เช้าวันถัดมากู้เจิงคิดได้แล้วว่า นางไม่รู้เกี่ยวกับเื่ในราชสำนักเลย หากตวนอ๋องจะเกิดเื่อะไรขึ้น นางก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ เื่นี้ก็ให้เสิ่นเยี่ยนจัดการไปแล้วกัน
อาหารเช้าของวันนี้เป็โจ๊กแปดสมบัติ* ที่นายหญิงเสิ่นเป็คนทำ เสิ่นเยี่ยนกินข้าวเสร็จก็รีบออกไปทำงานแต่เช้า สองสามีภรรยาเสิ่นก็รีบออกไปช่วยจัดงานมงคล ทั้งบ้านเหลือเพียงกู้เจิงและชุนหงนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกัน
(*เป็โจ๊กธัญพืชที่ประกอบด้วยธัญพืชแปดชนิด ซึ่งอาจเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ส่วนใหญ่จะใส่จำพวกถั่วต่างๆ ลูกบัว หรือผลไม้แห้งเป็ต้น)
ขณะที่ทั้งสองกำลังกินโจ๊กอยู่นั้น เสียงของปาเม่ยก็ดังขึ้นจากหน้าบ้าน “พี่สะใภ้อยู่บ้านหรือเปล่าเ้าคะ?”
“อยู่ ปาเม่ยรีบเข้ามาเถอะ” กู้เจิงรีบขานรับ ปาเม่ยคงจะมาด้วยเื่หอสมุดแน่ๆ
ปาเม่ยเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องไม้ “พี่สะใภ้ ยังกินข้าวเช้าอยู่หรือเ้าคะ”
“ใช่ เ้ามาเช้าขนาดนี้ กินข้าวเช้ามาหรือยัง?”
“กินแล้วเ้าค่ะ” ปาเม่ยวางกล่องไม้ลงบนโต๊ะ นางยิ้มพลางกล่าวว่า “พ่อบ้านว่านให้ข้านำโฉนดและเงินที่ท่าน้ามาด้วยเ้าค่ะ”
กู้เจิงเปิดกล่องไม้ดู นางเห็นทองคำแท่งส่องแสงแวววาวจนนางตาพร่าไปหมด “ทำไมถึงเยอะขนาดนี้” เงินพวกนี้อย่าว่าแต่ตกแต่งร้านเลย ต่อให้ซื้อร้านด้วยก็ยังได้
“พ่อบ้านว่านบอกว่า เงินทั้งหมดที่ใช้ในร้านให้ท่านอ๋องเป็คนจัดการ แต่ถ้าทำกำไรได้ก็ให้พี่สะใภ้จัดการเอาตามสมควรได้เลยเ้าค่ะ” ปาเม่ยยิ้ม
ตอนแรกกู้เจิงรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เงินทองในการค้าขายไม่แยกแยะชัดเจนวันหน้าจะทำงานยาก แต่พอนึกถึงจุดประสงค์ของหอสมุดแห่งนี้ อีกทั้งตวนอ๋องก็ไม่ใช่คนขาดแคลนเงินทอง นางจึงถอนคำที่อยากจะพูดออกไป
ตอนที่เดินมาส่งปาเม่ยกลับออกไป นางก็ได้เห็นว่าฉางหลิ่วองครักษ์ของตวนอ๋องก็มาด้วย ยามฉางหลิ่วเห็นกู้เจิงก็มีสีหน้าประดักประเดิดอยู่บ้าง
กู้เจิงทำท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งที่จริงแล้วเื่ระหว่างนางกับตวนอ๋องก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ อย่างเื่กอดสำหรับนางแล้วถือว่าไม่มีอะไรมาก
เมื่อส่งปาเม่ยออกไปแล้ว นางกับชุนหงก็เตรียมตัวไปทำธุระเื่หอสมุดกันต่อ ชุนหงได้เตรียมกุญแจร้านกับโฉนดเช่าร้านออกมาแล้ว “คุณหนู พวกเราไปกันเถอะเ้าค่ะ”
“เก็บทองเรียบร้อยแล้วหรือ?”
