สวีลี่ฉวินเป็บุตรเพียงคนเดียว จึงไม่ต้องพูดเลยว่าเขาจะมีพี่น้องไหม แน่นอนว่าไม่มี
แล้วแม่เฒ่าสวีมีหลานชายได้อย่างไร
หยางอวี้หลานไม่ใช่คนโง่ ไม่นานเธอก็คิดออกถึงความเป็ไปได้
พระอาทิตย์กำลังตกดิน หญิงชราหลายคนนั่งถือพัดอยู่หน้าอาคารพลางพูดถึงแม่เฒ่าสวี
“แม่หม้ายที่ต้องดูแลลูกเพียงลำพัง อีกทั้งยังเป็ลูกชาย ไม่ง่ายเลยจริงๆ”
“ดีที่แม่สามีใส่ใจ เมื่อถึงเทศกาลแม่สามีของเธอจะมาหาพร้อมกับให้ของมากมาย ไม่ว่าจะเป็หมูเห็ดเป็ดไก่ ใส่หม้อมาจนล้น”
“ใช่แล้ว ซุนลี่เหมยกินไม่หวาดไม่ไหว หัวปลากับตีนไก่ถูกตัดโยนทิ้งลงถังขยะหมด”
ปีใหม่ หมูเห็ดเป็ดไก่…
หยางอวี้หลานทำงานอยู่ที่โรงพยาบาล ่ปีใหม่จะได้รับสวัสดิการ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรู้สถานะของครอบครัวเธอ จึงดูแลเป็พิเศษด้วยความเห็นอกเห็นใจ ทุกครั้งเมื่อมีอาหารเหลือ ก็มักจะแบ่งมาให้เธอเยอะหน่อย
ทุกครั้งเธอจึงนำข้าวของกลับบ้านมากมาย แต่น่าแปลกคือผ่านไปไม่ถึงสองวันของเ่าั้มักจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
พอสอบถาม แม่สามีก็จะบอกว่าแบ่งไปให้เพื่อนบ้านหลังซ้ายและขวารวมถึงญาติพี่น้อง เมื่อเธอรู้ว่าของเ่าั้ไม่ได้เสียเปล่าก็ถือเสียว่าเป็การแสดงน้ำใจ หยางอวี้หลานจึงไม่พูดให้มากความ
แต่ความจริงถูกเปิดเผยแล้ว…
จากคำนินทาของหญิงชราเ่าั้ กล่องความทรงจำของเธอก็เปิดออก หลายปีมานี้เธอยุ่งอยู่กับงาน เื่บางอย่างเธอไม่มีเวลาใส่ใจ แต่เมื่อนำมาปะติดปะต่อก็พบความจริงที่ค่อยๆ ปรากฏ
หยางอวี้หลานพุ่งความสนใจไปที่ชื่อของคนผู้หนึ่ง “ซุนลี่เหมย”
“ใช่ เธอนั่นแหละ!”
ั์ตาที่ไม่ค่อยดีและขุ่นมัวมองไปทางด้านหลังของเธอ “บังเอิญจริงๆ หล่อนมาพอดี ลี่เหมย พี่สะใภ้เธอมาน่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงคนคุ้นเคยเอ่ยทัก ซุนลี่เหมยก็รีบเดินเข้ามา พอดีกับที่หยางอวี้หลานหันไปมองพอดี
แม้จะผ่านไปแล้วสิบกว่าปี ทว่ารูปลักษณ์ไม่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ซุนลี่เหมยแค่ดูมีอายุมากขึ้น หยางอวี้หลานหันไปมองก็จำได้ทันที
ที่แท้ก็เป็เธอจริงๆ!
