เมื่อมีคนมา สถานการณ์จึงได้เปลี่ยนแปลงไป
กูเฟยเยี่ยนไม่มั่นใจนักว่าตนเองจะยังสามารถวางยาได้หรือไม่ นางจึงกดหวางเป่าติงให้หยุดปล่อยควันออกมาก่อนและสังเกตสถานการณ์การที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ
เดิมทีองค์หญิงหวายหนิงเกิดความประหลาดใจ ทว่าเมื่อเกี้ยวพระที่นั่งเข้าใกล้มาเรื่อยๆ นางก็จำได้ทันทีว่าขันทีผู้นั้นคือใคร! ขันทีน้อยผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็ขันทีผู้ปรนนิบัติรับใช้ส่วนตัวของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย หม่านกงกง เซี่ยเสี่ยวหม่าน กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือคนที่อยู่ในเกี้ยวพระที่นั่งนั้นคือจิ้งหวาง จวินจิ่วเฉินอย่างแน่นอน!
องค์หญิงหวายหนิงประหลาดใจเป็อย่างยิ่ง นางจึงโพล่งถามออกมา “ท่านพี่จิ้งหวาง? ท่านเสด็จกลับมายังพระราชวังั้แ่เมื่อใด? ”
จิ้งหวาง? !
ความไม่คาดฝันของกูเฟยเยี่ยนมีไม่น้อยไปกว่าองค์หญิงหวายหนิงเลย เ้าของร่างเดิมนั้นเข้าวังมาเป็ระยะเวลานานพอสมควรก็ยังไม่เคยได้พบกับจิ้งหวาง ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่เคยพบเจอโฉมหน้าที่แท้จริงของจิ้งหวางด้วย ในวันนี้นางกลับพบเจอ ในขณะที่สถานการณ์เป็เช่นนี้
ตามความเข้าใจของนาง เ้าเหนือหัวผู้นี้คือองค์ชายแห่งอาณาจักรเทียนเหยียน ซึ่งมีฐานะที่พิเศษยิ่งนัก แม้จะเป็เพียงหวางเย่ ทว่าฐานะและขอบเขตอำนาจกลับมีเทียบเท่ากับองค์รัชทายาท พระองค์เป็พระโอรสลำดับที่เก้าขององค์ฮ่องเต้ เป็พระราชโอรสองค์โตของหวงโฮ่วผู้ล่วงลับ และเป็พระเชษฐาแท้ๆ ขององค์รัชทายาทที่มีพระชนมายุเพียงสิบพรรษา
ในยามที่พระองค์เพิ่งประสูติ ดินแดนเสวียนคงยังคงถูกยึดครองโดยตระกูลผู้ฝึกวรยุทธ์ ตระกูลจวินเองก็เป็ตระกูลแห่งผู้ฝึกวรยุทธ์เช่นกัน ใน่นั้นยังไม่ได้ก่อตั้งอาณาจักรเทียนเหยียน ทันทีที่พระองค์ประสูติขึ้นมาก็ถูกผู้าุโของตระกูลรับไปฝึกศิลปะการต่อสู้อย่างลับๆ ภายหลังสถานการณ์ในดินแดนเสวียนคงเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ศิลปะการต่อสู้ตกต่ำลง อิทธิพลอื่นๆ เกิดขึ้นแทนที่อย่างรวดเร็ว ตระกูลจวินก่อตั้งอาณาจักรเทียนเหยียนทว่ากลับไม่เคยที่จะกลับมาเลย ด้วยเหตุนี้จึงเกิดข่าวลือขึ้นมา บ้างก็บอกว่าพระองค์ไม่ได้เก็บตัวฝึกซ้อม แต่เป็เพราะเมื่อประสูติขึ้นมาก็ถูกลักพาตัวไป เป็ตายไม่อาจทราบได้ บ้างก็บอกว่าพระองค์ประสูติมาพร้อมกับรูปโฉมอัปลักษณ์และยังพิการ พบเจอผู้คนไม่ได้ ต่อมาผู้คนก็ค่อยๆ ลืมเลือนพระองค์ไป แต่ว่าเมื่อสามปีที่แล้วพระองค์กลับทรงเสด็จกลับมา!
พระองค์ทรงมีพระชนมายุสิบเจ็ดพรรษา มาพร้อมกับสภาพร่างกายอันสมบูรณ์แบบ สามารถกล่าวได้ว่ารูปโฉมดั่งหินหยกมรกตงดงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มาพร้อมกับทักษะที่เก่งกาจสามารถกล่าวได้ว่า ฆ่าคนผู้หนึ่งได้ภายในระยะแค่สิบก้าว ไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ในระยะพันลี้ นอกจากอุปนิสัยเมินเฉย ยโสโอหัง และไม่ค่อยจะพูดแล้ว อย่างอื่นล้วนสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ วันแรกที่พระองค์เสด็จกลับมา ฮ่องเต้ทรงมีพระราชโองการแต่งตั้งยศหวาง ประทานยศจิ้ง มีอำนาจเทียบเท่าองค์รัชทายาท เป็ที่ร่ำลือกันว่าฮ่องเต้ทรงไม่้าส่งต่อราชบัลลังก์ให้กับองค์รัชทายาทน้อยแต่้าจะส่งต่อให้กับพระองค์
ในไม่ช้าเกี้ยวพระที่นั่งก็มาหยุดอยู่ด้านข้างของกูเฟยเยี่ยน
หญิงรับใช้ขององค์หญิงหวายหนิงและคนขับรถม้ารีบร้อนคุกเข่าคารวะ “นู๋ปี้/นู๋ไฉ น้อมคารวะจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย!”
