ทั้งสามคนในที่นี้เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ของอาจิ่วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้หลิงกวงถึงกับหัวเราะอย่างไม่สบอารมณ์รู้สึกว่าอาจิ่วน้อยช่างเป็คนที่มีอารมณ์ร่าเริงเสียจริงตอนแรกที่เด็กคนนี้ต้องไกลจากป่าภูตอสูรก็เพื่อไปตามหาลูกผสมของเผ่าัเขียว แต่หลังจากนั้นก็ไปอาศัยอยู่กับอวี๋เคอมาตลอดหลายปีตนจึงวางแผนโดยอาศัยการชุมนุมของสัตว์เทพเพื่อหลอกให้เด็กคนนี้กลับมาถึงได้ทำให้เด็กคนนี้อยู่กับตนและชิงเหยามาได้หนึ่งปี
เขาชำเลืองมองไปยังอวี๋เคอด้วยสีหน้าที่ไม่เป็มิตร แต่เมื่อนึกถึงการปกป้องของอาจิ่วที่มีต่อคนผู้นี้แล้วความไม่เป็มิตรบนใบหน้าก็กลับกลายเป็ความไม่พอใจและจนปัญญา ทั้งยังแฝงไว้ด้วยความอิจฉาอันเปี่ยมล้น
“ผู้เยาว์อวี๋เคอ ข้าไม่รู้จริงๆว่าเ้ากรอกยาเสน่ห์อะไรให้อาจิ่วของข้ากินจึงสามารถทำให้เขาติดตามเ้าได้อย่างสุดหัวใจถึงเพียงนี้”
อวี๋เคอเอื้อมมือออกไปลูบขนนุ่มนิ่มของอาจิ่วด้วยความเคยชินใบหน้าเต็มไปด้วยความเอ็นดูอย่างไม่อาจเก็บซ่อน จากนั้นจึงพูดยิ้มๆ ว่า
“ความจริงแล้วข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันขอรับแต่ข้าดีใจมากที่ได้รับความโปรดปรานจากอาจิ่ว ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ในวันข้างหน้าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายอาจิ่วได้เด็ดขาด”
น้ำเสียงของเขาแ่เบามากอีกทั้งใบหน้าก็ยังเปื้อนยิ้มทว่าหลิงกวงกลับััได้อย่างประหลาดว่าคนผู้นี้พูดจริงทำจริงอย่างแน่นอนจากที่เขาสามารถทำให้อาจิ่วออกจากสำนักฉิงชางเพื่อมารายงานข่าวได้โดยไม่ได้รับาเ็ใดๆเท่านั้นก็พอจะดูออกแล้ว
“เพียงแต่ท่านเทพทั้งสองอย่าแพร่งพรายเื่ที่ข้าผนึกเฉวียงฉีออกไปได้หรือไม่ขอรับ”
เดิมทีอวี๋เคอแค่อยากจะถามถึงสถานการณ์ของเฉวียงฉีดูก็เท่านั้นแต่กลับทำให้อาจิ่วเปิดโปงเื้ัของตนออกมา ตอนที่เขาผนึกเฉวียงฉีซ่งฉียวนเองก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน หากเื่นี้ถูกแพร่สะพัดออกไป เมื่อเขาออกมาจากดินแดนไร้เ้าแล้วเกิดได้ยินคำพูดเพียงไม่กี่คำจากโลกภายนอกเข้า เช่นนั้นสิ่งที่เขาอุตส่าห์ปกปิดมาก็ล้วนสูญเปล่า
