ไม่กี่วันมานี้ หลินลั่วหรานไม่ได้ออกไปไหนแต่กลับขลุกตัวอยู่ในบ้านเพื่อทำการทดลองหว่านเมล็ด ใช้เวลาอยู่หลายวันกว่าจะเริ่มเข้าใจกฎของพื้นที่ลึกลับนั่น
“ไร่ยา” ถูกขยายออกกว้างขึ้นกว่าหนึ่งเมตรบริเวณตรงกลางปลูกต้นห่อสิ่วโอวเอาไว้ ต้นโสมทั้งเจ็ดที่ถูกปลูกเอาไว้ในบริเวณรอบๆของต้นห่อสิ่วโอวเริ่มแตกใบออกมาแล้ว ในบริเวณขอบกั้นระหว่างผืนยากับไร่ยาถูกใช้ในการปลูกต้นมะเขือเทศทั้งสองที่เติบโตขึ้นมาอย่างสวยงามไม่เพียงแต่กิ่งก้านที่ขยายออก หรือใบที่หนา แต่เปอร์เซ็นต์การออกผลยังสูงจนน่าใบนกิ่งก้านต่างเต็มไปด้วยผลมะเขือเทศเชอร์รี่ที่มีขนาดใหญ่กว่าที่ขายกันด้านนอกกว่าเท่าตัวและกำลังส่งกลิ่นหอมดึงดูดผู้คนอยู่
บริเวณด้านข้างของต้นมะเขือเทศคือต้นกะหล่ำปลีแน่นๆ สองต้น ลำต้นมีสีขาวผ่องใสดุจดั่งหยกขาว เส้นใบชัดเจนหากนำไปขายคงต้องนับเป็ของเกรดดีอย่างแน่นอน
ปวยเล้งอยู่อีกมุมหนึ่งต้นพริกถูกปลูกไว้ด้านซ้ายของต้นมะเขือเทศพริกสีแดงแสบสันกำลังเปล่งสีสันแข่งกันกับผลมะเขือเทศสีสวยเถาของต้นแตงกวาพันเกี่ยวเลื้อยไปตามลำไม้ไผ่ดอกสีเหลืองนวลที่ประดับอยู่ตามเถาทำให้สีสันของมันดูงดงามกว่าเถาของต้นห่อสิ่วโอวที่ถูกปลูกอยู่บริเวณใจกลางอยู่มากหลินลั่วหรานนำเมล็ดที่ซื้อมาจากบริษัทเมล็ดพันธุ์ลองปลูกดูแล้วบางส่วนแถมยังปลูกกอหัวหอมเอาไว้ ผสมปนเปกับเหล่าต้นหญ้าในบริเวณริมขอบของ “ไร่ยา” จนดูสังเกตได้ยาก
ดูจากตอนนี้มันมีตรงไหนที่ดูเป็ไร่ยาอยู่บ้างนะ นี่มันแปลงผักชัดๆ เลย!
แต่ว่าจะโทษหลินลั่วหรานก็ไม่ได้เพราะหลังจากที่ได้กินผักจากพื้นที่ลึกลับเมื่อมองดูผักจากตลาดที่มีกลุ่มหมอกสีเทาปกคลุมอยู่ไม่ว่าจะทำอย่างไรหลินลั่วหรานก็ไม่อาจจะกินมันได้ลง...
