หลังจากพวกบ่าวแยกย้ายกันไปแล้วก็คล้ายว่าจิตใจของนางจ้าวจะสบายขึ้นมาบ้าง นางมองหลิ่วจิ้งด้วยท่าทางเสียดาย“ฮูหยินเ้าคะ ดูท่าไฉ่เอ๋อร์คงไม่มีวาสนาได้เสพสุขจากเห็ดหลินจือเืดอกนี้เสียแล้วรู้แต่แรกข้าก็ไม่ควรรับของกำนัลล้ำค่านี้ของฮูหยินมาจะได้ไม่ต้องให้สูญเปล่าเช่นนี้”
นางจ้าวเรียกจือเซี่ยเข้ามาอีก “รีบเอาเห็ดหลินจือเืดอกนี้ไปทิ้งไกลๆอย่าให้ข้าเห็นมันอีก ข้าจะได้ไม่ต้องเสียใจ”
“เ้าค่ะฮูหยินใหญ่ บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เ้าค่ะ”จือเซี่ยรีบโน้มตัวลงไปเก็บเห็ดหลินจือเืดอกนั้น แล้วถือออกไปจากห้อง
ที่แท้ก็วางแผนชั้นดีชนิดลูกธนูดอกเดียวได้นกสองตัวเช่นนี้นี่เองนางจ้าวผู้นี้ไม่ได้อยู่ในจวนแม่ทัพมาเนิ่นนานอย่างเปล่าประโยชน์แผนการทั้งหมดนี้แม้แต่หลิ่วจิ้งเห็นแล้วก็ยังต้องอุทานในใจว่ายากจะเทียบชั้นได้
“นึกไม่ถึงว่าแต่เช้าตรู่เช่นนี้ในเรือนของฮูหยินใหญ่กลับเกิดเื่ขึ้นมากมาย คิดว่าฮูหยินใหญ่ก็คงจะเหนื่อยแล้วเช่นนั้นข้าจะไม่รบกวนเวลาพักผ่อน วันหลังค่อยมาเยี่ยมฮูหยินใหญ่ใหม่”หลิ่วจิ้งลุกขึ้น ดูละครฉากนี้จบแล้วก็ถึงเวลาออกจากโรงละครเสียที
จิตใจอาหนูไม่มีความเบิกบานเหมือนตอนเพิ่งเข้ามาในห้องเมื่อเห็นหลิ่วจิ้งลุกขึ้นทั้งกล่าวคำอำลา นางจึงกลับออกไปพร้อมกัน
แสดงละครจบแล้ว สิ่งที่ควรทำก็ทำแล้วอันตรายที่ควรกำจัดก็กำจัดไปแล้วเพียงแต่รู้สึกเสียดายเห็ดหลินจือเืดอกนั้นเหลือทนด้วยเหตุนี้แม้จะกำจัดภัยไปแล้ว นางจ้าวจึงไม่ได้รู้สึกเบิกบานใจกลับกันนางยังรู้สึกหดหู่ขึ้นมาเสียอีก
เพียงชั่วอึดใจ เรือนเฉินจื่อก็กลับมาสงบเงียบดังเดิมเหลือนางจ้าวอยู่ในห้องเพียงลำพัง จากนั้นไม่นานไม่รู้ว่าเหมยเซียงเข้ามาั้แ่เมื่อใด
“ฮูหยินใหญ่เ้าคะ แม้จะบอกว่าน่าเสียดายไปสักหน่อยแต่เมื่อครู่ท่านก็มิใช่ว่าเห็นรอยยิ้มเ้าเล่ห์ของอาหนูนั่นแล้ว หากไม่ทำเช่นนี้จะรับมือได้อย่างไรเ้าคะ”
เหมยเซียงย่อมรู้ว่าฮูหยินใหญ่เสียใจเื่ใด
วานนี้คนสวนที่ชื่อหลานอี้ก็ตรวจสอบแล้วว่าเห็ดหลินจือเืดอกนั้นเป็ของมีคุณภาพชั้นเอกทั้งยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่มีลูกไม้ใดใส่เอาไว้ พอนางจ้าวได้ยินดังนั้นก็ยิ้มอย่างเป็สุขทันใดทว่าจากนั้นแววตาของนางก็หม่นลง
