาก่อนขอรับ เพียงเเต่ตั้งเเต่เด็กข้าชื่นชอบศึกษาตำราในเื่ของสมุนไพรและตำราโอสถต่าง ๆ จึงพอให้รับรู้มาบ้าง เป็ท่านอาจารย์ที่เมตตาสั่งสอน ข้าจึงสามารถทำให้เช่นนี้ขอรับ..." หนิงอ้ายตอบอีกฝ่ายไปด้วยความอ่อนน้อม สร้างความประทับใจแก่อีกฝ่ายเป็อย่างมาก
สิ่งที่หนิงอ้ายตอบไปนั้นก็เป็ความจริงอยู่มาก เพราะว่าหนิงอ้ายคนเก่าชื่นชอบในตำราสมุนไพรและเื่ของโอสถต่าง ๆ เป็อย่างมาก ประกอบกับที่เขานั้นในโลกเดิมก็พอมีความรู้ในเื่นี้อยู่บ้างแม้จะเชี่ยวชาญในเื่ยาพิษมากกว่า เมื่อนำองค์ความรู้สองสิ่งนี้มาผนวกกับสิ่งที่ได้เรียนรู้จากเหวินหวู่ผู้เป็อาจารย์ ดังนั้นการหลอมสร้างปรุงโอสถในเเต่ละครั้งจึงไม่ใช่เื่ยากไปสักเท่าไหร่นัก
"เฮ้อ!!! ความจริงข้าก็ควรชินได้เเล้ว ลูกศิษย์ของเ้าเเต่ละคนต่างยอดเยี่ยมด้วยกันทั้งสิ้น ยิ่งกับเด็กน้อยคนนี้ที่เ้ารับเขาเป็ศิษย์ในสำนักในรอบหลายปีอีกทั้งยังมอบตำแหน่งศิษย์ผู้สืบทอดให้กับอีกฝ่ายไปเด็กน้อยคนนี้จะธรรมดาได้อย่างไรกัน สายตาเ้ายังคงเเหลมคมเช่นเดิมเลยนะตาเฒ่า..." จ้าวเสวี่ยถังบ่นขึ้นคล้ายกับคุยกับตนเองเสียมากกว่าก่อนที่หันไปคุยกับสหายของตน
ตั้งเเต่ไหนมาเหวินหวู่สหายของเขามีสายตาและความคิดที่พิเศษมากกว่าคนอื่นทั่วไปมาก เห็นได้ว่าแม้อีกฝ่ายจะเป็เ้าตำหนักที่มีศิษย์ในสังกัดเพียงเจ็ดคนก็จริง เเต่ถึงอย่างไรต่างโดดเด่นด้วยกันทั้งสิ้น แล้วยิ่งกับเด็กหนุ่มคนนี้จะธรรมดาสามัญได้อย่างไรกัน
สองสหายต่างพูดคุยกันในเื่ต่าง ๆ มากมายด้วยเพราะต่างเป็นักปรุงโอสถระดับสูงทั้งคู่ ดังนั้นเื่ราวที่พูดคุยกันจึงเต็มไปด้วยสิ่งที่ทำให้หนิงอ้ายประหลาดใจและเก็บเกี่ยวสิ่งเหล่านี้มาเพิ่มในองค์ความรู้ของตน มีบ้างที่เด็กหนุ่มสงสัยในบางเื่ เเต่ก็ได้จ้าวเสวี่ยถังที่ให้คำตอบจนกระจ่างไร้ซึ่งคำถามต่อไป เเสดงให้เห็นว่าตำแหน่งหนึ่งในสามผู้ดูเเลสูงสุดอีกฝ่ายนั้นได้มาเป็เพราะความสามารถที่เเท้จริง
หนึ่งชั่วยามหลัง เวลาของการสอบเลื่อนระดับนักปรุงโอสถจะเริ่มขึ้นในอีกไม่ช้านี้เเล้ว จ้าวเสวี่ยถังได้ขอตัวออกไปจัดการทางด้านนอกให้เรียบร้อยเนื่องจากว่าการสอบเลื่อนระดับในวันนี้นอกจากจะมีนักปรุงโอสถฝึกหัดเข้าร่วมเเล้ว ยังมีนักปรุงโอสถระดับต่าง ๆ ที่มายังที่นี่เพื่อสอบเลื่อนระดับถัดไปเช่นเดียวกัน