พื้นที่นี้ดูลึกลับแปลกประหลาดน้ำแร่เ่าั้ก็เช่นกัน
เมื่อดูจาก่เวลาที่เธอได้เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วดูเหมือนว่าเวลาหนึ่งวันของพื้นที่ลึกลับ จะเท่ากับเวลาหนึ่งปีของโลกภายนอกเพราะแบบนั้นไม่ว่าจะผักอะไร เมื่อผ่านไปคืนหนึ่งแล้วเช้าของอีกวันก็จะสุกงอมเต็มที่ เมื่อคิดดูแล้วไม่ว่าจะผักอะไร ปลูกไป “ครึ่งปี” ก็ควรจะสุกงอมกันแล้วทั้งนั้น
และที่สำคัญที่สุดก็คือ พืชผักเหล่านี้เมื่อปลูกลงไปแล้ว หากหลินลั่วหรานไม่เก็บขึ้นมามันก็จะยังคงรักษาสภาพสุกงอมเอาไว้ ผลมะเขือเทศไม่มีวันร่วงหล่นกะหล่ำปลีก็ไม่รู้จักแก่...ทุกอย่างต่างกำลังพอดี ราวกับพวกมันถูกเวทมนตร์บางอย่างหยุดเวลาของพวกมันเอาไว้ใน่ที่งดงามที่สุด
หรือแม้แต่ผลที่ถูกเก็บมาแล้วก็ตามหากว่ายังคงถูกวางเอาไว้ในพื้นที่ลึกลับมันก็จะรักษาสภาพเดียวกับตอนที่เพิ่งเก็บมาใหม่ๆ อย่างไม่มีผิดเพี้ยนสดใหม่จนน่าเหลือเชื่อ
เหล่าต้นหญ้าสีเขียวเรียวยาวและอ่อนนุ่มที่ถูกจัดการถอนออกมานั้นยืดหยุ่นได้ดี ทั้งยังเป็ของที่อยู่ในพื้นที่ลึกลับมาแต่ต้นทำให้หลินลั่วหรานไม่กล้าเอาไปทิ้ง เธอจึงใช้มันถักทอขึ้นมาเป็เสื่อผืนใหญ่ก่อนจะกางเอาไว้บนพื้น ้ามีเหล่ามะเขือเทศและผักต่างๆที่เป็ผลจากการทดลองใน่หลายวันมานี้ของหลินลั่วหรานถูกกองเอาไว้ทั่วผืนเสื่อเนื่องจากไม่ทันระวังจนปลูกออกมามากจนกินไม่หมด เลยต้องเก็บสะสมเอาไว้แบบนี้
หากอยากได้เมล็ดของผักเหล่านี้ก็รอให้พวกมันเติบโตเต็มที่ หลังจากนั้นก็หยดน้ำแร่ลงไปเพียงในเวลาพริบตาเดียวก็จะเติบโตขึ้นจนสามารถเก็บเกี่ยวได้หลังจากนั้นก็นำเมล็ดที่ได้จากการปลูกในพื้นที่แห่งนี้หว่านออกไป ทำซ้ำแบบนี้หลายๆครั้ง เหล่าผักที่ถูกปลูกอยู่ในผืนไร่ของหลินลั่วหรานในตอนนี้ก็ไม่ใช่เกรดเดียวกับตอนแรกอีกต่อไปแล้ว
หากเป็วัฏจักรที่ไม่มีวันจบสิ้นแบบนี้สงสัยว่าหลินลั่วหรานอาจจะสามารถปลูก “ผักวิเศษ” ออกมาได้จริงๆ ก็เป็ได้
ผักในตอนนี้นั้นต่างสะอาดผ่องใสจนเกือบจะกลายเป็ผักวิเศษแล้วจริงๆ มันอาจจะสามารถเป็ครึ่งยาครึ่งผักก็ได้นะ? มีรสชาติในแบบของผักและมีคุณสมบัติในแบบของยา...ช่างท้าทายธรรมชาติเสียจริง
แต่สิ่งที่ทำให้หลินลั่วหรานแปลกใจที่สุดกลับไม่ใช่ผักเ่าั้ แต่เป็โสมที่ถูกปลูกไว้ในบริเวณใจกลางนั่นต่างหาก
เมล็ดพันธุ์ที่เต็มไปด้วยพลังแบบนั้นแน่นอนว่ามันจะต้องได้ผลลัพธ์ที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนต้นอ่อนของเมล็ดโสมที่โผล่ขึ้นมาเหนือดิน ทำเอาหลินลั่วหรานประหลาดใจเมื่อพบว่าหมอกสีเขียวจากต้นโสมนั้นราวกับกำลังตอบรับกับน้ำแร่...หลินลั่วหรานเห็นมันได้อย่างชัดเจนกลุ่มหมอกจากต้นโสมน้อยกำลังล่องลอยไปทางบ่อน้ำแร่และกลุ่มหมอกสีฟ้าใสก็ดูปีติหากหลินลั่วหรานไม่รดน้ำ เหล่ากลุ่มหมอกสีฟ้าก็จะล่องลอยมาทางต้นโสมด้วยตัวเองกลุ่มหมอกสีเขียวและสีฟ้าผสมปนกันเป็ชั้น จนทำให้สีของหมอกทั้งสองนั้นเข้มขึ้นอีก
เมล็ดพันธุ์ที่ดูมีพลังแบบนี้มันจะต้องไม่ใช่เมล็ดโสมที่ผ่านการปลูกของคนมาอย่างแน่นอนเมื่อดูจากห่อสิ่วโอวที่มีฤทธิ์เป็ยาเหมือนกันก็ไม่มีปรากฏการณ์แบบนี้เกิดขึ้นหลินลั่วหรานจะไม่รู้ได้อย่างไร ว่าตัวเองเก็บได้ของดีเข้าเสียแล้ว!
