เป็ไปอย่างที่หวังจงได้กล่าวไว้ ดูเหมือนว่าในเขตจุ้ยโหมวจะมีสุสานเพียงแห่งเดียวที่ไม่มีอสูรอารักขาคอยดูแล
ภายใต้การนำของหลัวชิงเยว่ พวกฉินอวี่ทั้งสามคน ได้เข้าไปยังค่ายประจำการของอสูรอารักขาที่คอยดูแลอยู่เป็ครั้งแรก เพียงแต่ ในเวลานี้ค่ายแห่งนี้ว่างเปล่า และมีอสูรอารักขาไม่มากนัก
หลัวชิงเยว่โบกมือเบาๆ และพูดอย่างเคร่งขรึม “ยังจับคนนอกนั่นไม่ได้หรือ?”
“เจิ้นตงโหว โหมวเทียนโหว และอสูรอารักขานับหมื่นได้ไล่ตามเขาไป คาดว่าน่าจะจับตัวเขาได้แล้ว” อสูรอารักขาตนหนึ่งพูดอย่างเคารพ
หลัวชิงเยว่ไม่ได้พูดอะไร และเดินเข้าไปในค่าย แต่เมื่อเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็หันกลับมาอย่างรวดเร็ว และแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
ผ่านไปไม่นาน ก็มองเห็นเงาร่างของอสูรอารักขาจำนวนมากที่ผ่านท้องฟ้าไปเป็พื้นสีดำสนิท
สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจคือ อสูรอารักขากลุ่มนี้มีผู้นำสองคนสวมชุดเกราะที่กำลังแตกหัก ทั่วร่างเต็มไปด้วยเื ดูเหมือนจะได้รับาเ็สาหัส และเหล่าอสูรอารักขาที่ตามมาด้านหลังต่างได้รับาเ็สาหัสมากน้อยต่างกันไป
ดวงตาทั้งคู่ของหลัวชิงเยว่กะพริบส่องเป็ประกาย แผลเป็ที่ใบหน้าขวาของนางกระตุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนนางจะพูดขึ้นอย่างเฉียบขาด “คนนอกเพียงคนเดียวทำให้โหวเหย่สองคนถึงกับาเ็เช่นนี้เชียวหรือ? อีกทั้งยังต้องสูญเสียอสูรอารักขาไปถึงหนึ่งในสาม?” สายตาของนางมองไปทางกลุ่มผู้นำของเหล่าอสูรอารักขา หลัวชิงเยว่ก็พูดขึ้นในทันที “คนนอกนั่นยังอยู่หรือ?”
กลุ่มทหารอารักขาได้เคลื่อนกำลังลงสู่พื้นดิน เมื่อได้ยินคำถามของหลัวชิงเยว่ แต่ละคนต่างมีใบหน้าที่หมองคล้ำ และเผยให้เห็นความอึดอัด และตอนนี้โหวเหย่คนหนึ่งก็แสดงความเคารพ “ข้าน้อยไร้ความสามารถ ทำให้คนนอกผู้นั้นหนีไปได้”
หวังจงและหลิวเจ๋อทั้งสองคนต่างสูดลมหายใจเข้าลึกๆ โหวเหย่ทั้งสองคน พร้อมเหล่าอสูรอารักขานับหมื่นยังไม่อาจจับตัวคนนอกเพียงคนเดียวได้หรือ? เช่นนั้นแล้วคนนอกผู้นั้นจะมีความแข็งแกร่งถึงระดับไหนกัน?
ส่วนฉินอวี่ก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน และยังไม่รู้เช่นกันว่าคนนอกผู้นั้นเป็ใครกันแน่ เกรงว่า คงมีความแข็งแกร่งมากจริงๆ ด้วยยอดฝีมือระดับขั้นกายจุติที่อยู่ในกลุ่มอสูรอารักขา บวกกับตำแหน่งโหวเหย่ระดับเขตแดนเต๋าอีกสองคน นึกไม่ถึงว่าจะไม่สามารถจับตัวเขาได้ และยังหลบหนีไปได้อีก?
“ระดับเขตแดนเต๋าชั้นที่หนึ่ง แค่คนระดับเขตแดนเต๋าชั้นที่หนึ่งคนเดียวสามารถทำให้พวกเ้าดูน่าเวทนาได้ขนาดนี้ ข้ารู้สึกว่ากองทัพเจิ้นหยวนอยู่ที่นี่สบายเกินไปแล้ว” หลัวชิงเยว่พูดขึ้นเสียงดังด้วยใบหน้าที่โกรธเคือง
ฉินอวี่ก็ตกตะลึงขึ้นทันทีเช่นกัน ระดับเขตแดนเต๋าแบ่งออกเป็สามระดับชั้น ทุกๆ ชั้นจะมีระดับขั้นย่อยอีกสองสามระดับ ในตอนนี้ ถูกล้อมด้วยคนระดับเขตแดนเต๋าชั้นที่หนึ่งเผชิญหน้ากับโหวเหย่ขั้นที่หนึ่ง อีกทั้งอสูรอารักขาขั้นกายจุติอีกนับหมื่นแต่ยังหนีไปได้?
