อยู่ๆ จางชุ่ยก็พูดว่า ‘หย่า’ ออกมาจากปาก ตระกูลเซี่ยตกตะลึงทันใด
เซี่ยฉางเจิงเป็คนแรกที่ไม่กล้าจะเชื่อ เขาไม่อยากรับมารดาเฒ่าและครอบครัวน้องชายไปอยู่ในเมืองเช่นกัน นี่เขาไม่ได้กำลังคิดหาวิธีอยู่หรือไร? แต่จางชุ่ยกลับขอหย่ากะทันหัน เซี่ยฉางเจิงหัวเสียในบัดดล
“เธอพูดอะไรออกมา ไหนเธอพูดอีกรอบสิ!”
หวังให้เขาเหมือนเ้ารองที่ดูแลกระทั่งภรรยาและลูกไม่ได้หรือ?
เซี่ยฉางเจิงบันดาลโทสะ ลงไม้ลงมือกับจางชุ่ยทันที สามีภรรยาตีกัน น่ากลัวจนลูกชายตัวน้อยร้องไห้โยเย เซี่ยหงปิงเห็นว่าไม่เหมือนการแสดง ถึงเข้าไปห้ามปรามไว้ จางชุ่ยจมูกเขียวหน้าบวมเป่ง จูงลูกชายเซี่ยจวิ้นเป่าวิ่งออกไป
“ปล่อยเธอไป! แต่ละคนพากันพยศไปหมด!”
แม่เฒ่าเซี่ยกุมหน้าอก ไม่ปล่อยให้เซี่ยฉางเจิงไล่ตาม เซี่ยฉางเจิงก็คิดว่าเมื่อแสดงละครก็ต้องแสดงจนจบบริบูรณ์ กระแทกประตูดังตึงตังต่อหน้าคนตระกูลเซี่ย “ทีนี้ทุกคนก็พอใจแล้วสินะ?”
เซี่ยหงปิงและหวังจินกุ้ยพากันต่างตกอกใ
พี่ใหญ่และภรรยาปิดบังครอบครัวโดยหาเงินก้อนโตอยู่ข้างนอกแท้ๆ ตอนนี้ยังทำหน้าตาเ็ปจากการได้รับความอยุติธรรมอีก นี่แสดงให้ใครดูกัน
แม่เฒ่าเซี่ยรู้สึกว่าการที่จางชุ่ยขอหย่าคือการหักหน้าเธอ
ตระกูลเซี่ยมีอดีตลูกสะใภ้แล้วหนึ่งคน ทำเอาคนรอบข้างล้วนหัวเราะเยาะตระกูลเซี่ย ตอนนี้จางชุ่ยกลับบอกว่าจะหย่าอีกคน แม่เฒ่าเซี่ยคิดว่าเป็การข่มขู่เธอ! ตอนเืขึ้นหน้าก็โมโหโทโสเหลือเกิน พอผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง แม่เฒ่าเซี่ยก็ค่อยๆ ครุ่นคิดเกี่ยวกับปัญหาอีกครั้ง
การขอหย่าของจางชุ่ยคือการข่มขู่ ทว่าคำพูดของเธอไม่ได้ผิดจากความเป็จริงเลยสักนิด
ถ้าตระกูลเซี่ยสิบกว่าคนย้ายไปอาศัยในเมืองทั้งหมด ไม่ต้องพูดถึงว่าร้านอาหารว่างนั่นจะเลี้ยงดูคนมากมายขนาดนี้ได้หรือไม่ แต่ต้องปล่อยทิ้งไร่นาในหมู่บ้านไปทั้งหมดมิใช่หรือ? บุตรชายคนรองเซี่ยต้าจวินหนีไปแล้ว แต่ที่นาภายในนามนั้นยังอยู่ ผลผลิตและค่าบำรุงส่วนของเซี่ยต้าจวินก็จำเป็ต้องจ่าย เดิมทีแม่เฒ่าเซี่ยก็กังวลว่าจะให้ใครมาออกเงินส่วนนี้ หากทั้งครอบครัวไม่ใยดีงานในไร่นา ถึงเวลาส่งผลผลิตไม่ต้องควักเงินออกมาซื้อเต็มจำนวนหรอกหรือ
เซี่ยฉางเจิงและภรรยามีเงินแน่นอน ทว่าจางชุ่ยชั่วร้ายขนาดนั้น จะช่วยจ่ายผลผลิตและค่าบำรุงของครอบครัวเซี่ยหงปิงจำนวนห้าคนได้หรือ?