สิ่งที่มีฤทธิ์ยาแบบนี้การรดน้ำแร่เพียงอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอแต่ต้องรอให้่เวลาดำเนินไปจนพอเหมาะอีกด้วย เหมือนกับต้นโสมในไร่ยาแห่งนี้ปลูกไปกว่าห้าวันแล้ว ก็เหมือนกับโสมป่าอายุห้าปีในโลกภายนอก
หลินลั่วหรานพอใจเป็อย่างมากแต่ตอนนี้เธอจะมัวแต่ขลุกตัวอยู่ในพื้นที่ลึกลับไม่ได้แล้วเวลานี้เป่าเจียน่าจะมาถึงแล้ว หลินลั่วหรานภาวนาขึ้นในใจก่อนจะออกมาจากพื้นที่ลึกลับ
หลังจากที่เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยเสียงที่ดังขึ้นจากด้านล่างตึก ก็ทำให้เธอรู้ได้ถึงการมาเยือนของเป่าเจียในทันที
ในขณะที่กำลังจะก้าวออกจากห้องเธอก็จัดการนำมะเขือเทศและผักบางส่วนใส่ลงถุงพลาสติก เพื่อเอาไปให้เป่าเจีย
เป่าเจียขับรถโตโยต้าสีแดงเข้มทั้งยังซื้อผ่อนห้องขนาดร้อยตารางเมตรในเมือง R สำหรับพนักงานกินเงินเดือนแล้วก็นับได้ว่าประสบความสำเร็จอยู่มาก
หลินลั่วหรานมองเห็นเป่าเจียที่กำลังเติมเครื่องสำอางอยู่บนรถผ่านทางกระจกรถที่โดนลดลงมากว่าครึ่ง
“เป่าเจีย!” หลินลั่วหรานยกถุงพลาสติกทั้งสองขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆอาการของคนที่เพิ่งผิดหวังในความรักเมื่อสองอาทิตย์ก่อนหายไปโดยสิ้นเชิง
เป่าเจียมองค้อนใส่เพื่อนของตัวเอง ปากก็พร่ำบ่น “บอกแล้วว่าให้ออกไปเดินเล่นด้านนอกโทรมาชวนกี่วัน ก็ไม่ยอมออกมาสักวัน...อ๊ะ หลินลั่วหราน นี่เธอไปศัลยกรรมมาเหรอ?!!”
เป่าเจียตกตะลึงจนเสียการควบคุมแต่เธอยังคงได้แต่มองหลินลั่วหรานอย่างอึ้งๆ ไม่ได้ยื่นมือมาััแต่อย่างใด
“พระเ้า นี่เธออกหักจนต้องไปศัลยกรรมเลยเหรอ? ว่าแล้วเชียวว่าทำไมเรียกเท่าไรก็ไม่ยอมออกมาที่แท้ก็หลบไปพักฟื้นอยู่นี่เอง...ฮึฮึ!” เป่าเจียในตอนนี้ความฉลาดที่เคยมีกลับไม่เห็นแม้แต่เงาปากก็เอาแต่พร่ำพูดจาไร้สาระไปเรื่อยนั่นเป็เพราะสิ่งที่เธอได้พบมันช่างน่าใเสียเหลือเกิน
หลินลั่วหรานมองไปที่เธออย่างนิ่งๆก่อนจะเปิดประตูด้านหลังรถ แล้วนำเอากล่องที่บรรจุผักผลไม้ใส่ลงไป แล้วจึงขึ้นมานั่งบริเวณที่นั่งข้างคนขับก่อนจะพูดตอบกลับอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก “ฉันดูเหมือนคนมีเงินไปศัลยกรรมหรือไงกัน?!”
