หนิงเทียนไม่พบข่าวลือหรือตำนานใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับไท่เสวียนในความทรงจำของบงกชสีมรกต ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในยุคของดินแดนที่บงกชสีมรกตอยู่นี้ จื๋อซิวยังไม่รู้จักกับไท่เสวียนเลย
ไม่แน่ว่าเื่นี้อาจเกิดขึ้นนานเกินไป หรือบางทีความทรงจำของนางอาจถูกรบกวน แต่ยามนี้บงกชสีมรกตมีเพียงความคิดเดียวในใจคือการเอาชนะเ้าหยวนหง
ปราณดาบสีชาดนั้นรวดเร็วราวสายฟ้า และด้วยปราณดาบที่ยาวนับพันจั้ง มันจึงตัดผ่านห้วงอากาศ เหลือไว้เพียงเส้นทางสีชาด
บงกชสีมรกตทะยานขึ้นฟ้า ใบบัวสีเขียวเคลื่อนไหวดุจเกลียวคลื่น กระแสน้ำรวมตัวกันในห้วงอากาศกลายเป็ดาบธาราที่เข้าปะทะกับดาบสีชาด
น้ำสีเขียวสาดกระเส็น บงกชสีมรกตคำราม โดยพื้นฐานแล้วมันย่อมไม่อาจทนทานได้
อารมณ์ของหนิงเทียนค่อนข้างฉุนเฉียว เขาได้แต่ร้องโหยหวนอยู่ในใจและกระตุ้นทะลวงพันชั้นให้ถึงขีดสุด ซึ่งไม่คาดคิดว่ามันไม่สามารถใช้ได้
หนิงเทียนใมากแต่ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าตอนนี้เขาเป็บงกชสีมรกตไม่ใช่มนุษย์ ด้วยร่างของบงกชสีมรกต ทะลวงพันชั้นย่อมไม่สามารถเรียกใช้ได้
ขณะนี้หนิงเทียนยังอยู่ในร่างของบงกชสีมรกต เขาใช้บงกชสีมรกตเป็พาหะ ิญญารวมเป็หนึ่ง แม้การรับรู้ของพวกเขาจะเหมือนกัน แต่หนิงเทียนไม่สามารถควบคุมร่างของบงกชสีมรกตได้
บงกชสีมรกตเต็มไปด้วยคลื่นผันผวนสีมรกตอันน่าสะพรึงกลัว มันมีความปรารถนาแรงกล้าที่จะสู้จนตัวตาย
เมื่อรู้ว่าไม่สามารถเอาชนะเ้าหยวนหงได้ หนิงเทียนก็รับรู้ถึงความปรารถนาของบงกชสีมรกต แต่เขาปฏิเสธที่จะถอยหนี
จื๋อซิวไม่กลัวความตาย พร้อมต่อสู้เพื่อความยุติธรรม และจะได้รับเกียรติแม้ต้องตาย
หนิงเทียนก็รู้สึกเช่นเดียวกัน เขาต่อสู้ร่วมกับบงกชสีมรกตในศึกนองเื แต่สุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้ให้กับเ้าหยวนหงจนทั้งร่างเต็มไปด้วยาแ
“ไม่! ข้าต้องหาทางเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้” แม้หนิงเทียนจะโมโห แต่เขายังไม่สูญเสียความสงบ บงกชสีมรกตพยายามอย่างเต็มกำลังและใช้ทุกวิถีทาง แต่เมื่ออยู่ในขอบเขตเดียวกัน มันไม่อาจต้านทานกระบี่ของเ้าหยวนหงได้เลย
หนิงเทียนเริ่มคิดวิเคราะห์และค้นคว้า ในไม่ช้าเขาก็ค้นพบจุดอ่อนของบงกชสีมรกตอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองพฤกษาิญญาบริเวณใกล้เคียง มีเพียงไม่กี่ชนิดที่สามารถต่อกรกับบงกชสีมรกตได้ นี่แสดงให้เห็นว่าบงกชสีมรกตไม่ได้อ่อนแอ แต่เ้าหยวนหงนั้นแข็งแกร่งเกินไป
เช่นนี้เขาจะเพิ่มประสิทธิภาพการต่อสู้ของบงกชสีมรกตได้อย่างไร?