เซี่ยหงเซี๋ยช่วยงานในร้าน แม้แอบเกียจคร้านเกี่ยงงาน แต่เฝ้าดูเสมอว่าหนึ่งวันร้านอาหารว่างได้เงินเท่าไร
หนึ่งวันมีรายรับหลายสิบหยวน หักลบต้นทุนออกก็ได้กำไรไม่น้อย พอแม่เฒ่าเซี่ยนึกถึงการที่จางชุ่ยและเซี่ยฉางเจิงทำงานอยู่ในเขตอันชิ่งได้เงินหลายร้อยหยวนทุกๆ เดือน แต่กลับทิ้งให้เธอใช้ชีวิตลำเค็ญอยู่ในชนบท หัวใจของเธอก็ราวกับถูกทอดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในกระทะน้ำมันเดือดท่วม
สองคนนั้นไร้จิตสำนึก!
เธอผู้เป็มารดาคนนี้ก็ไม่สามารถพาทั้งครอบครัวไปได้ งานที่บ้านยังต้องมีคนคอยทำ
แม่เฒ่าเซี่ยพลิกตัวไปมาบนเตียง เธอไม่คาดคิดว่าจางชุ่ยพาลูกชายหนีกลับเขตอันชิ่ง ใบหน้าบวมปูดเขียวช้ำย่อมไม่ต้องอธิบายให้มากความ จางหม่านฝูจะไม่เข้าใจสถานการณ์ได้อย่างไร?
จางหม่านฝูใช้มีดทำครัวฟันลงบนเขียงอย่างรุนแรง
“พี่ พวกตระกูลเซี่ยกล้ารังแกพี่ ดูฉันเอามีดฟันพวกเขาให้ตายเถอะ! ประเมินว่าพวกเราตระกูลจางไม่ได้เื่เหมือนพวกแซ่หลิวหรือ?”
ที่หลิวเฟินโดนข่มเหง มีสาเหตุจากนิสัยไม่สู้คนของหลิวเฟิน และเพราะตระกูลหลิวย้ายมาจากต่างถิ่น ไม่มีรากฐานอะไรในเขตอันชิ่ง แต่บ้านจางไม่ใช่ ตระกูลเซี่ยคิดว่าตนเองเป็ใคร แซ่จางไม่ยอมให้รังแกเปล่าๆ แน่
เจียงเหลียนเซียงช่วยจางชุ่ยประณามอีกแรง หนึ่งเดือนสองสามีภรรยาทำเงินได้ 100 หยวน แต่ไหนแต่ไรร้านนี้ก็เป็ของพี่สะใภ้ ตอนนี้หญิงชราตระกูลเซี่ยคิดจะไล่เธอและจางหม่านฝูไป ให้คนตระกูลเซี่ยมารับประโยชน์ตรงนี้แทน?
เจียงเหลียนเซียงเกรงว่าเื่ราวยังวุ่นวายใหญ่โตไม่พอ จึงถอดผ้ากันเปื้อนบนตัวออกเพื่อจะกลับบ้านไปตามคน
“พี่ พวกเราไม่กลัวพวกเซี่ยหรอก พี่เขยก็ด้วย ทำไมต้องลงมือรุนแรงกับพี่แบบนี้!”
ทั้งสามคนปิดประตูร้าน และจากไปด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน
น้าหวงมองจากอีกฝั่งของถนน พลางคิดว่าพวกเขาไม่หาเงินก็ไร้เหตุผลพอแล้ว การค้าขายก่อนตรุษจีนของจางจี้คึกครื้นไม่น้อยเลย ทว่าหลังผ่านตรุษจีนก็ย่ำแย่ลงทุกวัน ลูกค้าประจำโดนน้าหวงชิงไปหมด นอกจากไม่รีบเร่งกอบกู้สถานการณ์ธุรกิจ ครอบครัวยังมีเื่ขัดแย้งภายในกันอีก คนทำธุรกิจหวาดหวั่นครอบครัวไม่สงบสุขที่สุด ในบ้านเกิดเื่กวนใจเป็ภาระทุกวัน จะมีจิตใจและแรงกายทำธุรกิจหรือ?
