ในขณะเดียวกันพลังเจตจำนงห่อหุ้มร่างเย่เฟิง แทรกซึมผ่านทุกรูขุมขนเจาะเข้าไปในร่างกาย ไหลผ่านเส้นลมปราณ ทำให้เย่เฟิงรับรู้ได้ว่าเส้นลมปราณหลักในร่างกายของเขาขยายตัวราวกับจะะเิออกก็ไม่ปาน
“ไอ้หนูคิดจะทำอะไรน่ะ หรือเป็บ้าไปแล้ว?” พลันเสียงราชันมารชื่อเทียนดังขึ้นในหัว เห็นชัดว่าตอนที่พลังเจตจำนงที่แข็งแกร่งนั่นเข้าสู่ร่างเย่เฟิง ก็ได้ปลุกจิตสำนึกของราชันมารชื่อเทียนในจิตของเขาเช่นกัน
“ตาเฒ่า ตอนนี้ข้าจะหลอมผลึกเจตจำนงแรกเริ่ม เพื่อเปิดร่างเจตจำนง ท่านว่าข้ามีโอกาสสำเร็จสักกี่ส่วน?” เย่เฟิงเอ่ยถาม คิดว่าหากราชันมารชื่อเทียนมีประสบการณ์ด้านนี้ ก็จะได้เรียนรู้ไปด้วย
“โดยทั่วไปแล้ว ผลึกเจตจำนงแรกเริ่มมีเพียงพลังแห่งอำนาจขั้นิญญา่ปลายจึงจะสามารถใช้ได้ อีกอย่างตอนที่หลอมก็ต้องเจอกับภยันตราย ด้วยตบะของเ้าในตอนนี้อยากจะหลอมผลึกเจตจำนงแรกเริ่ม ทั้งยังจะเปิดร่างเจตจำนงอีก เท่ากับรนหาที่ตายชัด ๆ” ราชันมารชื่อเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด เขาในเวลานี้เป็เพียงจิตสำนึก เมื่ออยู่ภายใต้การโจมตีจากพลังเจตจำนงที่แข็งแกร่งเช่นนั้น แม้แต่ราชันมารชื่อเทียนก็รู้สึกทนไม่ไหว
คำพูดของราชันมารชื่อเทียนประหนึ่งน้ำเย็นที่สาดใส่เย่เฟิง แต่เย่เฟิงยังคงไม่มีท่าทียอมแพ้ เขาเอ่ยถามต่อไปว่า “โอกาสเพียงเล็กน้อยก็ไม่มีเลยหรือ?”
“ตามหลักการแล้วก็พอมี แต่ภายใต้การโจมตีจากพลังเจตจำนงที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ข้ากลัวว่าเ้าจะรับไม่ไหว แนวป้องกันทางจิตจะล้มเสียก่อน หากเป็เช่นนี้เ้าได้ตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!” ราชันมารชื่อเทียนกล่าวต่อ ตามหลักการแล้ว ตราบใดที่ผู้ฝึกยุทธ์ตระหนักถึงพลังแห่งอำนาจ ก็จะหลอมผลึกเจตจำนงแรกเริ่มได้ หากเพิ่งเรียนรู้พลังแห่งอำนาจ ศักยภาพทุกด้านของผู้ฝึกยุทธ์จะไม่สามารถทนต่อการโจมตีจากพลังแห่งอำนาจได้
คนส่วนใหญ่จึงจะหลอมผลึกเจตจำนงแรกเริ่มในตอนบรรลุอำนาจขั้นิญญา่ปลายได้แล้ว แต่ผู้ที่สามารถบรรลุพลังแห่งอำนาจขั้นิญญา่ปลายได้นั้นมักจะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาา ผู้ฝึกยุทธ์ระดับนั้นจะมีกายหยาบที่สมบูรณ์ ศักยภาพทุกด้านก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้จะทัดเทียม
เมื่อเทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาา เย่เฟิงในเวลานี้ยังห่างชั้นอย่างเห็นได้ชัด ทว่าเย่เฟิงไม่อยากพลาดโอกาสเช่นนี้ไป ถึงอย่างไรการเปิดร่างเจตจำนงเร็วหน่อยก็เป็ประโยชน์ต่อการเรียนรู้พลังแห่งอำนาจของเขา
