รัตติกาลมาเยือนย่านค้าขายในเมืองต้าอี้ยังคงมีผู้คนรถม้าขวักไขว่คึกคักยิ่ง
“ขายถูกเลหลัง ขายถูกเลหลังแล้ว”
“เดินผ่านไปผ่านมา ลองเลือกหาดู ขายขาดทุนให้เลย”
ร้านรวงที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันพากันงัดความสามารถทั้งหลายแหล่ของตนออกมาะโขายของกันข้างถนน หวังให้ขายหมดไวๆ เพื่อจะได้กลับบ้านเสียที
หลิ่วจิ้งได้เงินก้อนโตนี้มาจึงพาอวี้จิ่นขึ้นเหลาสุราเตรียมกินอาหารเลิศรสมื้อใหญ่สักมือเสี่ยวเอ้อร์นำอาหารแปดอย่างน้ำแกงหนึ่งอย่างมาจัดวางบนโต๊ะหลิ่วจิ้งจงใจมองผ่านสายตาช่างสังเกตของเสี่ยวเอ้อร์ พลางกวักมือเรียกอวี้จิ่นให้นั่งลงทานอาหารร่วมโต๊ะกับนาง
อวี้จิ่นจะกล้าได้อย่างไรไม่ว่าหลิ่วจิ้งพูดอย่างไรนางล้วนไม่ยอมนั่งลง สุดท้ายหลิ่วจิ้งจึงขู่ว่าถ้าเ้าไม่ยอมนั่งลงทานอาหารข้าก็จะยืนกิน อวี้จิ่นจึงยอมค่อยๆ นั่งลงครึ่งที่นั่ง
หลิ่วจิ้งเอ่ยกับอวี้จิ่นอย่างประทับใจว่า “อวี้จิ่นตลอดทางที่เดินทางมานี้ เ้ากับข้าจับพลัดจับผลูมาเป็นายบ่าว มาเป็สหายหวังว่าวันหน้าพวกเราสองคนจะสามารถเปิดเผยต่อกัน ร่วมฟันฝ่าอุปสรรค ข้าให้สาบานไว้ณ ที่นี้ วันหน้าขอเพียงมีข้าอยู่ ข้าจะไม่ยอมให้เ้ามีชีวิตที่ลำบากอีก”
“ฮูหยิน ขอบคุณท่านเ้าค่ะ”อวี้จิ่นน้ำตาล้นเอ่อจากตาเมื่อได้ยินคำของหลิ่วจิ้งนางจะคิดฝันได้อย่างไรว่านางและหลิ่วจิ้งจะได้นั่งลงและปฏิบัติต่อกันฉันสหาย
นางแอบสาบานอยู่ในใจว่าชีวิตนี้นางจะติดตามหลิ่วจิ้งไม่ละวางจะไม่ทรยศต่อหลิ่วจิ้งโดยเด็ดขาด
ทีแรกอวี้จิ่นยังคงประหม่าเพียงคีบอาหารจากจานที่อยู่ตรงหน้านางมาเล็กน้อย ไม่กล้าใช้ตะเกียบไปคีบอาหารในจานอื่นๆจนเมื่อหลิ่วจิ้งคีบอาหารให้นางอย่างแล้วอย่างเล่าด้วยตนเอง บรรยากาศค่อยๆอบอุ่นขึ้นมา นางจึงเริ่มทานอาหารด้วยความผ่อนคลาย
“อวี้จิ่น เพื่อให้ทำงานได้สะดวกเ้ายังคงเรียกขานข้าว่าฮูหยินหรือองค์หญิง แต่โดยส่วนตัวแล้วข้าจะปฏิบัติกับเ้าเช่นน้องสาวเ้ารู้ดีที่สุดว่าข้าไม่มีญาติพี่น้องอีกแล้ว วันหน้าเ้าก็คือน้องสาวของข้า”
