โจวเฉิงเองก็จับต้นชนปลายไม่ถูกเช่นกัน
การสอบสวนคราวนี้เหมือนเป็เื่ใหญ่ที่ถูกปิดเงียบ ทำอะไรแค่ครึ่งๆ กลางๆ โจวเฉิงไม่เข้าใจแม้แต่น้อย
เขาหอบของใช้ส่วนตัวของตนกลับไปยังค่ายรวมพล เสียงนักศึกษาทหารที่กำลังหัวเราะเฮฮาเงียบกริบในฉับพลันราวกับมีคนกดปุ่มหยุดชั่วคราว ไม่กี่วินาทีต่อมาถึงจะมีคนเริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง พวกเขาทั้งสนใจและสงสัยในตัวโจวเฉิง และมีบางคนที่ทำตัวเหินห่างด้วยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้โจวเฉิงเพิ่งสร้างผลงาน แต่จู่ๆ กลับถูกแยกตัวไปเพื่อทำการสอบสวน
ข่าวลือนี้แพร่สะพัดออกไป บอกว่าสาเหตุที่โจวเฉิงตัดสินใจเฉียบขาดเช่นนั้น เพราะได้ทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับแก๊งค้าของเถื่อน
และไม่รู้ว่าใครเป็คนปล่อยข่าว ถึงปั้นน้ำเป็ตัวได้อย่างออกรสออกชาติเช่นนี้
โจวเฉิงอายุยังน้อยเกินไป คนบางคนยอมเชื่อว่าเขา ‘โกง’ ดีกว่ายอมรับว่าเขาเก่งกาจจริง
เพราะหากเป็เช่นนั้น ก็เท่ากับพวกที่อายุมากกว่าโจวเฉิงไม่ต่างอะไรกับเศษสวะไม่ใช่หรือ?
เว้นแต่นักศึกษาที่โจวเฉิงเคยเสียสละต้นขารับะุแทนคนนั้น สือข่ายลุกขึ้นยืน และะโร้องเรียกลูกพี่ของตนเสียงดังกึกก้อง
“หัวหน้าโจว อาการาเ็ที่ขาดีขึ้นบ้างหรือยังครับ!”
ตอนโจวเฉิงถูกแยกตัวไปสอบสวน แผลที่ต้นขาของเขาเพิ่งสมานตัวเท่านั้น
คนอื่นจะพูดอย่างไรก็ได้ แต่ที่โจวเฉิงถูกยิงก็เป็เพราะเขา สือข่ายจดจำบุญคุณครั้งนี้ได้เป็อย่างดี!
แม้แต่โจวเฉิงยังตะลึงงัน สือข่ายเรียกเขาว่าหัวหน้าโจว แถมยังพูดถึงอาการาเ็ของเขาต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ เพราะอยากให้เขาหลอมรวมเป็หนึ่งเดียวกับนักศึกษาคนอื่นๆ อีกครั้ง ทำให้ทุกคนเลิกตีตนออกหากจากโจวเฉิงน่ะสิ
ถ้าเป็โจวเฉิงคนก่อนคงปฏิเสธอย่างเย่อหยิ่ง คิดว่าสักวันความจริงก็จะปรากฏ เขาไม่จำเป็ต้องอธิบายอะไรทั้งสิ้น!
แต่ตอนนี้โจวเฉิงโตขึ้นแล้ว เขารู้ว่านี่คือความห่วงใยจากสือข่าย
“ขนาดแผลเป็ยังหายแล้วเลย จะเป็อะไรไปได้ ขอบคุณสหายสือข่ายที่เป็ห่วง!”
