เมิ่งอู่ขนแผ่นไม้แผ่นหนึ่งเข้ามา แล้วย้ายอินเหิงไปไว้บนนั้น จากนั้นก็หาผ้าผืนหนึ่งมากั้นเป็ม่านกลางห้อง เพื่อแยกนางเซี่ยออกจากอินเหิง
นางเซี่ยไม่เคยเห็นเมิ่งอู่ตัดสินใจและจัดแจงเช่นนี้มาก่อน รอจนนางตอบสนองและประสงค์จะห้ามปราม เมิ่งอู่ก็จัดการทุกอย่างอย่างเหมาะสมแล้ว
เมิ่งอู่เดินไปจับชีพจรให้มารดา ปรากฏว่าอาการไข้หนาวสั่นของนางเซี่ยร้ายแรงมาก ซ้ำยังเป็โรคเรื้อรังที่รุมเร้ามานานหลายปี
แต่เดิมเมิ่งอู่เคยขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร หลังเจ็บป่วยยาวนานจนกลายเป็หมอเองก็พอรู้วิธีรักษาอยู่บ้าง แต่เทียบไม่ได้กับเมิ่งอู่ในยามนี้ที่เชี่ยวชาญกว่ามาก
วันนี้ท่านย่าส่งยาต้มมาให้ โดยบอกว่าเป็ยารักษานางเซี่ย
ถ้วยยาที่นางเซี่ยดื่มเมื่อเช้ายังวางอยู่ที่นั่น เมิ่งอู่ถือโอกาสหยิบถ้วยเปล่าที่หัวเตียงขึ้นมาดมๆ สีหน้าเปลี่ยนเป็เ็า
มิน่าเล่าอาการป่วยของนางเซี่ยจึงไม่ทุเลาสักที คาดไม่ถึงว่ามีการเติมสมุนไพรเย็นลงในยานี้
เดิมนางเซี่ยทุกข์ทรมานจากไข้หนาวสั่น ยิ่งกินยานี้เข้าไปก็ไม่ต่างอันใดกับยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้าๆ ไม่ช้าก็เร็วน้ำมันตะเกียงคงเหือดแห้ง [1]!
ยายเฒ่าผู้นี้ฟั่นเฟือนยิ่งนัก!
เมิ่งอู่กล่าว “ท่านแม่นอนพักผ่อนก่อนสักครู่ ข้าจะไปหายามาให้”
ไม่เพียงมารดาของนางที่้ายา บุรุษหนุ่มที่นางพากลับมาด้วยผู้นั้นก็จำเป็ต้องได้รับยารักษาโดยเร็วเท่าที่จะเป็ไปได้เช่นกัน
ก่อนออกจากประตู เมิ่งอู่นึกบางอย่างได้ จึงเดินกลับเข้ามา แล้วตรงไปที่ถังน้ำเพื่อส่องดูใบหน้าของตนเองเหนือผิวน้ำ
เห็นภาพเด็กสาวที่สะท้อนบนผิวน้ำผอมแห้ง แต่ดวงหน้ายังจัดว่างดงามสะดุดตาควรค่าแก่การมองซ้ำ ดวงตาคู่หนึ่งทั้งดำทั้งใสกระจ่าง
เมิ่งอู่โล่งใจ ขอเพียงไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ก็พอ มิเช่นนั้นคงหัวใจวายตายยามส่องคันฉ่อง
นางออกจากประตูก็ขัดดาลประตูลานเรือน จากนั้นจึงขึ้นเขาที่นางเคยไปเป็ประจำเพื่อค้นหาสมุนไพรยาที่ใช้รักษาไข้หนาวสั่นและาแ
นางเร่งรีบแข่งกับเวลา จึงพยายามจัดการกับสมุนไพรธรรมดาที่หาได้ง่ายก่อน
ภายในลานเรือนอบอวลไปด้วยกลิ่นยาเข้มข้น เมิ่งอู่ไม่หยุดพักแม้เพียงครู่ ต้มยาให้ทั้งนางเซี่ยและอินเหิงไปพลาง ตำสมุนไพรที่ใช้รักษาาแภายนอกเตรียมไว้ใช้ภายหลังไปพลาง
เสื้อผ้าเปื้อนเืของอินเหิงสวมใส่ไม่ได้อีกต่อไป นางจำต้องถอดให้เขาก่อน จึงจะจัดการาแให้เขาได้
เพียงแต่อินเหิงยังไม่ทันแสดงความเห็นใด นางเซี่ยก็ไอโขลกๆ จนแทบหายใจไม่ออกเสียก่อน “อาอู่ กระทำเช่นนั้นไม่ได้ เขา… เขาเป็บุรุษ!”
เมิ่งอู่กะพริบตาปริบๆ พลางกล่าว “เช่นนั้นจะทำเช่นไร ในเมื่อพาคนกลับมาแล้ว จะเบิกตามองดูเขาตายเช่นนั้นหรือเ้าคะ”
อินเหิงเอ่ย “ฮูหยิน แท้จริงแล้วข้ามิได้รังเกียจ”
นางเซี่ย “ข้า ข้ามิได้พูดถึงเ้า! วันนี้ถ้าอาอู่แตะต้องเ้า ภายภาคหน้านางจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด!”
เมิ่งอู่คิดในใจ หากมีเื่ดีๆ เช่นนี้ นางย่อมปีติยินดียิ่ง ทั้งมองทั้งัั คนที่เสียเปรียบย่อมมิใช่นาง
แต่มารดาของนางกลับเป็สตรีที่เคร่งครัดในระเบียบแบบแผน
อินเหิงเหลือบมองเมิ่งอู่ด้วยั์ตาสีอ่อน แม้เขาเป็คนนอกแต่ก็คิดจะเรียกนางว่า “อาอู่” จากนั้นเขาก็เรียก “อาอู่บอกว่าจะให้ข้าเป็เ้าบ่าวเด็กของนาง”
ได้ยินน้ำเสียงที่ใกล้ชิดสนิทสนมเยี่ยงนี้ ทันใดนั้นนางเซี่ยที่อยู่อีกด้านหนึ่งของม่านก็โมโหจัดจนแทบสิ้นสติ “อาอู่!”
เมิ่งอู่รีบบิดเนื้อตัวของอินเหิงทีหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงครางอึดอัดของเขา ก็รีบปลอบนางเซี่ยอย่างไวว่า “ท่านแม่อย่าตื่นเต้นไปก่อน ค่อยหารือเื่เ่าั้กันภายหลัง ยามนี้การช่วยชีวิตคนสำคัญที่สุดเ้าค่ะ”
ความจริงแล้วยามเมิ่งอู่ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของอินเหิง ก็เห็นาแตามร่างกายของเขา มิต้องกล่าวถึงเื่ฉวยโอกาสเอาเปรียบ แม้แต่มองดูด้วยสองตายังน่าสยดสยอง
าแส่วนใหญ่เืหยุดไหลแล้ว แต่จำเป็ต้องทำความสะอาดอย่างละเอียด มิเช่นนั้นจะมีโอกาสติดเชื้อสูงภายใต้สภาวะเหล่านี้
ปล่อยให้น้ำที่ต้มจนเดือดบนเตาเย็นลง ค่อยต้มยาในหม้อเพื่อใช้ล้างาแให้เขาโดยเฉพาะ
เมิ่งอู่ทำความสะอาดาแตามตัวให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างอดทน ไม่ปล่อยผ่านแม้แต่แผลเดียวไม่ว่าจะเป็แผลใหญ่หรือแผลเล็ก
บนร่างกายของเขามีแผลลึกมากอยู่สองแห่ง นางยังต้องเย็บแผลให้ด้วยเข็มและด้าย
ระหว่างกระบวนการทั้งหมดนั้นอินเหิงแทบไม่ส่งเสียง คนก็วิงเวียน สีหน้าซีดเผือดเกือบจะโปร่งใส
เมิ่งอู่ชวนเขาคุยเป็ระยะๆ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเขา
อินเหิงลืมตาเล็กน้อย รูม่านตาสีอ่อนทั้งคู่มองเห็นเมิ่งอู่รางๆ ราวกับเหลือเพียงประกายแสงนี้เท่านั้น
ท่วงท่าของนางคล่องแคล่วว่องไวเป็ระเบียบเรียบร้อย สีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง แต่กลับเคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยน
นางอดทนยิ่งยวด ไม่รู้ตัวเลยว่าบนหน้าผากของนางมีเหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายเต็มไปหมด จนกระทั่งแผลสุดท้ายได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม จากนั้นก็พอกยาสมุนไพรตามตัวให้เขา เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปสองชั่วยาม [2] แล้ว
เมิ่งอู่ลุกขึ้น ยกหม้อยาที่ต้มไว้มาเทใส่ชาม ก่อนยกเข้าไปในห้องให้อินเหิงดื่ม
ทว่าดูเหมือนอินเหิงจะหมดสติลึกอย่างสิ้นเชิง ไม่รู้วิธีอ้าปากแล้วกลืน
ก่อนหน้านี้แม้นอนอยู่ในทุ่งข้าวฟ่างนานขนาดนั้น เขาก็ยังมีสติ แต่บัดนี้คงเพราะเห็นเมิ่งอู่ช่วยทำแผลให้เขาอย่างเอาใจใส่และอดทนยิ่ง สุดท้ายก็ทนไม่ไหว หลับไปอย่างสงบ
เมิ่งอู่จะทำอย่างไรได้เล่า นางจิบยาด้วยตนเองหนึ่งอึก จากนั้นก็ทำเหมือนที่ผ่านมา บีบคางเขา ก่อนก้มหน้าลงไปป้อนยาให้เขา
แม้ตรงกลางมีม่านขวางกั้น แต่นางเซี่ยกลับมีััที่หกของสตรีแรงกล้า ทันใดนั้นก็ถามอย่างคนที่มีความรู้สึกไว “อาอู่ เ้ากำลังทำอันใด?”
คำพูดที่ดังขึ้นกะทันหัน ทำเอาเมิ่งอู่เกือบสำลักยา
นางอมยาไว้เต็มปาก ยืนกรานจะป้อนยาให้อินเหิงจนหมด ก่อนกล่าวอย่างคลุมเครือ “เอ่อ ข้ากำลังพันผ้าพันแผลให้เขา… อืม กำลังพันแผล”
ดูเหมือนอินเหิงจะรู้สึกถึงบางอย่าง เขาขยับลิ้นโดยไม่รู้ตัว คล้ายจะเลียริมฝีปากของเมิ่งอู่ แม้ปากขมฝาด แต่เขาก็ยังคงกลืนยาลงไปอย่างให้ความร่วมมือดีมาก
……….
[1] เปรียบเปรยถึงชีวิตที่อ่อนล้าจนกระทั่งหมดแรงและตายไป
[2] หน่วยเวลาของจีนในสมัยโบราณ หนึ่งชั่วยามเท่ากับสองชั่วโมง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้