คำพูดที่หลินนั่วอีพูดในวันนั้นเป็จริงในที่สุด แม้แต่ต้นหญ้าข้างถนนก็ออกผลสีแดงสด กลิ่นหอมรวยรินไม่มีอะไรปรกติอีกแล้ว
ในใจฉู่เฟิงไม่อาจสงบนิ่ง ความคิดสับสนวนเวียน!
โลกนี้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่อาจจะเข้าใจได้!
ฉู่เฟิงใจหายวาบ การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้ผู้คนแตกตื่น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกินความเข้าใจ การเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบกำลังจะเกิดขึ้น
“ไอ้นี่กินได้หรือเปล่า?”
ต้องยอมรับเลยว่า โจวเฉวียนเป็คนที่ไม่คิดอะไรมากมาย ได้กลิ่นหอมหวนของผลต้นหญ้าเขาก็อดไม่ได้อยากจะกัดสักคำ เวลาอย่างนี้ยังมีแก่ใจจะกินอีก
“นายก็ลองดูสิ”
“ได้ไง ฉันกล้าที่ไหนล่ะ ใครจะไปรู้ว่ามันมีพิษหรือเปล่า ต้นหญ้าออกลูกสีแดงแปร๊ดอย่างนี้ ไม่ต่างกับเจอผีเลยอ่ะ!” ตาอ้วนโจวส่ายหัว
แต่เขาก็กลืนน้ำลายไปอึกหนึ่ง เป็เพราะผลที่งอกออกมาจากต้นหญ้าเขียวสดนั่นยั่วยวนผู้คนเสียเหลือเกิน กลิ่นหอมเตะจมูกหอมหวนเสียยิ่งกว่าผลไม้ทั่วๆ ไปที่เคยพบเจอ
แต่ที่ฉู่เฟิงแปลกใจเป็อย่างมากก็คือ ลูกไม้นี้มีผิวมันวาวสะท้อนแสง เฉกเช่นหินโมราสีแดง เพียงมองก็ชวนให้อยากลิ้มลอง ทำไมถึงงอกออกมาจากต้นหญ้าธรรมดาๆ ได้?
ผู้คนบนรถไฟต่างรู้สึกประหลาดใจ แต่กลับไม่มีใครหวาดกลัวจนเกินไป เพราะระยะนี้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะต้นแปะก๊วยโบราณนั่นที่ทำให้ผู้คนหวาดหวั่น
ต้นหญ้าออกผลมันก็แปลกอยู่ แต่คนก็ยังไม่หวาดกลัวเท่าไหร่
แต่ต้นไม้ั์นั่นกลับไม่เหมือนกัน ผู้คนเกิดความหวาดระแวงอย่างหนัก ว่ามันอาจกลับกลายเป็มหันตภัยใหญ่หลวงได้
“รีบไปจากที่นี่ได้แล้ว ฉันรู้สึกไม่สบายใจตลอดเวลาเลยเนี่ย” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งใบหน้าขาวซีดพูด เขาไม่ได้ลงจากรถเอาแต่นั่งอยู่ตรงนี้
แต่ว่า รถไฟหลังจากจอดนิ่งแล้วก็ไม่ขยับเขยื้อนอีก
เวลาผ่านไป อีก 7-8 นาที ฉู่เฟิงก็ลงจากรถบ้าง ไปยืนมองสำรวจนู่นนี่บนชานชาลา
ต้นไม้โบราณต้นนั้นใหญ่โตมโหฬารจริงๆ ใหญ่กว่าเขาทั้งลูกเสียด้วยซ้ำ แผ่กิ่งก้านสาขาแน่นขนัดปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง ต้นไม้ั์อย่างนี้ไม่ทำให้ผู้คนแตกตื่นก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว
“ดูนี่เร็ว พวกเราเอาอะไรกลับมาแน่ะ”
ห่างไปไม่ไกลมีคนหลายคนกำลังเดินมา แต่ละคนแบกใบไม้ขนาดสูงเท่าตัวคน หน้าตาเหมือนพัดวิเศษ1 นั่นเป็ใบของต้นแปะก๊วยโบราณต้นนั้น ที่ตอนนี้ใหญ่โตจนน่าตกตะลึง
แล้วยังมีหนุ่มน้อยอีกคนอุ้มผลอย่างหนึ่งกลับมาด้วย ใหญ่ขนาดอ่างน้ำ เขาอุ้มมาอย่างหนักแรงนั่นคือผลแปะก๊วยสีเหลืองอ่อนทั้งเม็ด
“พวกคุณไปเก็บมาจากต้นหรือนี่?” มีคนถามอย่างใ
“ได้ที่ไหนเล่า ไปเก็บมาจากตรงนั้นต่างหาก”
พวกเขาชี้ไปไกลๆ
ต้นแปะก๊วยใหญ่โตอย่างมาก กิ่งก้านสาขาแผ่ขยายจนยื่นมาทางด้านนี้ บนพื้นดินมีผลและใบที่ร่วงหล่นจากต้น
“คนในพื้นที่ไม่น้อยเตรียมอพยพแล้วล่ะ พวกเขาร้อนรนกังวลใจอย่างมาก” มีคนเล่าอย่างเข้าใจสถานการณ์
“รถไฟหยุดอยู่เป็นานแล้วนะ ฉันอยากรู้จริงเลยว่าข้างหน้าเกิดเื่อะไรขึ้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกเสียด้วย”
คนส่วนหนึ่งอดรนทนไม่ได้ ร้อนรนอย่างยิ่ง
จนบัดนี้ พนักงานบริการประจำรถก็ยังไม่ประกาศว่าเกิดเหตุใดขึ้น
โจวเฉวียนสะกิดแขนฉู่เฟิง กระซิบกระซาบ “พี่น้อง ฉันว่ามันมีอะไรแปลกๆ ทางรถไฟเส้นนี้ไม่เคยเกิดเื่อะไรมาก็หลายปีดีดัก แต่มาวันนี้มันแปลกเกินไปแล้ว”
“หวังว่าจะออกเดินทางได้โดยเร็ว” ฉู่เฟิงพยักหน้า
อีกกว่าหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ที่หลายๆ คนต่างหงุดหงิดงุ่นง่าน จนทนรอไม่ไหวอีกต่อไป ในที่สุดรถไฟก็เคลื่อนไหวอีกครั้งและออกเดินทาง
“ขอบคุณเ้าป่าเ้าเขา ในที่สุดก็ไปจากที่นี่ได้แล้ว” คนชราคนหนึ่งถอนใจยาว ในความเป็จริงแล้ว หลายคนก็ล้วนรู้สึกเหมือนยกูเาออกจากอก
จากที่ไกลๆ เมฆดำทะมึนลอยม้วน ส่งเสียงครืนคราง สายฟ้าฟาดเปรี้ยง สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงทันควัน
เพียงชั่วแวบ ฝนก็ใกล้เทลงมา
เพียงพริบตา บริเวณนี้ก็มืดครึ้ม
ยังดีที่ทุกคนอยู่บนรถแล้ว
“พระเ้า ทำไมตรงนั้นมีแสงด้วยล่ะ?” มีคนะโโหวกเหวก เมื่อมองผ่านหน้าต่างกระจกออกไป ก็เห็นต้นไม้ั์ที่อยู่ไกลๆ ปรากฏชั้นแสงสีเขียวเรืองรอง ทั้งดูหม่นมัวทั้งดูน่าหวาดกลัวอยู่ในที
ท่ามกลางฟ้าแลบแปลบปลาบ ฟ้าร้องครั่นครืน ต้นไม้ต้นนั้นกำลังสั่นไหวแลดูเหมือนภูตผี
เป็แสงฟ้าแลบที่สาดใส่ต้นไม้หรือเปล่า หรือว่ามันเปล่งแสงออกมาเอง?
อย่างกับว่าต้นไม้ขนาดใหญ่โตมโหฬารอย่างนี้จะพังทลาย!
“เปรี้ยง!”