“โอ้? ผู้เยาว์เช่นเ้านี่ช่างประหลาดเสียจริงการผนึกเฉวียงฉีเป็เื่ใหญ่สำหรับทั่วหล้า ก่อนหน้านี้แดน์ได้เผยแพร่ชื่อเสียงของเ้าออกไปได้เลวร้ายนักแต่ในความเห็นของข้า เ้ากลับไม่ใช่คนที่ชั่วร้ายเลวทรามอะไรเลยหากเื่นี้แพร่ออกไปก็จะสามารถแก้ไขความเข้าใจผิดทั้งหลายที่ผู้คนมีต่อเ้าได้”
หลิงกวงไม่ค่อยเข้าใจวิธีคิดของอวี๋เคอนัก หากรู้ตัวดีว่าตนเองไม่ได้ทำเื่เลวร้ายอะไรแต่กลับต้องถูกทุกคนะโด่าทุบตี และดูถูก เขาจะรู้สึกหดหู่มาก อย่างไรเสียก็ต้องสรรหาคำอธิบายมาแก้ต่างให้กับตัวเอง
อวี๋เคอส่ายหัว เพราะอวี๋เคอในเนื้อเื่ต้นฉบับไม่ใช่คนดีอะไรเลยด้วยซ้ำแน่นอนว่าเขาจดจำนิสัยของตัวละครที่ตัวเขาเขียนลงไปได้ขึ้นใจ คนผู้นี้ทำเื่ไม่ดีไปมากมายก่อนหน้าจึงได้รับการถูกมองด้วยสายตาที่เ็าจากคนในแดน์เหล่านี้แม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็สามารถน้อมรับมันเอาไว้ได้เขาไม่ได้ยึดติดกับการลบล้างความเข้าใจผิดมากมายเลยด้วยซ้ำดังนั้นจึงไม่สนใจในสิ่งที่หลิงกวงพูด
“เกรงว่าจะรบกวนท่านเทพหลิงกวงเสียแรงเปล่าขอรับข้าไม่สนใจเื่พวกนี้ ท่านเทพโปรดอย่าได้กล่าวออกไปเลยขอรับ”
“ไม่เลวนิสัยเช่นนี้ของเ้าช่างน่าเอ็นดูเสียจริง” เมื่อชิงเหยาได้ฟังคำพูดของทั้งสองคนความรู้สึกไม่ดีในใจที่มีต่ออวี๋เคอก็ลดลงเล็กน้อย อีกทั้งทัศนคติที่มีต่ออวี๋เคอก็ไม่ได้เ็าเหมือนก่อนหน้าแล้ว
เมื่อหลิงกวงได้ยินคำพูดของชิงเหยาก็แย้มรอยยิ้มบนใบหน้าออกมาในใจรู้แจ้งแล้วว่าเสี่ยวเหยาทำเช่นนี้เพื่ออยากจะออกไปด้านนอกกับตนเขาและชิงเหยาเป็คนประเภทเดียวกัน ตราบใดที่ในใจยอมรับใครแล้วก็จะถือว่าคนผู้นี้เป็สหาย ดูเหมือนว่าหากอวี๋เคอเกิดเื่ขึ้นอีกในวันข้างหน้าพวกเขาคงไม่สามารถยืนดูเฉยๆ ได้อีกต่อไป
“เ้าวางใจเถอะ ข้าและเสี่ยวเหยาจะไม่แพร่งพรายเื่สำคัญเหล่านี้ออกไปอย่างแน่นอนขอเพียงเ้าดูแลปากของอาจิ่วให้ดีคาดว่าผู้ที่รู้เื่คนต่อไปก็จะไม่ปรากฏตัวขึ้นมาอีก”
“ฮึ่ม! ท่านปู่ว่าให้ข้าอีกแล้ว! ” อาจิ่วส่งสายตาพิฆาตเล็กๆ กลับไป ก่อนจะหันหลังไปหาอวี๋เคอ แล้วร้องว่า “นายท่าน ท่านต้องเชื่อข้านะขอรับ!ต่อไปข้าจะไม่พูดถึงเื่นี้อีกอย่างแน่นอน! ”
อวี๋เคอเอื้อมมือไปจิ้มที่ปากแหลมเล็กของเขาแล้วยิ้มพร้อมพูดว่า “ข้าเชื่อใจอาจิ่วอยู่แล้ว”
เมื่อกล่าวจบเขาก็หันไปมองหลิงกวงจากนั้นจึงขมวดคิ้วพลางถามว่า “ท่านเทพ้าให้อาจิ่วแปลงร่างวันนี้ใช่หรือไม่? พลังบำเพ็ญเพียรของอาจิ่วในตอนนี้จะสามารถทนต่อทัณฑ์สายฟ้าเก้าขั้นได้หรือขอรับ?”