นี่เป็แค่ขั้นเขตแดนเต๋าชั้นที่หนึ่งจริงหรือ? พละกำลังของคนผู้นี้มีความแข็งแกร่งมากเพียงใดกันแน่?
โหวเหย่ทั้งสองมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที แม้ว่าหลัวชิงเยว่จะมีระดับฝึกฝนที่ไม่สูงนัก แต่ด้วยมีสถานะผู้นำของตำแหน่งหวังเหย่ จึงมีสถานะที่สูงส่ง เมื่อถูกหลัวชิงเยว่ตำหนิ พวกเขาจึงไม่กล้าขัดขืน และเื่นี้อย่าว่าแต่หลัวชิงเยว่เลย แม้แต่พวกเขาเองก็ยังรู้สึกอัดอั้นตันใจอย่างมาก
เป็เวลาหลายปีมาแล้วที่พวกเขาไม่เคยพบเจอคนที่มีความบ้าคลั่งได้ถึงเพียงนี้ และสามารถทำเื่ที่บ้าพลังจนไม่คิดถึงชีวิตเช่นนี้
“หากให้ข้าน้อยคาดเดา จะต้องมีสายสืบอยู่ในกองทัพเจิ้นหยวนแน่นอน และยอดฝีมือนี้ได้เข้ามาในตอนที่เจิ้นหยวนหวังกำลังเก็บตัวฝึกยุทธ์พอดี” โหวเหย่อีกคนหนึ่งพูดสิ่งที่คิดไว้ออกมา
“สายลับ? แม้จะมีสายลับก็คงยากที่เผ่าประหลาดนั่นจะส่งคนในขั้นเขตแดนเต๋าชั้นที่หนึ่งระดับต้นมาจู่โจม? หรือจะพูดได้ว่า คนของเผ่าประหลาดที่เข้ามาตอนนั้นไม่ใช่คนที่กำลังอยู่ที่นี่ในตอนนี้? ครั้งนี้คนนอกคนนั้นคงมีพลังในกายที่ยังรวมตัวขึ้นมานั้นยังไม่สมบูรณ์ เมื่อมองครั้งแรกก็รู้ได้เลยว่าเพิ่งเข้าสู่ขั้นระดับเขตแดนเต๋าได้ไม่นาน” หลัวชิงเยว่กล่าว
“ดังนั้น มีความเป็ไปได้ว่าอัจฉริยะของเผ่าประหลาดคนนั้นจะต้องเสียชีวิตไปในสนามรบปรโลกแล้ว ดังนั้นจึงคิดจะเข้ามาแก้แค้น เจิ้นตงโหวรับคำสั่ง เ้าไปยังเขตกู่โหมว เขตโหมววัน เขตหลงเซี่ยวแยกคนระดับเขตแดนเต๋าจากแต่เขตมาเขตละห้าสิบคนเข้ามายังเขตจุ้ยโหมว แม้ว่าคนผู้นั้นจะหนีไป แต่ต้องาเ็สาหัสแน่นอน และน่าจะยังอยู่ในเขตจุ้ยโหมว เราจะต้องปูพรมค้นหาคนของเผ่าประหลาด จำไว้ จะต้องจับเป็เท่านั้น โหมวเทียนโหว เ้าเฝ้าที่นี่ไว้ หากมีกองทัพขนาดใหญ่เข้ามา จำไว้ว่าต้องไปเชิญเจิ้นหยวนหวังออกมา!” หลัวชิงเยว่กล่าวอย่างมีความหมาย และมองไปทางฉินอวี่ด้วยท่าทางที่เฉยเมย จากนั้นจึงหยิบป้ายคำสั่งสี่ดำสนิทขึ้นมา
ป้ายคำสั่งนี้เต็มไปด้วยรูปอสูรที่กำลังรื่นเริง ด้านหน้าเป็รูปเงาร่างกำลังนั่งขัดสมาธิร่างหนึ่ง ส่วนด้านหลังเป็ตัวอักษร “หลัว”
“ขอรับ ชิงเยว่หวัง!”
