ฝีมือการทำขนมของอวิ๋นเหนียงไม่เลวเลย กู้เจิงเมื่อกินขนมเสร็จก็หยิบภาพร่างออกมาคุยงานกับพวกเสิ่นกุ้ย ท่านลุงรอง และพวกช่างฝีมือ
กู้เหยากับอวิ๋นเหนียงไม่มีอะไรทำ จึงนั่งกินขนมไปพลางคุยกันไปพลาง
กู้เหยาลอบมองพี่ใหญ่ที่กำลังพูดคุยงานด้วยสีหน้าจริงจังอย่างที่นางไม่คุ้นตา
“พี่อวิ๋นเหนียง หอสมุดที่อยู่ทางใต้ของเมือง พี่ใหญ่เป็คนดูแลด้วยตัวเองหรือเ้าคะ?” กู้เหยาถามขึ้น
“ใช่แล้ว ตอนนั้นข้ายังไม่ได้แต่งเข้าตระกูลเสิ่น ได้ยินแม่สามีข้าบอกว่า อาเจิงมักจะไปดูแลหอสมุดด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะงานซ่อมแซมตึก หรืองานตกแต่งนางล้วนเป็คนลงแรงทำเองทั้งหมด” อวิ๋นเหนียงตอบคำถามกู้เหยา
“พี่ใหญ่ไม่เหมือนแต่ก่อนจริงๆ” กู้เหยาพึมพำกับตัวเอง
“สวยจริงๆ” อวิ๋นเหนียงเอ่ยชมต่างหูตะขอเงินของกู้เจิง ก่อนจะเหลือบไปเห็นต่างหูของกู้เหยาที่เป็ผีเสื้อน้อยกำลังกางปีก สวยและดูดีกว่าของกู้เจิงมาก นางจึงอดถามไม่ได้ว่า “คุณหนูสี่ ต่างหูคู่นี้ของท่านราคาเท่าไหร่หรือ?”
กู้เหยาลูบต่างหูของตัวเอง “ไม่รู้สิ ต่างหูนี้องค์หญิงประทานให้ข้า” พี่สะใภ้อวิ๋นเหนียงดูชอบต่างหูของนางมาก “สวยมากหรือเลยหรือ?”
“สวยเ้าค่ะ” อวิ๋นเหนียงมีสีหน้าอิจฉา
“เห็นท่านชอบขนาดนี้ ถ้าต่างหูนี้เป็ของข้า ข้าก็คงให้ท่านแล้ว” กู้เหยาพูดอย่างไม่ใส่ใจ
อวิ๋นเหนียงดีใจมาก นางรู้สึกว่าคุณหนูสี่แห่งจวนป๋อเจวี๋ยคนนี้ใจกว้างจริงๆ นางมองไปทางกู้เจิง แล้วรู้สึกว่าน้องสะใภ้คนนี้ดูตระหนี่ไปหน่อย
กู้เหยาเดินไปหาพี่ใหญ่ที่กำลังทำงานอยู่
“ชั้นสองจะกั้นด้วยห้องปีกข้างเล็กๆ สองห้องงั้นหรือ? มันจะเปลืองพื้นที่ไปไหม?” เสิ่นกุ้ยเสนอความคิดเห็น เดิมทีที่ชั้นสองถ้าไม่กั้นห้องคนจะสามารถนั่งได้สี่สิบกว่าคน แต่ถ้ากั้นห้องพื้นที่ว่างก็จะน้อยลง
“สองห้องนี้ข้าจะกั้นไว้สำหรับใช้ในอนาคต” กู้เจิงชี้ไปที่ภาพในผัง “ข้าอยากให้ห้องอยู่ติดหน้าต่าง ที่มองลงไปแล้วเห็นประตูใหญ่ของหอสมุด”
เสิ่นกุ้ยทำสัญลักษณ์ตามคำบอกของกู้เจิงในภาพแผนผัง เขาชี้ไปยังด้านนอกอีกจุดหนึ่ง “ห้องน้ำชานี้ดูจะแปลกตาอยู่บ้าง”
กู้เจิงยิ้ม “หากชุนหงมาที่นี่ก็จะอยู่ไกลจากบ้านไปหน่อย ข้าอยากทำห้องเล็กๆ ให้นาง”
ตอนแรกเสิ่นกุ้ยก็ดูแบบแผนผังของกู้เจิงไม่รู้เื่ แต่พอได้สอบถามและทำความเข้าใจ เขาก็รู้เื่มากขึ้น
กู้เหยาชะโงกหน้ามองสิ่งของในภาพวาดอย่างงงๆ “ที่วาดนี่คืออะไรเ้าคะ?”
