ผู้บังคับบัญชาฉินไม่คิดว่าหลินลั่วหรานจะถามออกมาแบบนี้เขาจึงนิ่งไปสักพัก
มีเื่เก่าๆ บางอย่างที่แม้แต่เป่าเจีย เขาก็ไม่เคยเล่าให้ฟังแต่หลินลั่วหรานเองก็เป็คนในลัทธิเต๋าอยู่แล้ว เขาจึงไม่ได้คิดอะไรมากนัก
“สาวน้อยหลินคิดว่าฉันยุ่งไม่เข้าเื่ที่ไปบอกเื่พื้นฐานพลังกับลูกชายตระกูลหลิ่วสินะ?”
หลินลั่วหรานส่ายหน้า “ฉันเพิ่งจะเริ่มฝึกศาสตร์น่ะค่ะอาจารย์ก็ไม่เคยพูดเื่นี้ให้ฟังมาก่อน ฉันรู้สึกแปลกใจมาก ก็เลยถามค่ะ”
เดิมทีที่นี่ก็เป็หมู่บ้านของตระกูลฉินผู้บังคับบัญชาฉินจึงไม่กลัวว่าจะมีใครมาได้ยิน เขาจึงนั่งลงในห้องของเป่าเจียก่อนจะเล่าเื่ของตระกูลฉินให้หลินลั่วหรานฟัง
“นับได้ว่า เป็ย่าของฉัน หรือว่าย่าทวดของเป่าเจียก็เป็เหมือนกับหนูนี่แหละ ที่เกิดมาในลัทธิเต๋า...”
เพียงแค่ประโยคแรกที่ออกมาจากปากของผู้บังคับบัญชาฉินก็ทำให้หลินลั่วหรานใหากเป็แบบนี้ เป่าเจียก็ถือว่าเป็สายเืของนักปราชญ์น่ะสิ?
“อย่าใไปเลยนี่ก็เป็เื่ที่ฉันรู้หลังจากเข้าไปเป็ทหารแล้วเหมือนกันในตอนเด็กฉันก็เคยเจอกับคุณย่านะ ในความทรงจำของฉันท่านเป็คนที่สวยมากมองดูแล้วไม่น่าจะอายุมากกว่าแม่สักเท่าไรปู่ของฉันเป็คนที่มีความสามารถมากในยุคศตวรรษที่ 20 ต้นตระกูลก็เพียงแต่พอมีจะกิน หลังจากนั้นได้ยินว่าตอนที่แต่งงานกับย่าสินสอดก็คือไข่มุกส่องแสงเม็ดใหญ่ และด้วยไข่มุกเม็ดนั้นก็ทำให้ตระกูลฉินร่ำรวยขึ้นมาตอนแรกก็ควรที่จะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อรวยขึ้นมาปู่ของฉันก็เริ่มที่จะไม่เห็นค่าของภรรยาที่อยู่ที่บ้านและก็รับกับคำพูดแนะนำของภรรยาไม่ไหว ในตอนนั้นจึงรับเมียน้อยเข้ามาในบ้านสองคน...
มันไม่ใช่เื่สวยงามอะไร เมื่อพูดไปถึงเื่ของปู่ของตัวเองผู้บังคับบัญชาฉินก็รู้สึกละอายขึ้นมา หลินลั่วหรานเข้าใจดีจึงไม่ได้ถามอะไรมากแม้ว่าในใจของเธอจะสงสัยเป็อย่างมากการที่นักฝึกศาสตร์สาวแต่งงานกับคนที่มีความสามารถ ก็ถือเป็เื่ที่เข้าใจได้หากพวกเขารักกันไปจนแก่เฒ่า การที่จะละทิ้งการฝึกศาสตร์ก็เป็เื่ที่มีความเป็ไปได้อยู่แต่หากในความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ยังมีเมียน้อยอีกสองคนทำให้หลินลั่วหรานใมาก หากเป็ตัวเธอแล้วก็คงจะเสียใจที่ละทิ้งหรืออาจจะทำอะไรรุนแรงขึ้นมาก็ได้
“แล้วหลังจากนั้นล่ะคะ?”
“ั้แ่ที่ฉันจำความได้ ตระกูลฉินก็ตกต่ำแล้วในตอนนั้นเป็่ประเทศจีนกำลังทำากับญี่ปุ่นอยู่เดิมทีตระกูลฉินก็มีชื่อเสียงในชู่อยู่แล้ว เมื่อย่ำแย่ลงไปพ่อของฉันก็รับกับความตกต่ำแบบนี้ไม่ไหวแล้วแอบไปเข้าร่วมกองทหาร...หลังจากนั้นพ่อก็เล่าให้ฉันฟัง ว่าในคืนที่พ่อแอบออกไปนั้นเหมือนว่าย่าจะรู้อยู่แล้ว ว่าเขาจะต้องออกไปจึงมายืนรออยู่ที่ประตูหลังแต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร แถมยังบอกอีกด้วยว่า เธอดีใจที่ลูกชายของเธอจะไปปกป้องประเทศและได้มอบแผ่นหยกมาให้ และบอกให้เขาพกติดตัวเอาไว้ตลอด”
แผ่นหยก? หลินลั่วหรานสามารถจับจุดสำคัญได้แล้วนั่นเป็สิ่งที่นักปราชญ์อย่างย่าของผู้บังคับบัญชาฉินมอบให้กับลูกชายเพียงป้องกันตัวสินะ!