หลิ่วจิ้งไม่ได้กำลังใช้ประโยชน์จากอวี้จิ่น แต่มองอีกฝ่ายเป็คนในครอบครัวด้วยใจจริงนาง้าครอบครัวเหลือเกิน ครอบครัวที่สามารถให้นางระบายยามเหนื่อยล้าเป็เหมือนท่าเรือหรือไหล่ไว้พักพิงยามอ่อนแรง
อวี้จิ่นตะลึงน้ำตาที่เพิ่งสะกดไว้เมื่อครู่อย่างยากเย็นไหลรินออกมาจนได้นางมีความดีงามใดหลิ่วจิ้งจึงจะปฏิบัติกับนางเฉกเช่นพี่น้องนางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งจะมีคนปฏิบัติกับนางประหนึ่งเป็มนุษย์ด้วยกัน ั้แ่เล็กกระทั่งที่มาของตนเอง นางเข้ามาเป็นางกำนัลขององค์หญิงในวังได้อย่างไรก็ยังมิอาจรู้ใช้ชีวิตเป็บ่าวที่ปราศจากความภูมิใจในตนเองมาชั่วชีวิต
นางไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งนางจะมีความเป็คนอย่างแท้จริงเช่นที่เหล่าเ้านายเป็
อวี้จิ่นลุกขึ้นแล้วคุกเข่าให้หลิ่วจิ้งโขกหัวเสียงลั่นสามครั้งด้วยความเคารพ “พี่หญิงอยู่เบื้องบนโปรดรับการคารวะจากน้องหญิงชีวิตนี้น้องหญิงจะทุ่มเทสุดกำลังเพื่อช่วยให้พี่หญิงสมปรารถนา ไม่มีทางเปลี่ยนใจหากผิดคำสัตย์นี้ ขอให้น้องหญิงตายไร้ที่ฝัง”
หลิ่วจิ้งรีบเข้าไปดึงตัวอวี้จิ่นขึ้นมา
หลิ่วจิ้งปฏิบัติต่ออวี้จิ่นเช่นพี่น้องหาใช่ความคิดที่เกิดขึ้นชั่ววูบแต่มาจากการสังเกตอย่างละเอียดตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา พวกนางทั้งสองล้วนตัวคนเดียวไม่มีญาติมิตรวันคืนในภายภาคหน้าก็ให้พวกนางสองคนโอบกอดกันเพื่อสร้างความอบอุ่นให้แก่กันเถิด
หลิ่วจิ้งหารู้ไม่ว่าสิ่งดีๆ ที่นางปฏิบัติในวันนี้จะแลกมาด้วยการที่อวี้จิ่นต้องเอาชีวิตเข้าช่วยนางหลายครั้งหลายหนในภายภาคหน้า
นายบ่าวสองคนที่เปิดใจต่อกัน พากันทานอาหารต่อจนไม่ไหวแล้วจึงหยุดทาน
เมื่อเห็นว่าดวงจันทร์ลอยสูงถึงยอดไม้แล้ว อวี้จิ่นจึงเร่งเร้าว่า“ฮูหยินเ้าคะ วันนี้พอแค่นี้เถิดเ้าค่ะ เราควรกลับกันได้แล้ว หากกลับไปช้าไม่รู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าและท่านแม่ทัพจะตำหนิเอาหรือไม่เ้าค่ะ”
“อวี้จิ่น ดูเ้าสิ ยังไม่รู้จักใช้โอกาสให้ดีๆ อีก พวกเรามิได้ออกมาเที่ยวเล่นนะแต่มาทำงาน ทำงาน เ้าเข้าใจหรือไม่?”
