“เดิมพันอะไร? อืม! ถนนหมายเลขสิบสาม? เมืองชางไม่ไป เปลี่ยนเป็หอจันทราเดือนหนึ่งน่าจะดีกว่า?” ฮวาเฉ่าเมื่อได้ยินรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที ดวงตาที่สวยงามของเขากลอกกลิ้งไปมาหลายรอบ จากนั้นจึงเสนอข้อเรียกร้องใหม่ขึ้นมา สินค้าที่ถนนหมายเลขสิบสามของเมืองชางเขาไม่ค่อยสนใจเท่าไร แต่หอจันทรานั้นคือสถานที่หาความสำราญที่หรูหราราคาแพงที่สุดของเขตปกครองเทพา เข้าอยู่พักที่นั่นหนึ่งเดือนแม้ฐานะอย่างเขาก็ยังกระเป๋าแทบฉีกไปเหมือนกัน
“ตกลง! ไม่มีปัญหา หอจันทราก็หอจันทรา” เย่ชิงหานหัวเราะอย่างขบขัน นิ่งครุ่นคิดไปสักพักก่อนจะตอบตกลง เข้าพักหอจันทราเป็เวลาหนึ่งเดือนแม้จะรู้สึกว่าแพงไปนิด แต่ด้วยตำแหน่งผู้าุโนอกตระกูลอย่างเขาเื่แค่นี้ยังพอจัดการได้ จากนั้นจึงพูดรูปแบบของการเดิมพันออกมา “เรายังเหลือเวลาที่ต้องดักซุ่มอยู่ที่นี่อยู่อีกหนึ่งเดือนไม่ใช่รึ? ข้า้าสู้กับเ้าทุกวัน วันละหนึ่งรอบ รอบละหนึ่งชั่วโมง แต่ข้าจะไม่โจมตี ขอเพียงเ้าแทงข้าได้สามกระบี่ถือว่าเ้าชนะหนึ่งรอบ แน่นอนว่าเ้าต้องใช้กระบี่ไม้ สามสิบรอบเ้าชนะข้าสิบหกรอบถือว่าเ้าชนะเดิมพันนี้ ตกลงไหม?”
“มีเื่ดีงามขนาดนี้เลย? เ้าแน่ใจ?” ฮวาเฉ่ากะพริบตาปริบๆ อย่างไม่อยากที่จะเชื่อ เขากำลังคิดว่าเย่ชิงหานดื่มมากจนเกินไปจนพูดเพ้อออกมาหรือเปล่า?
พลังฝีมือเขาระดับไหน? ระดับขั้นที่สามขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใกล้จะบรรลุระดับขั้นขอบเขตแล้วด้วย สุดยอดเคล็ดวิชาของตระกูลเขาคืออะไร? วิชาอำพรางกาย วิชาเงาแยกร่าง เย่ชิงหานพลังฝีมือแค่ระดับขั้นแรกขอบเขตเยี่ยมยุทธ์กลับจะสู้กับเขารอบละหนึ่งชั่วโมงทุกวัน แค่แทงกระบี่โดนตัวเขาแค่สามกระบี่ก็ถือว่าชนะ? ต่อให้มีสัตว์อสูรคุณภาพระดับแปดพลังฝีมือเพิ่มขึ้นมาพอๆ กับเขา แต่ต้องเข้าใจว่าในห้าตระกูลใหญ่ทั้งหมดตระกูลฮวาได้ชื่อว่ามีระดับความเร็วที่เป็หนึ่ง ภายใต้การใช้วิชาอำพรางและวิชาเงาแยกร่าง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแทงแค่สามกระบี่ ต่อให้เป็สามสิบกระบี่เขาก็มั่นใจว่าทำได้
มองเห็นเย่ชิงหานพยักหน้าตอบรับอย่างจริงจังฮวาเฉ่าไม่ได้ดีใจแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามกลับเริ่มสงสัยขึ้นมา เย่ชิงหานไม่ได้พูดเพราะเมา ไม่ได้มีนิสัยชอบให้คนอื่นทำร้ายตัวเอง แถมยังเดิมพันในสิ่งที่รู้ว่าต้องแพ้แน่ๆ ทำเช่นนี้เหมือนกับกำลังประจบเอาใจเขา ไม่มีความดีความชอบแต่ได้ปูนบำเน็จเช่นนี้จะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแอบแฝงอยู่แน่ๆ หรือว่าเขามีจุดประสงค์อย่างอื่นที่เราไม่รู้?