ด้วยเหตุนี้พ่อของผู้บังคับบัญชาฉินจึงได้ไปเข้าร่วมกองทหารแต่คุณชายจากตระกูลร่ำรวยจะไปรู้เื่อะไรเมื่อไปทำาก็เกือบจะตายใต้เศษลูกะุของศัตรูอยู่หลายครั้ง แต่ในเวลานั้นแผ่นหยกที่ห้อยอยู่ที่คอก็จะส่องแสงประกายสลัวๆ ออกมาลูกะุที่บินมานั้นก็เหมือนว่าจะไกลห่างออกไป
พ่อของผู้บังคับบัญชาฉินเข้าใจทุกอย่างขึ้นมาในทันทีด้วยสมบัติวิเศษติดตัวของเขา หลังจากนั้นก็ได้เลื่อนขั้นขึ้นมาภายในเวลาสั้นๆ ใน่าสามเมืองลูกะุนัดหนึ่งพุ่งตรงมาทางด้านหน้า ระยะทางห่างกับเขาเพียงเล็กน้อยเขาไม่อาจจะหลบไปไหนได้ ะุลูกนั้นฝังลงที่ตัวของเขาแต่กลับไม่เขาไปยังเนื้อตัวของเขา แผ่นหยกเปล่งประกายแสงออกมาแม้แต่เหล่าศัตรูเองก็โดนความแปลกประหลาดนี้ทำเอานิ่งไป จนไม่สู้รบกันต่อ
พ่อของผู้บังคับบัญชาฉินได้รับความสำเร็จครั้งใหญ่แต่แผ่นหยกกลับสูญเสียพลังไปมาก จนแตกออกเป็เสี่ยงๆแม้ว่าพ่อของผู้บังคับบัญชาฉินจะเสียดายแต่ก็ไม่มีหนทางให้พกเศษหยกเหล่านี้ติดตัวไป จึงได้แต่เก็บรักษามันเอาไว้
ใครจะรู้เมื่อผ่านไปครึ่งเดือน ในคืนวันหนึ่งก็มีคนในลัทธิเต๋าท่าทางไม่ดีนักพุ่งเข้ามาในสถานที่พักของพ่อของผู้บังคับบัญชาฉินในตอนนั้นพ่อของเขาก็ถือว่ามียศที่สูงมากแล้วสถานที่พักต่างก็มีทหารคอยรักษาการณ์อยู่แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าชายคนนี้โผล่มาได้อย่างไร
ชายบ้าคลั่งดึงตัวพ่อของผู้บังคับบัญชาฉินออกมาจากเตียงเมื่อพบหน้าก็ถามถึงแผ่นหยกทันที
เมื่อพ่อของผู้บังคับบัญชาฉินได้ยินถึงแผ่นหยก ก็รู้สึกใขึ้นมาแผ่นหยกที่ผู้เป็แม่มอบเอาไว้ให้มีพลังที่น่าประหลาดคนจากลัทธิเต๋าที่ท่าทางดูไม่ดีนักคนนี้ รู้ได้อย่างไรว่าเขามีแผ่นหยกอยู่?
เมื่อเขาอยากจะขยับตัวก็พบว่าแขนขาของตัวเองชาไปหมดไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย ในตอนนั้นเองชายบ้าคลั่งก็เก็บเอาแผ่นหยกที่ซ่อนไว้ออกมา
เมื่อเห็นแผ่นหยกที่แตกออกเป็ชิ้นๆ ชายบ้าคลั่งก็แสดงอาการโศกเศร้าออกมารอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าต่างก็เต็มไปด้วยความเสียใจ “เยว่เอ๋อร์ของฉัน...เยว่เอ๋อร์...”
พ่อของผู้บังคับบัญชาฉินถูกเขาจับเข้าที่คอ ใบหน้าของเขาแดงเถือกเสียงหัวเราะของชายบ้าคลั่งคนนั้นดังผ่านเข้ามาในหูเขาจึงถามออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก “คุณเป็ใคร...ทำไมถึงรู้จักแม่ของฉัน?” เยว่เอ๋อร์คือชื่อเล่นของแม่ ผู้หญิงที่เหมือนว่าจะไม่รู้จักแก่คนนั้นชื่อเต็มของเธอคือเจียงิเยว่ เธอก็เหมือนกับดวงจันทร์กลมโตบนแม่น้ำงดงามสะกดตาคน
ความบ้าคลั่งในสายตาของคนในลัทธิเต๋าหายไป ก่อนจะพึมพำออกมา “ใช่แล้ว ถ้าไม่ใช่ลูกของเธอ เธอจะให้แม้กระทั่งแผ่นชีวิตของตัวเองมาได้อย่างไร...” เขาเข้าใจทุกอย่างขึ้นมา ก่อนจะกลับไปมีท่าทางบ้าคลั่งอีกครั้งเขาใช้แรงบีบเข้าที่คอของพ่อของผู้บังคับบัญชาฉิน “แกทำร้ายเธอทั้งหมดเป็เพราะแกทำร้ายเธอ ถ้าไม่ได้ให้กำเนิดแกออกมา แม้แผ่นชีวิตจะแตกสลายก็จะยังมีกำลังอยู่บ้าง...ตอนนี้สายเกินไปแล้ว...”