“ไป พวกเราไปเดินดูตลาดโคมกันสักหน่อยงานวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่าจัดเป็งานเลี้ยงยามค่ำ โคมรูปต่างๆย่อมเป็สิ่งที่ขาดไม่ได้ มาดูยามกลางวันไม่ว่าอย่างไรก็มองภาพไม่ออกเพื่อเลือกเฟ้นโคมที่งามที่สุด พวกเราจึงไม่อาจไม่อยู่ข้างนอกในยามค่ำคืนจำคำข้าให้ดี กลับไปต้องอธิบายเช่นนี้ รับรองว่าจะไม่เกิดเื่ใดกับเ้า”
หลิ่วจิ้งว่าพลางสอบถามเื่ตลาดโคมที่อยู่ใกล้ที่สุดจากเสี่ยวเอ้อร์แล้วพาอวี้จิ่นเดินทางไป
ดีที่ตลาดโคมอยู่ไม่ไกลจากเหลาสุราที่พวกนางทานอาหารกันพวกนางสองคนเดินไปด้วยดูไปด้วย เพียงชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาก็เดินไปถึงแล้ว
ประจวบเหมาะว่าข้างตลาดโคมมีร้านอัญมณีอยู่ร้านหนึ่งหลิ่วจิ้งเข้าไปในร้านเพื่อให้อวี้จิ่นเลือกเครื่องประดับที่นางต้องใจมาหนึ่งชิ้น
อวี้จิ่นยังคงไม่คุ้นชินจากการที่เคยเป็บ่าวและเลื่อนชั้นมาเป็น้องสาวบุญธรรมของหลิ่วจิ้งจึงเอาแต่บอกปฏิเสธไม่ยอมรับน้ำใจของนางท่าเดียว
หลิ่วจิ้งจึงจำต้องอาศัยสายตาของตนเลือกกำไลวงหนึ่งกับปิ่นอุบะด้ามหนึ่งให้อวี้จิ่นในเวลาเดียวกันก็เลือกสร้อยข้อมือให้อิ๋งเหอเส้นหนึ่งอวี้จิ่นขอบคุณนางเป็หมื่นเป็พันเท่า จากนั้นพวกนางจึงมุ่งหน้าไปที่ตลาดโคมจริงๆเสียที
หลิ่วจิ้งไปชมงานเทศกาลโคมไฟทุกปี ั้แ่เล็กนางเห็นโคมไฟรูปแบบต่างๆมามาก แต่ยามที่นางก้าวเข้าสู่ตลาดโคมในเมืองต้าอี้จึงเพิ่งรู้ว่าโคมไฟหลากหลายรูปแบบที่นางเคยเห็นมาเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้เห็นที่นี่แล้ว ก็เทียบได้กับนักเวทน้อยได้พบจอมมหาเวทเลยทีเดียว
โคมไฟหลากหลายรูปแบบดูสมจริงราวมีชีวิต แปลกใหม่ไม่เคยพบเห็นรูปร่างที่ทำออกมาได้เหมือนจริงเหลือเกินทำเอาหลิ่วจิ้งมองจนตาลายไปหมด
เถ้าแก่ตาแหลมมองออกว่าหลิ่วจิ้งแต่งกายหรูหรา ต้องเป็ฮูหยินในบ้านเรือนใหญ่โตจึงรีบเข้าไปต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทันที
“เถ้าแก่ ที่เรือนข้ากำลังจะฉลองแซยิดให้ฮูหยินผู้เฒ่ามีโคมไฟรูปแบบใหม่แนะนำบ้างหรือไม่”หลิ่วจิ้งตัดสินใจว่าจะจัดการเื่โคมไฟให้เสร็จสิ้นในคืนนี้จะได้ไม่เสียทีที่นางออกมาทั้งวัน
โดยส่วนตัวนางได้ทองคำมาจำนวนมาก ฉะนั้นในเื่ส่วนรวมนางก็ควรสร้างผลงานที่น่าประทับใจด้วย
