“วิธีล้างพิษข้าก็บอกพวกเ้าไปหมดแล้ว จะทำเช่นไรพวกเ้าก็คิดเองแล้วกัน”
“แต่ข้าขอเตือนไว้ก่อน พิษนี้จะแผลงฤทธิ์ในอีกสามวัน ยิ่งพวกเ้าเข้ามาใกล้ ข้าก็จะยิ่งเร่งเวลาแผลงฤทธิ์ให้มาถึงเร็วขึ้น เมื่อถึงตอนนั้นร่างกายของพวกเ้าจะเ็ปดังมีแมลงกัดต่อย ผิวพรรณจะค่อยๆ ผอมซูบและเน่าเละ จนแห้งเหี่ยวเหลือเพียงหนังติดกระดูก”
คำพูดที่น่าหวาดกลัวนั้นราวกับออกมาจากนรก ทหารลับหลายคนมองเวินซี ราวกับได้เห็นยมทูต
มือของพวกเขากำดาบแน่น สายตามองสลับไปที่เวินซีและหลานเยว่เฉิงพลางครุ่นคิด
เวินซียิ้มแล้วมองทหารลับพวกนั้น พลันยกดาบขึ้นต่อสู้กับหลานเยว่เฉิง ผงพิษเมื่อครู่ออกฤทธิ์แล้ว ความเร็วของเขาลดลง จากที่โจมตีนางก็เปลี่ยนมาเป็ตั้งรับอยู่ฝ่ายเดียว
เวินซีถีบเขาออกและไปหยุดอยู่ตรงหน้า
ในขณะที่นางกำลังจะฟันดาบลงมา ทหารลับหลายคนก็ถือดาบพุ่งเข้ามา เวินซีถอยออกไปด้วยแววตาเ็า
มีดของทหารลับฟาดใส่หลานเยว่เฉิงอย่างไร้ความปรานี เขาาเ็สาหัส และพยายามหลบตัวออก ทหารลับอีกหลายคนร่วมมือกันเป็อย่างดี รวมแรงกันเข้าโจมตีหลานเยว่เฉิงจนเขาหายใจหอบ ร่างกายเต็มไปด้วยรอยเื
ทหารลับหลายคนที่ต่อสู้กันอยู่ในลานเรือนก็ได้ยินคำที่เวินซีพูดเมื่อครู่เช่นกัน พวกคนที่เคยได้ทานยาก็ขึ้นหลังคาไป ร่วมเข้าโจมตีหลานเยว่เฉิงด้วย
การลอบสังหารกลายเป็การถูกล้อมแต่เพียงฝ่ายเดียว
หลังจากที่ดิ้นรนอยู่นาน หลานเยว่เฉิงก็ถูกแทงตายเพราะดาบที่แทงเข้ามามั่วๆ ร่างของเขาแน่นิ่งอยู่เพียงลำพังบนพื้น เืไหลจากหลังคาลงมา ทหารลับนั่งลงข้างกายเขาด้วยสีหน้าบ้าคลั่ง
มีทหารลับเพียงสองสามคนเท่านั้นที่ยังคงดิ้นรนอยู่ เวินซีวางใจลงพลันะโลงจากหลังคา
เมื่อเห็นทหารลับคนหนึ่งต่อสู้กับจ้าวต้านอย่างสูสี นางจึงเข้าไปช่วยเหลือ
พวกเขาสลับกันโจมตีและตั้งรับ ร่วมกันต่อสู้ได้เป็อย่างดี จากที่สูสีกันอยู่ไม่นานก็กลายเป็ว่าพวกเขาได้เปรียบอยู่มาก
ทหารลับมองดูศพที่กองเกะกะอยู่บนพื้นและคนที่ราวกับบ้าคลั่งอยู่บนหลังคา เขารู้ดีว่าตนนั้นสู้มิได้ ดวงตาของเขามืดลงพลันถอยออกไปที่กำแพง
เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะหนี การโจมตีของเวินซีก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ในตอนที่จ้าวต้านถีบทหารผู้นั้นล้มลง ดาบของนางก็ฟันเข้าไปที่หัวใจของเขาทันที
ทหารลับยังไม่ทันได้ตอบโต้ เขาเพียงเบิกตามองเวินซี
ดาบฟันลงที่เสื้อ ยังไม่ทันที่จะปักลงไปในส่วนลึก ก็มีดาบเล่มหนึ่งเข้ามาขวาง ทำให้ดาบของนางกระเด็นออกไป
เวินซีหรี่ตาลงแล้วถอยไปอยู่ข้างจ้าวต้านอย่างระมัดระวัง
“ไม่เป็อันใดใช่หรือไม่?” ทหารลับที่สวมหน้ากากเดินเข้ามากระซิบกับทหารลับที่อยู่ข้างๆ เขา
เขาพยักหน้านิ่งๆ ทั้งสองมองเวินซีอย่างตั้งรับ
“เราถูกซุ่มโจมตี ออกไปเร็วเข้า” ทหารลับที่สวมหน้ากากเอ่ยอย่างเ็า แล้วเอาตัวบังทหารที่าเ็ไว้
เมื่อเห็นท่าทางที่ห่วงใยของทั้งสอง เวินซีก็เกิดสนใจขึ้นมา
