“เ้ากับเสี่ยวต้วนช่วยจูฉวนปิดบังอันใดหรือ? เ้าเด็กนั่นนำศพแม่ออกมาได้อย่างไร?” เลี่ยวจือหย่วนเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
ลู่เจียงเป่ยเล่าต่อ “ตอนนี้ข้าคิดว่าเขาอาจโกหกตบตาข้าและเสี่ยวต้วน จูฉวนเ้าเล่ห์ไม่น้อย หากไม่ใช่เพราะเขาตัดหัวเหล่าองครักษ์ที่ิ่พระเกียรติศพของหยางเฟย ข้าและเสี่ยวต้วนก็จะยังเก็บเื่นี้เป็ความลับ เป็เื่ยากจินตนาการว่าแผนเช่นนี้จะออกจากเด็กหนุ่มอายุเพียงสิบสาม ข้าจึงสงสัยว่าเื้ัอาจเป็ยอดฝีมือที่คอยให้คำแนะนำ”
เลี่ยวจือหย่วนประหลาดใจขึ้นเรื่อย ๆ พลางผลักอีกฝ่ายก่อนเอ่ยเร่งเร้า “รีบบอกมา บอกข้าเดี๋ยวนี้”
ลู่เจียงเป่ยหน้าซีดเผือด เหงื่อผุดซึมบนหน้าผากพลันไออย่างรุนแรง เลี่ยวจือหย่วนใรีบเข้าไปลูบหลังช่วยให้เขาหายใจสะดวก พลางเอ่ยยอมรับผิดด้วยเสียงสะอื้น“เป็ความผิดของข้า หัวหน้า รู้ทั้งรู้ว่าร่างกายเจ็บหนักแต่ก็ยังขวางหมัดของเกาเจวี๋ยช่วยข้า อาการเ้าต้องแย่ลงเพราะตอนนั้นแน่ ไม่ใช่สิ นี่ล้วนเป็ความผิดของเกาเจวี๋ย เขาเดือดดาลก็ควรไปลงกับคุณหนูเหอจึงจะถูก แต่กลับลงมือกับพี่น้องตนเช่นนี้ นับว่าเก่งกาจอันใดกัน”
“จริงสิเ้าแมวป่า รู้หรือไม่ว่าเกาเจวี๋ยพักที่ไหน?” ลู่เจียงเป่ยช้อนตาเอ่ยถามอย่างไร้เรี่ยวแรง “ข้าเอ่ยถามก่อนหน้านี้ เขาก็บอกให้ถามเ้า ทั้งยังบอกอีกว่า ‘ตอนนี้ราคาเพิ่มขึ้นสิบห้าไหแล้ว หากขาดแม้แต่ไหเดียว เขาจะเด็ดหัวสตรีผู้นั้นทำเป็เก้าอี้’ สตรีผู้นั้นเป็ใครกัน? ข้าจำได้ว่าไม่มีสตรีคนใดเป็เป้าหมายลอบสังหารของเขา”
“อะไรนะ? สิบห้าไห?” เลี่ยวจือหย่วนเดือดดาลจนหัวลุกเป็ไฟ “กล้ากลับคำและขึ้นราคาเช่นนี้ได้เยี่ยงไร ข้าได้ดมเพียงกลิ่นเหล้าเท่านั้น แต่เขากลับจะขอเพิ่มอีกห้าไห”
ลู่เจียงเป่ยมองเลี่ยวจือหย่วนด้วยความสงสัย ทว่าเลี่ยวจือหย่วนไม่รอให้เขาเอ่ยถาม ดวงตาเฉียบคมพลันวูบไหว สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็ยินดี “เอ๊ะ? จริงสิ เหตุใดข้าจึงโง่เง่าเพียงนี้ ในเมื่อเขารักคุณหนูเหอ เช่นนั้นเหตุใดข้าไม่มอบกริชแกะสลักรูปคุณหนูเหอให้เขาล่ะ เขาอาจดีใจจนไม่้าเหล้าสักไหก็เป็ได้ หัวหน้าอย่าโทษข้าเลยนะ ตอนนี้เ้าาเ็ ข้าไม่สามารถคาดหวังให้เ้าช่วยแก้ไขกำลังภายในและช่วยทลายคอขวดได้ ฮี่ ๆ ”
