ท่านย่าหวงแกล้งหลิวเต้าเซียงเล่นอยู่สักพัก ก็ได้ยินเสียงคนในลานบ้านะโเรียกนาง จึงวางหลิวเต้าเซียงลงกับพื้นแล้วเอ่ย “ดูความจำข้าสิ มัวแต่คุยอยู่นาน จนลืมเื่หลักไปเลย นี่ ข้าอยู่ในนี้ พวกเ้าจัดการแกะของออกแล้วขนเข้ามาเร็ว”
จากนั้นนางก็หันกลับมาหาจางกุ้ยฮัวและพูดว่า “กุ้ยฮัว ลุงของเ้ากลับไปบอกข้าว่า ครอบครัวของเ้ายังไม่มีเครื่องใช้ในบ้าน จึงบอกให้ข้าค้นของเก่าในบ้านออกมาให้พวกเ้ายืมใช้กันก่อน รอพวกเ้าประกอบเครื่องใช้ในบ้านใหม่ ค่อยเอาอันเก่ามาคืนบ้านข้าดีกว่า”
“ทำอย่างนั้นได้อย่างไร ท่านป้า ข้า...” จางกุ้ยฮัวซาบซึ้งใจมาก นางไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
ท่านย่าหวงโบกมือและยิ้ม “ข้าว่า กุ้ยฮัว เ้าบอกให้ซานกุ้ยช่วยหาคนมาทำสะพานไม้สักอัน บ้านเราสองคนก็จะได้กลายเป็เพื่อนบ้านกัน ต่อไปต้องได้ไปมาหาสู่กันอยู่แล้ว เ้าอย่าเกรงใจเลย ต้องร่วมด้วยช่วยกันอยู่แล้ว”
หลี่เจิ้งมีอำนาจและความน่าเชื่อถืออย่างมาก ไม่เพียงแต่จะทำหน้าที่ได้ดี กระทั่งภรรยาของเขาเองก็เป็คนที่จัดการทุกอย่างได้ดีเช่นกัน
ป้าหลี่เกลี้ยกล่อมอยู่ด้านข้าง “กุ้ยฮัว ป้าหวงพูดถูก จากที่ข้าดู เ้ายืมใช้ของนางไปก่อน ถึงอย่างไรก็แค่สองสามเดือน รอเครื่องใช้ของบ้านเ้าทำเสร็จเมื่อไร เ้ารู้สึกเกรงใจจริงๆ ก็ค่อยเชิญครอบครัวหลี่เจิ้งมากินข้าวและเลี้ยงเหล้าก็ได้”
ย่าหวงยิ้มและพูดว่า “นั่นสิ สะใภ้ช่างเหล็กหลี่พูดถูก ว่ากันว่าญาติห่างๆ ยังสู้เพื่อนบ้านไม่ได้เลย มีอะไรให้ลุงเ้าช่วยก็เพียงแค่กล่าวมา”
จางกุ้ยฮัวเห็นว่าท่านย่าหวงขอให้คนขนเครื่องใช้มาแล้ว จึงไม่อาจปฏิเสธ ขณะเดียวกันก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง หากว่าไปซื้อของสำเร็จรูปในตำบล แน่นอนว่าสามารถซื้อได้ แต่คงไม่ทนทานเท่ากับที่ทำเอง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถประหยัดเงินได้ไม่น้อย
“ท่านป้า อีกเดี๋ยวต้องรบกวนท่านขอบคุณท่านลุงด้วย บ้านเราต้องไปตัดไม้สนแก่ที่เชิงเขามา ท่านดูสิ ตอนนี้ในบ้านข้ากำลังยุ่ง เงินที่ซื้อไม้คงต้องผ่านไปอีกสักระยะจึงจะจ่ายได้”
จางกุ้ยฮัวมีเงินหลายร้อยตำลึงในมือ แต่ครอบครัวของนางเพิ่งย้ายออกมา ยังมีเื่ที่ต้องใช้จ่ายอีกมาก ยิ่งไปกว่านั้นครอบครัวนางยังต้องซื้อลูกไก่กับลูกหมู พอคำนวณแล้วเงินในมือคงไม่ค่อยพอใช้ ถึงอย่างไรก็ควรต้องเก็บไว้เผื่อด้วย
ท่านย่าหวงรู้สึกว่าจางกุ้ยฮัวเป็คนที่จัดแจงทุกอย่างได้ดี จึงตอบอย่างยิ้มแย้ม “วางใจเถิด ก่อนหน้านี้ลุงของเ้าคิดไว้อยู่แล้ว ถึงแม้เ้าไม่พูดเื่นี้ ข้าก็กำลังจะพูดอยู่ดี เขาบอกว่าไม้สนแก่หลังเชิงเขาให้พวกเ้าเลือกตัดได้เลย เพียงแต่ว่าฤดูใบไม้ผลิปีหน้าให้นำต้นกล้าไปปลูกคืน ส่วนค่าตัดต้นไม้ รอพวกเ้าพอคล่องตัวค่อยมาจ่ายก็ได้!”