นางยังจำที่สืออีเคยบอกได้ว่าทหารลับของหลานเยว่เฉิงนั้นไม่รู้จักกัน แต่ยามนี้กลับมีทหารลับออกมาปกป้องกันอย่างไม่กลัวตาย เช่นนั้นทหารลับคนที่ถูกปกป้องจะต้องมิใช่คนธรรมดา
ในตอนที่คิดได้เช่นนั้นนางก็แสยะยิ้ม นำเข็มเงินออกมาวางไว้ที่นิ้ว ในตอนที่นางโจมตีเข้าไปอีกครา จ้าวต้านก็ััได้ถึงความผิดปกติของทั้งสองเช่นกัน เขามีสีหน้าตึงเครียด คิดจะโจมตีปลิดชีพพวกเขา
ทหารลับที่คลุมหน้าเข้าไปรับการโจมตี ส่วนทหารที่าเ็ก็คิดจะเข้าไปโจมตีด้วย แต่กลับอาเจียนออกมาเป็เืสดๆ และััได้ถึงความเ็ปที่ออกมาจากต้านเถียน [1] เขาขมวดคิ้ว และเหมือนจะคิดอันใดออกพลันมองไปที่เวินซี
“ไปเร็วเข้า” ทหารลับที่คลุมหน้ารับมือพวกเขาไม่ไหว ทำได้เพียงเอ่ยปากให้เขารีบออกไป
ทหารลับที่ได้รับาเ็พยักหน้า ถอยหลังไป เวินซีถอนตัวออกไปสกัดเขาไว้
“อ๊า มีคนฆ่ากัน”
ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น การเคลื่อนไหวของทุกคนหยุดลง พากันมองไปที่สวนหลัง ถันถั่นและจ่างกุ้ยยืนอยู่ที่ปากทาง สีหน้าของพวกเขาดูหวาดกลัวเป็อย่างยิ่ง
ทหารลับที่คลุมหน้ามีสายตาเ็าลง เขาเหลือบมองจ้าวต้านและเวินซีพลันวิ่งไปหาถันถั่น เวินซีรู้ทันว่าเขาจะทำอันใด จึงรีบตามไป
ถันถั่นได้สติ เมื่อเห็นว่ามีทหารลับวิ่งเข้ามา นางก็ลากแขนของจ่างกุ้ยวิ่งไปที่นอกประตูอย่างร้อนรน
มือของเวินซีคว้าแขนเสื้อของทหารลับผู้นั้นไว้ได้ พยายามดึงให้เขาหยุด แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะตัดแขนเสื้อนั้นออกและวิ่งตามไป
ระยะห่างระหว่างเขากับถันถั่นใกล้ลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะกลัวว่าจะเกิดเื่ใด จ้าวต้านจึงวิ่งตามไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ไม่มีผู้ใดสนใจทหารลับคนที่ได้รับาเ็ จึงถือโอกาสะโขึ้นกำแพงและหนีไป
“ไม่นะ ไม่ อ๊า...”
ทหารลับที่คลุมหน้าจับผมของนางได้ในขณะที่นางกรีดร้องอยู่ เขากระชากนางให้ล้มลงบนพื้น ขาของเขาเหยียบลงที่หลังของนาง ดาบชี้ตรงไปที่คอ
“อย่าเข้ามา หากเข้ามาข้าจะฆ่านางทิ้ง” ทหารลับพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม
เมื่อเห็นเช่นนั้น จ้าวต้านและเวินซีจึงหยุดลงด้วยสีหน้าเยือกเย็น
“คุณหนูเวินซี...” ถันถั่นเงยหน้าขึ้นมองนางด้วยความสิ้นหวัง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงร้องไห้
เวินซีขมวดคิ้วเป็เส้นตรง หลังจากที่เหลือบมองนาง นางก็มองไปที่ทหารลับและพูดว่า “ปล่อยนางไป แล้วเราจะปล่อยเ้า”
“คุณหนูเวิน เช่นนั้นก็หลีกทาง”
“ได้”
เวินซีและจ้าวต้านถอยออกไปสองข้างทาง ทหารลับยกตัวถันถั่นขึ้นมา ดาบยังคงพาดคอนางอยู่ สายตาของเขาระแวดระวังเป็อย่างยิ่ง เขาค่อยๆ เดินออกไปที่กำแพง
จากนั้นก็มาหยุดอยู่ที่เบื้องล่างของทหารลับที่ได้รับาเ็ ทั้งสองส่งสายตาให้กัน
“คุณหนูเวิน เพื่อป้องกันไม่ให้ท่านผิดสัญญา ข้าจะพานางไปด้วย เมื่อปลอดภัยแล้วข้าจะปล่อยนางกลับมา”
“สืออี หากเ้าทำร้ายนาง เ้าจะเสียใจ” เวินซีพูดอย่างเ็า
เมื่อถูกเรียกชื่อ สืออีก็รู้สึกหวั่น เขาก้มหน้าลงและพาถันถั่นถอยออกไป
สืออี...