ฉินอวี่มองไปทางหลัวชิงเยว่ด้วยความใอย่างยิ่ง อสูร์อารักขาระดับเขตแดนเต๋าห้าสิบตนจากแต่ละเขต? ในเขตแดนของต้าโหมวแห่งนี้มีผู้แข็งแกร่งระดับเขตแดนเต๋ามากเท่าไรกันแน่? และผู้ถึงระดับเขตแดนเต๋าเหล่านี้เป็อสูร์อารักขา? นั่นหมายความว่าหากตนเองสามารถเข้าเป็หนึ่งในสามสิบหกขุนพล์ได้ในเวลาสามปี ก็จะเข้าถึงระดับเขตแดนเต๋าได้หรือ?
ช่างน่าขำ!
แม้ว่าจะเป็เซียนกลับมาเกิด ก็ไม่สามารถทำได้หรอก
“ช้าก่อน โหวเหย่ก็เป็คนระดับขั้นเขตแดนเต๋าชั้นที่หนึ่ง ข้าคิดว่าการแบ่งแยกนี้ไม่น่าจะใช้ระดับการฝึกฝนมาแบ่งแยก และผู้เฒ่าร้องไห้นั่นก็คงไม่นำเื่อะไรที่ทำไม่ได้มากดดันตนเอง!” ฉินอวี่พึมพำในใจ และตั้งใจว่าจะถามหวังจงในภายหลัง ในเื่เกี่ยวกับสามสิบหกขุนพล์
สำหรับการวิเคราะห์ของหลัวชิงเยว่นั้น ทำให้ฉินอวี่ก็นึกขึ้นถึงอันดับหนึ่ง
ในตอนนั้น ผู้นำฝ่ายหยาจื้อได้ส่งตัวเขาเข้ามายังสนามรบปรโลกเป็เวลาสามปี หรือว่า... อันดับหนึ่งจะตายแล้ว? ดังนั้น เผ่าหยาจื้อจึงคิดแก้แค้น?
จะต้องเป็เช่นนี้แน่นอน
ฉินอวี่พึมพำกับตนเอง เขาแทบจะทนรอไม่ได้ให้อันดับหนึ่งตายโดยเร็ววัน คุณสมบัติอันน่ากลัวต่อการกระตุ้นสายเืทั้งสี่ หากให้เวลาเขามากไปกว่านี้ จะต้องกลายเป็ศัตรูอันน่ากลัวในภายภาคหน้าแน่นอน หากถูกสังหารไปแล้ว นั่นก็นับเป็เื่ดีมากเลยทีเดียว เพียงแต่ฉินอวี่ก็รู้ดีว่านี่เป็เื่ที่แทบเป็ไปไม่ได้ ท้ายที่สุด การทำให้อันดับหนึ่งได้รับาเ็นั้นไม่ใช่เื่ยาก แต่การจะสังหารเขาให้ตายไปจริงๆ เป็เื่ยากยิ่งนัก!
เพียงแต่ หากอันดับหนึ่งยังไม่ตาย เช่นนั้นแล้วคนนอกที่อยู่ระดับเขตแดนเต๋าชั้นที่หนึ่งจะบุกรุกมาในแดนเหวลึกแห่งนี้ได้อย่างไร?
หรือว่า... จะเป็เพราะมีคนที่เขาห่วงใยอยู่ในเหวลึกแห่งนี้?
ฉินอวี่ครุ่นคิดอยู่นาน ในจิตใจของเขาก็นึกถึงคนคนหนึ่งที่มีแก้มแดงเหมือนเมาสุราขึ้นมา ฉินอวี่จึงใเป็อย่างยิ่ง และพึมพำกับตนเอง “น่าจะไม่ใช่เขา เขาน่าจะยังกลับไม่ถึงสำนัก หรืออาจบอกได้ว่า เขาคงไม่ได้แอบเข้ามาในเหวลึกแห่งนี้เพราะตนเองหรอกนะ?”