ทันใดนั้น ผู้คนพลันได้ยินเสียงดังกึกก้อง ต้นไม้ั์ต้นนั้นเปล่งแสง กิ่งก้านสาขาหลายกิ่งหักสะบั้น ใบไม้ขนาดใหญ่ไม่น้อยร่วงสู่พื้นดิน
เมฆทะมึนรวมตัวปกคลุมไปทั่วมืดฟ้ามัวดิน มีเพียงตรงนั้นที่มีแสงสว่างสามารถมองเห็นได้
ผลแปะก๊วยค่อยๆ ปริแตกทีละเม็ดๆ จากนั้นก็เป็ภาพที่สุดแสนจะพิสดาร พวกมันลอยละล่องไปทั่วท้องฟ้า ไม่ต่างจากดอกแดนดีไลอ้อน
ผลที่ร่วงสู่พื้นดินเปล่งแสงสลัว จากนั้นปรากฏขนสีเงินยวง ลอยละลิ่วปลิวไปคล้ายร่มคันเล็กๆ
“นี่มันต้นแปะก๊วยหรือต้นแดนดีไลอ้อนกันเนี่ย?” ตาอ้วนโจวกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น รู้สึกคอแห้งผาก ภาพที่เห็นนี่ช่างยากจะพบเห็น
ในตู้รถไฟผู้คนตื่นตะลึง ภาพนั้นมันช่างมหัศจรรย์ ชวนให้ผู้คนใจสั่นมันช่างเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
เมื่อเมล็ดที่ล่องลอยเต็มท้องฟ้าร่วงหล่นลง ท่ามกลางแสงฟ้าแลบแปลบปลาบ ต้นไม้โบราณต้นนั้นกลับสงบเงียบ กิ่งก้านนิ่งสนิทไร้ซึ่งการแตกหัก ลำต้นตั้งตระหง่าน
จนกระทั่งสายฝนกระหน่ำเทลงมาไม่หยุดหย่อน ภาพสายฝนนอกหน้าต่างขมุกขมัว มองไม่เห็นอะไรอีกแต่ผู้คนก็ยังคงเสียขวัญ
รถไฟห่างออกไป จนไม่อาจเห็นอะไรได้อีกแล้ว
“พี่น้อง โลกนี้มันบ้าไปแล้ว หรือเป็นายกับฉันที่บ้ากันแน่ ไอ้ทั้งหมดที่ฉันเห็นนี่มันคนละเื่กับสิ่งที่ฉันรู้มาก่อนหน้านี้เลยนะ” โจวเฉวียนพูดกับฉู่เฟิง
คนที่ช็อกไม่ได้มีเพียงแต่เขาเท่านั้น ทุกคนบนรถไฟล้วนตกอยู่ในความนิ่งงัน เนิ่นนานก็ยังไม่อาจเรียกสติสตังกลับคืน
พวกเขาออกห่างจากที่นั่นมาไกลแล้ว ไม่รู้ว่าเื้ัเกิดอะไรขึ้นบ้าง ได้แต่รู้สึกว่าฟ้าดินกำลังแปรปรวน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไป
หลายคนก้มหน้าก้มตามองดูเครื่องมือสื่อสารในมือ ไล่ดูข่าวหวังว่าจะได้เบาะแสอะไรจากในนั้นบ้าง
ทว่า กลับไม่มีข่าวเกี่ยวกับต้นแปะก๊วยโบราณนั่นเลย
นอกจากนี้ กลับมีรายงานข่าวแปลกประหลาดจากสถานที่อื่นขึ้นมาไม่น้อย บางที่พบเจอสัตว์ร้ายหายากที่หายสาบสูญไปร่วมพันปี บางที่บ่อน้ำเก่าแก่ที่แห้งขอดไปเป็ร้อยปีกลับมีตาน้ำผุดพราย
ลางที่เกิดขึ้นทุกครั้งล้วนไม่ธรรมดา เหมือนกำลังบอกใบ้อะไรสักอย่าง
“ที่เขาหวังอูซานมีแสงสีม่วงพาดผ่าน นี่มันเื่จริงเื่เล่นเนี่ย?” ผู้คนงุนงง
ข่าวนี้ทำให้ผู้คนตื่นตะลึง แต่เมื่อดูจากความเห็นในเครื่องมือสื่อสารแล้ว ไม่ค่อยจะมีคนเชื่อสักเท่าไหร่
เมื่อผ่านเื่แปลกประหลาดกันมาแล้ว มีคนบนรถไฟไม่น้อยที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
หลังจากนั้นก็มีข่าวขึ้นมาอีก ผิวน้ำในทะเลสาบต้งถิง2เรืองแสงแวววาว หมอกขาวลอยละล่องเลือนรางบางเบา อย่างกับแดน์ก็ไม่ปาน
นี่ก็ยิ่งดึงดูดให้ผู้คนคาดเดาถกเถียงกันไปต่างๆ นานา
