สำนักติงหลง บนเกาะลอยฟ้า
ฟึ่บ!
ร่างหนึ่งที่ปกคลุมไปด้วยหมอกสีขาว กำลังเหาะออกจากเกาะ
เป็ติงรุ่ย ที่บินออกไปเงียบๆ ตรงไปยังหุบเขาที่อยู่ใกล้เคียง ยามนี้ สีหน้าของนางไม่สู้ดีนัก
“หมากยี่สิบเก้าเส้น แม้จะสามารถแก้หมากไปได้มากแล้ว แต่ก็ยังแก้ไม่หมดเสียที อีกทั้งหมากในกระดานที่เหลืออยู่ กลับยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ เสียอย่างนั้น!” หญิงชราบ่นพึมพำเสียงต่ำ
“ท่านหัวหน้าๆ!” ผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
“หืม?” ติงรุ่ยหันไปมอง
“ขณะที่ท่านหัวหน้าออกจากเกาะมานี้ ท่านติงตงได้แปรพักตร์ไปอยู่ฝั่งกู่ไห่แล้ว ตอนนี้เขากำลังลอบพากู่ไห่ไปพบกับท่านหลงหว่านชิงขอรับ” ผู้ใต้บังคับบัญชากระซิบ
หญิงชราหรี่ตาลงอย่างนึกขัดใจ “กู่ไห่... เ้าช่างรนหาที่จริงๆ!”
“โชคดีที่พวกเราจับตาดูเอาไว้ตลอดเวลา จึงไม่พลาดขอรับ!” ผู้ใต้บังคับบัญชากล่าว พลางยกยิ้ม
“ไป... กลับไปดูกันเถอะ!” ติงรุ่ยเอ่ย
...
ทางด้านของหลงหว่านชิง ภายในห้องโถงใหญ่
“กู่ไห่?” หลงว่านชิงมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ
“ท่านถังจู่ ไม่ได้พบกันเสียนาน” ชายหนุ่มยิ้ม
“เ้ามาที่นี่ได้อย่างไร มิใช่ว่า...” หญิงสาวมองไปยังติงตง
เมื่อเห็นเช่นนั้น ชายชราจึงรีบคุกเข่าลงต่อหน้าหลงหว่านชิงทันที เพื่อร้องขอความเมตตา “ท่านถังจู่ โปรดอภัยให้ด้วย! ข้าน้อยถูกติงรุ่ยบังคับ มิได้คิดที่จะล่วงเกินท่านเลย”
หญิงสาวมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ... เป็เช่นนี้ได้อย่างไร?
ข้อตกลง?
หลงหว่านชิงหันไปมองกู่ไห่ เป็ไปได้หรือไม่ ว่าเขาจะทำข้อตกลงบางอย่างกับติงตง? แต่ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้อีกฝ่ายก็กำลังทรยศต่อติงรุ่ยมิใช่หรือ?
“ถังจู่ไม่ต้องกังวล ต่อให้ข้าไม่มา ท่านก็ปลอดภัยอยู่ดี เพราะท่านตาของท่าน ได้ซุ่มกำลัง รอโจมตีอยู่ด้านนอกสำนักติงหลงแล้ว” ชายหนุ่มกล่าว
“หืม? ท่านตาของข้าอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ?” หญิงสาวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ก่อนรอยยิ้มนั้นจะค่อยๆ จางหาย เมื่อตระหนักได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
“พ่อจะทนเฉยอยู่ได้อย่างไร เมื่อลูกสาวแท้ๆ ถูกฆ่า คราวนี้เขาก็แค่ใช้สำนักติงหลง เพื่อปล่อยเหยื่อล่อปลาตัวใหญ่ ทันทีที่มันปรากฏตัว เื่ทั้งหมดก็จบลง และถือเป็จุดจบของปลาตัวนั้นเช่นกัน
แม้จะซุ่มโจมตีจากระยะไกล จนยากที่คนธรรมดาจะสังเกตเห็น แต่กระนั้นก็ยังถือว่าอยู่ในขอบเขตอำนาจของท่านตาของถังจู่อยู่ดี ท่านปลอดภัยแน่ ไม่ต้องวิตก!” กู่ไห่ตอบ พลางยกยิ้ม
ชายชรารู้สึกกระวนกระวาย จนไม่อาจเก็บอาการหวาดกลัวได้อีกแล้วในยามนี้
หลงหว่านชิงมองกู่ไห่อย่างพิศวง ก่อนแสดงสีหน้างุนงง
ทันใดนั้น ตาซ้ายของชายหนุ่มก็กะพริบ เป็เชิงบอกใบ้บางอย่าง
หญิงสาวก็มีไหวพริบไม่น้อย จากท่าทางเช่นนั้น ก็รู้ได้ทันทีว่ากู่ไห่กำลังคิดจะทำอะไร
ทุกอย่างคงจะเป็เื่หลอกลวง... นั่นน่ะสิ! เขาจะไปรู้จักท่านตาได้อย่างไร อีกทั้งหากท่านตามาที่นี่จริง เหตุใดต้องซุ่มกำลังด้วย เพราะลำพังแค่ท่านตาคนเดียว ก็สามารถทลายทุกสิ่งได้แล้ว?
เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของอีกฝ่าย แล้วนึกไปถึงการกะพริบตาเมื่อครู่ หลงหว่านชิงก็อยากจะหัวเราะ
กู่ไห่... เ้าช่างเป็คนนิสัยไม่ดีจริงๆ ถึงกับทำให้ติงตงที่อยู่ด้านข้าง กลัวมากขนาดนี้!
หญิงสาวจึงถามกลับเสียงต่ำ “ติงตง เ้า้าสิ่งใด?”
“ท่านถังจู่ ข้า้าละทิ้งด้านมืดที่ครอบงำจิตใจตัวเอง แต่ข้าไม่เคยทำได้สำเร็จ จนกระทั่งท่านกู่เกลี้ยกล่อม จึงทำให้ข้าสำนึกได้” ชายชราตอบอย่างกังวล
“หืม? เ้า้าจะละทิ้งด้านมืดของตนอย่างนั้นหรือ?” หลงหว่านชิงถามกลับเสียงต่ำ
“ขอรับ! ข้าน้อยถูกติงรุ่ยบังคับ แม้ว่านางจะเป็ลูกพี่ลูกน้องของข้า แต่ลูกหลานของตระกูลติงหลายคนอยู่ใต้อาณัตินาง ตอนนี้ทุกคนล้วนเป็เบี้ยล่างของนาง และที่ข้าได้เป็หัวหน้าสำนัก ก็เป็เพราะนางคอยจัดการให้ทุกอย่าง” ติงตงกล่าว
“หืม? นางจัดการทุกอย่างทั้งหมดเลยหรือ?” หญิงสาวถามกลับ
“ขอรับ! เมื่อห้าสิบปีก่อน ตระกูลติงของข้าได้ส่งทายาทจำนวนมากมายังทะเลพันเกาะ เพื่อขยายอำนาจ เดิมทีสำนักติงหลงมีผู้าุโท่านหนึ่งปกครองอยู่ ติงลุ่ยเล็งเห็นถึงอำนาจของสำนักนี้ จึงช่วยข้า ด้วยการสังหารหัวหน้าสำนักคนเก่า และผลักดันให้ข้ารับตำแหน่งแทน เพื่อที่จะได้เป็หมากของนางนั่นเอง” ชายชราเล่าอย่างขมขื่น
“ติงรุ่ย?” หลงหว่านชิงขมวดคิ้ว
“แล้วเหตุใดท่านจึงไม่พบชีพจรัที่นี่?” กู่ไห่ถามเสียงต่ำ
“ข้าไม่รู้เกี่ยวกับเื่นี้ แต่บางทีหัวหน้าสำนักคนเก่าอาจจะทราบก็ได้ แต่หลังจากเขาถูกติงรุ่ยสังหารไป ข้าก็มิได้สนใจสิ่งใดอีก จนกระทั่งติงรุ่ยกลับมา และทำการค้นหาเป็เวลานานนับเดือนด้วยความสิ้นหวัง แล้วนางก็พบแท่นหินบนเกาะจนได้
แท่นหินธรรมดาที่ถูกวางทิ้งไว้นั่น ใครเล่าจะคิดว่ามันคือกลไก?” ติงตงพูดเสียงแ่
“ท่านหมายความว่าอย่างไร?” ชายหนุ่มถามอย่างเคร่งขรึม
ชายชรามองไปยังกู่ไห่
“ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ขึ้นอยู่กับการกระทำของท่านแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเคร่ง
“โอ้! ใช่ๆ... มันเป็แบบนี้” ติงตงตื่นตระหนกทันทีที่ได้ยืนเช่นนั้น แค่คิดว่าหากท่านตาของถังจู่ล่วงรู้เื่ละก็...