การพึ่งพาบงกชสีมรกตนั้นไม่ได้ผลอย่างแน่นอน ดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงพึ่งพาตนเอง
เมื่อสู้กับขอบเขตเดียวกัน รากฐาน ทักษะ และยุทธวิธีล้วนมีความสำคัญ แต่สภาพการต่อสู้ในปัจจุบันสิ่งสำคัญอันดับแรกคือการใช้ยุทธวิธี และในสามสิบหกกลศึก การหนีคือยอดยุทธ[1] ทว่าบงกชสีมรกตกลับยอมตายดีกว่าหลบหนี
รากฐานสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาอันสั้น เขาจึงทำได้เพียงพยายามเท่านั้น
หนิงเทียนตรวจสอบสิ่งที่เขาเคยเรียนรู้มา ก่อนจะพบว่าเก้ากระบวนท่าของบงกชสีมรกตที่อยู่ในแผนที่จิติญญาแรกเป็ความก้าวหน้าเพียงอย่างเดียว
“เผาผลาญความเดือดดาลในใจเถอะ!” จิติญญาของหนิงเทียนรวมเข้ากับจิติญญาของบงกชสีมรกต แต่หนิงเทียนไม่เคยฝึกและใช้เก้ากระบวนท่าของบงกชสีมรกตเลย
เป็เื่ยากมากที่จะเชี่ยวชาญเก้ากระบวนท่าของบงกชสีมรกตในทันที แต่หนิงเทียนจำเป็ต้องทำเช่นนี้ เขาพัฒนาความลึกลับของกระบวนท่าทั้งเก้า โดยแนะนำและพยายามควบคุมมัน
หนิงเทียนจำสถานการณ์ที่ยอดเขาแรกของูเาเฮยเสวียนได้อย่างชัดเจน วันนั้นเงาิญญาของบงกชสีมรกตลอยสูงแปดพันจั้งในโอ่งหิน ซึ่งเผยให้เห็นความมืดมิดและก่อให้เกิดทัณฑ์์แสนเกรี้ยวกราด
ในเหตุการณ์ทัณฑ์์นั้น ดอกบัวั์มีหนึ่งดอกแปดใบ และิญญาเหนือธรรมชาติทั้งเก้าก็รวมพลังรับมือกับทัณฑ์์ดุจเกลียวั
คราแรกหนิงเทียนไม่เข้าใจจิติญญาการต่อสู้อันแน่วแน่เ่าั้ แต่ ณ เวลานี้ ความรู้สึกในสถานการณ์นี้ก็ช่วยให้หนิงเทียนเข้าใจได้ในที่สุด
“เก้าร่างแปรเป็ัต้านนภา แปลงกาย!” บงกชสีมรกตเป็อสูริญญาระดับสี่ ซึ่งเทียบเท่ากับขอบเขตเปลี่ยนผ่านและสามารถแปลงร่างได้
ทว่าการแปลงกายนั้นไม่ใช่การกลายร่างเป็มนุษย์ แต่กลายเป็บัวหนึ่งดอกแปดใบ ซึ่งเลียนแบบมาจากบงกชสีมรกตบนยอดเขาแรกของูเาเฮยเสวียน เพื่อพัฒนากระบวนท่าทั้งเก้าของบงกชสีมรกตและเข้าใจความลึกลับของมัน
ปราณดาบของเ้าหยวนหงดุเดือดราวกับสายอัสนี สายฟ้าฟาดเข้าใส่ร่างของบงกชสีมรกตจนมันาเ็สาหัส และพ่ายแพ้จนไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้
หนิงเทียนคำรามก่อนจะใช้เลขเก้าหลักเป็แนวทางการวิเคราะห์ความลึกลับของกระบวนท่าทั้งเก้า และช่วยให้บงกชสีมรกตเข้าใจสิ่งที่เขาทำ
บงกชสีมรกตมีความสามารถในการแปลงกายควบคู่ไปกับการเข้าใจวิชาคาถาของหนิงเทียน มันยังคงต่อสู้ด้วยขวัญกำลังใจอันสูงส่งและเพิ่มประสิทธิภาพการต่อสู้อย่างต่อเนื่องแม้ต้องอยู่ท่ามกลางความพ่ายแพ้
