“หนึ่งในสิบหม้อหินโบราณ... หม้อัเก้า์!”
เสียงของหลินเฟิงดังกังวานไปทั่วบริเวณ หัวใจของผู้คนเองก็สั่นไปตามเสียงเขาเช่นกัน สิบหม้อหินโบราณนั้นเป็สิ่งที่ล้ำค่า แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าหม้อัเก้า์คืออะไร แต่ก็สามารถจินตนาการถึงคุณค่าของมันได้ มันเป็สมบัติที่มีค่าอย่างแท้จริงและล้ำค่าอย่างมาก
“ไม่แปลกใจเลยที่หอประมูลแห่งความฝันถึงได้ละเมิดกฎ แย่งชิงของที่ถูกประมูลไปแล้ว” ผู้คนนั้นไม่ได้กังขาในคำพูดของหลินเฟิง พวกเขาต่างรู้ดีว่าวันนั้นหลินเฟิงชนะประมูลและได้หม้อหินโบราณไป แต่ตอนนี้หอประมูลแห่งความฝันกลับมาชิงสิ่งนั้นไป เห็นได้ชัดว่าหม้อหินโบราณใบนั้นมีมูลค่ามหาศาล ไม่อย่างนั้นหอประมูลแห่งความฝันจะทำเช่นนี้ไปทำไม
ดวงตาของฝูงชนกำลังลุกโชน สิบหม้อหินโบราณที่ล้ำค่า หากพวกเขาได้มันไปล่ะก็...
ท่านหัวเหลือบมองหลินเฟิงที่อยู่ข้างๆ ด้วยดวงตาที่ลุกไปด้วยเปลวไฟ เขาคือผู้กลั่นเม็ดยา ชื่อเสียงของสิบหม้อหินโบราณที่ล้ำค่า เขาก็เคยได้ยินมาบ้าง ในสี่หม้อหินโบราณมีอย่างหนึ่งที่เหมือนกันก็คือการกลั่นเม็ดยา สำหรับผู้กลั่นเม็ดยาแล้ว สมบัติที่ล้ำค่าอย่างหม้อหินโบราณถือว่าเป็สิ่งมีค่าอย่างมาก
หากใช้หม้อหินธรรมดากลั่นเม็ดยาก็จะได้เพียงเม็ดยาลี้ลับระดับต่ำ แต่ถ้าใช้หม้อหินัเก้า์ล่ะก็ ไม่แน่ว่าอาจกลั่นเม็ดยาเป็เม็ดยาลี้ลับระดับกลางก็ได้ ถึงแม้มันจะแตกต่างกันเพียงขั้นเดียว แต่ประสิทธิภาพของมันกลับแตกต่างกันอย่างมาก
อย่างเช่นเม็ดยาลี้ลับระดับต่ำถูกใช้โดยผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 1 ถึงขั้นที่ 3 แต่เม็ดยาลี้ลับระดับกลางนั้นถูกใช้โดยผู้ฝึกยุทธ์ขอบลี้ลับขั้นที่ 4 ถึงขั้นที่ 6 ซึ่งความแตกต่างระหว่างสามขอบเขตนั้น มันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
“ฮ่าๆๆ!” ม่อชั่งหลันหัวเราะอย่างชั่วร้าย เนื่องจากตอนนี้เขาใช้ทักษะปีศาจ จึงทำให้เขากลายเป็ปีศาจมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่เหมือนมนุษย์สักนิด ในตอนนี้เขากำลังสนใจหม้อัเก้า์และ้าสังหารหลินเฟิงอย่างมาก
ดวงตาของปิงเหอเถิงพลันแข็งทื่อ หากหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานได้หม้อหินใบนั้นไปแล้ว มันจะเกิดอะไรขึ้น?