“ฮูหยินถามข้าเื่นี้ถูกต้องแล้วร้านของเราเพิ่งได้โคมชุดอายุยืนยาวดั่งเขาหนานซานมาใหม่ เหมาะใช้อวยพรในวันเกิดให้ผู้าุโหากฮูหยินให้เกียรติ ก็โปรดตามข้าไปดูเถิดขอรับ”
ยามผู้าุโในบ้านเรือนใหญ่โตฉลองวันเกิด หากสามารถทำการค้านี้ได้ก็มิใช่เงินจำนวนน้อยๆ เลย
เถ้าแก่ร้านโคมจึงยิ่งมีท่าทีกระตือรือร้นพยายามให้หลิ่วจิ้งเข้าไปชมในร้าน
“โอ้โห งดงามนัก” อวี้จิ่นเป็คนแรกที่อดออกปากชมมิได้
โคมไฟชุดอายุยืนยาวดั่งเขาหนานซานที่แขวนไว้สูงตรงกลางโถงดึงดูดความสนใจของหลิ่วจิ้งทันทีที่เข้าไปภายในร้านนางหมายตาโคมไฟชุดนี้ั้แ่แรกเห็นทีเดียว
เถ้าแก่ร้านไม่ได้คุยโวดังว่า โคมไฟชุดนี้เป็โคมไฟหลากหลายรูปแบบที่ประกอบกันขึ้นเป็ตัวอักษรขนาดใหญ่ว่า ‘อายุยืนยาว ดั่ง เขา หนานซาน’ และสิ่งที่ล้ำค่ากว่านั้นก็คือโคมไฟเหล่านี้ประดิษฐ์จากผ้าต่วนเนื้อลื่นผสมผสานกับเส้นใยไหมซึ่งเป็วิธีประดิษฐ์ที่ยากที่สุดในปัจจุบันนี้แสงจากโคมส่องผ่านผ้าต่วน ค่อยส่องทะลุเส้นไหมและส่องมาถึงฐานโคมที่ห้อยอยู่ในท้ายที่สุด ทำให้แสงโคมอ่อนโยนไม่แสบตา
“ข้า้าโคมชุดนี้แปดชุด เถ้าแก่โปรดบอกราคามา”หลิ่วจิ้งตัดสินใจว่าจะใช้โคมชุดนี้
“ฮูหยินสายตาแหลมคมจริงๆเพียงแวบแรกก็ต้องตาสินค้าชั้นเลิศของร้านเล็กๆ เราฮูหยินจะต้องเป็ผู้ที่รู้จักสินค้าเป็อย่างดี ข้าจะไม่บอกราคาสูงชุดหนึ่งแปดสิบตำลึงเงิน แปดชุดคิดท่านหกร้อยตำลึงเงินเป็พอขอรับ”
“แปดชุดห้าร้อยตำลึงเงินเป็ราคาทางแจ้ง สี่ร้อยตำลึงเป็ราคาทางลับ ส่วนต่างหนึ่งร้อยตำลึงเงินนั้นจ่ายเป็เงินสดให้ข้าเป็พอเอาราคาดังนี้ เถ้าแก่ลองพิจารณาดู หากตกลงข้าจะจ่ายเงินมัดจำทันทีรับของอีกห้าวันให้หลัง” หลิ่วจิ้งเอ่ยราคาที่นางคิดไว้ในใจไปอย่างไม่ลังเล
เถ้าแก่ร้านไม่ตอบคำ เอาแต่จับจ้องที่โคมไฟชุดนั้นเนิ่นนานจึงบอกว่า “ตกลง ฮูหยินไม่เพียงรู้จักสินค้าซ้ำยังเป็ผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย ข้าก็จะไม่ต่อรองราคากับฮูหยินคิดตามราคาที่ฮูหยินว่า มัดจำสองร้อยตำลึงเงินขอรับ”
เถ้าแก่ร้านว่าพลางเดินไปที่โต๊ะเขียนใบรับเงินให้หลิ่วจิ้งใบหนึ่ง
หลิ่วจิ้งรับมาแล้วดูอย่างละเอียด บนใบรับเงินเขียนจำนวนเงินมัดจำวันส่งมอบของ ชนิดจำนวนของสินค้าและรายละเอียดสำคัญอื่นๆ เอาไว้ชัดเจน
หลิ่วจิ้งพยักหน้ารับอย่างพอใจเจรจากับคนที่เข้าใจกันก็ไม่ต้องยุ่งยากเช่นนี้
_____________________________