เหวินหวู่ได้ออกไปรอเด็กหนุ่มตรงด้านนอกเพื่อให้หนิงอ้ายได้จัดการตัวเอง เด็กหนุ่มได้ใส่ชุดสีเขียวขาวอันเป็ชุดประจำตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาพร้อมกับตรงข้างเอวนั้นได้มีป้ายหยกสีทองเเสดงถึงฐานะศิษย์ผู้สืบทอดที่อีกฝ่ายอยู่ ทุกอย่างเรียบร้อยหนิงอ้ายจึงเดินไปหาอาจารย์ของตนที่ยืนรออยู่ ก่อนที่หนึ่งอาจารย์หนึ่งศิษย์จะมุ่งตรงไปยังสนามสอบในทันที…
สถานที่สอบเลื่อนระดับของนักปรุงโอสถฝึกหัดคือบริเวณลานกว้างส่วนหน้าของทางสมาคม โดยรอบนอกจากจะมีนักปรุงโอสถฝึกหัด นักปรุงโอสถระดับต่าง ๆ รวมไปถึงอาจารย์ที่มาส่งศิษย์ของตน ยังมีชาวบ้านธรรมดาและผู้ฝึกตนไม่น้อยที่สนใจเข้าร่วมรับชมการสอบเลื่อนระดับในวันนี้ ผู้คนที่ผ่านไปมาต่างเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่สมาคมสมาพันธ์นักปรุงโอสถนี้ด้วยเพราะอยากร่วมเป็สักขีพยานในความสำเร็จของรุ่นเยาว์เพราะถึงอย่างไรในวันข้างหน้าพวกเขาเหล่านี้ย่อมเป็นักปรุงโอสถผู้หนึ่งเช่นกัน
การมาถึงของเหวินหวู่กับหนิงอ้ายต่างเรียกสายตาของทุกคนในที่นี้ให้มองมาด้วยความสนใจเป็อย่างยิ่ง เหล่าอาจารย์และศิษย์นักปรุงโอสถในที่นี้ต่างล้วนรู้จักปรมจารย์โอสถเหวินหวู่ ด้วยเพราะในมหาทวีปบูรพาเเห่งนี้อีกฝ่ายเป็ถึงนักปรุงโอสถระดับเจ็ด ถือเป็นักปรุงโอสถระดับสูงที่พบเห็นได้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ฟังว่าแม้กระทั้งสามผู้นำสูงสุดของสมาคมสมาพันธ์นักปรุงโอสถยังต้องไหว้หน้าให้เกียรติอีกฝ่ายไปอีกหลายส่วน ส่วนเด็กหนุ่มหน้าตาน่าเอ็นดูที่เดินข้างกันคงเป็ศิษย์ลำดับที่เจ็ด ศิษย์คนล่าสุดที่อีกฝ่ายเข้ารับเข้าสังกัดในตำหนักเป็เเน่
ข่าวลือที่ว่าในการทดสอบเข้าสำนักศึกษาที่พึ่งจบไปไม่กี่วันมานี้ ทางตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาถึงกับรับศิษย์คนล่าสุดในรอบสิบปีเลยทีเดียว อีกทั้งสิ่งที่ได้รับรู้มาเพิ่มเติมชวนให้รู้สึกใและรู้สึกอิจฉาในโชคชะตาวาสนาของเด็กหนุ่มคือ อีกฝ่ายที่มีอายุเพียงสิบห้าสิบหกปีเท่านั้นเเต่กลับได้รับตำแหน่งศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนักไป
นับว่าเป็เื่ที่น่าอิจฉาในตัวของเด็กหนุ่มยิ่งนัก เพราะพวกเขาทุกคนต่าง้าให้ลูกหลานของตนที่เข้าศึกษาในสำนักนั้นได้รับเลือกเป็ศิษย์ผู้สืบทอดทั้งสิ้น จากที่พวกเขาเห็นอีกฝ่ายก็เป็เพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ดูธรรมดาสามัญทั่วไป มีเพียงหน้าตาที่ชวนให้เอ็นดูนอกจากนั้นก็ไม่เห็นสิ่งใดพิเศษอีก การที่ปรมจารย์เหวินหวู่ได้พาเด็กหนุ่มมายังที่นี่คาดว่าเพียงพาอีกฝ่ายมาสังเกตการณ์เพียงเท่านั้น
เสียงสัญญาณดังขึ้นหนึ่งครั้งดังกังวาลไปทั่ว เสียงประกาศให้เหล่านักปรุงโอสถฝึกหัดเข้าแถวเตรียมตัวเข้าทดสอบ ครั้งนี้มีมากถึงห้าสิบคนรุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้มีอยู่ทุก่วัยทีเดียว หนิงอ้ายที่ได้รับคำอวยพรจากอาจารย์ของตนแล้วจึงเดินไปรวมกลุ่มของผู้เข้าร่วมทดสอบในนักปรุงโอสถฝึกหัด ซึ่งได้เรียกความสนใจจากทุกคนเป็อย่างมาก เพราะต่างคิดเห็นตรงกันว่าเด็กหนุ่มนั้นเพียงติดตามอาจารย์ของตนมาร่วมรับชมการทดสอบของนักปรุงโอสถเเต่เพียงเท่านั้นหาใช่ร่วมลงทดสอบเช่นนี้
'เด็กคนนั้นที่เป็ศิษย์ของปรมจารย์เหวินหวู่เหตุใดจึงลงไปยังสนามทดสอบด้วยเล่า?? ไม่ใช่ว่าพึ่งเข้าร่วมสำนักเพียงไม่กี่วันเพียงเท่านั้นไม่ใช่รึ...'
'เ้าดูป้ายหยกตรงข้างเอวของเด็กหนุ่มนั่น ไม่ผิดแน่ป้ายหยกเเทนฐานะศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาอย่างแน่นอน...'
'ข้าไม่เห็นว่าเ้าเด็กนั่นจะมีความพิเศษที่โดดเด่นอะไร สงสัยคงคิดว่าการทดสอบเลื่อนระดับของนักปรุงโอสถฝึกหัดนั้นเป็การละเล่นกระมัง...'
'เ้าเด็กนี่คงคิดว่าตนเป็ศิษย์ของปรมจารย์โอสถเหวินหวู่เเล้วจะได้สิทธิพิเศษที่มากกว่าผู้อื่น หากเ้าเด็กนี่ผ่านการทดสอบโดยที่ไร้ซึ่งคุณสมบัติเหมาะสมของนักปรุงโอสถข้าไม่ยอม...'
'ข้าก็คิดเห็นเช่นเดียวกับเ้า พวกเรามาช่วยกันจับตาดูเ้าเด็กอวดดีคนนี้กัน!!'
เสียงพูดคุยดังขึ้นอย่างคึกคักซึ่งมีผู้ที่รับชมโดยรอบจำนวนไม่น้อยที่เห็นด้วยกับถ้อยคำเหล่านี้ การพูดคุยหลังจากนั้นถึงเด็กหนุ่มจึงเต็มไปด้วยอคติ มีไม่น้อยเช่นกันที่ต่างพากันอิจฉาเด็กหนุ่มที่ได้รับโอกาสเป็ศิษย์ของปรมจารย์โอสถเหวินหวู่และได้รับเลือกเป็ถึงศิษย์ผู้สืบทอด เพราะในสายตาที่ไร้แววของพวกเขานั้นต่างรู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้ช่างธรรมดาไร้ซึ่งความโดดเด่นใดใดทั้งสิ้น...