“เรียบร้อยแล้วเ้าค่ะ”
นายบ่าวทั้งสองคนพากันนั่งรถม้าไปที่ร้านอย่างตื่นเต้น
ภายในร้านมีขนาดใหญ่มากกว่าที่มองเห็นจากข้างนอก ด้านหลังของร้านมีลานที่กว้างมาก ในลานมีการจัดสวนเป็ทิวทัศน์หมู่บ้านริมแม่น้ำ มีสะพานเล็กข้ามลำน้ำที่ไหลมาจากูเาจำลอง มีศาลาชมสวนริมทางเดินอยู่ตามมุมต่างๆ
ในชั้นที่สอง ทิวทัศน์ที่เห็นจากระเบียงของร้านทำให้กู้เจิงประหลาดใจ หมู่อาคารบ้านเรือนในเยว่เฉิงล้วนเป็ชั้นเดียวแทบทั้งหมด มีอาคารที่มีสองชั้นเหมือนร้านที่นางอยู่ในตอนนี้น้อยมาก จากตรงนี้นางสามารถมองไปได้ไกลจนเห็นวังหลวงได้อย่างชัดเจน และยังเห็นความครึกครื้นจากถนนสองข้างทางของเมืองหลวง รวมถึงร้านค้าสองชั้นที่มีชื่อเสียงอีกหลายแห่ง
“คุณหนู นั่นไม่ใช่โรงน้ำชาอวิ๋นเซียงหรอกหรือเ้าคะ?” ชุนหงชี้ไปยังตึกที่อยู่ไกลออกไป
“ใช่ มองจากที่ไกลๆ เ้าว่าตอนนั้นตระกูลเยี่ยนสร้างตึกแบบนี้ขึ้นที่ประตูทางทิศใต้ได้อย่างไร?” กู้เจิงไม่ค่อยเข้าใจตระกูลใหญ่ร้อยปีอย่างตระกูลเยี่ยน ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะมาสร้างโรงน้ำชาในแถบประตูทิศใต้ที่เป็ละแวกที่อยู่ของพวกชาวบ้านชนชั้นสามัญ
ชุนหงส่ายหน้า “คุณหนู ท่านวางแผนไว้ว่าอย่างไรบ้างเ้าคะ เกี่ยวกับที่นี่?”
กู้เจิงมองสำรวจบนชั้นสอง แล้วมองเข้าไปในลานด้านใน “ไม่จำเป็ต้องซ่อม ขอแค่มีแสงสว่างที่เหมาะสมก็เพียงพอแล้ว แต่ลานด้านล่างนี้ คงต้องคิดให้รอบคอบหน่อย” นางว่าพลางจูงมือชุนหงลงมาชั้นล่างตรงกลางลาน
ขณะที่สองนายบ่าวกำลังพูดคุยปรึกษากันอยู่นั้น เสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “อาเจิงหรือ?”
กู้เจิงกับชุนหงหันไปเห็นน้าเฝิงก็ใเล็กน้อย
“ทำไมท่านน้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” กู้เจิงรีบเข้าไปทักทาย
“คนส่วนใหญ่ในตรอกนี้ล้วนทำเสื้อผ้ากับข้า วันนี้มีเวลาว่างพอดีก็เลยมาส่งเสื้อผ้า แล้วเ้าล่ะ? ข้าจำได้ว่าร้านนี้ปิดอยู่ตลอด วันนี้เห็นเปิดประตูจึงเดินเข้ามาดู” น้าเฝิงพูดด้วยรอยยิ้ม เ้าของร้านนี้เป็คนใหญ่คนโต ถ้าสามารถทำการค้าด้วยได้ก็จะดียิ่ง แต่นางคิดไม่ถึงว่าเมื่อเข้ามาในร้านจะได้พบกับกู้เจิง
“ข้ากับสามีเช่าที่นี่ ตั้งใจจะเปิดร้านเ้าค่ะ” กู้เจิงบอกกล่าว
“หืม? เปิดร้านอะไรหรือ?”