ดวงตาสองคู่ประสานกัน หยางอวี้หลานตัวแข็งทื่อ
เื่ในอดีตผุดขึ้นมา ย้อนกลับไปเมื่อสิบหกปีก่อน ทีมช่วยเหลือทางการแพทย์นั่งรถแทรกเตอร์ไปยังชนบท ซึ่งในเวลานั้นผ่านบ้านเก่าของซุนลี่เหมย จึงให้เธอติดรถไปด้วย เนื่องจากเป็ผู้หญิงตั้งครรภ์เพียงสองคนในทีม ทำให้พวกเธอมักจะอยู่ด้วยกันและคุยเื่อาการต่างๆ ่ตั้งครรภ์ ในเวลานั้นสวีลี่ฉวินได้ดูแล เสิร์ฟน้ำอุ่นและขนมให้เธออย่างขยันขันแข็ง เธอยังทักทายกับซุนลี่เหมยด้วยท่าทีเป็มิตร มีอะไรน่ารับประทานก็มักจะแบ่งให้
จากนั้นก็เกิดพายุทำให้ดินถล่ม ก้อนหินกลิ้งลงมาจากเทือกเขา
ในสถานการณ์คับขัน สวีลี่ฉวินรีบพุ่งเข้ามาโดยไม่คิดชีวิต
หินก้อนใหญ่ตกลงมาทำให้เธอหมดสติ เมื่อฟื้นก็พบว่าโลกของเธอได้เปลี่ยนไป
สวีลี่ฉวินถูกก้อนหินกระแทกอย่างแรงจนขาหัก
เพื่อรักษาชีวิตของเขาไว้จำเป็ต้องตัดขา และเป็เพราะเขา เด็กในท้องคนนี้ถึงรอดตาย หยางอวี้หลานดีใจมาก ให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลเขาไปตลอดชีวิต
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้นและรู้สึกประทับใจสวีลี่ฉวิน แม้ว่าหลายปีมานี้เขาจะขี้โมโห แม่เฒ่าสวีก็พูดจาหาเื่ตลอด เธอพยายามเต็มที่เพื่อประคับประคองครอบครัวโดยไม่คิดถอดใจ
แต่ในวันนี้เมื่อได้เผชิญหน้ากับซุนลี่เหมย กลับทำให้เธอสงสัยเื่ที่เกิดขึ้นใน่ปีนั้น
สวีลี่ฉวินสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ แต่เธอเรียนจบจากวิทยาลัยแพทย์ธรรมดา ถึงแม้ในยุค 80 การสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะเป็เื่ยาก สามารถพูดได้ว่าผู้ที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยมีน้อยมาก สวีลี่ฉวินแสดงท่าทีไม่พอใจเธอเท่าไร หลังจากแต่งงานกันก็มักจะเ็าใส่
เมื่อทีมแพทย์เดินทางไปต่างเมือง เขากลับมีท่าทีอบอุ่นและกระตือรือร้นมากขึ้น
สิ่งที่คิดในเวลานั้นคือ สวีลี่ฉวินคงเห็นใจเธอที่ต้องอุ้มท้องไปในชนบทด้วยความลำบาก ความรู้สึกหวานฉ่ำในตอนนั้นเป็ความทรงจำดีๆ ไม่กี่อย่างหลังชีวิตแต่งงาน
แต่ในวันนี้มาลองคิดดู เขาตั้งใจเอาใจใส่ใครกันแน่
เมื่อมองั้แ่จุดนี้ ในวันที่เขาพยายามพุ่งเข้ามาช่วยด้วยความกระตือรือร้น แท้ที่จริงตั้งใจเข้ามาช่วยเธอ หรือว่า…
เธอยกคอที่ตั้งแข็ง ก่อนจะมองซุนลี่เหมยที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าของอีกฝ่ายดูใซึ่งยืนยันได้ว่ามันคือเื่จริง
“เธอ…”
ดวงตาเบิกกว้างก่อนที่ซุนลี่เหมยจะชักเท้าและวิ่งหนีไป
หยางอวี้หลานจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตนเองกลับมาได้อย่างไร
ท้องฟ้ามืด เธอยืนนิ่งอยู่หน้าบ้าน มองประตูที่มีรอยถลอกซึ่งควรได้รับการซ่อมแซม เธอรู้สึกแค่ว่าในนั้นมีสัตว์ประหลาดกินคนซ่อนอยู่
เพื่อนบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังหิ้วถุงขยะออกมาทิ้ง ทักทายเธออย่างอบอุ่น
“อวี้หลาน ทำงานล่วงเวลาอีกแล้วหรือ ทำไมไม่เข้าไปล่ะ ลืมกุญแจหรือ นี่ครอบครัวสวี รีบออกมาเปิดประตูหน่อย!”