เลี่ยวจือหย่วนกระชับไหล่ลู่เจียงเป่ยอย่างสนิทสนม ก่อนถอนหายใจพลางเอ่ย “ไม่ใช่เพราะข้าไม่รักษาน้ำใจมิตรสหาย ความจริงแล้วข้าก็ห่วงเ้า มีคำเคยกล่าวไว้ การปล่อยให้ตัวเองอยู่ในความปรารถนาก็เหมือนการแขวนมีดไว้ที่หัว เ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าจะปิดประตูรักษาตัว? อยู่ในถ้ำเหน็บหนาวไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน หากเ้าเดียวดายอาจหยิบกริชมาทำอะไรไม่ดีก็เป็ได้ กริชนี้คมมิใช่น้อย หากทำให้เ้าาเ็คงไม่ใช่เื่ดีนัก แม้จะไม่สามารถทำอะไรเ้าได้ แต่อาจส่งผลต่อการพักฟื้น หากธาตุไฟเข้าแทรก เ้าก็จะไม่มีชีวิตเพื่อพบคุณหนูเหออีก”
เวรเอ๊ย ลู่เจียงเป่ยเดือดดาลจนเส้นเืปูดโปนบนหน้าผาก ค่อย ๆ กำหมัดแน่นก่อนชกคางอีกฝ่ายไม่หยุด พลันเสียใจที่ช่วยเหลือแมวป่าตัวนี้จากมือของเกาเจวี๋ย ที่แท้การที่เกาเจวี๋ยเดือดดาลเป็ไฟจนอยากฆ่าเลี่ยวจือหย่วนนั้นมิใช่ความผิดของเขา การหักแขนเ้าแมวป่าสมควรตายตัวนี้เพียงข้างเดียวก็ถือว่าเกาเจวี๋ยเมตตามากแล้ว
มือซ้ายของเลี่ยวจือหย่วนตอบสนองการโจมตีจากภายนอกรวดเร็วกว่าสมองสั่งการ เขาดันฝ่ามือขึ้นรับการจู่โจมของลู่เจียงเป่ย แต่กลับลืมว่าลู่เจียงเป่ยอยู่ในสภาพที่สามารถล้มได้เพียงััเดียว จะต่อต้านแรงผลักนี้ของตนได้อย่างไร? ทันใดนั้นลู่เจียงเป่ยก็กระอักเืคำใหญ่พลันล้มลงกองกับพื้น มองโลกนี้เป็ครั้งสุดท้ายก่อนหลับตาลงอย่างไม่เต็มใจ เลี่ยวจือหย่วนร้องะโ “หัวหน้า” พร้อมพุ่งเข้าหาทันที คิดไม่ถึงว่าหัวหน้าที่เยือกเย็นและนิ่งสงบจะตายอย่างน่าโศกเศร้า เพียงเพราะไม่ได้รับกริชสลักภาพคุณหนูเหอ