เมื่อเห็นเขาเอ่ยถึงเื่นี้สีหน้าของหลิงกวงและชิงเหยาเองก็ดูท่าว่าจะตึงเครียดขึ้นมาแม้ว่าพวกเขาจะคิดว่าการที่อาจิ่วแปลงกายได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดีแต่พวกเขาเองก็รับรู้เช่นกัน ว่าก่อนหน้านี้ที่จิ้งจอกน้อยตนนั้นสามารถแปลงกายได้สำเร็จส่วนหนึ่งเป็เพราะเขารับทัณฑ์สายฟ้าที่อ่อนกำลังมากและในฐานะที่อาจิ่วเป็หงส์เพลิงซึ่งเป็หนึ่งในสี่จตุรเทพหากอยากจะแปลงกายก็จะต้องทนทุกข์ทรมานมากกว่าสัตว์อสูรทั่วไปทัณฑ์สายฟ้าเก้าขั้นนี้จะมีความรุนแรงขึ้นในทุกๆ ขั้น หากประมาทเพียงครั้งเดียวก็อาจสูญเสียกระดูกและิญญาดับสูญได้
“การแปลงกายของอาจิ่วนั้นแสนอันตรายข้าและเสี่ยวเหยาจึงสร้างค่ายกลในถ้ำขึ้นมาเป็การเฉพาะ เพื่อช่วยอาจิ่วรวบรวมปราณิญญาจำนวนมหาศาลในระหว่างกระบวนการแปลงกายเพื่อให้เขาสามารถต้านทานทัณฑ์จาก์ได้อีกทั้งจะได้เป็การเสริมการปกป้องอีกขั้นเมื่ออาจิ่วหมดแรงด้วย”
เมื่อหลิงกวงพูดมาถึงตรงนี้สีหน้าก็ฉายแววกังวลใจจนยากที่จะเก็บซ่อน “เพียงแต่ว่าผู้อื่นไม่อาจรับทัณฑ์สายฟ้าเก้าขั้นนี้แทนเขาได้หากรับแทนเขาก็จะเป็การฝ่าฝืนกฎ ไม่รู้ว่าจะต้องพบเจอกับการประณามจาก์แบบใดบ้าง”
เมื่อเขาพูดประโยคนี้ออกมา ภายในถ้ำพลันเงียบสงัดบรรยากาศโดยรอบดูเคร่งขรึมไปชั่วขณะ คิ้วของอวี๋เคอไม่ได้คลายออกจากกันเลยในสมองพยายามเสาะหาอย่างต่อเนื่องว่าพอจะมีวิธีใดบ้างที่จะช่วยให้อาจิ่วแปลงกายได้อย่างปลอดภัยเพราะในเนื้อเื่ต้นฉบับอาจิ่วไม่ได้แปลงร่าง เขาไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ไปในใจจึงอดกระวนกระวายไม่ได้
อาจิ่วเหลือบมองมาทางนี้ที แล้วเหลือบมองไปทางนั้นทีจู่ๆ ก็ะโขึ้นมาว่า “ให้ตายสิ! เกิดอะไรขึ้นกับนายท่านและพวกท่านกัน? แต่ละคนคิดว่าข้าเป็เด็ก แต่ตอนนี้เมื่อประสบกับเื่เล็กๆอย่างเื่แปลงร่างกลับขี้ขลาดกว่าเด็กอย่างข้าเสียอีก” เขาบินขึ้นไปบนไหล่ของอวี๋เคอ แล้วยืนตรงตระหง่านก่อนจะพูดต่อด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า “อาจิ่วเช่นข้าเป็ใคร? แค่เื่แปลงร่างเล็กๆ แค่นี้จะทำให้ข้าลำบากได้หรือ? พวกท่านวางใจเถอะน่า เชื่อมั่นในตัวข้าหน่อย ข้าต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอน! ”
ท่าทางของเ้าตัวเล็กดูขี้เล่นและน่ารัก เสียงใสกังวานดังก้องไปทั่วภายในถ้ำทำให้ทั้งสามคนได้สติกลับมาได้สำเร็จ ความกลัดกลุ้มบนใบหน้าที่มีก็ได้มลายหายไป
อวี๋เคอลูบไหล่ของอาจิ่วไปมา แล้วยิ้มพร้อมพูดว่า
“เพราะเป็เ้าจึงพูดเช่นนี้ได้” พูดจบก็ลุกขึ้นจากเตียง แม้อวัยวะภายในจะยังเจ็บอยู่เล็กน้อยแต่โชคยังดีที่ดีขึ้นจากเมื่อเจ็ดวันก่อนมากแล้ว เขาโค้งคำนับหลิงกวงแล้วกล่าวว่า
“ท่านเทพโปรดให้ข้าอยู่ดูตอนที่อาจิ่วแปลงร่างด้วยเถิดมิเช่นนั้นข้าคงจะวางใจไม่ได้”
หลิงกวงสำรวจมองอวี๋เคอั้แ่หัวจรดเท้าเมื่อเห็นว่าเขาหายดีกว่าครึ่งแล้ว จึงเอ่ยด้วยความประหลาดใจว่า “ไม่นึกเลยว่ายาของสำนักฉางฉินจะได้ผลดีเช่นนี้นับว่าไม่เสียแรงที่ข้าอุตส่าห์ไปลักเอามาจากคลังยาของปิงฉางเตียวผู้นั้น”
เมื่ออวี๋เคอได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็อดรู้สึกเอือมระอาไม่ได้เมื่อตอนที่ตนเองเพิ่งฟื้นขึ้นมายังคิดว่าสิ่งที่หลิงกวงใช้รักษาตนนั้นเป็ของของเขาเองอยู่เลยไม่นึกเลยว่าเขาจะไปขโมยคลังยาของผู้อื่นมาเสียนี่ ทั้งยังเป็คลังยาของประมุขแห่งสำนักฉางฉินอีกด้วยไม่รู้ว่าหากปิงฉางเตียวผู้มีจิตใจคับแคบนั่นรู้ว่าหัวขโมยคนนี้คือหลิงกวงจะทำอย่างไร
สิ่งที่เขากินเข้าไปช่างเป็ยาอธรรมจริงๆ ...