“จะจ้องข้าอะไรหนักหนา ข้าไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรแอบแฝง จะเดิมพันไม่เดิมพัน ถ้าไม่เอาข้าจะได้ไปหาเฟิงจื่อ” เย่ชิงหานถูกฮวาเฉ่ามองจนขนลุกเกรียวไปทั้งตัว พูดออกมาอย่างหัวเราะอารมณ์ดี
“แน่นอนว่าต้องเดิมพัน!” เมื่อเห็นเย่ชิงหานกำลังจะลุกขึ้นเดินจากไปจึงรีบพูดออกมา มีคนเสนอตัวลงทุนให้ทำกำไรเช่นนี้มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ไม่อยากได้ ยิ่งตอนนี้ตนเองเบื่อๆ อยู่ด้วยเอาเย่ชิงหานมาเป็กระสอบทรายฝึกซ้อมฝีมือเล่นๆ สักเดือนก็ไม่เลว ได้ทั้งฝึกฝีมือและได้ทั้งเสพสุขในหอจันทรา เช่นนี้ใครเล่าจะปฏิเสธ?
“ตกลง เดี๋ยวข้าไปสั่งการหน่วยเฝ้าระวังก่อนสักครู่ จากนั้นค่อยมาเริ่มกัน” เย่ชิงหานยิ้มออกมาหมุนตัวออกไปหาเย่สือชีที่อยู่ไม่ไกลออกไป หลังผ่านการฝึกฝนมาร่วมสองเดือนท่าเท้าเคลื่อนย้ายไร้รูปลักษณ์ของเขาบรรลุถึงทักษะระดับขั้นต่ำของระดับชั้นที่หนึ่งแล้ว เขาพบว่าภายใต้ความกดดันในการต่อสู้กับนักรบต่างเผ่าทำให้ท่าเท้าของเขาพัฒนาขึ้นมากกว่าการฝึกฝนธรรมดาทั่วไป ระยะหลังนี้นักรบต่างเผ่าถูกเคลื่อนย้ายมาน้อยลง ไม่มีนักรบต่างเผ่าให้ฝึกซ้อมจึงต้องหาพวกเดียวกันเองเพื่อฝึกซ้อม
ภายในสุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิกลุ่มคนที่มีระดับความเร็วและการโจมตีที่แปลกประหลาดมากที่สุดก็ต้องเป็ตระกูลฮวา ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าเวลาอีกหนึ่งเดือนที่เหลืออยู่จะให้นักฆ่าของตระกูลฮวาฝึกซ้อมเป็เพื่อนตนเอง แน่นอนว่าเดิมพันที่เสนอขึ้นมาก็เพื่อเพิ่มความสนใจให้ฮวาเฉ่ามีกำลังใจต่อสู้กับตนเองอย่างเต็มที่เท่านั้นเอง
.................................