“ข้าคิดไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้เป็รูปเป็ร่างดีเ้าค่ะ” กู้เจิงยังไม่อยากพูดรายละเอียดของร้านออกไป เพราะร้านนี้เกี่ยวข้องกับเื่ในราชสำนัก
น้าเฝิงพยักหน้า “จริงสิ หงซานกำลังจะหมั้นหมายแล้วนะ”
“เร็วจังเ้าค่ะ” กู้เจิงยิ้ม เมื่อเดือนที่แล้วหงซานยังทะเลาะกับนางเพราะเื่เสิ่นเยี่ยนอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับกำลังจะหมั้นหมายแล้ว “อีกฝ่ายเป็คนที่ไหนกันเ้าคะ?”
“เป็คนอำเภอผิงเหยา อายุมากกว่าหงซานสองปี ครอบครัวเปิดกิจการย้อมผ้า”
“เช่นนั้นก็ดียิ่งเ้าค่ะ” สามารถเปิดโรงย้อมผ้าได้ ก็น่าจะเป็ตระกูลที่มั่งคั่งอยู่บ้าง
จู่ๆ น้าเฝิงก็จับมือกู้เจิง นางฉีกยิ้มพลางเอ่ยอย่างสนิทสนมว่า “อาเจิง หงซานยังเยาว์จึงไม่ค่อยรู้ความ ก่อนหน้านี้อาจทำให้เ้าไม่พอใจอยู่บ้าง เ้าอย่าไปใส่ใจเลยนะ”
“ไม่พอใจอะไรที่ไหนกันเ้าคะ” กู้เจิงรู้สึกดีต่อน้าเฝิงมาก เฝิงซื่อรู้อะไรควรไม่ควร และยังดึงตัวบุตรสาวออกมาได้ทันเวลา “น้องหงซานเป็คนเปิดเผยมีชีวิตชีวา เก็บซ่อนอะไรไม่อยู่ ข้าชอบมากเ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ดี นางน่ะนิสัยเหมือนเด็ก แต่จิตใจไม่ได้เลวร้ายเลย”
“ท่านน้าเป็คนดี นางย่อมไม่ต่างกันเ้าค่ะ”
เฝิงซื่อฟังแล้วดีใจมาก “เ้าพูดได้ดีจริงๆ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
“เ้าค่ะ”
เมื่อเห็นน้าเฝิงจากไป ชุนหงก็พูดขึ้นอย่างสงสัย “ไม่ถึงสองเดือนก็หมั้นหมายแล้วหรือเ้าคะ? เร็วเสียจริง”
คนในยุคนี้หมั้นหมายกันเร็ว ปกติการแต่งงานจะเป็หลังสตรีอายุสิบหก น้าเฝิงให้ลูกสาวหมั้นหมายแต่เนิ่นๆ ก็เพื่อตัวนางเอง จะได้ไม่ไปก่อเื่วุ่นวาย
กู้เจิงหันหน้าไปมองชุนหงอย่างครุ่นคิด “ข้าคิดว่า ข้าก็สามารถหาคู่แต่งงานให้เ้าได้เหมือนกัน”
ชุนหงร้อนใจ “บ่าวไม่้าเ้าค่ะ บ่าวจะอยู่กับคุณหนูตลอดไป วันหน้ายังต้องช่วยคุณหนูเลี้ยงลูกอยู่นะเ้าคะ”
“สตรีจะไม่แต่งงานได้อย่างไร? วางใจเถอะ รอจนเ้าแต่งงานแล้ว จะเอาครอบครัวมาอยู่ข้างกายข้าก็ย่อมได้” กิจการในอนาคตของนางจะต้องยิ่งใหญ่ แต่จะขาดคนนี่สิ
ชุนหงคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้า “เช่นนั้นก็ดีเ้าค่ะ”
กู้เจิง “...”