พ่อของผู้บังคับบัญชาฉินไม่เข้าใจในคำพูดของอีกฝ่ายเพียงแต่รู้สึกว่ามีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับแม่ของตัวเองและก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เื่ดีอะไร ในใจของเขารู้สึกได้ถึงลางไม่ดีในระหว่างที่อยากจะเอ่ยถาม ชายคนนั้นก็ปล่อยคอของเขาออก ก่อนจะวิ่งออกไป
พ่อของผู้บังคับบัญชาฉินตามเขาออกมาในตอนแรกชายคนนั้นยังอยู่เพียงแค่หน้าประตู แต่เพียงพริบตาเขาก็ไกลห่างออกไป
“ท่านผู้เฒ่า แม่ของฉัน เธอ...” พ่อของผู้บังคับบัญชาฉินรู้ว่าเขาเป็คนที่สูงศักดิ์จึงรีบะโออกไปไม่หยุด เพียงแต่กะพริบตา ชายคนนั้นก็ไกลห่างออกไปอีกแต่ยังคงส่งเสียงกลับมา “ฉันเคยพูดเอาไว้แล้วระหว่างเทพกับคนธรรมดานั้นต่างกันมาก แต่เธอก็ไม่ฟังสุดท้ายก็ให้กำเนิดของไร้ค่าที่ไม่มีแม้แต่พื้นฐานพลังออกมา ฮ่าๆๆๆ...ของไร้ค่า!”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ผู้บังคับบัญชาฉินก็ถอนหายใจออกมายาวก่อนจะหยุดดื่มชาลงไปอึกหนึ่ง
นี่เป็ครั้งแรกที่หลินลั่วหรานได้ยินเื่เกี่ยวกับ “พื้นฐานพลัง”จึงถามออกไปด้วยความระมัดระวัง “เกิดเื่ขึ้นกับ...คุณย่าของคุณ?” แผ่นชีวิตแตกสลายไปแล้วแม้แต่ผู้ฝึกศาสตร์ฝึกหัดอย่างหลินลั่วหรานได้ยินต่างก็รู้ว่าไม่ใช่เื่ดี
ผู้บังคับบัญชาฉินพยักหน้าลง “งานทหารของพ่อรัดตัวมากที่บ้านก็เขียนจดหมายตอบกลับมาว่าไม่มีอะไร...รอจนได้รับชัยชนะเขากลับบ้านไปถึงได้รู้ว่า หลังจากที่เขาจากไป ย่าก็ค่อยๆ แก่ลงเรื่อยๆเดิมทีปู่ก็ทำเื่ไม่ดีเอาไว้ จึงไม่ได้ไปพบกับย่านักย่าใช้ชีวิตอยู่ในบ้านตระกูลฉินไปเรื่อยๆ โดยที่ร่างกายค่อยๆแย่ลงไปตามเวลา...จนวันหนึ่งเธอก็กระอักเืออกมาและเ็ปครั้งใหญ่หลังจากนั้นไม่กี่วันท่านก็จากไป เมื่อลองนับเวลาดูแล้ว วันที่ย่ากระอักเืออกมาก็เป็วันที่แผ่นหยกแตกสลายวันนั้นเอง”
เมื่อเื่ราวดำเนินมาถึงตรงนี้หลินลั่วหรานก็ได้แต่ถอนหายใจอยู่ภายในใจของเธอ
เจียงิเยว่ แค่เพียงได้ยินชื่อก็สามารถนึกภาพถึงเทพสาวอันงดงามละทิ้งกฎ์ เพื่อใฝ่หาความธรรมดาทั่วไปผลสุดท้ายเธอก็ได้แต่แก่และตายไปอย่างเดียวดายแบบนี้เหรอ?
แสงส่องสว่างของพระจันทร์บนสายน้ำยังคงสว่างไสวแม้กาลเวลาจะผ่านไปหลายปีหากคุณย่าของผู้บังคับบัญชาฉินสามารถรู้ได้ถึงจุดจบแบบนี้ เธอจะเสียใจไหมนะ?
ในใจของหลินลั่วหรานปรากฏความโศกเศร้าที่เธอไม่รู้เหตุผลขึ้นมาจึงได้แต่ฝืนยิ้มก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาไป “แล้วชายบ้าคลั่งคนนั้นล่ะคะหลังจากนั้นเขาปรากฏตัวออกมาอีกไหม?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้