“อย่าตายนะหัวหน้า หากเ้าตายข้าจะทำอย่างไร?” เลี่ยวจือหย่วนหยิบกริชวางบนอกลู่เจียงเป่ย ก่อนคุกเข่าร้องห่มร้องไห้พลางเอ่ย “กริชนี้ข้าให้เ้า ข้าจะสลักใหม่ให้เกาเจวี๋ย อย่าตายนะหัวหน้า หากเ้าฟื้น ข้าจะให้เก๋อจู่วาดภาพคุณหนูเหอ วาดภาพสาวงามอาบน้ำและสาวงามบนเตียงให้แก่เ้าเยอะ ๆ เลย ข้าไม่โกหกแน่นอน ข้าเห็นกับตาว่าเขาแนบภาพวาดไว้ด้านล่างกระดาษอนุสรณ์บัลลังก์ถวายให้ฮ่องเต้ หลังเขียนเรียงความระลึกถึงราชบัลลังก์ไม่กี่ประโยคก็ดึงภาพลามกชายหญิงออกมาถึงสองสามภาพ”
เมื่อเห็นว่าเื่ภาพลามกที่ตนกระซิบบอกไม่สามารถทำให้ลู่เจียงเป่ยลืมตาได้ เลี่ยวจือหย่วนจึงพยุงลู่เจียงเป่ยขึ้นกอด ให้ศีรษะของเขาหนุนไหล่ ยกมือซ้ายทาบอกและยกมือขวาแตะกลางหลังของเขา ก่อนเพ่งสมาธิที่มือของตน ขณะเดียวกันก็ถ่ายทอดลมปราณเจินชี่ไปยังเยื่อหุ้มหัวใจและช่องปอดอีกฝ่าย ไม่นานเลี่ยวจือหย่วนก็หยุดก่อนโน้มตัวทดสอบลมหายใจของลู่เจียงเป่ย เขาหยุดหายใจแล้ว
เลี่ยวจือหย่วนตื่นตระหนกไม่รู้จะทำอย่างไร ลมปราณเจินชี่ของตนไม่สามารถช่วยหัวหน้าได้ เขาเสียใจยิ่งนัก เมื่อก่อนทุกครั้งที่ทุกคนนั่งสมาธิปรับลมหายใจ เขากลับไม่ตั้งใจ เดี๋ยวก็จั๊กจี้คนนั้น เดี๋ยวก็เล่าเื่ตลก... ตอนนี้หัวหน้าจะตายตรงหน้า เขากลับไม่มีลมปราณเจินชี่มากพอจะช่วยเหลือ หัวหน้าไม่หายใจแล้วจะทำอย่างไรดี?
จริงสิ การผายปอดช่วยให้หายใจได้ แววตาของเลี่ยวจือหย่วนเป็ประกายทันที ก่อนวางลู่เจียงเป่ยนอนราบพื้น ทำตามวิธีที่น้องชิงเอ๋อร์เคยช่วยสาวใช้จมน้ำ มือซ้ายปิดรูจมูก มือขวาจับปากลู่เจียงเป่ยอ้าออก โน้มตัวลงช้า ๆ พร้อมหายใจเข้าลึก… “เพล้ง กุก ๆ ๆ ”
เลี่ยวจือหย่วนหันมองทันที เห็นหลิวซุ่ยเก็บกวาดเศษถ้วยซุปในมือพัลวัน นางรีบเก็บเศษชิ้นใหญ่ที่สุดเพียงสองสามชิ้นโยนลงถาดก่อนวิ่งหนี วิ่งไปพลางะโ “ข้าเข้าใจพวกท่าน อย่าฆ่าข้าเลย ข้าไม่พูดกับคนอื่นแน่นอน ข้าเข้าใจพวกท่านจริง ๆ ”
หางตาข้างซ้ายและมุมปากของเลี่ยวจือหย่วนพลันกระตุกพร้อมกัน ‘อะไรกัน นางคิดอันใด’
เมื่อหันกลับมาก็ต้องใระคนยินดีเมื่อพบว่าลู่เจียงเป่ยลืมตา พลางเอ่ยถามเขาด้วยใบหน้างุนงง “แม่นางหลิวซุ่ยเป็อะไร? ใครจะฆ่านาง? หรือคนตระกูลหลิงพบนางแล้ว?”