แม้ว่าอวี๋เคอจะเอ็ดหลิงกวงในใจแต่ผลสุดท้ายแล้วคนผู้นี้ก็ทำไปเพื่อให้ตนหายป่วย จึงทำความเคารพอีกครั้งแล้วกล่าวว่า “ขอบพระคุณสำหรับยาของท่านเทพมากขอรับ ข้ารู้สึกว่าร่างกายดีขึ้นมากแล้ว”
“เช่นนี้ก็ดีแล้วเดิมทีข้าอยากจะให้เ้าพักผ่อนอีกสักสองสามวันแต่ตอนนี้ดูท่าว่าจะให้เ้าตามข้าไปดูอาจิ่วแปลงร่างได้แล้ว เช่นนั้นเ้าก็ตามมาเลยแล้วกัน”
พูดจบหลิงกวงก็โอบชิงเหยาแล้วหันหลังเดินออกไปยังนอกถ้ำอวี๋เคอจึงรีบเดินตามหลังไปสองสามก้าว
เส้นทางภายในถ้ำนั้นยาวมาก อีกทั้งรอบทิศก็ยังมีทางเดินแตกแขนงไปอีกมากมายตะเกียงที่ติดอยู่บนผนังถ้ำมีเปลวไฟสีเหลืองอบอุ่นกำลังลุกโชติ่ ดูเหมือนว่าูเาเกือบทั้งลูกนี้จะเป็ที่พำนักของอาจิ่วทั้งหมดเมื่ออวี๋เคอเดินผ่านทางเดินเส้นหนึ่งจากทั้งหมดในนั้นก็รู้สึกได้ถึงไอเย็นที่แผ่ออกมาเย็นเยือกจนถึงขั้นทำให้ตัวสั่นเทา เดิมทีด้วยระดับพลังบำเพ็ญเพียรของเขาแล้วไม่น่าจะทำให้พลังความเย็นธรรมดาเข้าสู่ร่างกายได้เลยแต่ตอนนี้กลับถูกไอเย็นที่เพียงแค่แผ่ออกมานี้ทำให้ตื่นใได้เสียอย่างนั้นช่างเป็เื่แปลกจริงๆ
ในหัวพลันนึกขึ้นมาได้ว่าตอนที่หลิงกวงเพิ่งจะเข้าไปในถ้ำของอาจิ่วเมื่อครู่เหมือนเขาก็รู้สึกตื่นใเช่นเดียวกันแล้วยังบอกอีกว่าห้องของอาจิ่วยังอบอุ่นอยู่เลยอีกด้วย...
สายตาของเขาหันไปหาชิงเหยาที่กำลังเดินนำหน้าั์ตาสีทอง เชี่ยวชาญในการใช้พิษ และร่างกายค่อนข้างเย็น
งู!ชิงเหยาคือเทพที่แปลงกายมาจากงูอย่างนั้นหรือ...
หงส์เพลิงตกหลุมรักงู? ทำไมจู่ๆถึงมีความรู้สึกแปลกพิกล? หรือตอนที่ชิงเหยาคบหากับเขาไม่กลัวว่าจะถูกหงส์เพลิงชราจับกินหรอกหรือ?
สิ่งใดกันแน่ที่ทำให้ศัตรูตามธรรมชาติมาลงเอยอยู่ร่วมกันได้? พลังแห่งความรักนี่ช่างน่ากลัวจริงๆ...