หลังจากที่เย่สือชีสั่งการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงพยักหน้ามาทางเย่ชิงหานให้เริ่มฝึกซ้อมได้ สำหรับท่าเท้าเคลื่อนย้ายไร้รูปลักษณ์วิชาท่าร่างระดับศักดิ์สิทธิ์นี้เขารู้จักดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้าุโสูงสุดของตระกูลเย่ เย่ชิงหนิว อาศัยท่าเท้าเคลื่อนย้ายไร้รูปลักษณ์วิชาท่าร่างนี้จนได้รับสมญานามจากผู้คนในเขตปกครองเทพาว่า “ผู้มีท่าเท้าหนึ่งในใต้หล้า” เมื่อสองเดือนก่อนเห็นเย่ชิงหานเริ่มใช้นักรบต่างเผ่าในการฝึกซ้อมท่าเท้านี้เขาชื่นชมการกระทำของเย่ชิงหานเป็อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็วิชาต่อสู้ใดๆ ล้วนย่อมพัฒนาขึ้นได้อย่างรวดเร็วจากการต่อสู้จริง
“มาเริ่มกันเถอะ!” เย่ชิงหานเห็นเย่สือชีคอยระวังและจับเวลาให้อยู่ข้างๆ แล้วจึงพูดบอกฮวาเฉ่า จากนั้นรวมร่างสัตว์อสูรในทันที พลังปราณรบไม่ได้แผ่พุ่งออกมาห่อหุ้มกายเป็โล่ป้องกันเหมือนแต่ก่อน แต่กลับแผ่ออกมาจากฝ่าเท้าทั้งหมดแทน ทำให้รองเท้าคู่ที่ใส่อยู่ปรากฏเป็สีสันแวววาวลานตาราวกับรองเท้าวิเศษที่ถูกประดับตกแต่งด้วยเพชรนิลจินดาฉันนั้น
“แหะๆ ระวังให้ดีๆ ล่ะ!” ฮวาเฉ่าในมือถือดาบไม้สีเขียวที่เพิ่งทำขึ้นจากไม้ที่อยู่ในละแวกนั้น เขายิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายจากนั้นร่างกายพลันเลือนหายไปในอากาศ เริ่มต่อสู้ครั้งแรกก็ใช้วิชาอำพรางกายในทันที ในเมื่อเย่ชิงหานไม่ตอบโต้เขาย่อมต้องกล้าเพิ่มระดับความเร็วให้ถึงขีดสุดอย่างไม่ต้องกังวลใดๆ ได้ เริ่มหมุนวนรอบๆ ตัวของเย่ชิงหานอย่างรวดเร็วเพื่อทำให้เขาจับทางไม่ได้และหมดหนทางป้องกัน...
เมื่อเห็นฮวาเฉ่าแค่เริ่มต้นก็ใช้วิชาอำพรางกายในทันที เย่ชิงหานไม่ได้ตื่นเต้นแต่อย่างใด ทำเพียงหลับตาลง หูพยายามจับเสียงการเคลื่อนตัวของอากาศที่อยู่โดยรอบ
ฉับพลันนั้นเอง...
เขาลืมตาขึ้นในทันที ดวงตาเป็ประกายแสงรีบโคจรพลังปราณรบใต้ฝ่าเท้าขึ้น ร่างกายไม่ได้ถอยไปข้างหลังแต่กลับพุ่งไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง จากนั้นหมุนตัวหลบออกไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ตำแหน่งเดิมบริเวณตรงใบหน้าของเขาปรากฏกระบี่ไม้สีเขียวเล่มหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากอากาศพร้อมกับเงาร่างของฮวาเฉ่า มองดูเย่ชิงหานหลบหลีกการโจมตีที่เตรียมการเป็อย่างดีของเขาไปได้ ฮวาเฉ่ารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเท้าออกแรงพุ่งตามออกไปยังทิศทางของเย่ชิงหานในทันที สองเท้าขยับเคลื่อนไหวไปมาเงาร่างแยกออกมากลายเป็ฮวาเฉ่าสามคนขึ้น ในมือถือกระบี่ไม้สีเขียวพุ่งแทงออกไปยังเย่ชิงหาน
วิชาเงาแยกร่าง!
เย่ชิงหานส่ายหัวอย่างอับจนปัญญา ฮวาเฉ่าไม่ไว้หน้าเขาเลยสักนิดแค่แรกเริ่มก็ใช้ท่าไม้ตายออกมาจนหมดไม่ว่าจะเป็วิชาอำพรางกายหรือแม้กระทั่งวิชาเงาแยกร่าง ดูจากลักษณะแล้ววิชาเงาแยกร่างของเขาน่าจะบรรลุถึงทักษะขั้นสูงของระดับชั้นที่หนึ่งแล้ว เงาร่างเลือนรางทั้งสามสายมองดูอย่างไรก็คล้ายคลึงกันไปหมด พูดง่ายๆ แยกไม่ออกว่าเงาร่างไหนจริงเงาร่างไหนปลอม เย่ชิงหานอับจนปัญญาจึงทำได้เพียงแค่โคจรพลังปราณรบอย่างเต็มกำลังใช้ท่าเท้าที่แปลกประหลาดทั้งสิบแปดท่วงท่าเหยียบย่ำไปมา
“พวกเขากำลังทำอะไรกัน?”