“ต้องแก้หมากยี่สิบเก้าเส้นให้ได้ ในเวลานั้น ลูกศิษย์ของติงรุ่ยคนหนึ่งสนใจใคร่รู้ จึงวางหมากเม็ดหนึ่งลงบนกระดาน ทันใดนั้น ก็ราวกับจะมีแรงบีบในอากาศ แล้วจู่ๆ ร่างของลูกศิษย์คนนั้นก็ะเิทันที
หลังจากเกิดเสียงดังสนั่น ภาพที่ปรากฏตรงหน้าผู้คน ก็คือความว่างเปล่า เื อวัยวะภายใน กระดูก หรือเศษเนื้อ ไม่มีอะไรเหลือทั้งสิ้น
หากมิได้อยู่ใกล้ๆ ก็คงไม่มีใครสังเกตเห็นการะเินี้ นี่เป็การเดินหมากเพื่อฆ่าตัวตายชัดๆ” ชายชรากล่าวเสียงสั่น
“แล้ว?”
“จากนั้น ติงรุ่ยก็ได้รู้ว่าสิ่งใดคือกุญแจที่สามารถไขกลหมากนั้น ในคัมภีร์เก่าแก่ของสำนักติงหลง มิได้มีอะไรอื่นสำคัญ นอกจากคำอธิบายเล็กน้อย จึงทำให้รู้ว่าลานที่วางแท่นหินนั่น คือพื้นที่ต้องห้ามของสำนัก
อ้อ! จริงสิ… ข้าจำได้ว่าเมื่อยี่สิบปีก่อน ท่านแม่ของถังจู่เคยพาเิไท่รวมถึงศิษย์หออี้ผินมาที่นี่ และทุกคนก็ไปอยู่ที่นั่น บนลานแห่งนั้น” ติงตงจำได้ทันที
กู่ไห่และหลงหว่านชิงมองหน้ากัน
“จากนั้นเกิดอะไรขึ้น?” ชายหนุ่มถามกลับ น้ำเสียงจริงจัง
“เมื่อติงรุ่ยรู้ถึงความผิดปกติของกระดานหมาก จึงไม่กล้าเล่นมัน แต่เพราะ้าแก้กลหมาก ถึงได้ตัดสินใจลองเล่นดู ทันใดนั้น ก็เกิดเสียงดังสนั่นไปทั่ว
เพราะนางไม่สามารถแก้หมากได้ กระดานหมากจึงได้เพิ่มจำนวนขึ้นมามากมาย และลอยกระจัดกระจายไปทั่วในสำนัก” ชายชราอธิบาย
“ฮะ?”
“ลองสังเกตเกาะลอยฟ้า บริเวณที่มีกระดานหมากล้อมดูสิ ส่วนบนของมัน มิใช่สิ่งปลูกสร้างเช่นเดียวกับที่อื่น แต่เป็มิติขนาดเล็ก รูปร่างเหมือนเกาะในทะเล แต่มีัทองอยู่ในนั้น เ้าันั่นพยายามดิ้นรน ทว่าไม่อาจขยับตัวได้” ติงตงพูดเสริม
“กลหมากยี่สิบเก้าเส้น?” กู่ไห่เลิกคิ้ว
เขาจำได้ว่าคุณชายเก้าได้เอ่ยทิ้งท้ายเอาไว้ ว่ากลหมากยี่สิบเก้าเส้นสามารถสร้างโลกที่สมบูรณ์แบบได้ แต่ก็แสร้งทำเป็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่ตัวเองเคยเข้าไปมาแล้ว
“สำนักติงหลง? หากเป็อย่างที่คิด นี่คงจะเรียกว่าการ 'ตรึงชีพจรั’ เมื่อชีพจรัถูกตรึง มันจึงไม่อาจขยับตัวได้?” หญิงสาวกล่าว ดวงตาเป็ประกาย
ชายชรายิ้มอย่างขมขื่น ”มันอาจจะเป็อย่างที่ท่านว่า น่าเสียดาย ที่หัวหน้าสำนักผู้นั้นได้ตายไปแล้ว ข้าจึงไม่รู้เื่เหล่านี้”
“พวกท่านไม่เคยเข้าไปหรอกหรือ?” ชายหนุ่มถามกลับ