“ไม่สิ… หากข้าได้สมบัติชิ้นนี้มา ข้ายังจำเป็ต้องกลับไปที่หมู่บ้านอีกหรือ?” ปิงเหอเถิงกำลังร้อนรุ่ม หากเขาได้สมบัติชิ้นนี้แล้วกลับไปที่หมู่บ้านล่ะก็ สมบัติชิ้นนี้ก็จะไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป เพราะหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานต้องซักถามเขาแน่นอน นอกจากนี้ด้วยความแข็งแกร่งของหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานแล้ว เป็ไปได้มากที่เขาจะไม่อาจปกป้องหม้อัเก้า์ไว้ได้ บางทีทางที่ดีที่สุดคือนำมันออกไปจากอาณาจักรเสวี่ยเยว่
ทุกคนกำลังจินตนาการว่าตัวเองได้หม้อัเก้า์ไป โดยไม่สนใจว่ายังมีผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งหลายคนต่างสนใจในตัวมันเช่นกัน
ท่ามกลางผู้คนเ่าั้มีเพียงป้าหยุนที่ยังคงนิ่งเงียบ ก่อนที่นางจะมานั้น นางไม่คิดว่าหลินเฟิงจะรู้จักหม้อัเก้า์ั้แ่แรก ดังนั้นนางจึงพยายามเสนอราคาที่สูงเพื่อซื้อกลับมา ทว่าหลังจากนั้นไม่ว่าจะเสนอราคาสูงแค่ไหน หลินเฟิงก็ยืนกรานปฏิเสธท่าเดียว ทำให้นางคาดว่าหลินเฟิงคงรู้ว่าหม้อหินดังกล่าวเป็หม้อัเก้า์
ป้าหยุนจึงข่มขู่หลินเฟิง ทว่านางก็ข่มขู่ไม่สำเร็จ มิหนำซ้ำหลินเฟิงยังเปิดเผยต่อสาธารณชนอีกว่าหม้อดังกล่าวเป็หม้อหินในตำนาน แม้นางจะได้หม้อัเก้า์กลับมา ก็ไม่แน่ว่านางอาจต้องหนีออกจากอาณาจักรเสวี่ยเยว่ เพราะเกรงว่าข่าวของหม้อั์จะแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
“ดูเหมือนว่าได้รับสมบัติเมื่อไรก็จะต้องรายงานเบื้องบนทันที” หญิงวัยกลางคนพึมพำในใจขณะจ้องเขม็งไปที่หลินเฟิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
“้าสังหารข้า?” หลินเฟิงยิ้มอย่างเ็า จากนั้นหันไปกล่าวกับคนอื่นว่า “ม่อชั่งหลัน ปิงเหอเถิง ข้ารู้ว่าพวกเ้า้าสังหารข้า แต่ถ้าพวกเ้าร่วมมือกับนางเพื่อจัดการข้าล่ะก็ แม้จะสังหารข้าได้จริง แต่สุดท้ายแล้วสมบัติชิ้นนี้จะตกเป็ของใครกันแน่?”
หลินเฟิงกล่าวอย่างเยือกเย็น ม่อชั่งหลันและปิงเหอเถิงยังคงเงียบ หอประมูลแห่งความฝันนั้นเป็หนึ่งในสามตลาดการค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเทียนลั้ว พวกเขาทรงพลังและมีอำนาจ ซึ่งแม้แต่กลุ่มป้อมอีแร้งก็ไม่อาจเทียบได้ ไม่อย่างนั้นลานประมูลก็คงไม่อาจปกป้องสมบัติล้ำค่าที่ตนเองมีอยู่ได้ เห็นได้ชัดว่าหอประมูลแห่งความฝันนั้นทรงพลังมากแค่ไหน
“ในทางกลับกัน หากเราร่วมมือกันเพื่อสังหารคนของหอประมูลแห่งความฝันล่ะก็ เื่ก็จะจบลงโดยไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แบบนี้ไม่ดีกว่าหรือ” หลินเฟิงกล่าวอีกครั้ง ในโลกนี้ไม่มีใครเป็ศัตรูกับเราอย่างถาวร บางสถานการณ์ศัตรูก็อาจกลับกลายมาเป็พันธมิตรชั่วคราวได้ แม้ม่อชั่งหลันและปิงเหอเถิงจะ้าสังหารเขา แต่หลินเฟิงก็้าสังหารอีกฝ่ายเช่นกัน หลินเฟิงรู้ดีว่าในยามนี้หากทั้งสามฝ่ายบุกเข้ามาในเวลาเดียวกัน เขาก็แทบไม่มีโอกาสรอดเหลืออยู่เลย
ที่หลินเฟิงปลุกระดมพวกเขาเช่นนี้ อย่างน้อยก็ไม่ให้พวกเขาร่วมมือกันเพื่อจัดการเขาเอง
“หลินเฟิง…” หลันเจียวส่ายศีรษะเบาๆ ไม่หยุดขณะจ้องมองหลินเฟิง นางไม่คิดว่า ป้าหยุนและหลินเฟิงจะต้องมาต่อสู้กันอย่างนี้...
“เ้าก็เห็นอยู่ว่านาง้าสังหารข้า หรือจะให้ข้าอยู่นิ่งๆ ให้นางจัดการ? โดยไม่ต่อต้าน?”