หลังจากอึ้งไปครู่หนึ่ง ก็คิดต่อมาว่า “แม้ว่าเขาจะเข้ามาที่นี่ แต่พวกผู้นำหวังถูก็น่าจะขัดขวางไว้ นอกจากนี้ จะต้องผ่านด่านของพวกเผ่าหยาจื้อมาก่อน”
ในขณะที่ฉินอวี่กำลังครุ่นคิด หลัวชิงเยว่ก็โบกมือข้างขวาขึ้น เสียงหวีดยาวที่แหลมคมดังกึกก้องตัดผ่านชั้นเมฆในทันที
ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้น ในตอนนี้ที่ทุกคนมองเห็นคือพญาอินทรีขนาดั์ตัวหนึ่ง กำลังกระพือปีกอยู่กลางอากาศ สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องใคือ พญาอินทรีตัวนี้มีปีกขนาดกว้างถึงหนึ่งร้อยลี้ จนปกคลุมได้ทั่วทั้งผืนฟ้า
“พญาอินทรี พญาอินทรีแห่งสายเืคุนเผิง!” ฉินอวี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และนึกไม่ถึงว่าหลัวชิงเยว่จะพญาอินทรีในตำนานเอาไว้ เพียงแต่ ฉินอวี่กลับไม่สามารถััถึงพลังชีวิตได้เลยแม้แต่น้อย นั่นก็หมายความว่า พญาอินทรีตัวนี้คือพยนต์มรณะ
ใช่แล้ว แดนต้าโหมวเทียนแห่งนี้สามารถสืบย้อนขึ้นไปได้ถึงยุคต้น และในยุคหงหยวน ในตอนนั้นมีอสูรเซียนระดับยอดเยี่ยมอยู่เป็จำนวนมาก ดังนั้น ก็ใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้ที่หลัวชิงเยว่จะมีพญาอินทรีอยู่ใน เพียงแต่ สามารถดูออกได้ทันทีว่า ต้าหลัวเต้าจวินนั้นมีความรักและเอ็นดูในหลัวชิงเยว่ จึงได้มอบพยนต์มรณะของพญาอินทรีเป็ของขวัญให้นาง
“ไม่กลัวที่จะถูกปล้นไปด้วยหรือ” ฉินอวี่พึมพำด้วยความรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย นี่คือพญาอินทรีเชียวนะ ความเร็วเมื่อโตเต็มวัยเทียบได้กับผู้แข็งแกร่งระดับเขตแดนเซียนเลยทีเดียว
และพญาอินทรีตัวนี้น่าจะยังไม่โตเต็มวัย พญาอินทรีที่โตเต็มวัยจะมีขนาดความกว้างเมื่อกางปีกทั้งสองรวมกันถึงหนึ่งพันลี้ เพียงแต่ ความเร็วของพญาอินทรีตัวนี้ยังไม่อาจเทียบได้กับระดับเขตแดนเต๋า
“ไปกันเถอะ ไปเมืองหลักเทียนโหมว!” หลัวชิงเยว่เอ่ยขึ้น กระโจนตัวขึ้นไปในอากาศ และะโลงบนหลังของพญาอินทรี
ฉินอวี่ไม่รู้สึกอะไรเลย แต่หวังจงและหลิวเจ๋อทั้งสองคนกลับรู้สึกหวาดหวั่นต่อพญาอินทรี จนไม่อาจระงับความตื่นเต้นที่มีอยู่ในใจได้
“เฮ้!” เสียงอุทานของหลัวชิงเยว่ดังขึ้นเบาๆ พยนต์มรณะพญาอินทรีก็ออกตัวโบยบินไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า ความเร็วของมันรวดเร็วมาก ทำให้ฉินอวี่รู้สึกเหมือนสายลมคมกริบดั่งใบมีด ตัดเสื้อผ้าออกจนฉีกขาด ฉินอวี่ใเป็อย่างยิ่ง รีบเปลี่ยนพลังเข้าเป็เกราะป้องกันร่างกายในทันที ส่วนหวังจงและหวังเจ๋อต่างก็นอนแผ่อยู่บนหลังพญาอินทรีด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว
พญาอินทรีบินอย่างรวดเร็ว หลัวชิงเยว่ยืนใช้สองมือไพล่หลังอยู่บนศีรษะของพญาอินทรี ทอดสายตาไปยังเบื้องหน้า โดยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ฉินอวี่รู้สึกประหม่าเล็กน้อยอยู่ในใจ ความรู้สึกที่ไม่เป็กังวลว่าตัวตนที่แท้จริงจะถูกเปิดนั้นไม่จริงเลย ถึงวันนั้นจะมีผู้แข็งแกร่งมากมายเหมือนหมู่เมฆในเมืองหลักเทียนโหมว มีความเป็ไปได้สูงมากที่จะมีใครดูออก
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของฉินอวี่ก็กะพริบเล็กน้อย เขานั่งลงขัดสมาธิ จากนั้นจึงหยิบขวดหยกออกมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นซดเือย่างบ้าคลั่ง เสร็จแล้วจึงเข้าสู่การทำสมาธิ
“ไม่มีทางเลือกแล้ว มีเพียงต้องหลอกหลัวชิงเยว่เอาไว้ให้ได้เสียก่อน” ฉินอวี่พึมพำในใจ
หลังจากนั้นไม่นาน ใบหน้าของฉินอวี่ก็ดูน่ากลัวขึ้น พลังปราณอันแข็งแกร่งก็เปล่งออกมาจากร่างของฉินอวี่
หลัวชิงเยว่ที่ยืนอยู่ตรงส่วนศีรษะของพญาอินทรีหันกลับมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีดำอันสดใสจ้องตรงมาทางฉินอวี่ด้วยสีหน้าที่เริ่มเปลี่ยนไป