“พลังชีวิตค่อนข้างเหนียวแน่น น่าเสียดายที่ยังไม่อาจเลี่ยงความตาย เจ็ดวังวนคมเฉือน!” ใบหน้าอันสง่างามของเ้าหยวนหงดูเ็าอย่างยิ่ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ และทักษะดาบในมือก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน คมดาบหมุนวนควบแน่นเป็วงล้อแสงซึ่งบรรจุความน่ากลัวจากกลิ่นอายมรณะ
บงกชสีมรกตยังคงทำความเข้าใจอย่างบ้าคลั่ง หนิงเทียนใช้แบบจำลองของเลขเก้าหลักเพื่อพัฒนากระบวนท่าทั้งเก้าของมันให้เฉียบแหลมและชัดเจน สิ่งนี้ทำให้บงกชสีมรกตสามารถควบคุมกระบวนท่าและการใช้งานได้โดยเร็วที่สุด
เมื่อความตายใกล้เข้ามา บงกชสีมรกตก็คำรามอย่างไม่ยินยอม ใบทั้งแปดเคลื่อนเข้ามาชิดกันแล้วพัฒนาเป็ัมรกต โดยยื่นกรงเล็บออกมาปิดกั้นดาบของเ้าหยวนหง
หลังจากปราณดาบผ่านไป ัมรกตก็สลายตัวและกลายเป็ใบซึ่งกระจัดกระจายไปทั่วห้วงอากาศ พร้อมด้วยเสียงหัวเราะอันเศร้าสร้อยและเสียงร่ำร้อง
ดาบของเ้าหยวนหงน่ากลัวมากจนบงกชสีมรกตไม่อาจกั้นได้ หัวใจของมันเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง แต่หัวใจของหนิงเทียนกลับเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม
“ลองอีกครั้ง!” จิติญญาของหนิงเทียนลุกเป็ไฟ เขาเป็ผู้สืบทอดของไท่เสวียน เขาจะพ่ายแพ้ให้กับหยวนซิวได้อย่างไร?
ใบบัวที่ปลิวว่อนทั่วนภาส่องแสงแวววาวอย่างไม่ลดละและจัดระเบียบใหม่ทันทีภายใต้ความพยายามอันสิ้นหวังของบงกชสีมรกต
“ยังไม่ยอมแพ้ เช่นนั้นก็ฆ่าอีก!” เ้าหยวนหงหมุนข้อมือ คมดาบเปรียบดั่งัซึ่งทรงพลังอย่างยิ่ง
บงกชสีมรกตอยากหลบทว่าหนิงเทียนยืนกรานที่จะเผชิญกับความยากลำบาก บงกชสีมรกตกลายร่างเป็ัอีกครา กรงเล็บของมันฉีกกระชากท้องฟ้าอย่างไม่หวาดหวั่นต่อคมดาบ
เมื่อคมดาบและกรงเล็บักันกลางอากาศก็ก่อให้เกิดเสียงะเิดังกึกก้องไปทั่ว ส่งผลให้บงกชสีมรกตแตกสลายพร้อมเสียงกรีดร้อง
“แปลงกาย!” จิติญญาแห่งการต่อสู้ของหนิงเทียนระงับเจตจำนงของบงกชสีมรกต ก่อนเข้าควบคุมร่างกายของบงกชสีมรกตอย่างช้าๆ มันะเิออกเป็เก้าส่วนและแตกสลายไปทีละร่างตามวัฏจักรของกระบวนท่าทั้งเก้า ทว่ามีการจัดระเบียบใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดวิกฤตการทำลายล้างก็คลี่คลายได้สำเร็จ
“หลอมรอมทะลวงพันชั้น เก้ากระบวนท่าเป็ของข้า!” หนิงเทียนปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ พลันบงกชสีมรกตที่เต็มไปด้วยความโกรธอย่างล้นหลามก็พุ่งเข้าหาเ้าหยวนหง
“โง่เขลา!” ทันใดนั้นคมดาบก็ปรากฏขึ้น บงกชสีมรกตยังคงแตกสลายในการเผชิญหน้าครั้งที่สาม หนิงเทียนยังคงพ่ายแพ้
หนิงเทียนกู่ร้อง ทำไมถึงสู้ไม่ได้?