น้าหวงเปิดหน้าร้าน ไม่ว่าพ่อแม่สามีหรือบรรดาสะใภ้ ไปจนถึงลูกหลานในครอบครัว ไม่มีสักคนที่กล้าทำให้เธอรำคาญใจ
เธอคือกำลังสำคัญในการหาเงินของครอบครัว วาจาของเธอได้รับการให้ความสำคัญ สมาชิกครอบครัวก็ไม่ได้อิดออดกับเงินทองอยู่แล้ว
“ฉันว่าธุรกิจของจางจี้นี่นะ อาจเจ๊งก็ได้”
น้าหวงแอบพูดกับแม่สามีที่กำลังช่วยเช็ดโต๊ะ แม่สามีเธอจี้ถึงต้นเหตุแท้จริงอย่างตรงประเด็น
“สมควร ใครใช้ให้พวกเขาจิตใจชั่วร้ายกัน!”
หากจิตใจดีงาม ทำไมบุตรสาวตระกูลเซี่ยผู้ทั้งสะสวยและฉลาดเฉลียวถึงไม่ยอมช่วยเหลือพวกเขา?
พวกข้าวราดหน้าหรือบะหมี่ทรงเครื่องอะไรนั่น แม่สามีน้าหวงไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำ แต่ของเรียบง่ายแบบนี้กลับทำเงินได้ดี เทพเ้าแห่งโชคลาภสำเร็จรูปตั้งอยู่ยังไม่กราบไหว้แถมผลักไสไล่ส่ง ถ้าจางจี้ไม่โชคร้ายแล้วใครจะโชคร้าย
ทะเลาะกันเมื่อตอนตรุษจีนวันที่สี่นั่น น้าหวงและครอบครัวถึงรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกับจางจี้เกี่ยวข้องกัน
คนเรามีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมและห่างเหิน เซี่ยเสี่ยวหลานช่วยน้าหวงริเริ่มทำธุรกิจขึ้นมา ครอบครัวน้าหวงย่อมยืนอยู่ข้างเซี่ยเสี่ยวหลาน น้าหวงคิดในใจ ว่าที่พี่เขยของเซี่ยเสี่ยวหลานคนนั้นตาบอดแล้วจริงๆ มีเซี่ยเสี่ยวหลานที่เป็เลิศทั้งรูปลักษณ์และปัญญาอยู่ยังไม่เลือก กลับกลายไปคลุกคลีกับลูกพี่ลูกน้องของเซี่ยเสี่ยวหลานเสียได้
สอบติดมหาวิทยาลัยแล้วอย่างไร?
ปีนี้เซี่ยเสี่ยวหลานจะสอบติดมหาวิทยาลัยเช่นกันแน่นอน อีกประเดี๋ยวก็เป็นักศึกษาเหมือนกันมิใช่หรือ!
แม้เซี่ยจื่ออวี้คนนั้นจะเป็นักศึกษา แต่น้าหวงคิดว่าจิตใจของอีกฝ่ายน่าจะทุ่มเทไปกับการแย่งชิงผู้ชายไปเสียหมด ว่ากันด้วยสติปัญญาหลักแหลม เซี่ยจื่ออวี้สิบคนมัดรวมกันยังสู้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้
หากเซี่ยจื่ออวี้มีความสามารถมากเช่นนั้น ทำไมไม่กอบกู้การค้าขายของจางจี้สักหน่อยเล่า?