ูเาด้านหลังเป็ของหมู่บ้าน ครอบครัวของหลิวซานกุ้ยต้องได้รับอนุญาตก่อนจึงจะตัดต้นไม้มาทำเครื่องใช้ในบ้านได้ เพียงแต่เงินค่าซื้อต้นไม้แต่ก่อนต้องจ่ายเพิ่มเอง
ป้าหลี่ยิ้มอยู่ด้านข้าง “กุ้ยฮัว ครอบครัวของเ้าทำบุญแล้วล่ะ หากว่าปีใดจ่ายส่วยน้อยลง ข้าก็จะได้ซื้อผ้ามาตัดชุดให้ลูกสาวได้อีกสักสองชุด”
เงินของหมู่บ้านจะต้องกระจายไปแต่ละครัวเรือน หากมีคนซื้อต้นไม้เพื่อทำเครื่องใช้ในบ้าน เงินจํานวนนี้จะถูกนำไปช่วยลดหย่อนเงินภาษีของแต่ละครอบครัวในหมู่บ้าน
ท่านย่าหวงก็มีความสุขเช่นกัน เท่านี้ชีวิตของพวกนางในหมู่บ้านสามสิบลี้ก็จะดีขึ้นเล็กน้อย นางอยากให้มีคนมาซื้อต้นไม้ทำเครื่องใช้ในบ้านทุกวัน
เมื่อโต๊ะตู้เตียงถูกวาง จากนั้นก็ทำความสะอาดบ้าน วันทั้งวันผ่านพ้นไป จางกุ้ยฮัวกล่าวขอบคุณป้าหลี่กับย่าหวง และเชิญทั้งสองร่วมทานอาหารด้วยกัน
เนื่องจากเครื่องใช้เก่าของบ้านย่าหวงมีไม่มาก มีเพียงเตียงหนึ่งอัน ตู้ที่สูงระดับเอวสองอัน และกล่องไม้สี่ห้าอัน
โชคดีที่สองพี่น้องยังตัวไม่โตนัก เมื่อนำกล่องไม้มาวางเรียงกันจึงกลายเป็เตียงขนาดเล็กแบบเรียบง่าย พวกนางนอนเบียดกันก็พอได้
ในตอนค่ำของวันรุ่งขึ้น หลิวต้าฟู่ก็หิ้วแม่ไก่หนึ่งตัวมาหา ก่อนจะชะเง้อมองเข้าไปในตัวบ้าน
แม้ว่าผนังภายในจะอยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่จางกุ้ยฮัวก็ทำความสะอาดลานบ้าน ส่วนแปลงผักริมแม่น้ำก็เก็บกวาดแล้ว รอเพียงอากาศอบอุ่นกว่านี้ก็สามารถหว่านเมล็ดพันธุ์ผักได้
หลิวต้าฟู่พยักหน้า มีทั้งลูกสะใภ้ที่มีความสามารถ และบุตรชายคนที่สามของเขาก็ไม่ี้เี ครอบครัวนี้คงไม่มีทางย่ำแย่นัก ไม่แน่ว่าอาจจะโชคดีและมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมก็ได้
มีที่นา มีบ้าน แล้วยังเลี้ยงไก่กับหมู ในหมู่บ้านสามสิบลี้นับว่ามีกินมีใช้แล้ว
“ท่านปู่ มาได้อย่างไร?” หลิวเต้าเซียงกำลังยกชามสีน้ำตาลออกมาหนึ่งชาม
หลิวต้าฟู่เหลือบมองข้างใน เป็เปลือกแตงกวาที่จางกุ้ยฮัวตากแห้งเมื่อปีที่แล้ว
เขารู้สึกมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าที่ตนเองไปช่วยสู่ขอลูกสะใภ้คนนี้ให้ลูกสามเป็เื่ที่ถูกต้องแล้ว
ชีวิตก็ต้องเป็เช่นนี้
คนี้เีใช้ชีวิตยากจน ส่วนคนขยันหมั่นเพียรย่อมมีชีวิตที่ดี
หลิวต้าฟู่เป็คนขยันหมั่นเพียร หรือถ้าพูดให้ถูกก็คือบรรพบุรุษของเขาไม่มีใครเกียจคร้าน
เขาชอบความขยันหมั่นเพียร นี่คือสาเหตุที่เขาต้องให้หลิวซานกุ้ยสู่ขอจางกุ้ยฮัวให้ได้
“อืม เต้าเซียง พ่อเ้าล่ะ!”