หางตาและมุมปากของเลี่ยวจือหย่วนกระตุกอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ เขาเอ่ยคำสัญญา “ต่อไปข้าจะดูแลนางอย่างดี” กล่าวจบก็พยุงลู่เจียงเป่ยมากอด เอ่ยจริงจัง “ตอนนี้ไม่มีสิ่งใดสำคัญกว่าอาการาเ็ของเ้า ข้าจะไปส่งเ้ารักษาตัวที่ถ้ำน้ำแข็งเอง เ้าต้องอดทน หากเ้าตาย ข้าก็ตายเช่นกัน”
ถ้ำน้ำแข็งใต้เขาไป๋ซามีเตียงน้ำแข็งที่เกิดตามธรรมชาติ เมื่อนั่งบนเตียงน้ำแข็งก็จะสามารถรวบรวมลมหายใจ ฟื้นฟูลมปราณเจินชี่ที่แตกซ่านและลมปราณเจินชี่ของยอดฝีมือที่ได้รับาเ็จนไม่สามารถควบคุมให้มั่นคงเช่นเดิมได้ เป็สถานที่ที่เหมาะแก่การพักรักษาตัว อีกทั้งกำลังภายในของพวกเขาหลายคนล้วนมาจากสำนักฮั่นชิงเหมิน การรักษาตัวในถ้ำน้ำแข็งจะได้ผลดียิ่งนัก กล่าวกันว่าลู่เจียงเป่ยมีกำลังภายในที่ทรงพลังจากการฝึกฝนบนเตียงน้ำแข็ง ต่อมาเลี่ยวจือหย่วนและเจี่ยงพีอยากมีกำลังภายในเหมือนลู่เจียงเป่ย แต่ฝึกในนั้นเพียงสามวันก็ทนไม่ไหว มีเพียงผู้สงบเยือกเย็นเช่นลู่เจียงเป่ยเท่านั้นจึงจะอดทนได้
“เ้าพูดเหลวไหลอะไร ข้าสบายดี รีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้...” ลู่เจียงเป่ยพยายามผละจากอกของเลี่ยวจือหย่วนอย่างไร้เรี่ยวแรง ด้วยอยากให้เขาปล่อยตนเป็อิสระ หากมีใครเห็นสภาพนี้คงไม่เหมาะนัก
เลี่ยวจือหย่วนกลับไม่ยอมปล่อย ยังคงโอบอุ้มเขาไว้เช่นนั้น “นิ่ง ๆ หน่อย ใกล้ถึงแล้ว หากเ้าดิ้นจนร่วงลงไปข้าไม่รับผิดชอบนะ” ทั้งสองเดินอย่างทุลักทุเล หลังเลี้ยวมุมหนึ่งของระเบียงก็พบว่าหลิวซุ่ยยืนบิดเอวอยู่หลังพุ่มดอกไม้ แววตาคู่นั้นช่างสดใสดึงดูดใจผู้คน
หลิวซุ่ยเห็นบุรุษสองคนที่กำลังโอบอุ้มกันหันหน้ามองนางจึงรีบโบกมืออธิบาย “ข้าเข้าใจ ข้าไม่ได้รังเกียจในสิ่งที่พวกท่านเป็ พวกท่านรีบไปจัดการธุระเถิด ข้าไม่ได้ยิน ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
ลู่เจียงเป่ยเข้าใจทันทีว่านางคิดอะไร พลันเดือดดาลทุบอกเลี่ยวจือหย่วนก่อนเอ่ย “ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”
เลี่ยวจือหย่วนเห็นท่าทีของลู่เจียงเป่ยคล้ายจะกระอักเือีกครั้ง จึงรีบพุ่งไปทางถ้ำน้ำแข็งทันทีโดยไม่เอ่ยสิ่งใด เ้านายเป็เช่นไร สาวใช้ก็เป็เช่นนั้น เมื่อรู้ว่าหลิวซุ่ยคิดอะไรก็ทำให้รู้ว่าหลิงเมี่ยวอี้เป็เช่นไร ทั้งที่บอกชอบต้วนเสี่ยวโหลวแท้ ๆ แต่กลับยังล่อหลอกบุรุษอื่น ช่างเป็สตรีขี้โกหกเสียจริง โชคดีที่เสี่ยวต้วนไม่สนใจนาง มิเช่นนั้นหากมารดาของเสี่ยวต้วนยอมให้เขาหมั้นหมายหลิงเมี่ยวอี้ อนาคตต้องทุกข์ทรมานมากเป็แน่
เลี่ยวจือหย่วนอุ้มลู่เจียงเป่ยะโขึ้นหลังคา ไม่นานก็ถึงริมทะเลสาบใจกลางหมู่บ้าน เลี่ยวจือหย่วนกระซิบเตือนเบา ๆ “กลั้นลมหายใจ พวกเราต้องลงไปแล้ว” ทันใดนั้นก็อุ้มลู่เจียงเป่ยะโลงทะเลสาบ
......