“ข้าอยากจะลองดูสักครั้ง ตาเฒ่า ท่านต้องช่วยข้าให้เต็มที่” เย่เฟิงกล่าว เขารู้ว่าชาติที่แล้วราชันมารชื่อเทียนเป็ผู้ฝึกยุทธ์ราชันมาร แม้เวลานี้จะเป็เพียงจิตสำนึก แต่ต้องช่วยเขาได้แน่นอน
“งั้นเ้าต้องคิดดี ๆ หากล้มเหลว นั่นก็ต้องแลกมาด้วยชีวิตนะ” ราชันมารชื่อเทียนกล่าว
“ไม่ต้องคิดแล้ว เริ่มตอนนี้เลยเถอะ!” เย่เฟิงตอบกลับด้วยความเด็ดขาด
“งั้นก็ดี ข้าจะถ่ายเทพลังจิตให้เ้า รับรองว่าพลังจิตของเ้าไม่แหลกสลายไปง่าย ๆ แน่ แต่สำหรับด้านอื่นก็ขึ้นอยู่กับตัวเ้าเองแล้ว” ราชันมารชื่อเทียนไม่รั้งเย่เฟิงไว้เพราะทราบดีว่าเขา้าหลอมผลึกเจตจำนงแรกเริ่มให้ได้
“อืม” เย่เฟิงพยักหน้า จากนั้นเขาเปิดพลังจิตทั้งหมดพร้อมพลังหยวนในกายเริ่มไหลเวียนอยู่ในสายเื เก้าวัชรหุนหยวนก็ปลดปล่อยออกมา ก่อนพลังหุนหยวนจะผสานเข้ากับเืทีละนิด ๆ
เย่เฟิงถ่ายเทพลังหยวนใส่ผลึกเจตจำนงแรกเริ่ม ทันใดนั้นผลึกเจตจำนงแรกเริ่มเปล่งแสงโชติ่ ทำให้ชั้นที่สี่ของหอวิชาสว่างจ้าทันที หลังจากพลังหยวนถ่ายเทใส่ผลึกเจตจำนงแรกเริ่ม ก็ค่อย ๆ ผสานกับพลังเจตจำนงที่อยู่ภายในนั้นทีละนิด ๆ
ขั้นตอนนี้กินเวลาไปประมาณครึ่งชั่วยาม หลังจากหลอมรวมเสร็จสิ้นก็มีไอร้อนแผ่ออกจากร่างเย่เฟิง ทันใดนั้นมาที่แขนขวาจนกลายเป็พลังเปลวไฟบริสุทธิ์ ซึ่งในพลังเปลวไฟนั้นผสานด้วยอำนาจไฟและอำนาจฟ้าดิน อีกทั้งในนั้นยังมีพลังหุนหยวนปะปนอยู่ด้วย ทำให้พลังเปลวไฟล้ำลึกอย่างน่ามหัศจรรย์ยิ่งขึ้น
ในขณะเดียวกัน ผลึกเจตจำนงแรกเริ่มในมือเย่เฟิงที่ผสานพลังธาตุต่าง ๆ ก็เปล่งแสงเปลวไฟออกมา อุณหภูมิค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้น เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูปก็ทะลุถึงจุดหลอมละลายของผลึกเจตจำนงแรกเริ่ม พื้นผิวของผลึกเจตจำนงแรกเริ่มจึงเริ่มละลาย ในที่สุดก็กลายเป็ของเหลวใสอยู่บนฝ่ามือของเย่เฟิง
พลังเจตจำนงะเิออกมาจากผลึกเจตจำนงแรกเริ่ม หลังจากหลอมละลาย พลังนั้นก็เปลี่ยนพื้นที่ในห้องให้กลายเป็มหาสมุทรแห่งเจตจำนง พลังเจตจำนงมหาศาลก็คือน้ำทะเล มันถาโถมใส่ร่างเย่เฟิงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ร่างเย่เฟิงถูกกดทับอย่างหนักหน่วงในทันที
“เก็บ!” เย่เฟิงกล่าวเพียงคำเดียว ทันใดนั้นแรงดึงดูดพวยพุ่งออกจากฝ่ามือเขา ของเหลวใสที่หลอมละลายจากผลึกเจตจำนงแรกเริ่มแทรกซึมเข้าไปในร่างเขาทีละนิด ๆ ก่อนจะไหลผ่านเส้นลมปราณทั่วทั้งร่างกาย
“ครืน!” นาทีต่อมาได้ยินเสียงน้ำไหลดังขึ้นต่อเนื่องอยู่ในร่างของเย่เฟิง นั่นก็คือเสียงคำรามจากสายเืของเย่เฟิง แม้เย่เฟิงจะควบคุมความเร็วที่ของเหลวผลึกเจตจำนงแรกเริ่มไหลเข้าสู่ร่างกายได้ช้า แต่พลังเจตจำนงที่ปลดปล่อยออกมาจากในนั้นยังคงไม่ใช่สิ่งที่เย่เฟิงจะทนรับได้ง่าย ๆ
สายเืของเขาคำรามรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมราวกับว่ามีเปลวไฟกำลังแผดเผาเส้นลมปราณของเขาก็ไม่ปาน ขณะเดียวกันยังมาพร้อมกับอาการบวม นี่ทำให้เย่เฟิงรู้สึกว่าร่างกายของตนเหมือนลูกโปร่งที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หากไม่ใช่ว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่ง ป่านนี้คงทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
“อ้าก!” ความรู้สึกบวมแสบร้อนที่น่ากลัวรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เย่เฟิงรู้สึกว่าตนเองใกล้จะทนไม่ไหว ร่างกายต้องเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ พร้อมส่งเสียงร้องไม่หยุด แต่ตราบใดที่เขายังคงมีสติก็ต้องทนต่อไปให้ได้ ตอนนี้กล้ามเนื้อทั่วร่างเริ่มขยายตัว เผยให้เห็นเส้นเืสีเขียว ให้ความรู้สึกเหมือนจะะเิ
กระแสลมปราณอันทรงพลังไหลเวียนอย่างสะเปะสะปะอยู่ในร่างเขาอย่างต่อเนื่องจนรู้สึกถึงความบวม ดูไปแล้วก็น่ากลัวไม่น้อย
“ภายในผลึกเจตจำนงแรกเริ่มอัดแน่นไปด้วยพลังที่น่าสะพรึงกลัว!” เย่เฟิงใมาก ร่างกายก็ยังรับการโจมตีจากพลังเจตจำนงได้ยากลำบาก หากเขาไม่มีร่างกายที่แข็งทนทาน เกรงว่าตอนนี้เขาคงร่างแตกะเิจนตายไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น เย่เฟิงก็รู้สึกว่าตนเองใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว พลังเจตจำนงอันแข็งแกร่งนั้นราวมีไม่ที่สิ้นสุดโจมตีร่างกายของเขาไม่หยุดหย่อน เป็ความเ็ปจากการถูกฉีกกระชากที่เย่เฟิงกำลังทนรับอยู่
ตอนนี้เย่เฟิงเพิ่งจะดูดซับของเหลวผลึกเจตจำนงแรกเริ่มได้เพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น หากดูดซับของเหลวผลึกเจตจำนงทั้งหมดเข้าสู่ร่างกาย ไม่รู้ว่าเย่เฟิงจะต้องทนรับความเ็ปทรมานอีกสักแค่ไหน?
“ครืน!” สายเืคำรามรุนแรงขึ้นกว่าเดิม เย่เฟิงทนรับความเ็ปอย่างต่อเนื่อง เขารู้สึกเหมือนว่าจิติญญากำลังจะหลุดออกจากร่างก็ไม่ปาน มิอาจบรรยายความเ็ปที่ต้องทนรับออกมาเป็คำพูดได้
พลังเจตจำนงแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเย่เฟิงอย่างต่อเนื่องและไหลเวียนไปทั่วเส้นลมปราณ ราวกับเปลวไฟอันร้อนแรงที่สุดในโลกที่หลอมละลายพลังงานทุกอย่างก็ไม่ปาน
ภายใต้ความเ็ปที่ทุกข์ทรมาน เย่เฟิงรู้สึกว่าสติของเขาเริ่มเลอะเลือน ร่างกายก็แทบจะไม่สามารถทนต่อความเ็ปที่แทงทะลุหัวใจแบบนั้นได้
