เขาหลิงอวิ๋นอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองเฮยอวิ๋นเขาหลิงอวิ๋นที่ถูกเรียกว่าเป็ูเาลูกหนึ่งแท้จริงแล้วเกิดจากูเาขนาดสูงต่ำไม่เท่ากันหลายลูกประกอบเข้าด้วยกัน
ูเาหลักของเขาหลิงอวิ๋นมีความสูงหลายพันเมตรสูงตระหง่านทะลุเข้าไปในชั้นเมฆ ปราณิญญาโอบล้อมลอยวนเป็เกลียว
ูเาลูกเล็กๆ รอบด้านเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับเขาหลิงอวิ๋นแล้วมองดูเตี้ยต่ำกว่ากันมากนัก
เนื่องจากปราณิญญารอบด้านเขาหลิงอวิ๋นที่ลอยเกลื่อนทำให้เทือกเขาเ่าั้ล้วนมีลักษณะแตกต่างกันออกไป
บางยอดเขาก็ถูกคนของสำนักหลิงอวิ๋นนำพืชวิเศษมากมายมาปลูกเอาไว้โดยมีลูกศิษย์สำนักหลิงอวิ๋นคอยเฝ้าดูแล
และบางยอดเขาก็มีวัตถุวิเศษระดับสูงอยู่เกลื่อนกลาด ยอดเขาประเภทนี้ต่างก็มีลูกศิษย์สำนักหลิงอวิ๋นมาทำหน้าที่เก็บเอาไปเช่นกัน
ยอดเขาที่ตระกูลเนี่ยใช้ขุดหินเมฆอัคคีอันที่จริงแล้วอยู่บนูเาที่ไม่สะดุดตามากที่สุดในบรรดาูเาเล็กูเาน้อยรอบเขาหลิงอวิ๋น
เนี่ยเทียนและเนี่ยเฉี่ยนมาถึงยอดเขาที่คนตระกูลเนี่ยใช้ขุดหินเมฆอัคคีก็เป็เวลาบ่ายแล้ว
“คุณหนูใหญ่ตอนนี้ยังไม่ถึง่ที่ตรวจนับหินเมฆอัคคีอีกครั้งทำไมอยู่ๆ ท่านถึงได้มาเยือนกะทันหันเล่าขอรับ?”เนี่ยเสียงผู้ดูแลเหมืองแร่ของตระกูลเนี่ยมองเนี่ยเฉี่ยนที่พาเด็กคนหนึ่งมาด้วยอย่างสงสัยใคร่รู้ในใจเกิดความสงสัยมากมาย
“รอบนี้ข้าไม่ได้มาเพื่อตรวจนับหินเมฆอัคคีแต่ข้าพาหลานชายของข้ามาหาประสบการณ์จากเหมืองแร่แห่งนี้” เนี่ยเฉี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ
“มาหาประสบการณ์ในเหมืองแร่หรือขอรับ?” เนี่ยเสียงตะลึงงันยิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่
เพราะในเหมืองแห่งนี้ไม่ปลอดภัย ดังนั้นแต่ไหนแต่ไรมาจึงมีเพียงเด็กตระกูลเนี่ยที่ทำความผิดใหญ่หลวงเท่านั้นถึงจะถูกส่งตัวมาที่นี่
เนี่ยเฉี่ยนกลับพาเนี่ยเทียนมาด้วย แล้วบอกว่า้าให้เขาหาประสบการณ์ นี่จึงทำให้เนี่ยเสียงไม่เข้าใจอย่างยิ่ง
เนี่ยเฉี่ยนไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก หลังจากทักทายกับเนี่ยเสียงแล้วจึงดึงตัวเนี่ยเทียนเดินตรงเข้าไปในเหมือง
“คุณหนูใหญ่เด็กคนนี้... ยังเล็กนักหากเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นในเหมือง ข้ารับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะขอรับ” เนี่ยเสียงรีบพูด
“อืม หากเกิดเื่อะไรขึ้นจริงข้าจะเป็คนรับผิดชอบเอง”เนี่ยเฉี่ยนกล่าว
ได้ยินนางพูดเช่นนี้เนี่ยเสียงจึงไม่พูดให้มากความอีก ปล่อยให้เนี่ยเฉี่ยนพาเนี่ยเทียนเดินลึกเข้าไปในเหมือง
เมื่อมาอยู่ในเหมือง เนี่ยเทียนก็เหลียวซ้ายแลขวาด้วยความสงสัยใคร่รู้ “หินเมฆอัคคีอยู่ที่นี่หรือขอรับ?”