องค์หญิงหวายหนิงก็รีบร้อนก้าวลงจากรถม้าโค้งกายถวายความเคารพ “หวายหนิงน้อมคารวะท่านพี่จิ้งหวาง”
กูเฟยเยี่ยนเงยหน้าขึ้นไป เมียงมองกลับเห็นเพียงแค่ผ้าม่านที่ปิดสนิท นางอดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็นว่าหวางเย่ปริศนาผู้นี้มีรูปโฉมเช่นไรกันแน่ แน่นอนว่าเมื่อเปรียบเทียบกับความอยากรู้อยากเห็นแล้ว ในใจของนางเกิดความตื่นตระหนกด้วยความดีใจเสียยิ่งกว่า นางมั่นใจเป็อย่างยิ่งว่าเมื่อฝ่าาจิ้งหวางทรงเสด็จมาแล้ว นางก็จะรอดอย่างแน่นอน!
คนในเกี้ยวพระที่นั่งไม่ได้ลุกออกมา แม้กระทั่งผ้าม่านก็ไม่มีการเปิดออก มีเพียงน้ำเสียงเย็นะเื “ลุกขึ้นเถิด”
กูเฟยเยี่ยนรู้สึกเพียงว่าน้ำเสียงบางเบานี้ให้ความรู้สึกคุ้นเคย เพียงแต่ว่านางไม่มีเวลาให้คิดมาก นางรีบร้อนคุกเข่าที่ด้านข้างเกี้ยวพระที่นั่งแล้วเอ่ยเสียงดัง “แพทย์หญิงกูเฟยเยี่ยนแห่งห้องยาสำนักหมอหลวงน้อมคารวะจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย!”
องค์หญิงหวายหนิงไม่ให้นางลุกขึ้น จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยหากไม่ไร้เหตุไร้ผลคงจะไม่ให้นางไม่ลุกขึ้นใช่หรือไม่?
องค์หญิงหวายหนิงส่งสายตาตักเตือนมาให้ทันที ทว่ากูเฟยเยี่ยนเพิกเฉย ก่อนจะก้มลงทำความเคารพ “ขอพระองค์ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี”
เป็ที่แน่นอนว่าน้ำเสียงเย็นๆ จากคนในเกี้ยวพระที่นั่งถูกเอื้อนเอ่ยมาอย่างรวดเร็ว “ลุกขึ้นได้”
กูเฟยเยี่ยนดีใจรีบลุกขึ้นมาจัดผมหน้าม้าของตัวเองที่กระจัดกระจายแล้วถอยไปด้านข้างทันที องค์หญิงหวายหนิงหรี่ตาเอ่ยเสียงเบา “ไม่ได้ชอบคุกเข่างั้นหรือ? ได้เลย พวกเรามาดูกันว่าเ้าหลีกทางได้เร็วหรือว่ารถม้าของเปิ่นกงจู่จะวิ่งเร็วกว่ากัน!”
หลังจากนางเอ่ยจบก็ก้าวเท้าไปยังหน้าเกี้ยวพระที่นั่งเพื่อจะไปกล่าวทักทายสักคำสองคำ ทว่าหม่านกงกงกลับก้าวขึ้นมาโน้มตัวแสดงความเคารพ “นู๋ไฉน้อมทักทายองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงหวายหนิงยกมือโบกสะบัดแสดงเจตนาให้ลุกขึ้น
อย่างไรก็ตาม หม่านกงกงไม่ได้ลุกขึ้น ทว่ายังคงพูดต่อไป “องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ ใกล้จะมืดค่ำแล้ว จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยตั้งใจจะเสร็จออกจากพระราชวังพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่แล้ว ใกล้จะมืดค่ำแล้ว อย่างนั้นข้าก็ไม่…”
องค์หญิงหวายหนิงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ทว่าเมื่อหันศีรษะกลับไปก็เห็นว่ารถม้าของตนเองขวางทางอย่างแนบสนิทไร้ช่องว่าง นางก็ตกตะลึงขึ้นมาทันที
มุมปากของกูเฟยเยี่ยนปรากฏรอยยิ้มเ้าเล่ห์ขึ้นมาอย่างเงียบๆ เวลาที่นางกำลังรอคอยก็คือ่เวลานี้นั่นเอง
หากเทียบตามฐานันดรศักดิ์ นางกับองค์หญิงหวายหนิงพบกันระหว่างทาง นางจำเป็ต้องเป็ผู้หลีกทางให้ แต่ในขณะนี้องค์หญิงหวายหนิงพบเจอกับจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ผู้ที่มีความเทียบเท่ากับองค์รัชทายาท องค์หญิงหวายหนิงจักต้องเป็ผู้หลีกทางให้อย่างแน่นอน…