“ไอ้หนู เ้าต้องอดทนต่อไปให้ได้ ข้าจะช่วยเ้าเอง!” วินาทีที่เย่เฟิงเริ่มไม่ได้สติ เสียงของราชันมารชื่อเทียนก็ดังขึ้นในหัวของเย่เฟิง นาทีต่อมาเย่เฟิงรู้สึกได้ถึงพลังจิตอันแกร่งกล้าถูกสูบฉีดเข้ามาในจิต ทำให้เขากลับมามีสติอีกครั้ง
“ตาเฒ่า ตอนนี้ข้าต้องทำอะไร?” เย่เฟิงเอ่ยถามราชันมารชื่อเทียน ด้วยหวังว่าตนจะสามารถหลอมผลึกเจตจำนงแรกเริ่มได้สำเร็จราบรื่น
“ตอนนี้สิ่งเดียวที่เ้าต้องทำคือทำจิตใจให้มั่นคง ยืนหยัดจนวินาทีสุดท้าย เพราะเมื่อเริ่มหลอมผลึกเจตจำนงแรกเริ่มจะหยุดกลางคันไม่ได้ หากหยุด มันจะส่งผลกระทบต่อการเปิดร่างเจตจำนงในอนาคตของเ้าเป็อย่างมาก แม้กระทั่งส่งผลให้เ้าไม่สามารถเปิดร่างเจตจำนงได้อีกตลอดชีวิต” ราชันมารชื่อเทียนกล่าว ภายใต้การโจมตีจากพลังเจตจำนง เขาเพียงสนับสนุนเย่เฟิงในการหลอมรวมครั้งนี้ก็ถือว่าลำบากมากทีเดียว
เย่เฟิงได้ยินคำพูดของราชันมารชื่อเทียนก็ไม่พูดอะไรอีก เขาในตอนนี้มีเพียงสู้สุดแรงกำลังเท่านั้น เพราะไม่มีทางให้เขาถอยแล้ว
หนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับเย่เฟิง หนึ่งวันนี้กลับยาวนานยิ่งกว่าหนึ่งปี เขาและราชันมารชื่อเทียนถูกพลังเจตจำนงโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าจนร่างกายเกือบจะพังทลาย แต่ว่าเย่เฟิงกลับไม่คิดล้มเลิก ทุกครั้งที่เขาใกล้ทนต่อไปไม่ไหวก็จะอาศัยจิตใจที่มุ่งมั่นและแน่วแน่มาค้ำจุน จนในที่สุดก็ผ่านมาได้
หลังจากเย่เฟิงผ่านความพยายามมาอย่างหนัก ระยะเวลาหนึ่งวันเขาก็หลอมผลึกเจตจำนงแรกเริ่มได้เกือบหนึ่งในสาม แม้ต้องทนต่อความเ็ปที่มนุษย์มิอาจทนได้ แต่การหลอมรวมผลึกเจตจำนงแรกเริ่มก็นำพาประโยชน์มาให้เขาอย่างมหาศาล
ใน่เวลานี้เอง ภายใต้การถ่ายเทพลังเจตจำนงที่แข็งแกร่ง ในที่สุดอำนาจฟ้าดินของเย่เฟิงก็ทลายกำแพงขั้นผันแปรเข้าสู่ขั้นกายาอย่างเป็ทางการ อำนาจหอกก็เข้าสู่ขั้นกายาเงียบ ๆ แม้แต่อำนาจไฟที่เพิ่งเรียนรู้ก็ทะลวงผ่านถึงสามขั้น เข้าสู่ขั้นผันแปร่ต้น
ความเร็วในการก้าวหน้าของพลังแห่งอำนาจทำให้เย่เฟิงรู้สึกดีใจระคนใ
หากไม่มีการช่วยเหลือของผลึกเจตจำนงแรกเริ่ม แม้อยากจะบรรลุขั้นพลังอย่างในตอนนี้ เกรงว่าเย่เฟิงคงต้องสิ้นเปลืองเวลาหนึ่งปี
จากนั้นร่างเย่เฟิงเริ่มปรับตัวเข้ากับการโจมตีของพลังเจตจำนงทีละนิด ๆ จากความเ็ปเริ่มเปลี่ยนไปเป็ความชินชา เย่เฟิงยังได้รู้วิธีควบคุมพลังจิตเพื่อไปสนับสนุนการหลอมผลึกเจตจำนงแรกเริ่ม
สามวันผ่านไป เย่เฟิงผ่าน่เวลาที่ลำบากที่สุดมาได้ ซึ่งหนึ่งชั่วยามก่อนหน้านี้ ในที่สุดเขาก็สามารถหลอมผลึกเจตจำนงแรกเริ่มได้สำเร็จ
บัดนี้พลังแห่งอำนาจทั้งสามชนิดของเขาคือ อำนาจหอกขั้นกายา่ปลาย อำนาจฟ้าดินขั้นกายา่กลาง และอำนาจไฟขั้นผันแปร่ปลาย