เวลาผ่านไป รถไฟวิ่งผ่านพ้นบริเวณฝนกระหน่ำ เข้าสู่อีกพื้นที่ที่แสงแดดส่องสว่าง เมื่อเทียบกับพื้นที่ที่ฟ้าดินมืดมิดนั่น ช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
หนึ่งชั่วโมงให้หลัง ก็มีข่าวเกี่ยวกับต้นไม้ที่ลอยในอากาศเข้ามาอีก เป็ภาพที่ถ่ายจากดาวเทียม ความละเอียดสูง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ล้วนรายงานข่าว
ต้นไม้พวกนี้เติบโตรวดเร็ว นอกจากนี้ยังผ่านการยืนยันจากนักพฤกษศาสตร์ ว่าพวกมันล้วนเป็พืชที่อยู่บนโลกนี้ สามารถพบเจอพืชประเภทนี้ได้ทั่วไป
พวกมันไปอยู่กลางอากาศได้อย่างไร แถมยังเจริญเติบโตทั้งที่ยังล่องลอยอยู่ด้วยซ้ำ? จนบัดนี้ก็ยังไม่มีทฤษฎีใกล้เคียงใดๆ ที่สามารถอธิบายได้
อย่างไม่ต้องสงสัย การเดินทางโดยรถไฟครั้งนี้ไร้ซึ่งความราบรื่นอย่างถึงที่สุด ยามเย็นมันก็หยุดลงอีกครั้ง
ซ้ำร้าย ยังหยุดอยู่กลางทางเถื่อนที่ไม่ใช่สถานี มองไปข้างหน้าก็ไม่เห็นหมู่บ้าน เหลียวไปดูข้างหลังก็ไร้ซึ่งที่พักแรม
ผู้โดยสารต่างก็ไม่พอใจ ไล่ถามพนักงานรถไฟว่าเกิดเื่อะไรขึ้น
“พวกเราได้รับแจ้งว่า เส้นทางนี้เกิดปัญหาขึ้นมากมายไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด รางรถไฟบาง่ไม่ราบเรียบ ทางเราต้องหยุดรถในที่สุด”
ผู้โดยสารพากันโวยวาย จากนั้นก็เกิดเหตุชุลมุน
พนักงานรถไฟประกาศว่ากำลังทำการตรวจสอบเส้นทางข้างหน้าอย่างเร่งด่วน จำเป็ต้องยืนยันความปลอดภัยและความแน่นอนเสียก่อน จึงจะสามารถเดินทางต่อได้
ยามเย็นฉู่เฟิงคุยกับพ่อแม่ ทุกแห่งหนล้วนเกิดเหตุผิดปรกติ เขาเป็ห่วงทั้งสองคนเป็อย่างมาก
ที่จริงแล้ว พ่อแม่ของเขาก็เป็ห่วงว่าเขาอยู่ข้างนอกตัวคนเดียว อาจพบเจอสารพัดปัญหา
แน่นอนว่า เมื่อรถไฟหยุดลงก็ไม่อาจเดินทางต่อได้ ด้วยเกรงว่าอาจเกิดอุบัติเหตุที่เกี่ยวพันถึงความปลอดภัย หากอันตรายที่แฝงอยู่ยังไม่ถูกกำจัดไป ย่อมไม่สามารถออกรถได้
ในตู้รถไฟหลายคนกำลังติดต่อครอบครัว บางคนตื่นใเพราะลางบอกเหตุที่เริ่มชัดเจนขึ้น ทุกแห่งหนวุ่นวายพวกเขาที่ติดอยู่กลางทาง ล้วนปรารถนาอย่างยิ่งที่จะได้กลับไปยังที่อยู่อาศัยที่ตัวเองคุ้นเคย
พวกพนักงานบริการจัดเตรียมน้ำและของกินให้ผู้โดยสาร
หากไม่เป็เพราะถูกทำให้เสียเวลาต้องหยุดรถกลางทาง ตามตารางเดินทางของรถไฟ เวลาค่ำก็จะถึงสถานีปลายทางแล้ว
ยามราตรี ผู้โดยสารต่างเป็กังวลไม่อาจข่มตานอน ยังคงหารือกันเบาๆ
จนกระทั่งกลางดึก เสียงในรถไฟจึงค่อยๆ สงบลง
ภายนอกมืดสนิทไม่มีแม้แต่แสงดาว เมื่อยื่นมือออกไปก็ไม่อาจมองเห็นนิ้วมือทั้งห้า ภายนอกมีแต่ความหนาวเย็นว่างเปล่าและความน่ากลัว
ตึง!
ในครึ่งคืนหลัง ทันใดนั้นเกิดเสียงดังสะท้านขึ้น ทำให้ทุกคนในตู้โดยสารตื่นใ ทุกคนเบิกตากว้างเหลียวมองรอบด้านอย่างงุนงง
เกิดอะไรขึ้น ถึงกับทำให้รถไฟที่หนักอย่างยิ่งสั่นะเืได้! มีอะไรมากระแทกมันอย่างนั้นหรือ?