เป่าเจียนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะพิจารณาหลินลั่วหรานด้วยความสงสัย เมื่อมองดูดีๆ แล้วทั้งตาหูจมูกปากก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป แต่ผิวพรรณกลับดีขึ้นจนน่าเหลือเชื่อจนทำให้ใบหน้าที่งดงามอยู่แล้วโดดเด่นขึ้นมา คนหนึ่งคนเปลี่ยนไปในเวลาสั้นๆแบบนี้...
“หรือว่าไปฉายแสงรักษาผิวมา? เป็ไปไม่ได้ ผลลัพธ์มันไม่ควรออกมาดีขนาดนี้...” เป่าเจียยังคงไม่ยอมแพ้ แต่กลับหาเหตุผลไม่ได้จริงๆ
หลินลั่วหรานหัวเราะเบาๆ “่ที่ผ่านมาไปเจอเื่ดีๆมา ไว้รอเข้าใจอะไรมากกว่านี้ก่อน แล้วจะเล่าให้ฟังนะกล่องที่อยู่ข้างหลังมีผักผลไม้อยู่ กินไปสักพักเดี๋ยวก็จะเป็แบบฉันนี่แหละเธอหน้าตาดีอยู่แล้ว จะต้องเยี่ยมมากแน่ๆ!”
อะไรเรียกว่าเพื่อนรัก ก็เหมือนอย่างเป่าเจียยังไงล่ะคนที่เมื่อได้รับการอธิบายแล้วก็จะไม่ถามไถ่อะไรต่อ นี่แหละ ที่เรียกว่าเพื่อนรักเธอไม่อาจจะทำร้ายหลินลั่วหราน และเธอก็เชื่อเช่นกันว่าหลินลั่วหรานจะไม่มีวันทำร้ายเธอ
ทั้งสองคนยิ้มให้กันก่อนที่เป่าเจียก็รู้สึกตัวขึ้น จึงแสร้งทำเป็โมโห “รออะไรล่ะ เื่สวยๆ งามๆแค่นาทีเดียวฉันก็รอไม่ไหวหรอก” เธอลงจากรถไปคว้าเอามะเขือเทศลูกน้อยๆมาไว้ในอ้อมอก ก่อนจะถามหลินลั่วหรานว่ากินเลยได้ไหมเมื่อเห็นว่าหลินลั่วหรานบอกว่ากินไปสักพักจะช่วยให้ผิวดีขึ้นแม้แต่จะล้างก็ยังี้เี เธอจึงขับรถไปพลางคว้ามะเขือเทศลูกน้อยใส่ปากไปพลาง
รสเปรี้ยวหวานกลมกล่อม กลิ่นหอมคละคลุ้งเพียงกัดเบาๆ น้ำของลูกมะเขือเทศก็ทะลักกระจายไปทั่วปาก รสชาติดีจนเกินบรรยาย
รถค่อยๆ ขยับเคลื่อนตัวออกไป ภายในปากของเป่าเจียเต็มไปด้วยมะเขือเทศลูกน้อยก่อนที่หลินลั่วหรานจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “ตอนแรกเธอบอกว่าเราจะไปไหนกันนะ?”
เป่าเจียเคี้ยวมะเขือเทศในปากกิริยาท่าทางราวกับราชินีของเธอ ได้รับผลกระทบอย่างหนักเธอขับรถไปพร้อมกับตอบกลับหลินลั่วหรานโดยที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายนัก “จะไปไหนล่ะ...แน่นอนว่าก็ต้องเป็เื่ที่ช่วยหางานให้เธอยังไงล่ะ...อ่า...อร่อยจริงๆเลย!”
เป่าเจียใช้มือข้างเดียวในการบังคับพวงมาลัยหลินลั่วหรานเกิดกังวลขึ้นในใจ อยากจะถามต่อ แต่ก็กลัวว่าจะไปรบกวนอีกฝ่ายจึงไม่ได้ถามออกไป แม้ภายในใจของเธอก็ยังคงได้แต่ครุ่นคิด
เป่าเจียช่วยหางานให้แล้ว? แล้วมันเป็งานแบบไหนกันนะ...