แม่เจิ้งไม่เคยคิดเลยว่า หมี่หลันเยว่จะรีบร้อนถึงขนาดนี้ อดไม่ได้ที่จะขำออกมาเล็กน้อย
"หลันเยว่ หนูจะรีบไปดูห้องแถวนั่นทำไมกัน? ตอนนี้โรงงานก็ยังไม่มีวี่แววเลยนี่นา ถึงจะตกลงเื่ร้านได้ แต่ปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ ก็มีค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะ รู้ไหมว่าค่าใช้จ่ายจิปาถะแต่ละเดือนที่นั่นไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ"
หมี่หลันเยว่รู้สึกอุ่นในอก เธอรู้สึกถึงความห่วงใยที่เหมือนคนในครอบครัว
"คุณป้าคะ ห้องแถวในทำเลใจกลางเมืองหายากนะคะ โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ หนูไม่อยากพลาดค่ะ อีกอย่าง หนูตั้งใจจะไปดูทำเลที่ตั้งของที่นั่น เพื่อออกแบบเสื้อผ้าที่จะทำออกมาให้เข้ากับทำเลนั้นค่ะ"
"ถ้าที่นั่นเป็ย่านสินค้าหรูหราราคาแพง แล้วหนูออกแบบเสื้อผ้าชาวบ้านไปขาย จะมีใครซื้อกันล่ะคะ? เพราะฉะนั้นทำเลที่ตั้งสำคัญมากค่ะ ยิ่งเป็ร้านของเพื่อนคุณป้าด้วย ทำเลก็ต้องไม่เลวแน่ๆ ถึงจะต้องเสียเวลาไปสองเดือนก็คุ้มค่าค่ะ ยิ่งถ้าเราได้สิทธิ์ต่อจริงๆ ก็ต้องปรับปรุงร้านใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลาเหมือนกันค่ะ"
ไม่น่าเชื่อว่าเพิ่งจะคุยกันเมื่อกี้ เด็กสาวกลับคิดถึงปัญหาได้รอบด้านถึงขนาดนี้ ดูท่าว่าเื่ธุรกิจนี่ ห้ามประมาทเด็กคนนี้จริงๆ แม่เจิ้งพิจารณาหมี่หลันเยว่อย่างละเอียด ยิ่งมองก็ยิ่งเอ็นดู อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจในใจ ‘เฮ้อ เด็กคนนี้ยังเด็กไป ถ้าโตกว่านี้อีกหน่อย ปล่อยให้อยู่บ้านเราก็คงจะดี’
คิดได้อย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองลูกชายตนเอง พบว่าเขาก็กำลังมองหมี่หลันเยว่อยู่เช่นกัน ในสายตาฉายแววชื่นชม และอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น แม่เจิ้งยิ่งถอนหายใจหนักกว่าเดิม เด็กสาวสวย ฉลาด และมีไหวพริบอย่างนี้ ใครๆ ก็ต้องใจเต้นทั้งนั้นแหละ จะโทษก็ต้องโทษที่ลูกชายเกิดเร็วไปหน่อย
"ได้ ถ้าเธอคิดอย่างนั้นจริงๆ รีบจัดการเื่ร้านให้เรียบร้อยเลยนะ ตอนนี้ป้าจะติดต่อไปหาเขา พรุ่งนี้เราค่อยไปดูร้านด้วยกัน บางทีเขาอาจจะยังไม่รีบร้อนขายตอนนี้ งั้นเราก็เลื่อนไปเดือนหน้าก็ได้ จะได้มีเวลาหาบ้านสร้างโรงงานด้วย"
แม่เจิ้งคิดเผื่อทุกอย่างให้หมี่หลันเยว่ ความรู้สึกขอบคุณของหมี่หลันเยว่มันมากมายเกินกว่าจะบรรยายเป็คำพูดได้ ต้องรู้ว่าพวกเธอเพิ่งจะเหยียบย่างเข้าสู่ปักกิ่งวันนี้เอง ตอนแรกยังคิดว่าพวกเธอห้าคนจะต้องหลงทางอยู่พักใหญ่ๆ เสียอีก ที่ไหนได้ โชคดีจริงๆ ที่เจอกับเจิ้งซวี่เหยาบนรถไฟ แล้วเขาก็พามาที่บ้าน