โจวเฉิงตอบด้วยสีหน้าสดใสราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการถูกแยกตัวไปสอบสวน เมื่อเ้าตัวไม่เห็นเป็เื่ใหญ่อะไร เหล่านักศึกษาจึงเริ่มคุยกับเขาอีกครั้ง
โจวเฉิงไม่สนใจจริงๆ แถมยังถามพวกเขาด้วยว่าไปปฏิบัติภารกิจมากี่ครั้งแล้ว
ตอนโจวเฉิงถูกแยกตัวไปเพื่อสอบสวน เหล่านักศึกษาก็ได้ออกไปปฏิบัติภารกิจอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้มีทหารเรือคอยประสานงานด้วย
“จับได้แต่ปลาตัวเล็กๆ ทั้งนั้น ไม่มีปลาใหญ่เหมือนคราวก่อน”
“ต้องให้หัวหน้าโจวออกโรง...”
“หัวหน้าโจว ภารกิจคราวหน้าคุณจะเข้าร่วมด้วยหรือเปล่า”
ในที่สุดก็มีคนถามคำถามสำคัญออกมา นั่นสินะ โจวเฉิงจะร่วมปฏิบัติภารกิจครั้งหน้าหรือเปล่า พูดอีกอย่างคือเบื้องบนยังเชื่อใจโจวเฉิงอยู่หรือไม่ การแยกตัวเพื่อสอบสวนในครั้งนี้ได้ผลลัพธ์อย่างไรกันแน่?
“ก็ต้องขึ้นอยู่กับการจัดการของทางวิทยาลัย หัวหน้าโจวจะรู้ได้อย่างไรกัน”
สือข่ายออกโรงปกป้องโจวเฉิงอีกครั้ง
โจวเฉิงซาบซึ้งใจสือข่ายมาก แต่เมื่อเห็นสายตาเคลือบแคลงของคนอื่น เขาก็รู้ว่าตนต้องเผชิญหน้ากับเื่นี้เองเท่านั้น
โจวเฉิงไม่ได้หลีกเลี่ยง และตอบคำถามอย่างเป็ทางการว่า
“การสอบสวนจบลงแล้ว แน่นอนว่าผมย่อมอยากกลับมาร่วมสู้พร้อมกับทุกคน แต่ก็เหมือนที่สหายสือข่ายบอก ทหารอย่างเราๆ ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง ดังนั้นผมย่อมเชื่อฟังการจัดการของทางวิทยาลัย!”
ถ้าถูกหมางเมินก็ช่วยไม่ได้
การกักตัวเพื่อสอบสวนคราวนี้เริ่มต้นอย่างแปลกประหลาดและจบอย่างกะทันหัน โจวเฉิงจึงทำได้เพียงแสดงจุดยืนของตัวเองเท่านั้น
คำพูดของเขาทำให้เหล่านักศึกษาพยักหน้า
การสอบสวนสิ้นสุดลงแล้ว และโจวเฉิงก็ไม่ได้ถูกลงโทษ นั่นแสดงว่าเื่รวมหัวกับพวกค้าของเถื่อนเป็ข่าวเท็จ
เดิมทีเป็คนสร้างผลงานแต่กลับถูกปรักปรำ โชคดีที่โจวเฉิงมีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง ตอนนี้เขาถึงยังดูร่าเริงไม่หมองเศร้าแต่อย่างใด!
เมื่อปลดความเย่อหยิ่งออกไป โจวเฉิงก็สามารถเข้ากับคนกลุ่มนี้ได้อย่างง่ายดายอีกครั้ง
ระหว่างการสอบสวนเขาไม่อาจพูดคุยกับคนอื่นได้ ทุกวันมีแค่หนังสือที่คอยอยู่เป็เพื่อน มันเหมือนเป็การฝึกความอดทนให้แก่โจวเฉิง ดังนั้นเขาจึงไม่รีบร้อน สิ่งที่ควรเป็ของเขาย่อมเป็ของเขา ไม่ว่าจะโอกาสในการปฏิบัติภารกิจหรือผลงานที่ควรจะได้รับ... อาจจะต้องใช้เวลานานสักหน่อยแต่ย่อมมีโอกาสแน่นอน เขารับปากเสี่ยวหลานไว้แล้วว่าจะกลายเป็คนที่ดียิ่งขึ้นสำหรับเธอ
ระยะเวลาแค่สองปี อีกไม่นานก็จะผ่านไป
ไม่รู้ทำไม สมองของเขาถึงบอกว่าเสี่ยวหลานคงไม่รู้เื่ที่เขาถูกแยกตัวเพื่อสอบสวน และถึงจะไปเยี่ยมเขาที่วิทยาลัยทหารบก ก็คงถูกทางนั้นหาข้ออ้างบอกปัด อ้อ บางทีอาจจะไม่ต้องหาข้ออ้างด้วยซ้ำ แค่บอกตรงๆ ว่าเป็กฎระเบียบก็พอ!