“วันหน้าเ้าก็จะเข้าใจเอง” กู้เจิงจูงมือกู้เหยา “ไปดูพวกวัสดุที่อยู่ด้านหลังกัน”
ด้านหลังหอสมุดนอกจากจะมีลานเล็กๆ อยู่ ก็มีเรือนเล็กๆ อยู่ด้วย
กู้เหยาเดินตามกู้เจิงมาและเอ่ยถามเมื่อเห็นบริเวณเล็กๆที่กั้นเอาไว้ “พี่ใหญ่ ที่เล็กๆ ตรงนี้คืออะไรเ้าคะ?”
กู้เจิงตอบว่า “นั่นคือห้องสุขา”
“ท่านจะทำหลุมส้วมเอาไว้ในหอสมุดหรือเ้าคะ?” กู้เหยาทำหน้ารังเกียจ
“วางใจเถอะ หลุมส้วมที่ข้าทำไม่เหม็นแน่” กู้เจิงหัวเราะร่วน ก่อนจะวาดรูปแบบห้องในแบบแปลนของนางต่อ
“ข้าไม่เชื่อหรอก” กู้เหยานึกถึงห้องสุขาในจวนกู้ ถึงตั้งไว้ไกลมากแล้วก็ยังได้กลิ่น
“ถ้ามีเวลาว่าง ให้น้องรองพาเ้าไปหอสมุดทางใต้ของเมืองดูก็จะรู้เอง” กู้เจิงพูดโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้น
กู้เหยาเบ้ปาก “่นี้พี่รองอยู่ในวังตลอด อีกอย่างคุณหนูหนิงก็ใกล้จะแต่งงานแล้ว เขาคงจะไม่ออกจากวังหรอกเ้าค่ะ”
กู้เจิงยิ้ม “เ้าสามารถปลอมตัวเป็บุรุษมาดูหอสมุดของข้าได้” แบบคุณหนูตระกูลเซี่ยคนนั้น
“จริงด้วย” ดวงตาของกู้เหยาเบิกกว้างอย่างนึกสนุก “ไม่แน่ว่าตอนข้าแต่งตัวเป็บัณฑิตอาจจะดูดีกว่าพี่รองก็ได้นะเ้าคะ”
ตอนเที่ยง ลุงหม่าได้พาช่างตัดเย็บผ้าผ้าม่านเข้ามาเพื่อวัดขนาดผนัง เขาพูดเื่รับสมัครลูกจ้างกับกู้เจิงอีกครั้ง
อวิ๋นเหนียงได้ยินเื่รับสมัครลูกจ้างพอดี นางจึงเข้าไปหากู้เจิง “อาเจิง ข้ามีท่านลุงอยู่คนหนึ่ง ปีนี้อายุสี่สิบแล้ว เป็คนซื่อตรงมาก พอจะให้เขามาทำงานที่นี่ได้หรือไม่?”
ลุงหม่ากับกู้เจิงมองหน้ากัน ก่อนที่ลุงหม่าจะยิ้มพลางตอบ “คนงานในหอสมุดของพวกเราล้วนเป็คนหนุ่มสาวทั้งนั้น”
กู้เจิงรู้สึกว่าการปฏิเสธญาติกันเองนี่ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ แต่การรับคนวัยหนุ่มสาวมาทำงานเป็การตัดสินใจั้แ่แรกเริ่มของนาง ลุงหม่าได้ให้เหตุผลแก่อวิ๋นเหนียงไป “คนหนุ่มสาวจะเรียนรู้เื่การทำงานได้เร็วขอรับ”
“แบบนี้นี่เอง” อวิ๋นเหนียงพยักหน้าก่อนเอ่ยว่า “ไม่เป็ไร แล้วอย่างงั้นที่นี่ไม่้าคนใช้แรงงานหรือ? ลุงของข้าทำงานอะไรก็เป็หมด ลำบากอะไรก็รับได้หมด”
ลุงหม่ามองไปทางกู้เจิง
กู้เจิงครุ่นคิดก่อนตอบ “เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าข้า้าคนงานเพิ่ม ข้าจะบอกท่านเอง ดีไหมเ้าคะ?”