"คุณป้าคะ ขอบคุณมากเลยค่ะ ที่ได้รู้จักคุณป้า หนูโชคดีจริงๆ คำขอบคุณอื่นๆ หนูขอเก็บไว้ก่อนนะคะ ยังมีเวลาอีกเยอะค่ะ"
หมี่หลันเยว่คิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะขอบคุณอย่างไรให้สมกับความรู้สึกของตนเอง งั้นก็ไม่ต้องรีบร้อน วันเวลาอีกยาวไกล เธอจะดูแลเอาใจใส่คุณป้าเหมือนแม่แท้ๆ เพราะผู้ใหญ่แบบนี้สมควรได้รับการตอบแทนอย่างดีที่สุด
"เอาล่ะๆ ยังมีเวลาอีกเยอะ คำพูดนี้ดีจริงๆ ทุกอย่างต้องค่อยเป็ค่อยไป ทั้งเื่ธุรกิจที่เธอจะทำ ทั้งเื่การคบค้าสมาคมระหว่างคนกับคน เธอเป็เด็กสาวตัวแค่นี้ยังเข้าใจถึงหลักการนี้ได้ ป้าดีใจจริงๆ"
แม่เจิ้งตบหลังมือหมี่หลันเยว่เบาๆ แล้วจับมือกันอย่างสนิทสนม เจิ้งซวี่เหยามองตาเขม็ง
"แม่ครับ ตอนนี้เดือนกรกฎาคมแล้วนะ อากาศร้อนขนาดนี้ แม่สองคนทำตัวสนิทสนมกันขนาดนี้ ไม่ร้อนเหรอครับ?"
"แม่อยากทำ แม่เอ็นดูหลันเยว่ ก็ไม่รู้สึกร้อน ทำไม ลูกอิจฉาเหรอ?"
ทุกคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน รู้สึกสนุกสนานอย่างบอกไม่ถูก มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่แอบเลื่อนสายตาออกไป แล้วค่อยๆ เลื่อนกลับมา มองหมี่หลันเยว่ครู่หนึ่งแล้วก็รีบหลบสายตาไป
ในเวลานั้น ไม่มีใครสังเกตสีหน้าของเฉินชิ่งเยี่ยน แต่ในใจของเขากลับเกิดความสงสัยประหลาด ตัวเองเป็อะไรไปนะ ยิ่งไม่อยากสนิทกับเด็กสาวคนนั้นเท่าไหร่ กลับยิ่งละสายตาไปจากเธอไม่ได้ ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างในตัวเธอกำลังดึงดูดให้เขาต้องมองไป
ด้วยสัญชาตญาณ เขาบีบข้อมือตัวเองอย่างแรง ความเ็ปจี๊ดแล่นเข้ามา ทำให้เขารู้สึกตัว ตลอดมา เขาเป็คนเ็ามาก ต่างจากเจิ้งซวี่เหยาที่เป็คนสุดโต่ง แต่เขาก็ยังพอสนิทกับญาติผู้พี่คนนี้อยู่บ้าง ถ้าเกิดความรู้สึกอยากเข้าใกล้ผู้หญิงแปลกหน้าเช่นนี้ มันทำให้ภายในใจของเขาเกิดความหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก
"เอาล่ะๆ วันนี้ทุกคนต้องพักผ่อนให้เต็มที่ นั่งรถไฟมานานขนาดนี้ ถ้าไม่ได้นอนให้เต็มอิ่มคงจะหายเหนื่อยยาก เพราะฉะนั้นกลับไปนอนกันให้หมด พรุ่งนี้เราจะได้มีแรงไปดูบ้าน"
แม่เจิ้งพูดจบ ทุกคนก็แยกย้ายกันไปล้างหน้าล้างตาแล้วก็มารวมตัวกันที่ห้องของหมี่หลันหยาง
"พวกนายรวมตัวกันได้พร้อมเพรียงเชียวนะ ตกลงกันมาก่อนแล้วเหรอ?"