ระหว่างที่กำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่นั้น พวกเขาก็ได้เดินออกมานอกถ้ำแล้ว
“ที่นี่แหละใกล้ปากถ้ำหน่อยจะได้ไม่ทำให้เ้าได้รับผลกระทบมากจนเกินไป”
หลังจากได้ยินคำพูดของหลิงกวงอวี๋เคอก็กล่าวขอบคุณ แล้วเพ่งมองออกไป ก็เห็นพื้นที่โล่งขนาดใหญ่ผืนหนึ่งด้านนอกถ้ำที่ถูกหลิงกวงทำความสะอาดจนสะอาดสะอ้านเศษซากต้นไม้จำนวนหนึ่งกระจัดกระจายอยู่บนพื้นและภายในรัศมีหลายสิบลี้ก็ไม่เห็นหงส์เพลิงตัวอื่นเลยสักตัว อีกทั้งบริเวณรอบถ้ำก็ยังถูกร่ายม่านพลังที่ซ่อนเร้นเอาไว้เป็พิเศษอีกด้วยคงจะกลัวว่าหากสายฟ้า์ผ่าลงมาจะไปทำร้ายคนอื่นๆ ในเผ่าโดยไม่ได้ตั้งใจ
ดูไม่ออกเลยว่าหลิงกวงก็เป็คนที่ละเอียดรอบคอบคนหนึ่งเหมือนกัน
“ข้ากับเสี่ยวเหยาจะสร้างค่ายกลร่วมกันอวี๋เคอกับอาจิ่ว พวกเ้าอย่าขยับไปมา”
เมื่อเห็นทั้งสองคนพยักหน้าหลิงกวงก็ส่งสายตาให้ชิงเหยา ทั้งสองเดินไปข้างหน้าพร้อมกันหลายก้าว หยุดยืนห่างออกไปราวหลายสิบเมตรจากนั้นสีหน้าก็เริ่มเคร่งขรึมขึ้น
หลิงกวงยื่นมือออกไป แล้วใช้พลังกรีดจนเกิดแผลเป็ทางลงไปบนนั้นทันใดนั้นเืสีแดงสดก็ค่อยๆ ไหลออกมาเขาจุ่มเืของตัวเองแล้วทะยานขึ้นกลางอากาศยกมือขึ้นวาดเส้นยาวสีแดงทองออกมาทีละเส้น ชิงเหยาเองก็ทะยานขึ้นกลางอากาศเช่นกันแล้วใช้เืเป็พู่กัน โบกสะบัดเส้นยาวสีแดงทองออกมาเป็เส้นๆเหมือนกันกับหลิงกวง เวลาผ่านไปทีละนาทีทีละวินาทีทั้งสองก็รวมเส้นยาวที่วาดออกมาตามรูปค่ายกลที่อยู่ในใจเข้าด้วยกันอย่างช้าๆสุดท้ายก็กลายเป็ภาพค่ายกลวงกลมวงหนึ่งที่มีรัศมีหลายสิบเมตร ้าเป็หงส์เพลิงที่ชูคอร้องผงาดและงูเหลือมั์ที่มีสายตาเย็นเยือก ทั้งสองผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างน่าอัศจรรย์
พอค่ายกลใหญ่ก่อตัวขึ้น อากาศโดยรอบก็เต็มไปด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียดพลังมหาศาลทำให้ผู้คนต่างตกตะลึง
หลิงกวงมองไปที่ชิงเหยา อีกฝ่ายจึงพยักหน้าและส่งแรงออกมาพร้อมกันในที่สุด กดค่ายกลขนาดใหญ่ลงไปในทันที จนเกิดเสียงดังอึกทึกค่ายกลใหญ่สีแดงทองถูกตรึงอยู่บนพื้นดินอย่างแน่นสนิท จนก่อให้เกิดฝุ่นเป็ชั้น
“อาจิ่ว รีบเข้าไปในตาค่ายกลแล้วดันพลังจิตของตัวเองไปยังจุดสูงสุด จากนั้นก็กินหญ้าแปลงกายลงไป! ”
อาจิ่วพยักหน้า ไม่กล้าชักช้าเขารีบบินลงมาจากไหล่ของอวี๋เคอ แล้วส่งแววตาให้อีกฝ่ายเชื่อมั่นในตัวเขาจากนั้นก็กลายร่างที่แท้จริงออกมาทันใด และร่อนลงไปตรงกลางค่ายกลอย่างมั่นคง