จริงหรือที่รากฐานของบงกชสีมรกตแตกต่างจากเ้าหยวนหงมากเกินไป?
หนิงเทียนเริ่มเคลื่อนไหวไปรอบๆ พร้อมครุ่นคิดอยู่ในใจ เขานึกถึงการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับบงกชสีมรกตในโอ่งน้ำบนูเาเฮยเสวียนคืนนั้นอย่างถี่ถ้วน
“ดวงจิตทั้งเก้ารวมเป็หนึ่งเดียว แต่ละิญญาล้วนมีจุดแข็งของตนเอง ข้ามองข้ามมันไปหรือเปล่า?” หนิงเทียนเริ่มความพยายามครั้งที่สี่ บงกชสีมรกตมีหนึ่งดอกแปดใบ เงาิญญาเริ่มปรากฏบนใบบัวแต่ละใบซึ่งได้แก่ งู ต้นไม้ หิน ผีเสื้อ นก หญ้า ปลา เถาวัลย์ รวมถึงบงกชสีมรกต ในที่สุดก็รวมเป็หนึ่งเดียว และนี่คือกระบวนท่าในการเปลี่ยนแปลงทั้งเก้าของบงกชสีมรกต
หินแสดงถึงความแข็งแกร่งที่ป้องกันการบุกรุกจากภายนอก
งูมีไหวพริบและเปลี่ยนแปลงได้ไม่รู้จบ มันว่องไวและยากต่อการป้องกัน
ต้นไม้ใหญ่มีหยั่งรากลึก ทุกฤดูวสันต์ล้วนผลิดอกออกใบ
ผีเสื้อบินโบยบินและเกิดใหม่จากรังไหม
ปีกนกโผบินทะยานสู่นภากาศ การเคลื่อนไหวของมันรุนแรงราวกับสายรุ้ง
ใบหญ้าก็เปรียบดั่งกระบี่ แม้จะเหี่ยวเฉาแต่ก็เจริญเติบโตได้ปีแล้วปีเล่า
ปลาลงสู่แม่น้ำใหญ่แล้วว่ายไปตามกระแสธาร
เถาวัลย์ดูเหมือนอ่อนนุ่ม ทว่ากลับพุ่งตรงราวกับหอก
หากิญญาเหนือธรรมชาติแต่ละชนิดมีเอกลักษณ์ของตน เช่นนั้นบงกชสีมรกตจะมีคุณลักษณะอย่างไร?
หนิงเทียนตระหนักถึงบางสิ่งก่อนจะลองใช้วิวัฒนาการรูปแบบต่างๆ ในการต่อสู้ แม้จะล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าแต่เขาก็ได้รับบางอย่างกลับมาทุกครั้ง
เ้าหยวนหงโกรธจัด เขาโกรธมากกับความพากเพียรของบงกชสีมรกต “เป็แค่พฤกษาิญญา ข้าไม่เชื่อว่าเ้าจะมีเก้าชีวิต!”