สมองก็ส่วนสมอง โจวเฉิงรู้สึกได้ว่า ตอนเขาไม่สามารถติดต่อใครได้ เขาหาได้อยู่ตัวคนเดียว
ตัวอักษรและสัญลักษณ์ต่างๆ บนหน้าหนังสือ ราวกับว่าเสี่ยวหลานกำลังอยู่กับเขา
ถุยๆๆ คำพูดพวกนี้ไม่เป็มงคล เขาคงถูกกักตัวจนสมองฝ่อไปแล้วแน่นอนถึงได้คิดเช่นนี้
ที่ยุ่งยากที่สุดคือ ต่อให้การสอบสวนจะสิ้นสุดลงแล้ว โจวเฉิงก็ยังไม่อาจติดต่อกลับไปปักกิ่งได้ กฎระเบียบข้อนี้ไม่ได้บังคับใช้แค่กับเขาเพียงผู้เดียว แต่ทุกคนล้วนต้องปฏิบัติตาม
โจวเฉิงวางหนังสือเล่มหนึ่งไว้ใต้หมอน ไม่รู้ว่าตอนนี้เสี่ยวหลานกำลังทำอะไรอยู่
ใกล้สอบปลายภาคแล้ว เธอกำลังทบทวนบทเรียนอยู่หรือเปล่านะ?
—--------------------------------------------
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ทบทวนบทเรียน เนื่องจากเธอถูกตู้เ้าฮุยดักรอ
คุณชายผู้นี้ใช้สายตาพิจารณากวาดมองเธอ เหมือนกำลังประเมินมูลค่าสินค้า
“เซี่ยเสี่ยวหลาน เธอไม่ยอมรับงานที่เครือเชิงหรง เช่นนั้นเธอเคยคิดอยากไปเป็ดาราที่ฮ่องกงหรือไม่ ดาราสาวของฮ่องกงไม่เหมือนดาราสาวในแผ่นดินใหญ่ พวกเธอไม่ได้รับเงินเดือนทุกเดือนเหมือนที่นี่ เรียนสถาปัตยฯ ไปจะมีประโยชน์อะไร บนโลกนี้มีสถาปนิกหญิงชื่อดังกี่คนกัน เธอไม่คิดว่าเธอกำลังทิ้งขว้างพร์ที่ติดตัวมาั้แ่เกิด...”
ตู้เ้าฮุยกำลังดูถูกสาขาวิชาที่เซี่ยเสี่ยวหลานร่ำเรียนอยู่
คุณชายพ่อรวยคนนี้ดูถูกอะไรหลายอย่างในแผ่นดินใหญ่
เดิมทีเซี่ยเสี่ยวหลานไม่อยากสนใจเขา เพราะเห็นแก่ที่ตู้เ้าฮุยเพิ่งบริจาคเงินให้หัวชิงห้าล้านหยวน ดังนั้นเธอสามารถยกโทษให้ผู้ชายหลงตัวเองและขี้ดูถูกคนอื่นได้ แต่การบอกให้ไปเป็ดาราที่ฮ่องกง เหมือนจะมีเจตนาไม่บริสุทธิ์!
“ฉันต้องไปถ่ายละครที่ฮ่องกง ไปเป็ดาราสาว กลายเป็ผู้หญิงน่าสงสารที่ถูกแก๊งมาเฟียบีบบังคับให้ถ่ายงาน กลายเป็ของเล่นของคุณชายไฮโซ ถึงจะเรียกว่าเลือกเดินทางไม่ผิดหรือคะ”
น้ำเสียงของเซี่ยเสี่ยวหลานเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
วงการบันเทิงยุค 80 มีตรงไหนน่าเหยียบเข้าไปบ้าง!