เมื่อได้ยินเสียงะโ แม่เฒ่าสวีที่ได้ยินก็รีบเดินมาเปิดประตู
เสียงเปิดประตู ก่อนจะมีเสียงโทรทัศน์ดัง สิ่งที่ตามมาคือคำพูดกล่าวโทษของแม่เฒ่าสวีพร้อมสีหน้าไม่พอใจ “ทำไมกลับมาช้าแบบนี้ คนแก่กับเด็กในบ้านหิวจะแย่ มัวยืนทำอะไรอยู่ รีบเข้ามาทำอาหารสิ เก็บของเสร็จก็รีบไปนวดให้ลี่ฉวินด้วย”
หยางอวี้หลานเดินนิ่งเข้าไป เธอก้มตัวเพื่อเปลี่ยนรองเท้า สิ่งที่ได้ยินอยู่ในหูคือเสียงบ่นพึมพำของแม่เฒ่าสวี
“แต่ละวันกลับมามืดค่ำ ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ข้างนอก ปากบอกว่าไปทำงาน ใครจะไปรู้ว่าเธอแอบคบผู้ชายคนอื่นหรือเปล่า...”
เมื่อเปลี่ยนรองเท้าเสร็จ หยางอวี้หลานยืนตัวตรง ั์ตาที่ปกติอ่อนน้อมถ่อมตน วันนี้กลับก่อตัวเป็พายุ
“เมื่อครู่ฉันไปที่หมู่บ้านสาม ถนนฟางมาค่ะ”
เมื่อได้ยินประโยคนั้น แม่เฒ่าสวีก็รู้สึกเหมือนถูกสาปทั้งร่าง คำก่นด่าหยุดชะงัก ดวงตาขุ่นมัวจ้องมาราวกับจะกินเืกินเนื้อ
เป็อย่างที่คิดจริงๆ สินะ…
หยางอวี้หลานรู้สึกว่าหัวใจตกไปอยู่ตาตุ่ม
สิ่งที่ได้เห็นได้ยินที่หมู่บ้านสาม ถนนฟาง ถึงแม้เธอจะมั่นใจแล้ว แต่ลึกๆ ก็ยังแอบคาดหวัง
พวกเขาแต่งงานกันมาหลายปีแล้ว อาจเกิดข้อผิดพลาดก็ได้
หากสวีลี่ฉวินทำไปเพื่อช่วยซุนลี่เหมย ทำไมยอมรับการดูแลจากเธอด้วยท่าทีสงบเช่นนี้มาตั้งหลายปี หากแม่เฒ่าสวีรู้ว่าสวีลี่ฉวินคบชู้ ทำไมยังกล้าเ้ากี้เ้าการบงการเธออยู่ตั้งหลายปี
แต่ปฏิกิริยาของแม่เฒ่าสวีในวันนี้กลับทำให้ความหวังสุดท้ายของเธอดับสิ้น
สิบหกปี เป็เวลาเกือบหกพันวันหกพันคืนที่เธอต้องใช้ชีวิตจมอยู่กับความรู้สึกผิด วันนี้ความจริงเปิดเผยแล้ว เธอถูกหลอกมาตลอด
สองแม่ลูกทำราวกับว่าเธอเป็วัวแก่ที่ต้องอดทนต่อความยากลำบาก มาถึงตอนนี้ก็ยังขัดขวางความเจริญของเธอทุกทาง
หากยังทนต่อไป เธอคงเป็พระพุทธเ้าแล้วละ
“คุณนี่มีลูกชายที่ดีจังเลย ที่เขาได้มีหลานชายให้คุณ!”