การต่อสู้ที่นี่เพิ่งจะเริ่มขึ้นได้สักพักก็ดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ ขึ้นมาทันที เยว่ชิงเฉิงและเย่ชิงอู่วันนี้ไม่ได้เข้าเวรจึงะโลงมาจากต้นไม้ใหญ่ที่พักผ่อนอยู่แล้วมาหยุดอยู่ที่ข้างกายเย่สือชี จากนั้นมองดูเงาร่างสามสายของฮวาเฉ่าที่แปลกประหลาดกำลังเคลื่อนที่หมุนวนรอบกายเย่ชิงหานไล่ตามแทงอยู่ไม่หยุด แต่เย่ชิงหานกลับไม่ตอบโต้ใดๆ ทำเพียงย่ำเท้าด้วยท่าทางที่แปลกประหลาดดูไม่สมเหตุสมผลหลบหลีกไปมาอยู่ไม่หยุด ระดับความเร็วของทั้งคู่ต่างบรรลุถึงระดับสูงสุด ทั้งสองะโขึ้นลงไปมาซ้ายขวาอยู่ท่ามกลางลานโล่งนั้นราวกับดวงิญญาของภูตผีสองดวง
“เรียนคุณหนูทั้งสอง นายน้อยทั้งสองกำลังฝึกซ้อมฝีมือกันอยู่” เย่สือชีตอบออกมาตามความเป็จริง สายตาทำการสอดส่องสภาพแวดล้อมโดยรอบอยู่ไม่ขาดเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้น
“ไร้สาระสิ้นดี! เ้าไม่ต้องบอกข้าก็รู้ว่าพวกเขากำลังฝึกซ้อมวรยุทธ์กัน เอ๊ะ? ท่าย่ำเท้าของเย่ชิงหานทำไมถึงได้คล้ายกับท่าเท้าวัววิ่งตะบึงของท่านปู่?” เย่ชิงอู่บุ้ยปากน้อยๆ ของนางกลอกตาขาวมองใส่เย่สือชีไปครั้งหนึ่งก่อนที่จะนึกอะไรขึ้นได้แล้วพูดขึ้นด้วยความสงสัย
เย่สือชีหัวเราะแหะๆ ออกมาพร้อมกับพูดขึ้น “จริงๆ แล้วมันก็เป็วิชาท่าร่างอย่างเดียวกัน เพียงแต่ผู้าุโสูงสุดเห็นว่าชื่อไม่น่าฟังก็เลยเปลี่ยนชื่อเองเสียใหม่”
‘ไม่คิดเลยว่าตระกูลเย่จะให้ความสำคัญกับเย่ชิงหานถึงเพียงนี้ ถึงกับมอบเคล็ดวิชาระดับนี้ให้เขาฝึกฝน!’ ดวงตาคู่ที่ราวกับไข่มุกดำของเยว่ชิงเฉิงหรี่ลงเล็กน้อย ลอบกล่าวออกมาภายในใจเงียบๆ เดิมทีได้ยินพวกหญิงสาวของตระกูลพูดว่าเย่ชิงหานใช้นักรบต่างเผ่าเพื่อฝึกฝนวิชาท่าเท้าที่ดูแปลกประหลาดพิลึกกึกกือและดูน่าอัศจรรย์ชนิดหนึ่ง ภายในใจนางได้คาดเดาไว้ก่อนหน้าแล้ว จนตอนนี้ได้เห็นกับตาถึงได้แน่ใจว่าท่าเท้าที่เย่ชิงหานกำลังใช้ฝึกซ้อมอยู่ขณะนี้จะต้องเป็เคล็ดวิชาระดับศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่เพียงไม่กี่เล่มของตระกูลเย่อย่างแน่นอน
ถ้าถือเอาตามการคาดการณ์ปกติ เคล็ดวิชาระดับศักดิ์สิทธิ์ของทั้งห้าตระกูลใหญ่ หากไม่มีพลังฝีมือในระดับขอบเขตาาจักรพรรดิทางตระกูลจะไม่ถ่ายทอดเคล็ดวิชาระดับนี้ให้ฝึกฝนอย่างแน่นอน คิดถึงตรงนี้ภายในใจของเยว่ชิงเฉิงบังเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจไหลพรั่งพรูออกมา ตระกูลเย่ให้ความสำคัญกับชายที่นางชอบถึงเพียงนี้ทำให้นางรู้สึกดีใจเป็อย่างมากเช่นกัน แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดความสงสัยขึ้นมานิดๆ เช่นกัน หรือว่าเย่ชิงหานจะมีอะไรที่พิเศษยิ่งกว่าภายนอกที่เห็นอยู่? มิเช่นนั้นอาศัยพลังฝีมือเพียงแค่ภายนอกเท่าที่เห็นของเขาในตอนนี้ตระกูลเย่จะยอมแหกกฎนำสุดยอดเคล็ดวิชาประจำตระกูลมาถ่ายทอดให้เขาฝึกฝนอย่างนั้นรึ?