หลายคนหน้าถอดสี มองไปนอกหน้าต่างอย่างเป็กังวล
แต่ว่าภายนอกมืดสนิท แถบนี้เป็เขตูเาในคืนที่ไร้ซึ่งแสงดาว จะอย่างไรก็มองไม่เห็นอะไร มันมืดมนเสียจนทำให้คนหวาดผวา ััได้แต่ความมืดและความหนาวเย็นที่มาเป็ระยะๆ
แนวเขาทอดยาว ป่าไม้หนาแน่น บางคาบคราก็มีเสียงของสัตว์ป่าและนกเค้าแมวดังแว่วมา ทำให้ผู้คนหวาดกลัว
ตึง!
เสียงกระแทกดังขึ้นอีกครั้ง ตู้โดยสารสั่นะเื หลายคนกรีดร้อง
“ข้างนอกมีอะไรน่ะ ต้องมีแรงขนาดไหนกันถึงสามารถเขย่ารถไฟอย่างนี้ได้?!”
มีเสียงเซ็งแซ่ดังขึ้น
“หยุดร้องได้แล้ว!” ฉู่เฟิงะโ
คนเราถ้าสติแตกไปเสียก่อน ปัญหาร้ายแรงจะตามมาอย่างง่ายดาย
“ฉันรู้ว่าข้างนอกนี่เป็สนามรบโบราณ ตอนนั้นผู้คนล้มตายไปมากมาย!” หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งพูดเสียงสั่น
“หุบปาก อย่าพูดเหลวไหล!” ตาอ้วนโจวคำราม แต่หน้าเขากลับดูไม่ดีสักเท่าไหร่ออกจะซีดๆ
เขาผ่านเส้นทางนี้บ่อย รู้ว่ามันเป็สถานที่อย่างไร
“โลกนี้มีผีเสียที่ไหน ถ้าจะมีก็เป็แค่สนามพลังงานเท่านั้นแหละ เดี๋ยวก็หายไปเองจะมาชนรถจนเขย่าได้อย่างไร” อีกคนยืนขึ้นพูด พยายามปลอบทุกคนให้สงบ
ทันใดนั้นทุกคนก็พบว่า เครื่องมือสื่อสารของทุกคนล้วนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก!
วินาทีนั้นในใจพวกเขาเย็นเยียบ หวาดกลัวจนขนหัวลุก
ค่ำนี้เป็คืนที่ไม่อาจข่มตานอนได้ ไม่ว่าใครก็ไม่อยู่ในอารมณ์อยากนอน
หลายคนหวาดผวา คอยมองไปยังความมืดมิดนอกหน้าต่างอย่างกังวล รอคอยให้ฟ้าสว่างโดยเร็ว ด้วยรู้สึกเหมือนกับว่ามีสัตว์ขนาดใหญ่สักตัววนเวียนอยู่รอบๆ กดดันอย่างหนักหน่วง
ก่อนฟ้าสางความมืดค่อยๆ เลือนหาย ภายนอกเกิดหมอกหนาขาวโพลน ปกคลุมไปทั่วูเา
“ข้างนอกเป็อย่างไรบ้างนะ?” โจวเฉวียนถาม
“พวกเราลองลงไปดูกันสักหน่อย” ฉู่เฟิงกล่าว
“อย่า อย่าไป!” โจวเฉวียนสั่นศีรษะรุนแรง
“ฉันว่าไม่น่าจะมีปัญหานะ ถ้าจะมีก็มีตั้งนานแล้ว” ฉู่เฟิงตอบ
ในที่สุด ฉู่เฟิงกับโจวเฉวียน แล้วคนหนุ่มอีกหลายคนก็ตัดสินใจลงจากรถไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หมอกขาวหนาทึบลอยไปทั่ว เพียงยืนห่างกันไม่กี่เมตรก็มองไม่เห็นเงาคนแล้ว อย่างกับจะมีปีศาจกับตัวประหลาดออกมาหลอกหลอนผู้คน
รอบด้านเงียบสงบ ไร้ซึ่งเสียงใดๆ โดยสิ้นเชิง
“พระเ้า นั่นมัน...อะไรกัน!?” ทันใดนั้น คนหนุ่มคนหนึ่งร้องะโขึ้นอย่างหวาดกลัวสุดขีด ดวงตาเบิกกว้างจ้องค้างที่กลางอากาศ
เสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้คนรอบๆ ไม่กี่คนขนลุกซู่ หากยังทำให้คนในตู้โดยสารหวาดกลัวขนหัวลุกชันถึงขีดสุด
***************************************
1 พัดวิเศษในเื่ไซอิ๋ว เป็ขององค์หญิงพัดเหล็ก ซุนหงอคงมาขอยืมไปดับไฟของูเาไฟ เพื่อจะได้เดินทางไปยังชมพูทวีปต่อได้
2 ทะเลสาบต้งถิง อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของมณฑลหูหนาน