ฉู่ลี่จ้องไปที่หยางว่านซาน “ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นได้”
ติงเซี่ยนก้าวขึ้นมาด้านหน้า “ท้องฟ้ามืดแล้ว ขอเชิญองค์ชายและพระชายาเข้าพักผ่อน มีเื่ใดพรุ่งนี้ค่อยจัดการพ่ะย่ะค่ะ”
หยางว่านซานพยักหน้างกๆ เอ่ยสั่งให้คนเปิดประตูเรือน แล้วเดินนำทางฉู่ลี่เข้าไป
“เมืองชิงโจวเป็เมืองทุรกันดาร เรือนต่างๆ จึงมีตกแต่งเรียบง่าย หวังว่าองค์ชายหนิงหวาง” หยางว่านซานเดินทางเข้ามาแล้วโค้งคำนับฉู่ลี่
ฉู่ลี่ััได้ถึงความปกติบางอย่างขึ้นมาในใจ
ในเวลานี้ ด้านนอกมีบ่าวใช้คนหนึ่งถือโคมไฟเดินเข้ามา ทำให้ภายในห้องสว่างไปทั่วห้อง
มู่อวิ๋นจิ่นะโขึ้นหลังฉู่ลี่ มองด้านในเห็นห้องมีทั้งหมดสามห้อง
ฉู่ลี่ััได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่จากนางมา จึงเผยอยิ้มมุมปาก
“ข้าน้อยขอนำองค์ชายไปที่ห้องนอนก่อนพ่ะย่ะค่ะ” หยางว่านซานเดินไปเปิดห้องที่ใหญ่ที่สุด
เมื่อประตูเปิดออก หยางว่านซางก็ถึงกับงงเป็ไก่ตาแตก
คนที่ติดตามมา พอเห็นสภาพด้านในต่างงงงวยตามกันเป็แถวๆ
หลังคา้าปลิวหายไปหลายต่อหลายแผ่น ฝนที่ตกกระหน่ำมาั้แ่เช้าเปียกชุ่มไปทั่วห้อง บนพื้นเต็มไปด้วยดินและใบไม้เละเทะไปหมด รวมทั้งแจกันที่ปักดอกไม้ต่างล้มระเนระนาดอยู่บนโต๊ะ
“นี่ นี่มัน……” หยางว่านซานทั้งใทั้งเสียหน้า
“ขอเชิญองค์ชายอภัยให้ด้วยที่ข้าน้อยละเลยหน้าที่พ่ะย่ะค่ะ” หยางว่านซานเห็นสายตาพิฆาตฉู่ลี่ถึงกับเข่าอ่อนจนคุกเข่ากับพื้น
“ดึกแล้ว เปลี่ยนห้องใหม่แล้วกัน” ฉู่ลี่ที่แบกมู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยด้วยไม่สบอารมณ์
สิ้นเสียง มู่อวิ๋นจิ่นก็หาวฟอดใหญ่ การมาช่วยภัยพิบัติจากอุทกภัย ย่อมไม่ใช่เื่ง่ายดายอยู่แล้ว
ที่สำคัญยิ่งไม่รู้ว่าเป็เพราะละลเยหน้าที่หรือตั้งใจ ห้องจึงอยู่ในสภาพเช่นนี้ ทว่ามู่อวิ๋นจิ่นี้เีเอาเื่ตอนนี้ ด้วยนั่งรถม้ามาสามวันแล้ว จึงอยากพักผ่อนเต็มประดาแล้ว
หยางว่านซานเห็นมู่อวิ๋นจิ่นช่วยแก้ต่างแทนเขา สีหน้าค่อยดีขึ้นหน่อย เดินนำพาไปที่ห้องเล็กกว่า “ห้องนี้เล็กไปหน่อย ขอให้องค์ชายหนิงหวางและพระชายาหนิงหวางพักผ่อนลงก่อน พรุ่งนี้แต่เข้าตรู่ ข้าน้อยจะสั่งให้คนมาซ่อมพ่ะย่ะค่ะ”
“ได้” มู่อวิ๋นจิ่นตอบแทนขึ้นทันที
……
“บ่าวเสี่ยวจวี๋ได้จัดเตรียมน้ำอุ่นเรียบร้อยแล้ว องค์ชายกับพระชายาจะชำระร่างกายหรือยังเพคะ?”
บ่าวใช้คนนั้นกล่าวจบเดินเข้ามาด้านหน้าทำความเคารพหน้าฉู่ลี่และมู่อวิ๋นจิ่น
“อืม” ฉู่ลี่ตอบ พลางเหลือบมองมู่อวิ๋นจิ่นที่โดดลงไป เปิดดูถุงผ้าทั้งสองใบไปมา
“เอาไป” มู่อวิ๋นจิ่นยื่นชุดสีดำในมือส่งให้ฉู่ลี่ด้วยรอยยิ้ม
ฉู่ลี่ยิ้มกระหยิ่ม “ไม่ไปอาบด้วยกัน?”
“จริงจังหน่อย อย่าพูดเพ้อเจ้อ” มู่อวิ๋นจิ่นรีบแทรกขึ้น ก่อนหันหลังวิ่งไปค้นหาชุดต่อ
ฉู่ลี่มองมู่อวิ๋นจิ่นจากด้านหลัง แล้วหันหลังกลับไปจัดเตรียมชุด
“พระชายา ให้บ่าวช่วยจัดเถอะเพคะ” เสี่ยวจวี๋เห็นมู่อวิ๋นจิ่นกำลังเก็บข้าวของ จึงแสร้งทำเป็เข้าไปช่วยเหลือ
มู่อวิ๋นจิ่นผายมือ “ไม่ต้องแล้ว ตอนนี้ดึกแล้ว เ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ”
เสี่ยวจวี๋ผงะถอยไปก้าวหนึ่ง “บ่าวเป็คนดูแลในจวนใต้เท้าหยาง ครั้งนี้ถูกส่งตัวมาให้รับใช้องค์ชายและพระชายา หากพระชายามีสิ่งใดขาดเหลือ ก็สามารถสั่งที่บ่าวได้ตลอดเวลาเพคะ”
“อืม ดีจริงเชียว!” มู่อวิ๋นจิ่นส่งยิ้มน้อยๆ ให้เสี่ยวจวี๋
“เช่นนั้น บ่าวขอตัวก่อนเพคะ หากมีสิ่งใดที่พระชายา้า สามารถเรียกบ่าวได้ตลอดเวลาเพคะ” เสี่ยวจวี๋โค้งคำนับ
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้ารับทราบ
……
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม มู่อวิ๋นจิ่นลุกขึ้นมานั่งเก้าอี้ในห้อง คว้าผ้าขึ้นมาซับน้ำที่ผม กวาดสายตามองไปรอบตัว ถึงได้รู้ว่าห้องนี้เล็กและแคบจริง ภายในห้องมีเพียงเตียงเดี่ยวและโต๊ะหนึ่งตัว ที่ต่างสามารถรับคนได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
มู่อวิ๋นจิ่นเห็นเช่นนั้น พลันนึกขึ้นมาในใจ ว่าการแอบติดตามมาของนาง ทำให้ฉู่ลี่ยากลำบาก
“ฉู่ลี่” มู่อวิ๋นจิ่นซุบซิบเสียงอ่อย
ฉู่ลี่หันกลับไปมองนาง
“ดึกแล้ว เ้ารีบพักผ่อนแล้วกัน” มู่อวิ๋นจิ่นยิ้มกว้าง น้ำตาคลอมองฉู่ลี่
ฉู่ลี่ได้ฟังก็เอ่ยขึ้นว่า “นอนด้วยกันไหม?”
“ห๊ะ???” มู่อวิ๋นจิ่นยังไม่มีปฏิกิริยาแต่ประการใด
ฉู่ลี่ลุกขึ้นไปบีบไหล่มู่อวิ๋นจิ่น จนต้องเดินไปที่เตียงแล้วล้มตัวลุกลงนอน
มู่อวิ๋นจิ่นมองไปที่เตียงเล็กนั้น พึมพำไปมา อย่าบอกนะว่าจะให้นอนด้วยกัน
“เ้าคิดนั่งที่นี่ทั้งคืนหรือ?” ฉู่ลี่นั่งมองมู่อวิ๋นจิ่นที่อยู่ข้างกาย
“อย่า” มู่อวิ๋นจิ่นรีบถอดรองเท้า ะโขึ้นเตียงเขยิบไปด้านหลัง ซุกตัวเข้าไปในผ้าห่ม พลางคิดในใจถึงเื่คราวก่อนที่นอนด้วยกัน
มู่อวิ๋นจิ่นนอนตะแคงข้างหันหน้าเข้ากำแพง พยายามหลับตาอยู่ใต้ผ้าห่ม
ฉู่ลี่แสยะยิ้ม เข้ามาเอนตัวลงข้างกายนาง ััได้ถึงร่างกายที่เกร็งไปจึงเอื้อมมือไปจับที่เอว
มู่อวิ๋นจิ่นสั่นสะเทิ้มไปทั้งตัว
“ผ่อนคลายลงหน่อย เปิ่นหวงจื่อไม่กินเ้าหรอก!” ฉู่ลี่ยิ้มเล็กน้อย พร้อมใช้มือตบไปที่เอวของนางอย่างเบามือ
มู่อวิ๋นจิ่นได้ฟังกลับผ่อนคลายอย่างเหลือเชื่อ ไม่นานนักนางก็หลับใหลในท่าหันข้าง จนเสียงลมหายใจดังขึ้นเป็จังหวะ
ฉู่ลี่วางมือที่เอวอยู่อย่างนั้นโดยไม่ขยับไปไหน จู่ๆ กลิ่นหอมอ่อนโยนจากตัวของนาง ลอยโชยทำให้หัวใจเขาอบอุ่นขึ้นมา
ตกยามดึก ไม่รู้ว่าด้วยฝนที่ตกกระหน่ำเป็เหตุ หรือว่าร่างกายรับรู้ถึงความหนาวเหน็บที่เกิดต้านทาน นางจึงดึงผ้าห่มหมุนตัว ไปััเข้ากับได้ถึงร่างกายที่อบอุ่นของคนด้านข้างกำลังส่งผ่านมา
……
ในเช้าวันถัดมา ฉู่ลี่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นพบมู่อวิ๋นจิ่นที่อยู่ในอ้อมกอดยังคงหลับปุ๋ยเช่นเดิม ความปฏิพัทธ์ภายในใจกลับพลุ่งพล่านขึ้นมา เอื้อมหน้าเข้าไปบรรจงจูบหน้าผากของนางไปครั้งหนึ่ง
ฉู่ลี่เปลี่ยนชุดเรียบร้อยก็เปิดประตูไป พบติงเซี่ยนยืนรออยู่แล้ว เมื่อเห็นฉู่ลี่สีหน้าสดใสมีน้ำมีนวลจึงอดมิได้ที่จะเผยยิ้ม
“องค์ชาย วันนี้ต้องหารือถึงรายละเอียดเื่ป้องกันอุทกภัยกับหยางว่านซาน ตอนนี้พวกเราต้องออกเดินทางไปสำรวจเหตุการณ์ในเมืองชิงโจวไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
ฉู่ลี่พยักหน้า หรี่ตามองห้องที่อยู่ติดกัน “ห้องนั้นไม่ต้องซ่อมแซมแล้ว”
ติงเซี่ยนชะงักไปชั่วขณะ ก่อนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ออกมาด้วยความรู้ใจ “พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้คนเมืองชิงโจวอัตคัตขัดสนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ย่อมไม่มีเงินทองมาช่วยซ่อมห้องใหญ่เช่นนั้น ต้องรบกวนองค์ชายกับพระชายาลำบากไปก่อนพ่ะย่ะค่ะ……”
ฉู่ลี่ส่งสายตาชื่นชมไปให้ติงเซี่ยน
มู่อวิ๋นจิ่นที่หลับใหลยืดยาว ได้ยินเสียงฝนที่ตกหนักค่อยๆ ตื่นจากฝันหวาน และดีดตัวขึ้นมานั่ง
“ตายแล้วๆๆๆ ข้าหลับเพลินไปหน่อย!” มู่อวิ๋นจิ่นรีบควานหารองเท้าอย่างรีบร้อน
ไม่รู้เป็เพราะอยู่ที่จวนหนิงหวางหรืออย่างไร นับวันนางจะยิ่งี้เีมากขึ้นทุกที
“พระชายาตื่นแล้วหรือเพคะ?” เสี่ยวจวี๋เปิดประตู ยกน้ำในถาดเข้ามา
มู่อวิ๋นจิ่นที่กำลังถักเปีย หันไปถามเสี่ยวจวี๋ขึ้น “ฉู่… ไม่ใช่สิ องค์ชายไปข้างนอกหรือยัง?”
“องค์ชายพาองครักษ์ออกไปั้แ่เช้าตรู่ เวลานี้คงอยู่กับใต้เท้าหยางแล้วเพคะ” เสี่ยวจวี๋ยิ้มน้อยๆ
มู่อวิ๋นจิ่นเม้มปาก ถอนหายใจ แอบตำหนิตัวเองในใจ ว่าไม่ได้มาเพื่อเสพสุข แต่นี่เเค่วันแรกก็ตื่นสายถึงเพียงนี้แล้ว
เมื่อนางล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนชุดใหม่ก็รีบดื่มโจ๊กเพียงไม่กี่คำ หันมาถามเสี่ยวจวี๋ “ไปหาใต้เท้าหยางได้ยังไง?”
“เรือนของใต้เท้าหยางอยู่เขตเฟิงสุ่ย เดินออกจากประตูเลี้ยวขวา จากนั้นตรงไปข้ามสองสะพานก็ถึงแล้วเพคะ” เสี่ยวจวี๋อธิบาย
มู่อวิ๋นจิ่นจะเดินออกจากห้องไป ภายนอกกลับมีฝนตกอยู่ “ที่นี่มีเสื้อกันฝน[1]ไหม?”
“พระชายาจะออกข้างนอกหรือเพคะ?” เสี่ยวจวี๋ร้องด้วยความใ
มู่อวิ๋นจิ่นจึงตอบกลับว่า “ข้า้าไปหาใต้เท้าหยาง เ้าอยู่ที่นี่นี่แหละ”
เสี่ยวจวี๋ที่มารับใช้มู่อวิ๋นจิ่นเป็วันแรกย่อมไม่เข้าใจนิสัยใจคอของนาง จึงเชื่อฟังอย่างว่าง่าย เดินไปหยิบเสื้อกันฝนมาให้
มู่อวิ๋นจิ่นสวมแล้วเปิดประตูวิ่งฝ่าฝนไป โดยที่เผลอเรอเหยียบลงไปในหลุมจนน้ำซึมเข้ารองเท้าเปียกไปหมด
มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้ว ค่อยๆ ย่องเดินต่อไปอย่างระวัง
พอเดินไปได้ไม่ไกล มู่อวิ๋นจิ่นเห็นชาวบ้านอุ้มถุงใหญ่กันด้วยรอยยิ้มตามสองข้างทาง
นางนึกว่าจะต้องเป็เสบียงอาหารที่นำมาจากเมือง
มู่อวิ๋นจิ่นเดินยิ้มต่อไป ตามที่เสี่ยวจวี๋ได้บอกทางไว้ก่อน แต่พอเดินไปได้ไม่ทันไร ก็ไม่เห็นสะพานเล็กๆ ที่ว่านั้นเลย
“ขอถามหน่อย เรือนใต่เท้าหยางอยู่ที่ไหน?” มู่อวิ๋นจิ่นหยุดถามชาวบ้านคนหนึ่งที่ยืนอยู่
ชาวบ้านคนนั้นฟังสำเนียงที่แปลกไปของมู่อวิ๋นจิ่น หน้าตาที่แปลกจากคนที่นี่ จึงมองนางจากบนลงล่าง จากล่างขึ้นบน จำได้ว่านางมากับคนที่มาส่งเสบียง เลยยอมยกมือชี้บอกทางให้
“ขอบใจมาก” มู่อวิ๋นจิ่นกล่าวแล้วหันหลังเดินต่อไป
……
“แม่งเอ้ย นี่มันที่ไหนกันเนี่ย!” มู่อวิ๋นจิ่นยืนโอบต้นไม้ ด้วยรู้ว่าขาของนางหนักน้ำที่ชุ่มรองเท้า จนเดินต่อไปไม่ไหวแล้ว
การเดินในครั้งนี้ประมาณครึ่งเมืองชิงโจวแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นยังตามหาหยางว่านซานไม่พบ มิหนำซ้ำหนทางที่คดเคี้ยวเลี้ยวลดยังทำให้นางเดินหลงจนจำทางไม่ได้แล้ว
มู่อวิ๋นจิ่นล้มเลิกความคิดตามหาฉู่ลี่ หันหลังพยายามเดินกลับทางเดินเพื่อกลับเรือน
“ฮือๆๆๆ” เสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นดังขึ้น
มู่อวิ๋นจิ่นที่กำลังก้าวขากลับหยุดลง เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ราวกับว่าเป็เสียงร้องไห้ของเด็กน้อย
ผ่านไปครู่หนึ่งเสียงร่ำไห้ก็ดังขึ้นอีก
มู่อวิ๋นจิ่นนึกว่าหูฟาดไป จึงคิดเลือกเดินต่อไป เสียงร้องนั้นกลับดังขึ้นอีก
มู่อวิ๋นจิ่นยืนกอดอกกับที่ หันไปทางเสียงร้องไห้ที่ดังมา เดินตามทางไปเห็นโคลนเป็ผืนกว้าง โดยมีหนุ่มน้อยปีนขึ้นไปบนต้นไม้ กอดกิ่งไม้อย่างสุดกำลัง ร้องสะอื้นสุดเสียง
ด้านข้างมีเวิ้งน้ำขนาดใหญ่ใหญ่ที่ถูกน้ำพัดจนท่วม จนหนุ่มน้อยต้องกอดกิ่งไม้เพื่อรอดชีวิตและส่งเสียงร้องสุดกำลัง
“เฮ้อ ชีวิตของข้าช่างขืนข่มนัก ใครก็ได้ช่วยลูกชายของข้าที……”
[1] เสื้อกันฝน หรือ ซัวอี ถักทอจากฟางข้าวและหวายในสมัยโบราณ