ทั้งสองคนเดินขึ้นๆ ลงๆ ชั้นสองไปหลายรอบ พวกนางใช้เท้าวัดความกว้างความสูงอย่างละเอียด จากนั้นพวกนางก็ย้ายมาอยู่กันในลานบ้าน กู้เจิงรู้สึกว่าลานบ้านไม่จำเป็ต้องสวยงามปานนั้น
“ชั้นบนและชั้นล่างน่าจะนั่งได้แปดสิบคนกระมัง” กู้เจิงประเมินคร่าวๆ
“เยอะขนาดนั้นเลยหรือเ้าคะ” ชุนหงอ้าปากค้าง
กู้เจิงวางแผนว่างานไม้ในร้านก็มอบให้เสิ่นกุ้ยจัดการไป บ้านที่จัดงานมงคลวันนี้ แม่สามีบอกว่าตอนเที่ยงก็มีโต๊ะอาหารสิบสองโต๊ะแล้ว นางไม่รู้ว่าในวันนี้เสิ่นกุ้ยจะมาหรือไม่
ตอนทั้งสองนายบ่าวพากันเดินมาที่บ้านที่จัดงานนั้น ก็ได้ยินเสียงประทัดถูกจุดขึ้น เด็กๆ รอบข้างต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ พอจุดประทัดเสร็จ ก็อดใจไม่ไหวที่จะไปมองหาประทัดที่ยังไม่ถูกจุด เพื่อเอามาเล่นต่อ
“อันตรายจริงๆ” กู้เจิงเห็นเด็กๆ เหล่านี้ไปหยิบประทัดอย่างไม่รู้จักกลัว เห็นแล้วก็ใจสั่น
เสียงของเสิ่นเยี่ยนดังขึ้นจากด้านหลัง “ประทัดถ้าะเิไม่ได้ก็จะโดนความชื้นแล้วขาดไปเอง เ้าไม่ต้องกังวลไป”
“ท่านพี่?” กู้เจิงหันกายไปเห็นสามี ก่อนจะทำหน้าแปลกใจ วันนี้เขากลับไปเปลี่ยนเป็ชุดสุภาพสีอ่อนก่อนจะมาที่นี่ ทำให้ดูละมุนละไมราวกับหยก “ท่านเคยบอกว่าไม่ชอบชุดนี้มิใช่หรือเ้าคะ?” นางเคยเห็นชุดนี้ตอนชุนหงเก็บใส่ตู้เสื้อผ้า นี่เป็ครั้งแรกที่เห็นเขาใส่
"งานมงคลต้องแต่งตัวให้ดีหน่อย อีกอย่างถ้าข้าแต่งตัวเหมือนปกติ เสิ่นเฟิงคงจะบ่นข้าไปตลอดชีวิต” มีเด็กๆ วิ่งเข้ามา เขาจึงดึงภรรยาหลบไปด้านข้าง เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กชนนาง “เ้าไปดูที่ร้านแล้วหรือ?” เขาเอ่ยถามขึ้น
“ดูแล้วเ้าค่ะ ข้างในสะอาดมาก ไม่ต้องซ่อมอะไรมาก มีแค่ทายางไม้และเพิ่มโต๊ะเก้าอี้ก็พอแล้ว”
ดูท่าทางของภรรยาแล้ว นางน่าจะชอบร้านนี้มาก “งานไม้ก็ค่อยเรียกอากุ้ยมาทำ”
“ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันเ้าค่ะ”
ทั้งสองพูดคุยพลางเดินเข้าไปในบ้านของเสิ่นเฟิง ในลานมีโต๊ะวางมากกว่าเมื่อวาน สองสามีภรรยาเสิ่นกำลังรอพวกเขาอยู่ในลานบ้าน
วันนี้เสิ่นเฟิงไม่มีเวลามาคุยเล่นกับทุกคน เ้าสาวได้มาถึงที่นี่นานแล้ว แต่ฤกษ์มงคลกราบไหว้ฟ้าดินเป็่เย็น
“คุณหนู เดี๋ยวพวกเราไปหาเ้าสาวกันก่อน แล้วค่อยมาขอลูกอมกินเถอะเ้าค่ะ” ชุนหงพูดด้วยความตื่นเต้นขณะกำลังกินข้าว
“ได้สิ” พอได้ัับรรยากาศอันชื่นมื่นนี้ กู้เจิงก็รู้สึกคึกคักขึ้นมาด้วย