เื่ราวยุ่งเหยิงอลหม่านเ่าั้ของตระกูลเซี่ย แม้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รับรู้ ทว่าก็พอคาดการณ์ได้
บ้านใหญ่หน้าเนื้อใจเสือ บ้านเล็กเกียจคร้านคิดแต่จะเสพสุข
ไร้บ้านรองที่เหมือนวัวแก่รองรับการกดขี่อยู่ตรงกลาง เซี่ยฉางเจิงและเซี่ยหงปิงสองพี่น้องจะแตกหักกันไม่ช้าก็เร็ว เซี่ยฉางเจิงกับภรรยาเปิดร้านในตัวเมือง ถือเป็บุคคลผู้ประสบความสำเร็จของหมู่บ้านต้าเหอ เดิมทีเก็บซ่อนโฉมหน้าอันเห็นแก่ตัวไว้อย่างแ่า พอสองสามีภรรยากลายเป็ผู้ร่ำรวยที่สุดในตระกูลเซี่ย ย่อมช่วยไม่ได้ที่ความลับจะรั่วไหล
การมีอยู่ของ ‘จางจี้’ คือะเิเวลา จางชุ่ยและเซี่ยฉางเจิงสามารถปิดบังได้เพียงชั่วคราว ทว่าปิดบังตลอดชาติไม่ได้
น้าหวงจานด่วนชิงลูกค้าของ ‘จางจี้’ เป็การกระตุ้นความขัดแย้งให้รุนแรงรวดเร็วกว่าเดิม คนตระกูลเซี่ยปะทะกันภายใน ย่อมไม่อาจสนใจมาหาเื่เธอได้อีก ตอนแรกเซี่ยเสี่ยวหลานคิดไว้เช่นนี้ ทว่าหลังจากเซี่ยต้าจวินโดนคนปั่นหัวจนสร้างความวุ่นวายยกใหญ่ตอนตรุษจีนวันที่ห้า เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าอุบายที่ตนเองวางแก่คนตระกูลเซี่ยยังเรียกว่าอ่อนโยนเกินไปด้วยซ้ำ
เธอจัดการเซี่ยจื่ออวี้โดยตรง ไปจนกระทั่งอาจารย์ใหญ่ผู้สนับสนุนให้ ‘จางจี้’ มีกิจการรุ่งเรืองอยู่หน้าเซี่ยนอีจง
เมื่ออาจารย์ใหญ่ซุนนึกถึงการ ‘หลอกลวง’ ของเซี่ยจื่ออวี้ ก็ไม่หลงเหลือความรู้สึกดีต่อจางจี้แม้แต่น้อย ยังจะใส่ใจจางจี้อีกที่เสียไหนกัน พอไร้คนหนุนหลัง กระทำสิ่งใดก็ไม่ราบรื่นแล้ว จางชุ่ยกับเซี่ยฉางเจิงยังจะสามารถหาเงินได้อย่างมั่นคงอีกหรือ
คงได้แต่คาดหวังเท่านั้น
ธุรกิจอาหารว่างไม่มีกลเม็ดเคล็ดลับอะไรนัก อยากตั้งแผงเล็กๆ ย่อมไม่มีปัญหา แต่หาก้าสร้างธุรกิจจนยิ่งใหญ่แข็งแกร่ง ไม่ว่าธุรกิจใดก็สามารถทำให้คนอื่นอิจฉาตาร้อนได้
เซี่ยเสี่ยวหลานขุดหลุมให้ตระกูลเซี่ยตามความตั้งใจของตนเอง ส่วนความขัดแย้งจะโดนกระตุ้นและะเิออกมาเมื่อไรเธอก็ไม่สนใจแล้ว อย่างไรเสีย่นี้เธอไม่มีเวลาไปโรงเรียน อีกทั้งเธอยังร่วมการทดสอบย่อยของเซี่ยนอีจงครบแล้ว จึงเข้าร่วม ‘สอบคัดเลือกรอบแรก’ ส่วนกลางของมณฑลอวี้หนานทีเดียวเลย
เวลาประมาณก่อนการสอบเกาเข่าอย่างเป็ทางการสองเดือน
และนั่นเป็เื่ของเดือนพฤษภาคม
ต้องผ่าน ‘สอบคัดเลือกรอบแรก’ ถึงจะมีคุณสมบัติเข้าร่วมการสอบเกาเข่า คะแนนของการสอบคัดเลือกรอบแรกสามารถเชื่อมโยงกับผลการสอบเกาเข่าครั้งสุดท้ายได้ระดับหนึ่ง ผู้เข้าสอบทั่วไปเหลือเวลาสองเดือนที่ทำได้เพียงตรวจสอบและชดเชยจุดบกพร่องของตน คะแนนรวมไม่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินได้อีกแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานกลับมาจากหยางเฉิง ได้รับนิตยสารและหนังสือจำนวนมากที่โจวเฉิงวานคนส่งมาให้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็ข้อมูลเกี่ยวกับการก่อสร้างและการตกแต่งภายใน
หลิวหย่งได้นิตยสารมีภาพประกอบสีพวกนี้แล้ว ค่อยรู้สึกมั่นใจคลายกังวลยิ่งขึ้น!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้