“อยู่ลึกเข้าไปอีก” เนี่ยเฉี่ยนสูดลมหายใจหนึ่งครั้งดวงตาฉายแววกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด “จำเอาไว้นะว่าต้องเชื่อฟังคำพูดของข้าต้องคอยเดินตามข้าตลอดเพราะการขุดแร่ที่มากเกินพอดีทำให้มีหลายแห่งในเหมืองกลวงโบ๋บางครั้งหากแผ่นดินไหวมันจึงถล่มลงมาทันทีข้ารู้ว่าที่แบบไหนถึงจะปลอดภัยที่แบบไหนมีอันตรายเ้าห้ามเดินแยกไปจากข้าเด็ดขาด”
เนี่ยเทียนเงยหน้ามองหินแท่งแต่ละก้อนที่ห้อยย้อยอยู่บนผนังถ้ำห่างจากศีรษะเขาไปห้าหกเมตรรีบพยักหน้าตอบรับ
ก้อนหินเ่าั้คงหนักหลายพันจิน[1] หากร่วงลงมาจริงๆเกรงว่าเขาคงกลายเป็ขนมเปี๊ยะใส้เนื้อได้ในพริบตา
“ตามข้ามา”
เนี่ยเฉี่ยนจับแขนของเขาไว้แน่นพาเขาเดินเข้าไปตามทางเดินหินมืดมิดที่ทอดยาวออกไป
เนี่ยเทียนมองซ้ายมองขวาด้วยความอยากรู้อยากเห็นไปตลอดทางเดินตามไปอย่างเงียบๆ ทั้งระวังตัวและรอบคอบอย่างเห็นได้ชัด
“สวัสดีขอรับคุณหนูใหญ่ท่านมาได้อย่างไรขอรับ?”
“คุณหนูใหญ่ระวังนะขอรับในนี้ไม่ปลอดภัยวันก่อนเพิ่งจะถล่มลงมารอบหนึ่ง”
“คารวะคุณหนูใหญ่”
ระหว่างทางคนในตระกูลเนี่ยที่เป็ญาติทางอ้อมมากมายรวมไปถึงเหล่ากรรมกรที่คนตระกูลเนี่ยจ้างมาพอมองเห็นเนี่ยเฉี่ยนต่างก็พากันทักทายอย่างเคารพนบนอบ
เนี่ยเฉี่ยนพยักหน้าและยิ้มส่งไปให้กับทุกคนกำชับให้พวกเขาระมัดระวังกันให้มากห้ามให้เกิดอุบัติเหตุเด็ดขาด
เนี่ยเทียนมองออกว่าพวกคนที่ขุดหินเมฆอัคคีในเหมืองเหล่านี้ต่างก็เคารพยำเกรงเนี่ยเฉี่ยนจากใจจริง
“คนที่มาขุดหินเมฆอัคคีในเหมืองต่างก็เป็คนที่มีชะตารันทดพวกเขาทุกคนที่เข้ามาต่างก็รู้ว่าตัวเองจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งใด” ขณะที่ไม่มีคนอื่นอยู่เนี่ยเฉี่ยนก็ถอนหายใจเบาๆ หนึ่งครั้งแล้วกล่าวว่า “เสี่ยวเทียนหากเ้าไม่ถูกสำนักหลิงอวิ๋นรับไว้เป็ศิษย์รอเ้าอายุเกินสิบห้าเมื่อไหร่ก็อาจจะถูกท่านปู่รองของเ้าส่งตัวมาขุดหินเมฆอัคคีที่นี่ก็ได้”
“ไม่ใช่ว่ามีเพียงญาติทางอ้อมของตระกูลเนี่ยเท่านั้นหรอกหรือที่จะถูกส่งตัวมาที่นี่?” เนี่ยเทียนถามด้วยความสงสัย
“เมื่อก่อนเป็อย่างนี้ก็จริง แต่ภายหลังอะไรก็ไม่แน่นอนหรอก” เนี่ยเฉี่ยนส่ายหัวกล่าวด้วยสีหน้ามืดมน “อัตราการตายของคนในเหมืองแห่งนี้มีสูงมากทุกระยะห่าง่หนึ่งจะต้องมีคนตายอยู่ที่นี่และภารกิจหลักของตระกูลเนี่ยแท้จริงแล้วก็คือช่วยสำนักหลิงอวิ๋นขุดหินเมฆอัคคีงานอื่นๆ ของตระกูลล้วนไม่สำคัญเท่างานนี้”
“หลายปีมานี้เนื่องจากหินเมฆอัคคีรอบนอกถูกขุดเอาไปจนเกลี้ยงจึงทำได้เพียงขุดค้นเข้ามาในจุดที่ลึกมากขึ้นดังนั้นความอันตรายจึงมากตามไปด้วย”
“ผู้าุโที่เป็ญาติสายอ้อมเ่าั้ต่างก็ครุ่นคิดหาวิธีที่จะไม่ให้ลูกหลานต้องมาอยู่ที่เหมือง”