“ตังกุยคารวะเหล่าจูจง ขอเหล่าจูจงอายุยืนหมื่นปี”
“ลุกขึ้นเถิด ลุกมาให้ข้ามองเ้าชัด ๆ เสี่ยวอี้ เหตุใดใบหน้าของเ้าจึง...ซีดเช่นนี้” เหล่าไท่ไท่รีบพยุงเหอตังกุยขึ้นจากพื้นด้วยความร้อนใจ ก่อนเอื้อมมือััใบหน้านางเบา ๆ ฉานอีกังวลใจไม่น้อยเพราะกลัวว่าแผนการ “แป้งฉาบหน้าปิดบังความงดงาม” ของเหอตังกุยที่เตรียมไว้อย่างดีจะถูกเปิดเผยก่อนกลับตระกูลหลัว
ทว่าเหอตังกุยวางมือสีเหลืองอ่อนทั้งสองทับซ้อนบริเวณเอวพลางหดคอเรียวเล็กสีเหลืองซีดเล็กน้อย นางยืนให้เหล่าไท่ไท่ััโดยไม่เกรงกลัว ฉานอีกังวลใจมากแต่ในที่สุดก็เห็นว่าเหล่าไท่ไท่เก็บมือโดยไม่ััใบหน้านางอีก สีที่ฉาบใบหน้าของเหอตังกุยไม่ถูกถูออก ฝ่ามือเหล่าไท่ไท่ก็ไม่เปลี่ยนเป็สีเหลือง ฉานอีจึงลอบถอนหายใจเงียบ ๆ ที่แท้สีฉาบใบหน้าก็ไม่สามารถถูออกได้นี่เอง คุณหนูน่าจะบอกให้เร็วกว่านี้ นางใแทบแย่
เมื่อได้ยินลมหายใจที่เดี๋ยวก็สม่ำเสมอเดี๋ยวก็ถี่กระชั้นของฉานอี เหอตังกุยจึงหลุบตาซ่อนรอยยิ้ม แป้งอิ๋งอิ๋งมีเนื้อบางเบาและไม่สามารถเช็ดออกจากผิวได้ ความอยู่ตัวของแป้งอิ๋งอิ๋งคือหนึ่งในคุณสมบัติที่นางเลือกมันเป็วัสดุปลอมตัว หากไม่ทาเครื่องสำอางใด แป้งอิ๋งอิ๋งจะสามารถคงสภาพเดิมได้นานถึงสามวัน แม้แป้งครานี้จะหมดแล้วแต่นางก็มีเวลามากพอจะเตรียมทำแป้งใหม่
มันไม่สามารถล้างด้วยน้ำเย็นธรรมดาได้ การใช้น้ำร้อนทำความสะอาดได้ผลดีกว่าเล็กน้อย แต่ยังคงเหลือสีเหลืองจางทิ้งไว้บ้าง หาก้าล้างผิวสีเหลืองนี้ออกหมดจดจะต้องล้างด้วยน้ำต้มสมุนไพรสี่ชนิดสุดท้ายที่ระบุในสูตรแป้งอิ๋งอิ๋ง วิธีนี้แม้แต่ไป๋หยางไป่ก็ยังไม่รู้เพราะเป็วิธีที่นางคิดค้นเอง ไป๋หยางไป่เคยบอกว่าสีของแป้งอิ๋งอิ๋งจะค่อย ๆ จางลงเมื่อถูกดูดซึมเข้าไปจนหมด อาจใช้เวลาสามถึงแปดวัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน
หลังเหล่าไท่ไท่ละมือจากใบหน้าเหอตังกุย ก็หันมาจับมือนางพร้อมลูบไปมา ก่อนจับชีพจรบนมือขวา ไม่นานเหล่าไท่ไท่ก็ขมวดคิ้วและส่ายศีรษะพลางเอ่ยถาม “ดูจากการเต้นของชีพจรก็ควรจะดีขึ้นแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดใบหน้าของเ้าจึงแย่เช่นนี้? มีตรงไหนไม่สบายหรือไม่?” กล่าวจบก็ตรวจดูใบหน้าเหอตังกุยอย่างละเอียดอีกครั้ง
เหอตังกุยยิ้มบางก่อนเอ่ยเ็า “หลานนึกไม่ถึงว่าเหล่าจูจงจะมาหาหลานด้วยตัวเอง ตังกุยซาบซึ้งใจในความเอ็นดูของเหล่าจูจงยิ่งนัก ขอท่านอย่าได้กังวลใจ หลานยังกินได้นอนหลับ รู้สึกดีกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย ยิ่งหลานได้พบเหล่าจูจง แม้มีตรงไหนไม่สบาย หลานก็ยังดีใจยิ่งนัก”
แม้เหล่าไท่ไท่จะดีใจแต่ก็ยังคงไม่สบายใจ นางถอนหายใจพลางกล่าว “เดือนนี้ตระกูลหลัวเผชิญโชคร้ายหลายครั้ง เมื่อต้นเดือนเสี่ยวอี้ก็เกิดอุบัติเหตุ เมื่อคืนนายน้อยจูก็ตายจากไปอีก ข้าได้ยินหงเจียงบอกว่าหลังเ้าได้รับคำแนะนำจากเซียนเวิง เ้าก็ดูเฉลียวฉลาดมาก เห็นจะจริงตามหงเจียงเล่า เ้าดูมีชีวิตชีวากว่าเมื่อก่อน แม้ตอนนี้ใบหน้าจะซีดเซียว แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ กลับจวนเมื่อไรค่อย ๆ บำรุงร่างกายก็ได้” นางมองแววตาดำขลับเป็ประกายคู่นั้น ก่อนถามเหอตังกุยช้า ๆ “เสี่ยวอี้ ข้าได้ยินหงเจียงบอกอีกว่าเ้ารู้เื่นายน้อยจูั้แ่แรก มันทำให้ข้าสับสนอยู่บ้าง ก่อนข้าออกจากจวน นายน้อยจูก็ใกล้จะ...เ้าได้ยินเื่นี้จากที่ใดกันแน่?
เหอตังกุยกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนเอ่ยฉะฉาน “ท่านยายอย่าได้กังวล ตระกูลหลัวมีชื่อเสียงด้านการรักษาผู้ป่วยนับร้อยปี รุ่นลูกรุ่นหลานล้วนมีเมตตา มีผู้คนนับถือ ทวยเทพย่อมปกปักรักษาตระกูลหลัวแน่นอน เื่ของหลานจูนั้นก็เหมือนที่หลานพูดให้หยางมามาฟัง ข้าฝันว่ามีเซียนผู้เฒ่ามาบอก ท่านยายไม่ต้องกังวล บางทีข้าอาจช่วยชีวิตหลานจูได้เ้าค่ะ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้