“พ่อกำลังช่วยคนส่งแผ่นหิน ท่านปู่มีธุระกับพ่อข้าหรือ ข้าจะไปเรียกพ่อเอง ท่านปู่ รีบเข้ามานั่งพักข้างในก่อน”
“ออๆ เ้ารอข้าพูดก่อน ข้าได้ยินว่า บ้านเ้าจะเลี้ยงแขกวันนี้ คิดว่าที่บ้านก็ไม่ได้มีอะไร จึงจับไก่มาให้เ้าหนึ่งตัว”
หลิวต้าฟู่ยื่นแม่ไก่ตัวอ้วนที่ถือไว้ให้หลิวเต้าเซียง
หลิวเต้าเซียงกะพริบตาปริบๆ แล้วจ้องเขม็งไปที่สะโพกไก่ สะโพกไก่นั้นห้อยลงข้างล่างจึงดีใจ ปู่แสนดีของนางจับไก่ที่วางไข่ได้มาหนึ่งตัว ไม่รู้ว่าย่าจอมโหดที่บ้านนั้นรู้เข้าจะพลิกหลังคาบ้านหรือไม่
“ท่านปู่ นี่จะรับไว้ได้อย่างไร! เหตุใดท่านปู่ไม่เก็บไว้บำรุงร่างกายเอง”
หลิวเต้าเซียงพูดไพเราะน่าฟัง แต่มือนั้นกลับคว้าไก่มาอย่างรวดเร็ว แล้วเรียกหลิวเต้าฟู่เข้าไปในบ้าน
“ท่านปู่ รีบเข้ามานั่งพักก่อน ข้าจะเอาไก่ไปให้ท่านแม่เชือด ท่านปู่อย่าเพิ่งรีบไปไหน อีกเดี่ยวท่านปู่หลี่เจิ้งกับท่านย่าหวงจะมากินข้าวที่นี่ ท่านปู่อยู่กินข้าวด้วยกันก่อน จะได้ดื่มเป็เพื่อนท่านปู่หลี่เจิ้งด้วย”
นางไม่รอให้หลิวต้าฟู่ได้ปฏิเสธ จึงรีบพูดต่อ “เครื่องใช้ในบ้านของเราก็ได้ท่านปู่หลี่เจิ้งใจดีให้ยืม ท่านพ่อบอกว่า ถึงอย่างไรก็ควรเลี้ยงเหล้าท่านปู่หลี่เจิ้งสักครา”
หลิวต้าฟู่มองไปที่หลิวเต้าเซียงอย่างไม่เข้าใจ “พวกเ้าย้ายของออกมาแล้วไม่ใช่หรือ?”
เหตุใดจึงต้องยืมเครื่องใช้ในบ้านจากเพื่อนบ้านอีก?