“ทว่าที่นี่ต่างหากถึงจะเป็รากฐานของตระกูลเนี่ยทุกคนล้วนกลัวตาย พวกกรรมกรเ่าั้ที่ตระกูลเนี่ยจ้างมาหากไม่มีคนของตระกูลคอยเฝ้าพวกเขาก็ไม่ยินดีที่จะเข้ามาขุดในจุดลึกๆ เช่นนี้ แต่ทุกปีพวกเราต้องส่งมอบหินเมฆอัคคีให้สำนักหลิงอวิ๋นในปริมาณที่มากพอ หากปีไหนน้อยไปจากข้อกำหนดสำนักหลิงอวิ๋นก็อาจจะไม่ให้ความสำคัญกับตระกูลเนี่ยอีก”
“ขาดการปกป้องคุ้มครองจากสำนักหลิงอวิ๋นตระกูลเนี่ยของพวกเราเมื่ออยู่ในเมืองเฮยอวิ๋นก็ยากที่จะตั้งตัวขึ้นมาได้”
“ด้วยเหตุนี้งานเหมืองแร่จึงเป็สิ่งที่สำคัญมากสำหรับตระกูล ไม่ว่าเวลาใดก็ตามในเหมืองต้องมีคนในตระกูลคอยเฝ้าอยู่เสมอ ตอนนี้ท่านปู่รองของเ้าเป็คนดูแลตระกูล เขาเองก็พูดเหมือนกันว่าจะทำการเปลี่ยนแปลง ต่อไปคนในตระกูลที่เป็ญาติสายตรงก็ต้องถูกส่งตัวมาที่นี่เหมือนกัน”
พูดมาถึงตรงนี้เนี่ยเฉี่ยนก็หยุดไปครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวต่อด้วยความหมายลึกล้ำ “เพราะท่านตาของเ้าสูญเสียอำนาจในตระกูลไป ตอนที่เขายังไม่ได้ลงจากตำแหน่งข้าก็เริ่มมาที่เหมืองแร่แห่งนี้บ่อยๆ แล้ว ตอนนี้อำนาจของพวกเรายิ่งอ่อนแอลงหากเ้าไม่ได้กลายเป็ลูกศิษย์ของสำนักหลิงอวิ๋นวันหน้าย่อมหนีไม่พ้นต้องถูกส่งตัวมาอยู่ที่นี่แน่นอน”
เนี่ยเทียนก้มหน้าตั้งใจครุ่นคิดจากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ “ข้าเข้าใจแล้ว”
“ไปกันเถอะ” เนี่ยเฉี่ยนพาเดินเข้าไปต่อ
ผ่านไปอีกครู่หนึ่งเนี่ยเทียนพบว่าทางหินที่ทอดยาวไปกลางูเายิ่งแคบลงเรื่อยๆ ระยะห่างระหว่างศีรษะกับผนังหิน้าก็เขยิบสั้นลง
เขาสังเกตเห็นด้วยว่ากรรมกรที่พบเจอระหว่างทางมีจำนวนน้อยลงแต่ละคนรูปร่างผอมแห้งราวกับไม้ฟืนสีหน้าไร้ซึ่งชีวิตชีวา
“คุณหนูใหญ่ด้านหน้าอันตรายทางที่ดีท่านอย่าเดินหน้าต่อดีกว่าขอรับ” ชายวัยกลางคนร่างกายผอมดำคนหนึ่งพลันโผล่ออกมาจากหัวเลี้ยวของทางอีกฝั่งกล่าวเตือนด้วยความหวังดีว่า“เหมืองหมายเลขเจ็ดสิบสามเมื่อแปดวันก่อนเพิ่งถล่มลงมาหนึ่งครั้ง คนตายไปสองคนพวกเราเพิ่งจะเก็บกวาดเสร็จขอรับ”
เนี่ยเฉี่ยนชะงักฝีเท้าสีหน้าของนางเคร่งเครียดลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็กล่าวว่า “ขอบใจเ้าที่เตือน ข้าจะเข้าไปดูเสียหน่อยแปบเดียวเดี๋ยวข้าก็กลับออกมาแล้ว”
“ถ้าเช่นนั้นท่านต้องระวังให้มากข้า... ไม่ไปเป็เพื่อนแล้วขอรับ” ชายผู้นั้นกล่าวด้วยความหวาดกลัว
“อ้อ เ้าไปทำงานของเ้าเถอะ” เนี่ยเฉี่ยนพยักหน้าชายผอมดำผู้นั้นพริบตาเดียวก็หายวับไปไม่เห็นแม้แต่เงา