“ข้าเข้าไปไม่ได้ แม้ว่าจะมองเห็นด้านใน แต่ก็มีม่านพลังขนาดใหญ่ล้อมอยู่ และหากโจมตีมัน ก็จะถูกพลังสะท้อนกลับทันที อย่างไรก็ตาม เมื่อติงรุ่ยสามารถแก้หมากได้หนึ่งกระดาน เม็ดหมากบนกระดานหมากยี่สิบเก้าเส้นก็จะขยับไปด้วย
แต่เมื่อเราลองแก้หมากไปเรื่อยๆ ก็รู้ว่า หมากยี่สิบเก้าเส้นนี้นั้น จะซับซ้อนมากขึ้นทุกครั้งที่เราแก้หมากได้ และหมากกระดานอื่นๆ ที่ยังไม่ได้แก้ ก็จะเปลี่ยนรูปหมากไปเรื่อยๆ เช่นกัน
บางที หากสามารถแก้หมากได้ทั้งหมด เราอาจจะเข้าสู่มิติขนาดเล็กนั่นได้” ติงตงอธิบาย
ดวงตากู่ไห่หรี่ลงเล็กน้อย ก่อนเอ่ยขึ้น “นั่นเป็เหตุผลที่ติงรุ่ยประกาศว่าจะมอบรางวัลจำนวนมาก ให้กับทุกคนที่สามารถแก้หมากได้ เพื่อเชิญชวนให้ทุกคนมาแก้หมากนี่?”
“ใช่แล้วขอรับ!” ชายชราตอบกลับ
“แต่จากที่ฟังท่านไต้ซือหลิวเหนียนพูด ติงรุ่ยถือว่าเป็คนที่ค่อนข้างฉลาด แล้วเหตุใดจึงไม่สามารถแก้หมากเหล่านี้ได้?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น
“ข้ารู้! นั่นเป็เพราะติงรุ่ยเล่นหมากล้อมไม่เก่ง” หลงหว่านชิงตอบ
“โอ้?”
“นางชำนาญการบรรเลงกู่ฉิน แต่ไม่เคยเรียนหมากล้อม” หญิงสาวบอก
“กู่ฉิน?” กู่ไห่ถาม
“กู่ฉินและหมากล้อม เป็สองในสี่ศาสตร์[1] กู่ฉิน หมากล้อม เขียนพู่กัน และวาดภาพ โดยเหล่าผู้ฝึกตนต่างก็เลือกเรียนรู้ศาสตร์ที่ต่างกันออกไป
ส่วนของเ้านั้น เรียกว่าทักษะการแก้หมาก ซึ่งหากจะว่ากันด้วยเื่ของหมากล้อมแล้ว ผู้าุโกวนฉีถือว่าเป็อันดับหนึ่งในใต้หล้า” หลงหว่านชิงอธิบาย
“กู่ฉิน หมากล้อม เขียนพู่กัน และวาดภาพ?” ชายหนุ่มเอ่ย
“ใช่! ศาสตร์แต่ละแขนงจะมีความยิ่งใหญ่ที่แตกต่างกัน หลังจากนี้เ้าก็ค่อยๆ รู้เอง น่าเสียดายที่ติงรุ่ยเลือกศาสตร์อื่น นางฝึกกู่ฉิน เพราะหากมีทักษะกู่ฉินที่ทรงพลัง ก็จะสามารถสร้างพลังโจมตีออกมาเป็พายุปราณกระบี่ได้” หญิงสาวตอบ
“หืม? ท่านเคยเห็นหรือไม่?” กู่ไห่เลิกคิ้วเล็กน้อย
หลงหว่านชิงพยักหน้า “ข้าเคยเห็นอ๋องลู่หยางเล่นกู่ฉินในสนามรบมาก่อน เพียงแค่เขาบรรเลงเพลง ‘ฝ่าลมบูรพา’ เพียงพริบตา พลังกระบี่ก็พุ่งออกไป แค่นั้นกองทัพศัตรูถูกถล่มราบเป็หน้ากลอง”
“อ๋องลู่หยาง?” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว
“ในอนาคตเ้าต้องได้พบเขาแน่” หญิงสาวบอก
กู่ไห่พยักหน้า
“ที่ติงรุ่ยจับข้ามา ก็เพื่อบังคับให้มอบ 'หยกั' แก่นาง” หลงหว่านชิงพูดเสียงต่ำ
“หืม?”