อวิ๋นเหนียงทำหน้าผิดหวัง “ก็ได้”
“พี่ใหญ่ เราจะกลับบ้านกันเมื่อไหร่เ้าคะ? ที่นี่น่าเบื่อมากเลย” กู้เหยาะโถาม
“จะไปกันเดี๋ยวนี้แหละ” กู้เจิงมอบแผนผังภาพทั้งหมดให้ลุงหม่า “จริงสิ ต้นฉบับที่เอามาเมื่อวาน พรุ่งนี้เช้าข้าจะให้คนเอาไปให้”
“ขอรับ”
เมื่อทุกคนเห็นว่ากู้เจิงกำลังจะกลับก็ต่างออกมาส่ง
หลังจากกู้เจิงไปแล้ว เสิ่นกุ้ยก็พูดกับภรรยาว่า “น้องสะใภ้ช่างมีความสามารถจริงๆ”
ฟางอวิ๋นเหนียงส่งยิ้มน้อยๆ กลับไป แต่แววตากลับไม่ได้ยินดีนัก
รถม้าออกจากหอสมุดมาได้ครึ่งทาง กู้เหยาก็เกิดอยากกินเป็ดย่างที่หอถงชุน กู้เจิงเลยต้องแวะกินข้าวที่หอถงชุน นางบ่นเล็กน้อยว่าอาหารที่นี่แพงเกินไป กู้เหยาได้ยินดังนั้นจึงหยิบถุงเงินออกมาเลี้ยงทันที
มีคนเลี้ยง กู้เจิงย่อมยินดีเป็อย่างยิ่ง
หอถงชุนนี้ กู้เจิงเคยมาครั้งหนึ่ง เป็ที่ที่นางได้รับรู้เกี่ยวกับเื่ในอดีตของป้าสามเสิ่นและคุณชายสามแห่งตระกูลหวัง
เมื่อคิดถึงตระกูลหวังย่อมต้องนึกถึงหวังหว่านหรง แน่นอนว่านางนึกถึงเื่ที่ตวนอ๋อง้ามอบหวังหว่านหรงให้แก่เสิ่นเยี่ยน มาถึงตอนนี้นางก็ยังรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง
หอถงชุนมีคนเยอะมาก ตอนที่พวกนางมาถึงห้องส่วนตัวก็เต็มหมดแล้ว พวกนางจึงได้แต่เลือกที่นั่งตรงมุมหนึ่ง ไม่นานเป็ดย่างก็มา กู้เหยาสั่งอาหารจานพิเศษอีกหลายจาน นับๆ ดูแล้วมีมากกว่าสิบสองอย่าง กู้เจิงตามใจนาง เพราะอย่างไรเสียนางก็ไม่ใช่คนจ่ายเงิน ถ้ากินไม่หมดนางจะห่อกลับบ้านด้วย
“อร่อย อร่อย” กู้เหยาดึงต้นขาเป็ดย่างแล้วส่งเข้าปาก
กู้เจิงก็แทะปีกเป็ดกินอย่างช้าๆ พลางฟังเสียงซุบซิบนินทาจากโต๊ะรอบด้านไปด้วย
“พรุ่งนี้เป็วันแต่งงานของแม่ทัพใหญ่เยี่ยนแล้ว ข้านึกว่าแม่ทัพเยี่ยนจะไม่แต่งงานไปตลอดชีวิตเสียอีก”
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเ้าสาวของแม่ทัพเยี่ยนจะเป็บุตรสาวของตระกูลหนิง ฐานะของทั้งสองคนถือว่าเหมาะสมกันดีนะ”
“ติดแค่อายุห่างกันมากไปหน่อย”
“พี่ใหญ่ ข้าได้ยินท่านพ่อบอกว่า หลังจากแม่ทัพเยี่ยนแต่งงานแล้ว เขาจะไปประจำการที่เมืองเิเป่ย ที่นั่นเต็มไปด้วยพายุทราย พี่สาวตระกูลหนิงคงทนไม่ได้แน่” กู้เหยากินไปพูดไป
“จริงหรือ?” กู้เจิงตาเป็ประกาย
กู้เหยาพยักหน้ามองนางอย่างสงสัย “ทำไมพี่ใหญ่ถึงดูดีใจนักเ้าคะ?”
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร” กู้เจิงรีบซ่อนความรู้สึกดีใจไว้
“แม่ทัพใหญ่สองท่านที่เก่งกาจที่สุดในราชสำนักของเรา คนหนึ่งต้องไปเฝ้าประจำการที่เมืองเิเป่ย ส่วนอีกคนก็ต้องไปเฝ้าอยู่ในเขตชายแดนที่ไร้ความเจริญตั้งหลายปี กว่าจะกลับมาได้ก็ยากนักเ้าค่ะ การเป็แม่ทัพไม่ง่ายเลยจริงๆ” กู้เหยาชวนคุย
“ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หวังซู่เหนียงถึงได้เกลียดพวกแม่ทัพนะเ้าคะ” กู้เหยาฉีกขาเป็ดอีกข้างมากินอย่างเอร็ดอร่อย
กู้เจิงก็ไม่เข้าใจว่าที่ซู่เหนียงเกลียดแม่ทัพนายพลมากขนาดนั้นมันเกี่ยวอะไรกับแม่ทัพเยี่ยน?