“เธอ…เธอรู้แล้วหรือ”
ความสุขในใจของแม่เฒ่าสวีหายไปหมดสิ้น
“แม่ พูดอะไรคะ”
ประตูห้องเปิดออก สวีเหวินเหวินยืนอยู่หน้าประตู ดวงตาคู่นั้นยังคงบวมแดง แววตาเต็มไปด้วยความใ และไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
เมื่อเห็นชุดนอนบนตัวเหวินเหวินที่ถูกซักจนเป็ขุย หยางอวี้หลานก็สงสาร สัญชาตญาณของเธออยากปกปิดเื่นี้ไว้
แต่สติของเธอบอกว่าในเมื่อมาถึงขั้นนี้ เธอคงไม่สามารถรักษาครอบครัวต่อไป จะช้าหรือเร็วสวีเหวินเหวินก็ต้องรู้ สู้บอกไปเลยตอนนี้ดีกว่า
ภายใต้สิ่งเร้ามากมาย หยางอวี้หลานที่ใจอ่อนอยู่เสมอก็ตัดสินใจ
“เหวินเหวิน หลังเลิกงานแม่ไปตรวจสอบที่ชุมชนนั้น ตอนนี้เื่ราวกระจ่างแล้ว พ่อของลูกมีลูกชายอีกหนึ่งคนซึ่งมีอายุมากกว่าลูกหนึ่งเดือน
“อะไรนะคะ”
สวีเหวินเหวินะโ ก่อนจะถามโดยไม่รู้ตัว “ก็เท่ากับว่าเงินนั่น”
หยางอวี้หลานพยักหน้า “นำไปให้พวกเขา”
“ที่แท้เป็เธอที่คอยยุแยงนี่เอง!”
เมื่อได้ฟัง และรู้ว่าใครเป็ผู้ที่ออกความคิดนี้เป็คนแรก แม่เฒ่าสวีก็หันไปมองสวีเหวินเหวิน “ฉันว่าแล้ว นังเด็กคนนี้ชอบทำให้ผิดหวังจริงๆ ช่วยคนนอกจัดการพ่อกับย่าของตนเอง”
“แม่ของหนูไม่ใช่คนนอกนะคะ!”
มือหยิบไม้ปัดขนไก่ที่อยู่ข้างประตู ก่อนที่แม่เฒ่าสวีจะพุ่งตรงเข้าไปตีหน้าผากของสวีเหวินเหวิน
หยางอวี้หลานเห็นเช่นนั้นก็เบิกตากว้างด้วยความโกรธ เข้าไปคว้าไม้ปัดขนไก่โดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น พร้อมเอาตัวบังบุตรสาว
“กล้าดียังไงมาตีลูกสาวฉัน”
แม่เฒ่าสวีหายใจหอบ ั์ตาขุ่นมัวมองลูกสะใภ้เหมือนจะกินเืกินเนื้อ น้ำลายกระเด็นจากริมฝีปากที่เหี่ยวย่นขณะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “เปลี่ยนไปขนาดนี้เชียวหรือ ยังไม่ได้เลื่อนตำแหน่งก็ปีกกล้าขาแข็งขนาดนี้ นี่คงไม่เคยเห็นเราสองแม่ลูกอยู่ในสายตาเลยสินะ หากยอมให้เธอไปจริงๆ บ้านหลังนี้จะมีที่ให้พวกเรายืนอยู่ได้ยังไง!”