หลินเฟิงกล่าวอย่างเฉยเมยขณะมองหลันเจียว ทำให้หลันเจียวถึงกับพูดไม่ออก ใช่แล้ว... หากป้าหยุน้าสังหารหลินเฟิง แล้วหลินเฟิงจะทำอะไรได้ มีเพียงการสังหารถึงจะหยุดการสังหารด้วยกันได้!
เมื่อปิงเหอเถิงได้ยินคำพูดของหลินเฟิงดังนั้น ดวงตาของเขาก็ส่องประกายวูบหนึ่ง ที่หลินเฟิงว่ามาก็มีเหตุผล หากร่วมมือกันสังหารหลินเฟิงไปแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่มีใครรู้ ทว่าไม่ใช่หมู่บ้านเสวี่ยอิงซาน หากเขาได้หม้อัเก้า์มาล่ะก็ ตราบใดที่หอประมูลแห่งความฝัน้ามัน เขาก็ไม่อาจหนีพวกมันไปได้พ้น
“ฮ่าๆๆ!”
ม่อชั่งหลันหัวเราะอย่างชั่วร้าย “ข้าจะไม่ร่วมมือกับใครทั้งนั้น!”
“หืม?” ปิงเหอเถิงตะลึงในคำพูดของม่อชั่งหลันเล็กน้อย ก่อนกล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น “ข้าก็จะไม่ร่วมมือกับใครเช่นกัน”
“เ้าคนเห็นแก่ตัว!”
หลินเฟิงสบถเสียงต่ำ พลางใช้สายตาแข็งกร้าวมองไปทางม่อชั่งหลัน เขาช่างร้ายกาจนักที่ไม่รอให้ปิงเหอเถิงซึ่งอ่อนแอกว่าเขาได้ออกความเห็นก่อน ในเมื่อปิงเหอเถิงไม่สามารถต่อกรกับม่อชั่งหลันได้ หากม่อชั่งหลันกล่าวสิ่งใด ปิงเหอเถิงย่อมต้องคล้อยตามอยู่แล้ว
นอกจากทั้งสองคนจะไม่ร่วมมือกันแล้ว พวกเขายังนั่งบนภูดูเสือกัดกัน เมื่อสบโอกาสจึงค่อยลงมือ นี่ถือเป็กลยุทธ์ที่สมบูรณ์แบบมาก เพราะไม่ว่าหอประมูลแห่งความฝันหรือหลินเฟิงจะเป็ฝ่ายชนะ แต่หลังจากการต่อสู้รอบแรกสิ้นสุดลง พวกเขาย่อมต้องได้รับาเ็อยู่ไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม ต่อให้พวกเขาไม่ได้ร่วมมือกับหลินเฟิงเพื่อสังหารพวกหอประมูลแห่งความฝัน แต่อย่างน้อยก็เป็ไปตามที่หลินเฟิงหวังไว้ เพราะตอนนี้เขายังไม่ต้องปะทะกับผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 3 อีกสองคน และศัตรูตรงหน้ามีแค่หอประมูลแห่งความฝันเท่านั้น เขาก็สามารถจัดการได้โดยไม่ต้องกังวลนัก
ในตอนนี้ป้าหยุนก็กำลังจ้องมองหลินเฟิงพลางคิดในใจว่า เ้าหมอนี่ไม่น่าจะจัดการง่ายอย่างที่คิด
ถึงแม้อิทธิพลของพวกนางจะเป็เพียงส่วนเล็กๆ ในเมืองเทียนลั้ว แต่ก็เพียงพอที่จะจัดการกับคนเหล่านี้ได้
“ในเมื่อเ้าอยากตายนัก งั้นข้าก็จะสงเคราะห์ให้” หญิงสาววัยกลางคนกล่าวเสียงเ็า จากนั้นก็กระโจนออกจากเกี้ยวอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกัน หญิงสาวผู้สวมผ้าคลุมหน้าที่แบกเกี้ยวเมื่อครู่พลันหายวับไป แล้วไปปรากฏตัวข้างป้าหยุน ขณะเดียวกันพวกนางก็ปลดปล่อยพลังปราณอันเข้มข้นออกมา
หญิงสาวผู้แบกเกี้ยวทั้งสี่ล้วนเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตลี้ลับ
“พวกหอประมูลแห่งความฝันช่างแข็งแกร่งนัก” หลินเฟิงประหลาดใจเล็กน้อย แม้แต่หญิงสาวที่แบกเกี้ยวก็ล้วนอยู่ในขอบเขตลี้ลับ นี่มันร้ายกาจเกินไปแล้ว
“พวกเ้าทั้งสี่จงสังหารเขา แล้วชิงแหวนมิติมาซะ” ป้าหยุนออกคำสั่งอย่างเ็าขณะชี้นิ้วมาทางหลินเฟิง หลินเฟิงไม่ใช่ผู้อาศัยอยู่ในเมืองเทียนลั้ว เขาคงไม่อาจเก็บสมบัติล้ำค่าไว้กับตัวได้สะดวกนักจึงเก็บมันไว้ในแหวนมิติ ดังนั้นป้าหยุนจึงสั่งให้หญิงสาวทั้งสี่ไปสังหารเขาโดยไม่ลังเล!