พลังดาบพังทลายท้องนภา สายฟ้าราวกับสายรุ้ง เ้าหยวนหงถล่มยิงอย่างรุนแรงและทุบตีบงกชสีมรกตเป็ชิ้นๆ ในไม่ช้ามันก็เข้าสู่สถานการณ์ที่สิ้นหวัง
“ยึดมั่นไว้ กระบวนท่าที่หกจากทั้งเก้า หินผาไม่เคลื่อนไหว!” หนิงเทียนคำรามอย่างเศร้าใจ จิติญญาของเขาโชติ่ราวกับเปลวไฟ ทว่ายังเคลื่อนไหวไปตามสายลม
“กระบวนท่าที่เจ็ด หอกเถาวัลย์ทลายตะวัน!” จิติญญาแห่งการต่อสู้ของบงกชสีมรกตทำให้การฝึกฝนทั้งหมดเข้มข้นขึ้น แม้จะถูกทำลายหลายสิบครั้ง แต่ก็ได้รับการจัดระเบียบใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่สิ้นสุด
เสียงคำรามโหยหวนดังลั่นกลางสนามรบ ผู้บำเพ็ญหลายคนบ้าคลั่ง พวกเขายึดบงกชสีมรกตเป็ตัวอย่าง สาบานว่าจะต่อสู้จนตาย และจะสู้จนถึงวินาทีสุดท้าย
ความเชื่อและความไม่พอใจอย่างล้นหลามมากันที่บงกชสีมรกต ก่อนจะช่วยกระตุ้นหนิงเทียนอย่างลึกซึ้งจนเขารู้สึกได้ว่าศึกนี้ต้องไม่แพ้
หนิงเทียนคำรามอย่างดุเดือด น้ำตาไหลอาบอยู่ในใจ
“กระบวนท่าที่แปด ใจบงกชไม่หวั่นเกรง ไร้มลทินจากหยาดโคลน!” จิติญญาแห่งการต่อสู้ของหนิงเทียนเกือบจะถึงจุดสูงสุดแล้ว พลังการต่อสู้ของบงกชสีมรกตเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แม้จะถูกเ้าหยวนหงสับเป็ชิ้นๆ แต่มันก็ทำให้เ้าหยวนหงาเ็เช่นกัน
“เ้ามดปลวกบ้า กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายข้า? ตายเสียเถอะ!” เ้าหยวนหงคำรามด้วยความโกรธเคือง พลังชีวิตในร่างวิวัฒนาการไปสู่ทะเลเมฆาสีเื และพลังงานที่ล้นหลามก็พุ่งทำลายทุกสิ่ง
ร่างกายของบงกชสีมรกตทรุดโทรม แต่ิญญาของหนิงเทียนกลับเผาไหม้อย่างเจิดจ้าจนถึงขีดสุด “กระบวนท่าที่เก้า ออกจากรังไหม กำเนิดใหม่อีกครา เก้าร่างกลายั!”
ใน่เวลานั้นบงกชสีมรกตกำลังระเหิด ร่างของมันลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงและกำลังเดินไปสู่ความหายนะทีละก้าว แต่ในใจกลับไร้ซึ่งความเสียใจ มันทำเพียงสู้ต่อไปเท่านั้น
ทั้งสองฝ่ายปะทะกันกลางอากาศ ดาบแห่งการทำลายล้างนำพาความโกรธของเ้าหยวนหง พลังรุนแรงราวสายอัสนีคำรามซึ่งบรรจุพลังหยวนอันน่าสะพรึงกลัว และฉีกห้วงอากาศออกจากกันอย่างรุนแรง
บงกชสีมรกตหมุนวนขึ้นไปก่อนกลายเป็ัมรกตที่ลุกเป็ไฟ กระบวนท่าทั้งเก้าผสานกันเป็ัที่ร้องคำรามอยู่กลางอากาศ
ขณะนั้นราวกับหนิงเทียนได้เห็นยอดเขาแรกของูเาเฮยเสวียนอีกครั้ง เขามองย้อนกลับไปถึงสตรีชุดแดงใน่ที่เกิดภัยพิบัติ
ในที่สุดหนิงเทียนก็เข้าใจว่าเหตุใดดวงตาสีเขียวเ่าั้ถึงแสดงความโศกเศร้า