“นี่คุณยอมรับแล้วหรือคะ”
“ยอมรับอะไร” แม่เฒ่าสวีชะงัก ก่อนจะดึงสติกลับมา “หากฉันไม่ยอมให้เธอศึกษาหลักสูตรระยะสั้นแล้วจะทำไม ปีนั้นเธอทำให้สวีลี่ฉวินาเ็จนต้องตัดขา แต่กลับคลอดเด็กไร้ประโยชน์ออกมา คนที่เป็ตัวซวยอย่างเธอ ยังกล้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในมณฑลอีกหรือ”
“เื่ขาของสวีลี่ฉวินมันถูกตัดเพราะฉันจริงๆ หรือคะ”
เสียงรถเข็นดังขึ้น หยางอวี้หลานเห็นใบหน้ามืดมนของสวีลี่ฉวินก่อนจะรัวคำถาม
“สวีลี่ฉวิน ตอนนั้นคุณคิดจะช่วยใครกันแน่”
ประโยคที่มีข้อมูลมากเกินไปนี้ ทำให้สวีเหวินเหวินที่ฟังอยู่ถึงกับตกตะลึงยืนนิ่งอยู่กับที่
หยางอวี้หลานจ้องเขม็งไปที่สวีลี่ฉวินด้วยดวงตาแดงก่ำ เมื่อเห็นเขาก้มศีรษะ เธอก็เข้าใจทุกอย่างทันที
ขณะนั้นเธอรู้สึกราวกับหัวใจหยุดเต้น
แต่บุตรสาวที่อยู่ข้างๆ คอยสนับสนุนเธอ จึงจะล้มไม่ได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้
ด้วยจิตใจที่แข็งแกร่ง ความคิดของเธอแจ่มชัดมากขึ้น
“ฉันรู้แล้วว่าควรทำยังไง ฉันเชื่อว่าในใจของพวกคุณก็คงคิดไว้แล้ว เหวินเหวินเป็เด็กผู้หญิง พวกคุณไม่้า ฉันก็จะพาเธอไปด้วย บ้านนี้เป็สวัสดิการของโรงพยาบาล เงินก็มาจากเงินเดือนของฉัน ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ควรเป็ของฉัน รายจ่าย่หลายปีมานี้ฉันจะไม่นับ แต่เงินเก็บทั้งหมดต้องเป็ของฉัน ฉันจะช่วยให้พวกคุณสมปรารถนา รวมถึงลูกชาย หลานชายด้วย!”
“ไม่ได้!”
แม่เฒ่าสวีคัดค้าน บ้านนี้เป็ของตระกูลสวี รวมถึงเงินก้อนนั้น หลานชายคนโตของเธอยังรอให้เธอซื้อบ้านให้ ลูกสะใภ้ของเธอก็รอให้เธอไปสู่ขอ นั่นก็เพื่อตอบสนองความปรารถนา เพราะเธอก็ชรามากแล้วลี่ฉวินก็พิการ สถานการณ์เช่นนี้จะทำให้หลานชายของเธอต้องเดือดร้อนไปด้วย
อาศัยร่วมชายคากับแม่เฒ่าสวีมาหลายปี หยางอวี้หลานเห็นนิสัยของอีกฝ่ายทะลุปรุโปร่งตั้งนานแล้ว จึงไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด
“ได้หรือไม่ได้ไม่ใช่คุณเป็คนตัดสิน หากพวกคุณไม่ตกลง ก็เจอกันในศาล!”
หยางอวี้หลานช่างเ็ายิ่งนัก เธอทิ้งประโยคนั้นไว้ก่อนจะเข้าไปเก็บข้าวของบางส่วน และรีบดึงสวีเหวินเหวินที่ยังตกตะลึงออกมาจากที่นั่น ท่าทีเกรี้ยวกราดเปลี่ยนเป็อ่อนโยน
“เหวินเหวิน พวกเราไปกันเถอะลูก”
เธอผลักแม่เฒ่าสวีที่ยืนขวางออกไปอย่างง่ายดาย มือขวาถือกระเป๋า มือซ้ายจูงบุตรสาว ก่อนที่หยางอวี้หลานจะก้าวออกจากคุกที่ขังเธอมาถึงยี่สิบปี