หนิงอ้ายที่ได้ยินถ้อยคำไม่รื่นหูเหล่านี้ เเต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้ให้ค่าหรือความสนใจทั้งสิ้น เมื่อรับสูตรโอสถระดับหนึ่งในการทดสอบเลื่อนระดับในครั้งนี้ หนิงอ้ายได้เลือกนั่งอยู่ตรงบริเวณหนึ่งที่อยู่ในระยะสายตาของท่านอาจารย์เพื่อสบายใจของตัวเอง โดยรอบสนามนั้นก็มีบรรดานักปรุงโอสถระดับต่างๆ ที่คอยมองเด็กหนุ่มด้วยความอยากรู้ว่า ศิษย์คนล่าสุดของท่านปรมจารย์เหวินหวู่จะมีดีมากเพียงใดกัน
บริเวณด้านหน้าสุด มีโตะพร้อมเก้าอี้นั่งที่ถูกตกแต่งสวยงามไว้สำหรับแขกผู้มีเกียรติหรือผู้าุโกรรมการตัดสินในการสอบเลื่อนระดับครั้งนี้นั่งอยู่อย่างครบถ้วน โดยรอบต่างเต็มไปด้วยทหารผู้ฝึกตนรวมไปถึงองครักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงาเพื่อคอยระวังและปกป้องนายของตนหากมีเื่ผิดปกติเกิดขึ้นที่ไม่คาดฝัน…
"รุ่นเยาว์ชายหญิงที่เป็นักปรุงโอสถฝึกหัดทุกคน ในมือของพวกเ้านั้นจะมีสูตรโอสถระดับหนึ่งที่แตกต่างกันออกไป ทุกคนจะได้รับสมุนไพรตามสูตรทั้งหมดสองชุดนั่นหมายความว่าพวกเ้าจะมีโอกาสเพียงเเค่สองครั้งเท่านั้น หากว่าเตาโอสถะเิ สมุนไพรตามสูตรโอสถเสียหาย เม็ดยาไม่ขึ้นรูป นั่นหมายความว่าพวกเ้าย่อมสอบตกในวันนี้..."
"ให้เวลาเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น หากเกินเวลาเเล้วยังไม่ได้โอสถตามสูตรที่ได้รับไป ย่อมถือว่าสอบตกไปไม่ต่างเช่นกัน ขอให้พวกเ้าทุกคนโชคดี..." ชายวัยกลางคนที่รับหน้าที่ในส่วนนี้ได้ประกาศเงื่อนไขให้แก่นักปรุงโอสถฝึกหัดรวมไปถึงผู้ที่รับชมอยู่โดยรอบให้รับทราบโดยทั่วกัน
สิ้นเสียงประกาสดังกล่าวนั้นทุกคนต่างเรียกเตาหลอมโอสถของตนออกมา หนิงอ้ายเห็นว่าต่างมีขนาดและคุณสมบัติแฝงกันทั้งสิ้น มือเรียวบางได้เปิดสูตรโอสถที่ได้รับมาก่อนหน้า เห็นสมุนไพรที่ใช้จึงพอคาดการณ์ได้ว่าโอสถที่ตนต้องปรุงในรอบนี้คือโอสถอนันตวิถี ซึ่งเป็โอสถระดับหนึ่งขั้นสูงหรือจะเรียกได้ว่าเป็โอสถระดับสองขั้นต่ำก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่นัก
บางคนที่เห็นว่าสูตรโอสถที่ตนได้รับมานั้นเป็โอสถง่าย ๆ ไม่ได้ซับซ้อนมากจึงยิ้มและหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข เเต่ก็มีไม่น้อยเช่นกันที่ได้โอสถระดับหนึ่งขั้นกลางที่ต้องใช้ความพิถีพิถันเป็อย่างมาก เเต่กลับบางคนที่ได้สูตรโอสถเดียวกันกับหนิงอ้ายต่างหน้าซีดเซียวที่เรียกได้ว่าต่างหมดกำลังใจไปเเล้ว
หนิงอ้ายไม่สนใจท่าทางของนักปรุงโอสถฝึกหัดที่นั่งอยู่รอบตัวที่ต่างมีสีหน้าคิดไม่ตก เขาเพียงคิดว่าในการสอบเลื่อนระดับนี้คนต้องผ่านไปให้ได้ สองมือเรียวบางได้เรียกเตาหลอมขนาดกลางออกมาจากเเหวนมิติ พร้อมกันนั้นสมุนไพรสองชุดก็ได้ถูกวางตรงหน้าเสียเเล้ว ท่ามกลางความตกตะลึงของนักปรุงโอสถโดยรอบ
'เ้าเด็กนั่นได้สูตรโอสถระดับหนึ่งอนันตวิถีนักปรุงโอสถเช่นพวกเราต่างรู้โดยทั่วกันว่าโอสถนี้ไม่ต่างไปจากโอสถระดับสองเสียด้วยซ้ำ ข้ารอดูเ้าเด็กนี่ร้องไห้วิ่งกลับตำหนักไม่ไหว ฮ่าฮ่าฮ่า'
'สมุนไพรที่ใช้ในสูตรโอสถอนันตวิถี ต่างมีฤทธิ์ต่อต้านความร้อนเป็อย่างมาก การสกัดเป็ของเหลวได้ก็ใช้เวลาไม่น้อย ด้วยเวลาเพียงครึ่งชั่วยามเช่นนี้ย่อมไม่ง่ายดายอย่างแน่นอน...'
'ใครจะผ่านการทดสอบนักปรุงโอสถระดับหนึ่งนี้ข้าไม่สนใจ ขอเเต่เพียงเ้าเด็กนั่นไม่ผ่านการทดสอบข้าก็สมใจเเล้ว...'
เสียงพูดคุยจากทางฝั่งของนักปรุงโอสถระดับต่างๆ นั้นกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ยิ่งเห็นว่าเด็กหนุ่มผู้เป็ลูกศิษย์ของปรมจารย์เหวินหวู่ที่ผ่านมาเเล้วเกือบหนึ่งเค่อเเล้วเเต่อีกฝ่ายยังไม่เริ่มหลอมสร้างปรุงโอสถเสียที ท่าทางของเด็กหนุ่มจึงเรียกเสียงโห่และเสียงหัวเราะดังขึ้นทั่วทั้งบริเวณสนามสอบ...
หนิงอ้ายหลับตาลงก่อนที่จะเรียกญาณััพร้อมกับเรียกิญญายุทธ์ปราณธาตุไฟของตนออกมาเเผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งเตาหลอมโอสถตรงหน้า มือซ้ายนั้นได้ตวัดเอาสมุนไพรทั้งหมดเข้าสู่กลางเปลวเพลิงสีแดงส้มนี้โดยทันทีสร้างความใแก่ผู้ที่พบเห็นยิ่ง พึงทราบว่าสมุนไพรเเต่ละชนิดนั้นต่างต้องใช้ความร้อนเเรงจากเปลวเพลิงิญญายุทธ์ที่แตกต่างกันออกไป การที่เด็กหนุ่มทำเช่นนี้พวกเราต่างคิดว่าสมุนไพรชุดเเรกนี้คงไม่ต่างไปจากเป็ของเล่นไร้ค่าสำหรับเด็กน้อยคนนี้เสียอย่างนั้น
เปลวเพลิงสีแดงส้มของหนิงอ้ายได้เรียกสายตาและความประหลาดใจ โดยปกติิญญายุทธ์ปราณธาตุไฟจะประกอบไปด้วยสีเหลือง สีเหลืองส้มและสีส้มโดยเรียงจากความร้อนแรงน้อยสุดไปถึงมากสุดตามลำดับ
ดังนั้นพวกเราที่เป็นักปรุงโอสถย่อมคุ้นเคยจากเปลวเพลิงจากิญญายุทธ์มาไม่น้อย ด้วยความแตกต่างนี้บางคนถึงกับคาดเดาได้ว่าอาจจะเป็เปลวเพลิงที่ถูกประสานเข้ากับกระดูกิญญาก็ได้เช่นกัน หากว่าสิ่งที่พวกเขาคิดเห็นนั้นเป็เื่จริงเเล้ว การที่เด็กหนุ่มที่มีอายุเพียงสิบห้าสิบหกปีเช่นนี้เเต่กับดูดซับประสานกระดูกิญญาเข้ากับร่างกายได้ เื้ัสนับสนุนเด็กคนนี้คงไม่ธรรมดาสามัญ
หนิงอ้ายยังคงตั้งสมาธิใช้ญาณััของตนควบคุมความร้อนแรงของเปลวเพลิงสีแดงส้มนี้ให้มีความสมดุล สมุนไพรเเต่ละชนิดนั้นต้องใช้ความละเอียดอ่อนเป็อย่างมาก ยิ่งเวลาใกล้มาถึงครึ่งชั่วยามตามกำหนดก็ยิ่งสร้างความกดดันแก่นักปรุงโอสถฝึกหัดในที่นี้
มีไม่น้อยที่ระหว่างทางนั้นหากไม่ทำเตาหลอมะเิก็ต่างใช้สมุนไพรสองชุดที่ได้รับมาจนหมดสิ้น เมื่อเป็เช่นนั้นกรรมการที่เป็นักปรุงโอสถในสมาคมจึงเข้าไปดูเเลและตัดสิทธิกลุ่มคนเหล่านี้ให้ออกจากการทดสอบเลื่อนระดับไปอย่างน่าเสียดาย...