ต่อให้เธอไปเกิดใหม่ที่ฮ่องกง ก็ไม่มีวันอาศัยหน้าตาเพื่อเข้าสู่วงการบันเทิง ทางเลือกที่ดีที่สุดของเธอยังคงเป็การพึ่งพาสมองของตัวเอง
ฮ่องกงในยุค 80 ปลอดภัยกว่ายุค 70 แต่กระนั้นก็ยังคงเต็มไปด้วยแก๊งมาเฟีย แม้แต่ดาราดังในอนาคตก็ยังถูกพวกมาเฟียบังคับให้ถ่ายละคร ดังนั้นหาเซี่ยเสี่ยวหลานไปเป็ดาราในฮ่องกง เธอไม่คิดว่าตนจะรอดพ้นจากสถานการณ์นั้นไปได้
ดาราหญิงต้องเจอความเลวร้ายยิ่งกว่าดาาาย นอกจากถูกบังคับให้ถ่ายละคร ยังอาจถูกคุกคามทางเพศ ลักพาตัว และแอบถ่ายภาพอนาจารก็เป็ได้ นอกเสียจากมีคนใหญ่คนโตหนุนหลัง ไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้นชะตากรรมอันเลวร้ายเหล่านี้... ทว่าทางเลือกที่ดีที่สุดกลับคือการต้องไปเป็ของเล่นของพวกเศรษฐี เป็สาวสังคมชั้นสูง
คำแนะนำของตู้เ้าฮุยมีเจตนาแฝงชัดๆ!
ตู้เ้าฮุยเองก็นึกไม่ถึงว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะรู้จักฮ่องกงดีเช่นนี้ เมื่อได้ยินเธอตอบกลับแบบนั้น เล่นทำเอาเขาพูดไม่ออก อย่างไรก็ตามถ้ามีตระกูลตู้คอยหนุนหลัง ใครจะกล้าบังคับเซี่ยเสี่ยวหลานให้ถ่ายละครกัน?
ในที่สุดเขาก็มั่นใจแล้วว่า เซี่ยเสี่ยวหลานไม่สนใจฮ่องกงจริงๆ และไม่คิดจะรับความช่วยเหลือจากคุณชายใหญ่อย่างเขาด้วยเช่นกัน รวมถึงเธอไม่อยากพัวพันกับเซี่ยต้าจวินแม้แต่น้อย
คุณชายใหญ่ตู้รู้สึกสนใจ มีทางลัดให้เดินแต่กลับไม่เดิน เธอคิดว่าตัวเองจะประสบความสำเร็จอะไรได้?
ดูภายนอกเหมือนคนฉลาด แต่กลับหัวแข็งเหลือเกิน มี ‘ศักดิ์ศรี’ ในเวลาที่ไม่เหมาะไม่ควร นี่คือข้อเสียของนักศึกษาในแผ่นดินใหญ่ หรือเป็ข้อเสียของเซี่ยเสี่ยวหลานโดยเฉพาะกันแน่ เด็กสาวที่หน้าตาสวยถึงเพียงนี้ ย่อมได้รับความสนใจจากคุณชายใหญ่ตู้เป็พิเศษ ทว่าความสนใจของคุณชายใหญ่ตู้ ไม่ใช่การตกหลุมรักในเชิงชู้สาว
เวลาเห็นหมาแมวหน้าตาน่าเอ็นดู คุณชายใหญ่ตู้ย่อมอยากเย้าแหย่เป็ธรรมดา แต่นึกไม่ถึงว่าสัตว์ที่น่าเอ็นดูจะมีนิสัยแข็งกร้าว ทำให้โดดเด่นกว่าสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ
ตู้เ้าฮุยไม่ใช่คนดี เขาเป็คนเลวที่ร้ายกาจ
เมื่อมีคนขัดใจ ย่อมทำให้เขารู้สึกฉุนเฉียว