“ท่านปู่ แต่ก่อนบ้านข้านอนบนคั่ง” หลิวเต้าเซียงเศร้าเล็กน้อย
ในอดีต คนตระกูลหลิวทั้งหมดต่างก็นอนบนเตียงไม้ มีเพียงบ้านนางที่นอนบนคั่งที่ก่อด้วยอิฐ
ติ่งหูของหลิวต้าฟู่นั้นร้อนผ่าวเล็กน้อย รู้สึกว่าขาเก้าอี้ไม่ได้วางอย่างมั่นคง นั่งอย่างไรก็ไม่สบายตัว เขาขยับตัวเล็กน้อย จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
หลิวเต้าเซียงดูออกถึงความไม่เป็ตัวเองของเขา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน เพราะถึงที่สุดแล้ว การพูดคุยเื่เหล่านี้ก็ไม่มีประโยชน์อันใด
นางเห็นหลิวต้าฟู่ไม่พูดไม่จา จึงนำไก่ไปให้จางกุ้ยฮัว “ท่านแม่ รีบเชือดไก่ตัวนี้เร็ว จะได้เอามาต้อนรับแขกตอนค่ำ”
จางกุ้ยฮัวมองด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจ “เ้าเอามาจากไหน?”
“ไม่ได้ขโมยหรอกน่า”
จางกุ้ยฮัวยิ้มและเอื้อมมือไปตบหลังบุตรสาวและดุว่า “เ้าลิงน้อยนี่ ไม่พูดภาษาคนแล้วหรือ แม่เริ่มไม่เชื่อเ้าแล้วนะ”
“ท่านปู่ส่งมาให้ ดังนั้นท่านแม่รีบเชือดเร็วเข้า!”
หลิวเต้าเซียงกลัวค่ำคืนที่ยาวนานจะกลายเป็ความฝัน เกิดหลิวฉีซื่อรู้ว่าไก่ของตนหายไปเล่า?
ดังนั้น ทางที่ดีคือกินเข้าไปในท้องจะปลอดภัยที่สุด
จางกุ้ยฮัวยิ้ม เอื้อมมือออกไปและจิ้มหน้าผากนางเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยความเอ็นดู “แม่รู้แล้ว จะเก็บน่องไก่ไว้ให้เ้ากับพี่สาวกิน”
“ไม่ต้อง สับแล้วผัดกินเถิด จะเข้าเนื้อมากกว่า ลำพังกินน่องไก่อันใหญ่ เครื่องปรุงไม่ถึงเนื้อ เวลากินมักไม่มีรสชาติ”
หลิวเต้าเซียงปฏิเสธข้อเสนอของจางกุ้ยฮัว แล้วเร่งให้นางไปเชือดไก่ “ท่านแม่ ข้าจะไปเรียกท่านพ่อที่ด้านหลัง ท่านปู่ยังรออยู่”
จางกุ้ยฮัวโบกมือให้แล้วหันหลังนำไก่และหัวผักกาดเดินไปครัวด้านนอก บุตรสาวพูดถูกต้อง ลงมือก่อนได้เปรียบ เมื่อกินเข้าไปในท้อง แม่สามีก็คงไม่อาจบอกให้ครอบครัวของนางคายออกมาได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือพ่อสามีเป็คนนำมาให้เอง แล้วยังไว้ใช้ต้อนรับหลี่เจิ้งอีกด้วย
เมื่อนึกภาพว่าหลิวฉีซื่อคงหน้าเขียวปั๊ด แต่ก็ระบายความโมโหออกมาไม่ได้ ได้แต่อัดอั้นอยู่ข้างใน เพียงแค่คิดนางก็มีความสุขแล้ว
ไม่นานนักหลี่เจิ้งก็มาถึง คนที่มาพร้อมกันมีย่าหวงและหวงเสียวหู่ เมื่อเห็นหลิวต้าฟู่นั่งอยู่ที่นี่ด้วยจึงเกิดความแปลกใจ ความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นไม่เลว ย่อมสามารถนั่งพูดคุยกันได้