นึกว่าน้องสาวกับหย่งจิ้นตกลงกันมาก่อนแล้วถึงได้มาด้วยกัน แต่ทั้งสามคนกลับส่ายหน้าพร้อมกัน นั่นก็คือบังเอิญสินะ เฉียนหย่งจิ้นก็ยิ้มร่าออกมา
"เห็นไหม นี่แหละที่เขาเรียกว่าใจตรงกัน ใช่ไหมหลันเยว่ เรามีความรู้สึกเชื่อมโยงกัน"
"ความรู้สึกเชื่อมโยงอะไรของนาย คำนี้เขาใช้กันพร่ำเพรื่อหรือไง?"
หมี่หลันหยางชี้หน้าแล้วจิ้มหัวเฉียนหย่งจิ้นอย่างแรง เฉียนหย่งจิ้นลูบหัวตัวเองพลางยิ้ม พวกเขาจะว่าอะไรก็ช่างปะไร อย่างน้อยหลันเยว่กับเขาก็ใจตรงกันแล้ว
"พี่คะ พรุ่งนี้เราจะไปดูห้องแถวในเมือง พวกพี่มีความคิดเห็นยังไงบ้าง?"
หมี่หลันเยว่ไม่สนใจการโต้ตอบระหว่างพี่ชายกับเฉียนหย่งจิ้น ตอนนี้ในใจของเธอมีแต่เื่ห้องแถว เธอจึงรู้สึกกังวล เธอเป็ห่วงว่าการที่เธอเป็ฝ่ายเข้าไปติดต่อเอง อาจจะทำให้เขาโก่งราคา
ถ้าเป็ตัวเธอเอง เจอกับโอกาสดีๆ แบบนี้ก็คงจะไม่ปล่อยไปง่ายๆ เหมือนกัน ถึงจะอยากย้ายไปอยู่ต่างประเทศ แต่ถ้า่นี้ขายร้านได้ราคาดี ใครจะสนใจเื่มิตรภาพระหว่างเพื่อนฝูงกันล่ะ? ยังไงซะพอไปต่างประเทศแล้วจะได้เจอกันอีกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย เพราะฉะนั้นหมี่หลันเยว่ไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะเห็นแก่ความเป็เพื่อนกับแม่เจิ้ง
"หลันเยว่ เป็ห่วงอะไรอยู่?"
หมี่หลันหยางก็สังเกตเห็นว่าน้องสาวมีท่าทีไม่ค่อยปกติ ไม่เชิงเครียด ไม่เชิงกังวล แต่มันเหมือนมีอะไรบางอย่างที่เธอกังวลอยู่มาก
"พี่คะ ห้องแถวนี้ฉันต้องเอามาให้ได้ ในปักกิ่ง การจะหาห้องแถวดีๆ ในทำเลใจกลางเมืองมันยากขึ้นเรื่อยๆ นะคะ ตอนนี้มีโอกาสแล้ว แต่ฉันกลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสที่เราเป็ฝ่ายรุกเข้าไป โก่งราคา"
"งั้นเราก็ต่อราคาไปสิ"
เฉียนหย่งจิ้นไม่ได้คิดอะไรมาก ต่างฝ่ายต่างปรึกษาหารือ ตกลงกันได้ก็ซื้อขายกัน ตกลงกันไม่ได้ก็ต่างคนต่างไป
"พี่หย่งจิ้น อย่าคิดง่ายๆ อย่างนั้นสิคะ ถ้าเราแค่คิดว่าห้องแถวนี้มีก็ได้ไม่มีก็ได้ ทำแบบนั้นก็ไม่ผิด แต่ฉันบอกไปแล้วว่าฉันต้องเอามาให้ได้ แถมฉันก็ไม่คิดว่าห้องแถวของเขาจะขายยาก ถ้าเราทำอย่างที่พี่บอก แล้วเขาขายให้คนอื่นไปล่ะ? ความเสียหายของเรามันประเมินค่าไม่ได้เลยนะคะ"
หมี่หลันเยว่เป็ห่วงจริงๆ ถ้าเธอใช้กลยุทธ์ที่ใช้กันอยู่เป็ประจำ แกล้งทำเป็ว่าไม่สนใจ ถ้าอีกฝ่ายขายให้คนอื่นไป เธอก็คงพูดอะไรไม่ได้ เพราะการจะหาห้องแถวในใจกลางเมืองอีกครั้ง มันยากยิ่งกว่ายาก ที่นี่คือปักกิ่ง
ถึงตอนนี้จะเป็แค่่กลางยุค 80 หลายคนยังไม่ได้สนใจเื่การทำธุรกิจส่วนตัว แต่การพัฒนาของปักกิ่งมันเทียบกับที่อื่นไม่ได้ ที่นี่มีคนมีอำนาจและคนมีเงินเยอะแยะ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยากทำธุรกิจจริงๆ แต่แค่ซื้อร้านให้ลูกหลานเล่นสนุก มันก็เป็เื่ง่ายดาย
เพราะฉะนั้น ถ้าเธอไม่รีบคว้าเอาไว้ ร้านนี้อาจจะหลุดมือไปได้ทุกเมื่อ พอถึงตอนนั้นคงได้แต่ร้องไห้เสียใจ หมี่หลันหยางก็เห็นถึงความมุ่งมั่นของน้องสาวที่จะเอาห้องแถวนี้มาให้ได้
"หลันเยว่ ถ้าอย่างนั้นก็ทุ่มเงินซื้อไปเลย ถึงจะแพงกว่าหน่อย ก็คงไม่เกินกำลังของเราหรอกมั้ง?"