พี่ชาย...
ถันถั่นตาเป็ประกาย นางหันศีรษะกลับไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
“ท่านพี่...” ดวงตาของนางมีน้ำตาเอ่อนอง ริมฝีปากสั่นเทา นางคิดอยากจะพูด แต่ทันใดนั้นมีดที่คอก็แนบลึกเข้าไปจนอุดคำพูดของนางไว้
“ไปกันเถิด” ในตอนเกือบจะรุ่งสาง ทหารลับที่อยู่บนกำแพงจึงเอ่ยอย่างเ็า
สืออีพยักหน้า เขาเกรงว่าถันถั่นจะดิ้นรน จึงทุบให้นางสลบ จับนางแล้วพาออกจากกำแพงไป
ทั้งสองะโลงจากกำแพงแล้วพาถันถั่นไปด้วย ร่างของพวกเขาหายไปในยามราตรี เวินซีมีแววตาเ็า นางกับจ้าวต้านแบ่งออกเป็สองทางและตามไปด้วย
เพราะว่าไม่มีที่ซ่อน พวกสืออีจึงต้องออกจากเมืองไป พวกเขาทำได้เพียงเดินขึ้นไปบนเขา จนกระทั่งไม่เห็นเวินซีและจ้าวต้านแล้วถึงหยุดพักผ่อน
“นายท่าน ไม่เป็อันใดนะขอรับ?”
หลังจากที่วางถันถั่นลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง สืออีก็ไปมองดูทหารลับที่ได้รับาเ็อย่างร้อนรน
ทหารลับที่ได้รับาเ็ส่ายศีรษะ ถอดผ้าคลุมหน้าออกด้วยความโกรธ เผยให้เห็นใบหน้าของหลานเยว่เฉิง จากนั้นเขาก็เขวี้ยงผ้าคลุมหน้าทิ้งไป
เขาคิดว่าแผนการราบรื่นแล้วแท้ๆ แต่กลายเป็ว่าพวกเขาถูกซ้อนแผนเสียได้ หากเขามิได้ซ่อนตัวอยู่ในหมู่ทหารลับ ศพที่หลังคาในวันนี้คงจะเป็เขาจริงๆ
“จ้าวต้าน...เวินซี...” เขากัดฟันพูดสองชื่อนี้ออกมา หรี่ตาลงพลันทุบกำปั้นลงกับพื้น
“นายท่าน เราจะทำอันใดต่อไปขอรับ?” สืออีเม้มริมฝีปาก ถามด้วยความเคารพ
“ไปหาฮูหยินซูที่ซุ่ยเฟิงโหลวก่อนเถิด” ยามนี้ในเมืองนั้นเขาเหลือเพียงฮูหยินซูที่พอจะช่วยได้ ไม่มีทางเลือกอื่น
สืออีพยักหน้าแล้วอุ้มถันถั่นขึ้นมา เขาหันกายกำลังจะเดินลงเขาไป แต่ในขณะนั้นจู่ๆ ก็รู้สึกได้ถึงความเ็ปที่หน้าอก
เขาก้มศีรษะลงมองดาบที่เสียบอยู่ และหันกลับไปด้วยความไม่อยากเชื่อ “นาย...นายท่าน หมายความเช่นไรขอรับ?”
“หากเ้าตายไป ก็จะไม่มีผู้ใดรู้ว่าข้ายังมีชีวิตอยู่” หลานเยว่เฉิงเอ่ยเสียงนิ่ง พลันดึงดาบออก
เชิงอรรถ
[1] ต้านเถียน 丹田 หมายถึง จุดเืลมที่อยู่ใต้สะดือไปประมาณสามนิ้ว