“ส่วนพวกเขาทั้งสอง ข้าจะจัดการเอง”
หญิงสาววัยกลางคนกล่าวจบก็พับแขนเสื้อขึ้นแล้วหายตัวไป ก่อนปรากฏตัวอีกทีตรงหน้าท่านหัวและเมิ่งฉิง
แขนเสื้อของนางโบกสะบัดไปตามสายลม ทันใดนั้นภาพมายาจำนวนมากก็ปรากฏขึ้น มันดูคล้ายกับร่างแยกจำนวนมหาศาลราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ทันใดนั้นร่างเงาของเมิ่งฉิงและท่านหัวก็หายวับไป
“ขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 3”
ม่อชั่งหลันและปิงเหอเถิงผ่านประสบการณ์ต่อสู้มามากมาย แน่นอนว่าพวกเขาต่างััถึงความแข็งแกร่งของหญิงวัยกลางคนผู้นี้ได้ ซึ่งนางอยู่ขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 3 แต่กลับเลือกจัดการท่านหัวและเมิ่งฉิงเพียงลำพัง ทั้งสองคนนั้นสามารถต่อกรพวกเขาได้และยังอยู่ขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 3 อีกด้วย
“ผู้หญิงคนนี้ช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน”
ฝูงชนต่างคิดอยู่ในใจ ทันทีที่นางเริ่มเคลื่อนไหวก็ราวกับว่าในชั้นอากาศมีเพียงภาพเงาของนางเท่านั้น
“ทักษะพันเงามายาของป้าหยุน นับวันยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ” หลันเจียวกล่าวอย่างแ่เบา ทั้งที่นางมีความรู้สึกซับซ้อนกับหลินเฟิงเช่นนี้ แต่ป้าหยุนกลับ้าสังหารเขา
ท่ามกลางพายุที่รุนแรงนั้น เงามายาของป้าหยุนได้ห่อหุ้มร่างของท่านหัวและเมิ่งฉิงเอาไว้ แม้การโจมตีครั้งนี้จะไร้สุ้มเสียง แต่ผู้คนล้วนรับรู้ถึงแรงกดดันที่น่าหวาดกลัวได้ หากประมาทแม้แต่นิดเดียวก็อาจได้าเ็หรือตกตายได้
ขณะนั้นหญิงสาวทั้งสี่ก็เริ่มโจมตี พวกนางเข้าล้อมหลินเฟิงอย่างรวดเร็ว จนหลินเฟิงไม่อาจหลบหนีได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
“ตูม!!!”
ความหนาวเย็นเข้าปกคลุมบรรยากาศ ทำให้หลินเฟิงขมวดคิ้วและเงยหน้ามองเงาร่างทั้งสามที่กำลังต่อสู้อยู่ ดูเหมือนว่าเมิ่งฉิงในตอนนี้กำลังโกรธมาก นาง้าจะออกจากภาพลวงตาของหญิงวัยกลางคนให้ได้
“เมิ่งฉิงไม่ต้องสนใจข้า!”
หลินเฟิงะโบอกเมิ่งฉิง หลินเฟิงรู้ดีว่าเพื่อเขาแล้ว เมิ่งฉิงก็พร้อมทำทุกอย่าง นอกจากนี้เขายังรู้ว่าเมิ่งฉิงมีความสามารถที่แปลกประหลาดในการเพิ่มพลังการบ่มเพาะ แต่ถึงอย่างนั้น มันจะทำให้ร่างกายของนางได้รับภาระอย่างมาก และจะทำให้ไอเย็นที่อันตรายบุกทะลวงเข้าสู่ร่างกายของนางได้ แน่นอนว่าหลินเฟิงไม่ยอมให้เป็เช่นนั้น
หลินเฟิงยอมทนรับความเ็ปไว้แต่เพียงผู้เดียว!
“ถึงตาข้าบ้าง!” หลินเฟิงกล่าวพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เสี้ยวิญญา์ทั้งร้อยดวงหมุนวนรอบตัวเขา พร้อมกับปลดปล่อยลมปราณที่น่าสะพรึงกลัวออกมา!