“หยกัสามารถดึงชีพจรั และผสานรวมกับมันได้” หญิงสาวอธิบาย
“นั่นสินะ!” ชายหนุ่มถอนหายใจ
“สำนักติงหลง? ติงรุ่ย้าแก้กลหมากยี่สิบเก้าเส้น แล้วใช้หยกัผสานกับชีพจรั จากนั้นนางก็จะบรรลุวัตถุประสงค์อย่างง่ายดาย แต่คาดไม่ถึง ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง[2]” กู่ไห่กล่าวอย่างเ็า
ติงตงกังวลอยู่พักหนึ่ง... นกขมิ้นอยู่ข้างหลัง? นั่นคือปลาใหญ่ หรือท่านตาของหลงหว่านชิงกันแน่?
“ท่านถังจู่...” ชายชรามองไปที่หลงหว่านชิง
“ไว้ข้าจะขอร้องท่านตาให้ก็แล้วกัน เมื่อท่านตารับรู้แล้ว ย่อมเข้าใจได้เอง... ไม่เป็ไรหรอก!” หญิงสาวพูดเบาๆ
“ขอบพระคุณท่านถังจู่... ขอบคุณ!” ติงตงขอบคุณอย่างซาบซึ้ง
“ตอนนี้เราควรทำอย่างไรต่อไปดี” หลงหว่านชิงมองกู่ไห่
...
ตูม!
ติงรุ่ยพังประตูห้องโถง ก่อนถามหาหลงหว่านชิงเสียงดังลั่น
“หลงหว่านชิงอยู่ที่ไหน?” หญิงชราถาม
ผู้เฝ้ายามสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตู มองดูห้องที่ว่างเปล่า ในโถง มีเพียงนาฬิกาทรายรูปร่างแปลกๆ ตั้งอยู่เท่านั้น
เมื่อเม็ดหมากตกลงจากนาฬิกาทราย ก็เกิดเสียงตกกระทบ อย่างที่พวกเขาได้ยินอยู่ในขณะนี้
“ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ หลังจากท่านติงตงพาชายชุดดำออกไป ข้าก็ได้ยินเสียงเช่นนี้จากในห้องโถง จึงคิดว่าท่านถังจู่ยังคงเล่นหมากล้อมอยู่ข้างใน” ผู้เฝ้าประตูอธิบายด้วยความงงงัน
“ไม่! เสื้อคลุมสีดำ? หลงหว่านชิงต้องซ่อนอยู่ในเสื้อคลุมแน่!”
“เสื้อคลุมสีดำ? ท่านจะบอกว่ามีคนสองคนอยู่ในเสื้อคลุมนั่นอย่างนั้นหรือ?” ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ด้านข้างรู้สึกแปลกใจ
“ตอนนั้นติงตงกำชับพวกเราให้เฝ้าห้องโถงดีๆ เราจึงมิได้สงสัยอะไร” คนเฝ้าประตูอธิบายอย่างกังวล
“ไปกันนานหรือยัง?” ติงรุ่ยมองเขม็ง
“สักพักแล้วขอรับ!” ยามบอก
“เร็วเข้า!... รีบปิดล้อมหุบเขา อย่าให้มีใครเข้าออกเด็ดขาด” หญิงชราร้องสั่ง ดวงตาแข็งกร้าวจับจ้องคนใต้อาณัติเขม็ง
“ขอรับ!”
-------------------------------------
[1] สี่ศาสตร์ในนิยายเื่นี้ หมายถึงศิลปะ 4 แขนงแห่งปัญญาชน หรือ เหวินเหริน ซื่ออี้ (文人四艺) ของจีนในสมัยโบราณ ซึ่งจะประกอบไปด้วย กู่ฉิน หมากล้อม เขียนพู่กัน และวาดภาพ (琴棋书画 หรือ ฉิน ฉี ซู ฮว่า)
[2] ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง (螳螂捕蝉 黄雀在后) เป็คำพังเพยจีน ที่ใช้เพื่อเปรียบเปรยถึงผู้ที่ไร้วิสัยทัศน์ มักเล็งผลระยะสั้นโดยไม่ระวังว่าจะมีผลร้ายในระยะยาวรออยู่ นอกจากนี้ ยังใช้กระทบกระเทียบกับผู้ที่เอาแต่จ้องจะคิดบัญชีกับผู้อื่น โดยลืมไปว่าตนเองก็อาจจะกำลังถูกผู้อื่นจ้องจะคิดบัญชีเช่นกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้