"พี่คะ ปัญหาคือเงินของเรามีจำนวนจำกัด ตอนนี้เราไม่รู้ว่าเขาอยากได้เท่าไหร่ ถ้าเขาโก่งราคาสูงเกินไป แล้วเราต่อราคาไม่ลง บ้านสี่ประสานของเราจะทำยังไง? โรงงานของเราจะทำยังไง? ถ้าไม่มีโรงงาน ห้องแถวนี้มันก็กลายเป็แค่ขยะชิ้นหนึ่งน่ะสิคะ"
คำพูดของน้องสาว ทำให้หมี่หลันหยางใจเย็นลง แต่เฉียนหย่งจิ้นกลับไม่ได้กังวลเหมือนพี่น้องคู่นี้
"หลันเยว่ ฉันว่าเธอกังวลมากเกินไป ถึงเขาอยากจะโก่งราคา แต่ราคาบ้านในตอนนี้มันก็มีราคาตลาดอยู่ ถึงจะสูงก็คงไม่สูงจนเกินไป อีกอย่าง คุณป้าบอกว่าพวกเขาเป็เพื่อนกัน อย่างน้อยความสัมพันธ์ก็คงไม่แย่เท่าไหร่ คุณป้าคงไม่ยอมให้เขาทำรุนแรงหรอก"
หมี่หลันเยว่กลับไม่คิดว่าเขาจะเห็นแก่หน้าแม่เจิ้ง
"พี่หย่งจิ้น เขากำลังจะไปต่างประเทศนะ แล้วจะได้กลับมาอีกหรือเปล่ายังไม่รู้เลย จะแน่ใจได้ยังไงว่าเขาจะเห็นแก่หน้าคุณป้า ฉันไม่มั่นใจหรอก"
"ไม่จำเป็ต้องเห็นแก่หน้า เราแค่้าซื้อในราคาตลาด ไม่ได้อยากให้เขาเห็นแก่หน้าแล้วลดราคาให้สักหน่อยนี่นา แถมบ้านคุณป้ามีอิทธิพล เขาก็คงไม่รู้หรอก ฉันว่าเธอกังวลเกินไปจริงๆ แถมมีคุณป้าไปด้วย เขาคงคิดว่าเราเป็ฝ่ายเข้าไปหาเอง อาจจะคิดว่าคุณป้าช่วยเป็สื่อให้ด้วยซ้ำ พวกนายว่าจริงไหม?"
ใช่แล้ว มีคุณป้าอยู่ด้วย บางทีเขาอาจจะคิดว่าคุณป้ากำลังช่วยเขาอยู่ หลอกล่อให้เราไปติดกับดัก นี่ก็อาจเป็ไปได้ นี่ตัวเองใจร้อนจนสับสนแล้ว หมี่หลันเยว่ตบโต๊ะอย่างตื่นเต้น
"พี่หย่งจิ้นพูดถูก บางทีฉันกังวลเกินไปเอง พรุ่งนี้ถ้าเขายื่นราคามาสมเหตุสมผล ฉันจะรีบตกลงใจเลย จะได้ไม่มีโอกาสเปลี่ยนใจ"