ไม่รู้ว่าหลิวฉีซื่อรู้หรือยังว่าแม่ไก่ตัวใหญ่หายไปหนึ่งตัว แต่ถึงอย่างไรบ้านของหลิวซานกุ้ยก็คึกคักเป็พิเศษ ทุกคนเลี้ยงฉลองกันจนดึกดื่นและแยกย้ายกันกลับบ้าน
จางกุ้ยฮัวและบุตรสาวสองคนกําลังเก็บโต๊ะ ส่วนหลิวซานกุ้ยนั่งนวดขมับด้วยความมึนเมา
“บอกเ้าว่าให้ดื่มน้อยหน่อย เ้าก็ไม่ฟัง ตอนนี้ทรมานแล้วสินะ” จางกุ้ยฮัวเอ่ย
“เอาน่า พวกผู้หญิงอย่างเ้าไม่เข้าใจหรอก หลี่เจิ้งให้เกียรติบ้านเรา จึงยอมไปมาหาสู่กับเรา เราก็ต้องให้เกียรติเขา อีกอย่างบ้านเรามีเื่อะไรก็ต้องคอยพึ่งหลี่เจิ้งตลอด”
หลิวซานกุ้ยกล่าวเสริมว่า “วันนี้เ้าเองก็เห็น พวกเรามัวแต่ย้ายบ้าน แต่กลับลืมเื่ของใช้ในบ้าน หลี่เจิ้งไม่พูดให้มากความและขนของมาให้เราเอง นั่นเท่ากับให้เกียรติบ้านเรา ไม่ว่าอย่างไรเราก็ต้องรับน้ำใจของเขาไว้”
หลิวเต้าเซียงเองก็รู้สึกว่าหลิวซานกุ้ยพูดถูก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มนุษย์ก็เป็สัตว์สังคมและไม่สามารถหลุดพ้นจากการติดต่อสื่อสารกันได้
“ท่านแม่ หลี่เจิ้งต้องดูแลหมู่บ้านใหญ่ๆ หลายแห่ง จะว่าไปเขาจัดการเื่ราวได้ดีจริงๆ ท่านพี่ เราต้องฝึกเรียนรู้ไว้นะ”
“เด็กจอมซน ดูสิเ้าแย่งแม่พูดจนหมด เหตุใดข้าจึงมีลูกสาวที่หมดห่วงได้เช่นนี้นะ!” จางกุ้ยฮัวพูดออกมาล้วนเป็เพราะความปลื้มใจ
“นั่นไม่ดีหรือ ท่านดูสิ ข้ากับพี่สาวขยันหมั่นเพียร ขอเพียงตั้งใจทำงาน บ้านเราจะไม่ย่ำแย่แน่นอน แล้วก็ ท่านพ่อ วันนี้ท่านย่าหวงบอกว่าให้ท่านพ่อไปเลือกตัดไม้สนดีๆ ที่หลังเขาเอามาทำเครื่องใช้ในบ้านได้เลย”
วันนี้ที่บ้านค่อนข้างยุ่ง ทั้งสามแม่ลูกจึงเกือบลืมเื่นี้ไป
จางกุ้ยฮัวเอื้อมมือไปลูบหน้าผากของนางและพูดว่า “โอ้ ดีที่ลูกพูดขึ้นมา แม่เกือบลืมแล้วจริงๆ มัวแต่ดีใจว่าเรามีบ้านเป็ของตัวเองสักที”
ยิ่งไปกว่านั้นคือ ในที่สุดก็ไม่ต้องเผชิญหน้ากับใบหน้าบึ้งตึงของหลิวฉีซื่ออีก
“ข้าเองก็ลืมไป หลายวันมานี้มีเื่ราวมากมาย จึงนึกไม่ได้”
หลิวซานกุ้ยโกรธจนลืม เพราะมัวแต่นึกถึงความโกรธแค้นต่อมารดา
หลิวเต้าเซียงมีไหวพริบ นางโยนไม้กวาดแล้วะโโหยงเหยงไปข้างๆ บิดา แล้วเอ่ยอ้อนวอน “ท่านพ่อ เราจะทำเครื่องใช้ในบ้านใหม่หรือ? ข้ากับท่านพี่ขอเตียงไม้สวยๆ นะ แล้วก็ข้าอยากได้ตู้เสื้อผ้าอันใหญ่ แล้วก็โต๊ะเครื่องแป้งอันใหญ่ด้วย”
-----