ฟิ้วๆ!
ฮวาเฉ่าและเย่ชิงหานที่อยู่บนลานโล่งราวกับเด็กเล็กที่ชอบวิ่งเล่นไล่จับกันอย่างสนุกสนานนั้น เดี๋ยวก็ะโขึ้นลงต้นไม้ เดี๋ยวก็ะโมุดหายไปในพุ่มไม้ใบหญ้า เดี๋ยวก็วิ่งเล่นบนผิวน้ำภายในสระ ดูแล้วน่าสนุกสนานเป็อย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าระดับความเร็วของฮวาเฉ่านั้นเร็วกว่าเย่ชิงหานเล็กน้อย ตระกูลฮวาเป็เลิศในด้านความเร็วเป็ที่ยอมรับทั่วทั้งทวีป ตลอดการต่อสู้เป็ฮวาเฉ่าเป็ฝ่ายไล่ตามเย่ชิงหาน เพียงแต่ท่าเท้าของเย่ชิงหานแปลกพิสดารจนเกินไป ทุกครั้งที่ดูราวกับว่ากระบี่ไม้จะแทงถูกร่างแต่เมื่อเท้าของเขาขยับเปลี่ยนท่าทีหนึ่งก็เคลื่อนย้ายหลบหลีกกระบี่ไม้ที่ฮวาเฉ่าแทงมาได้อย่างหวุดหวิดทุกครั้ง
“นายน้อยแพ้แล้ว!”
เย่สือซานพูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่พอใจเป็อย่างมากที่เห็นเย่ชิงหานสามารถต่อสู้รับมือฮวาเฉ่าได้นานถึงเพียงนี้ ฮวาเฉ่าพลังฝีมือระดับขั้นที่สามขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ใช้พลังเข้าต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ส่วนเย่ชิงหานเพิ่งจะฝึกฝนท่าเท้าได้เพียงแค่สองเดือนและต่อสู้ได้ถึงระดับนี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
เยว่ชิงเฉิงและเย่ชิงอู่ต่างยืนยิ้มรอให้ทั้งสองคนเดินเข้ามา ฮวาเฉ่าหน้าตายิ้มแย้มถึงมันจะเปลืองเวลาของเขาไปสักหน่อย แต่การได้ซ้อมคนนั้นทำให้เขามีความสุขอยู่ไม่น้อยทีเดียว แม้ว่าท่าเท้าของเย่ชิงหานจะทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์ หลายครั้งที่เห็นได้ชัดว่าจะแทงถูกตัวของเย่ชิงหานแล้วแต่เขากลับหลบได้อย่างหวุดหวิด ความรู้สึกเช่นนี้น่าหงุดหงิดเป็อย่างมาก วันนี้เป็แค่เพียงวันแรก เขามีความเชื่อมั่นเป็อย่างมากว่าวันพรุ่งนี้ตนเองจะสามารถแทงโดนเย่ชิงหานสามกระบี่ภายในเวลาที่สั้นลงกว่าเดิม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้