“ปรากฎว่าจะชนะหรือความพ่ายแพ้ล้วนอยู่ที่ใจข้า”
ิญญาของหนิงเทียนถูกเผาไหม้ เขามอบทุกสิ่งที่มีออกไปแล้ว และในที่สุดบงกชสีมรกตก็เอาชนะเ้าหยวนหงได้ พวกเขาสังหารอัจฉริยะหยวนซิวผู้ไร้เทียมทานลงในเมืองซานสุ่ย
เมื่อบงกชสีมรกตมองย้อนกลับไป ร่างกายที่ลุกเป็ไฟก็เบ่งบานด้วยคลื่นแห่งความสุข จิติญญาของมันปะทุขึ้นก่อนจะกลายเป็บงกชสีมรกตสูงสามจั้งแล้วทำลายห้วงอากาศและจากที่นี่ไป
ิญญาของหนิงเทียนแยกออกมาและจมอยู่ในความมืดมิด
ครู่ต่อมาหนิงเทียนก็กลับมาที่วังผ่านภาและกลับคืนสู่ร่างของตน ส่วนบงกชสีมรกตที่สั่นไหวอยู่ข้างกายก็ส่องประกายแวววาวที่แตกต่างกันออกไป
หนิงเทียนเอียงศีรษะมองอาวุธิญญารูปดอกบัว จากนั้นดวงตาของเขาก็ฉายแววใ
“เป็เ้านั่นเอง!” เขาตื่นเต้นอย่างมาก นี่ไม่ใช่สมบัติที่เกิดจากจิติญญาของบงกชสีมรกตในดินแดนคุนมู่หรอกหรือ?
หนิงเทียนจ้องมองไปยังบงกชสีมรกต ทันใดนั้นมันก็ส่องแสงเจิดจ้า ภาพจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา ชั้นเจ็ดของวังผ่านภาสั่นะเื บรรดาอาวุธิญญาจื๋อซิวในที่แห่งนี้ล้วนส่งเสียงกู่ก้องราวกับกำลังเฉลิมฉลอง
ชั่วครู่ต่อมาบงกชสีมรกตก็เริ่มสลายกลายเป็แสง ก่อนจะกลายเป็ฝุ่นและอันตรธานหายไปในอากาศ
หนิงเทียนตกตะลึงและไม่เข้าใจสาเหตุ แต่เขาก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงประหลาด
เมื่อมองย้อนกลับไปหนิงเทียนก็ต้องตกตะลึง นั่นเพราะชิงผีซานยืนอยู่ใต้แท่นหินโดยมีเืไหลออกมาจากดวงตา
“เ้าทำได้!” เสียงแหบห้าวราวกับใช้พลังทั้งหมดในชีวิตดังขึ้น หลังจากผ่านมาหลายปีในที่สุดศิษย์จื๋อซิวก็ประสบความสำเร็จ
ชิงผีซานร่ำไห้ะเืใจ ก่อนจะกลายเป็เสียงคำรามด้วยความโศกเศร้า
หนิงเทียนก็รู้สึกแบบเดียวกัน นั่นเป็ความอัปยศอันยาวนานในประวัติศาสตร์ของจื๋อซิว และในที่สุดวันนี้มันก็พังทลายลงแล้ว
บงกชสีมรกตสลายตัว ิญญากลายเป็เส้นไหมสีเขียวตกสู่มือของหนิงเทียน ก่อนจะแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเขาด้วยััแห่งความขมขื่น แล้วหลอมรวมเข้ากับแผนที่จิติญญาในท้ายที่สุด
---------------------------------------
[1] สามสิบหกกลศึก การหนีคือยอดยุทธ (三十六计走为上计) เป็คำกล่าวจากเื่สามก๊ก โดยจากกลยุทธ์ทั้งหมด 36 กลยุทธ์ มีกลยุทธ์หนึ่งที่เรียกว่า “รู้หลบเป็ปีก รู้หลีกเป็หาง” หมายถึง การรู้จักเอาตัวรอดหรือปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์