“ยิ่งเข้าไปด้านในอัตราการตายก็ยิ่งสูงขึ้น ดังนั้นคนงานที่อยู่ในนี้แต่ละคนจึงมีสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าภัยพิบัติจะมาเยือนตนเองวันใด” เนี่ยเฉี่ยนเงียบไปครู่หนึ่งก็พูดอีกว่า “พวกเขาล้วนเป็คนที่มีชะตายากลำบากของเมืองเฮยอวิ๋นเพื่อลูกเพื่อเมียที่รออยู่ในเมือง ถึงได้ยอมเสี่ยงภัยมาที่นี่”
“ผู้ฝึกลมปราณของสำนักหลิงอวิ๋นที่ความสามารถสูงมากหากพวกเขาคิดจะมาที่นี่ ต่อให้เหมืองพังถล่มลงก็คงไม่เป็ไรกระมัง?” เนี่ยเทียนถาม
“ฝึกถึงขอบเขตกลาง์ก็สามารถลอดทะลุร่างอยู่ในเหมืองได้แล้วไม่มีทางกลัวการถล่มของเหมืองอย่างแน่นอน” เนี่ยเฉี่ยนพยักหน้าเบาๆ แต่ก็พูดขึ้นมาอีกทันทีว่า “แต่ผู้ฝึกลมปราณที่บรรลุถึงขอบเขตกลาง์ได้มีหรือจะยอมเสียเวลามาที่นี่เพื่อหินเมฆอัคคีซึ่งเป็ของระดับสี่ขั้นต่ำเช่นนี้?”
“พวกผู้ฝึกลมปราณที่แข็งแกร่งช่างใจดำเสียจริง!”
“ในสายตาของพวกเขาคนตระกูลเนี่ยไม่มีค่าอันใด มีคนตายไปแค่นิดหน่อยพวกเขาไม่คิดจะเก็บไปใส่ใจหรอกนะ นับประสาอะไรกับคนธรรมดาที่ถูกตระกูลเนี่ยจ้างมาเหล่านี้เล่า?”
“ผู้ฝึกลมปราณที่แท้จริงเดิมก็เป็ผู้สูงส่งอยู่เหนือผู้ใดอยู่แล้ว ตระกูลธรรมดาอย่างตระกูลเนี่ยของพวกเราทำได้เพียงรับใช้พวกเขาเท่านั้น”
“เช่นเดียวกัน คนธรรมดาเ่าั้ของเมืองเฮยอวิ๋นก็รับใช้ตระกูลเนี่ยของพวกเราอีกที”
“บนโลกใบนี้เดิมทีก็เหี้ยมโหดอยู่แล้ว เ้าและข้าล้วนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้คิดจะอยู่สูงส่งเหนือล้ำผู้อื่นไม่ต้องคอยเป็ทาสรับใช้พวกเขา ไม่ให้พวกเขายึดกุมความเป็ความตายของเรา มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น”
“นั่นก็คือกลายเป็หนึ่งในพวกเขา!”
เนี่ยเฉี่ยนกล่าวสั่งสอน
เนี่ยเทียนสีหน้าเคร่งขรึมพยักหน้าแรงๆ “ข้าจะต้องกลายเป็ผู้ฝึกลมปราณที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน!”
“ไปเหมืองหมายเลขเจ็ดสิบสามกันเถอะ!” เนี่ยเฉี่ยนเองก็ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวเช่นกัน
ไม่นานนักภายใต้การนำของเนี่ยเฉี่ยนในที่สุดพวกเขาก็มาปรากฏตัวอยู่ในเหมืองขนาดั์แห่งหนึ่ง
เพิ่งเข้ามาถึงเขาก็สังเกตเห็นว่าบนผนังหินรอบด้านมีประกายแสงระยิบระยับสีแดงเต็มไปหมด
“หินเมฆอัคคี!” เนี่ยเทียนฮึกเหิม
“ที่แห่งนี้อันตรายยิ่งนัก อย่ามัวเสียเวลา รีบลองใช้กระดูกสัตว์ชิ้นนั้นมาดูดเอาพลังเปลวเพลิงจากหินเมฆอัคคีที่ยังไม่ถูกขุดออกมาพวกนี้เถอะ! ทางที่ดีที่สุดพวกเราไม่ควรอยู่นานนักหากเืสดหยดนั้นในกระดูกสัตว์รวมตัวกันสำเร็จก็ออกไปทันทีหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาตามมา!” เนี่ยเฉี่ยนเอ่ยเร่งเสียงดัง
“ได้ขอรับ!”เนี่ยเทียนจึงลงมือทันที
------
[1] จิน(斤)คือหน่วยวัดของจีนหนึ่งจินเท่ากับครึ่งกิโลกรัม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้