นางเป็คนขี้ระแวงจึงไม่เชื่อคำพูดของใครทั้งนั้นต่อให้เป็คำของหลานอี้นางก็ยังไม่เชื่ออยู่สามส่วนหลานอี้เป็ญาติฝั่งมารดาของนางจึงมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับครอบครัวของนาง เมื่อบิดาของเขารู้ว่านางตั้งครรภ์จึงจัดหาคนจากบ้านมารดามาให้นาง ทว่าแม้จะเป็ดังนี้นางก็ยังไม่อาจเชื่อคำพูดของหลานอี้ได้ทั้งหมดจึงทำให้เกิดละครในวันนี้ขึ้นมา
นาง้าทำลายทั้งเห็ดหลินจือเืและดอกหญ้าเงาเ้าไปเสียทั้งหมดและต้องให้คนที่ทำลายมันลงมือโดยไม่ให้ใครล่วงรู้ดีที่ทุกสิ่งสำเร็จราบรื่นเกินคาดโดยเฉพาะจังหวะที่เหมยเซียงยกน้ำร้อนเข้ามาในห้องนั้นช่างเหมาะเจาะกับตอนที่นางโยนกระถางดอกหญ้าเงาเ้าพอดีทำให้สามารถทำลายดอกหญ้าเงาเ้าโดยไม่มีใครจับผิดได้
นางจ้าวต้องตื่นมาแต่เช้าเพื่อแสดงละครฉากนี้ให้สมจริงยามนี้กำจัดเื่หนักใจไปได้แล้ว ด้วยความอ่อนเพลียนางจึงนอนหลับไปอย่างสบายใจ
“ฮูหยินเ้าคะ วันนี้อากาศดีจริงๆพวกเราไปเดินเล่นที่สวนหลังจวนดีหรือไม่เ้าคะ”
อาหนูและหลิ่วจิ้งทยอยกันออกมาจากเรือนเฉินจื่ออาหนูเห็นหลิ่วจิ้งกำลังจะหันหลังเดินกลับไป จึงร้องเรียกเอาไว้
“ฮูหยิน ท่านต้องดื่มยาแล้วเ้าค่ะ หากยังไม่กลับไปก็จะล่วงเลยเวลาอีกประการฮูหยินก็…” อิ๋งเหอได้ยินอาหนูเชิญฮูหยินไปเดินเล่นในสวนดอกไม้นางรู้สึกไม่ยินยอมเป็ร้อยเท่า เพราะนางมองสีหน้าที่ทำให้คนหลงกลได้ง่ายของอาหนูไม่ออกจริงๆ
หากมิใช่เพราะอาหนูแล้งน้ำใจ เป่าจุ้ยเอ๋อร์ก็จะไม่ถูกไล่ออกจากจวนอิ๋งเหอสนิทสนมกับเป่าจุ้ยเอ๋อร์เป็อย่างมาก จนถึงตอนนี้ก็ยังคอยคิดถึงมิตรภาพของพวกนางอยู่ไม่สร่างนางจึงตั้งตนเป็อริกับอาหนู
อิ๋งเหอยังไม่ทันพูดจบก็ถูกหลิ่วจิ้งขัดขึ้นมา
“ไม่บ่อยนักที่อาหนูจะอารมณ์ดี ข้าก็อยากอารมณ์ดีเหมือนอาหนูบ้างเช่นนั้นก็ทำตามคำของอาหนู พวกเราไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้ด้วยกันเถิด”หลิ่วจิ้งตอบรับคำเชื้อเชิญของอาหนู
“ฮูหยิน ท่าน…” อิ๋งเหอกระทืบเท้าก่อนจะเดินตามหลิ่วจิ้งและอาหนูไปทางสวนหลังจวน
จื่อเซียวรู้สึกใที่เห็นท่าทางไม่พอใจของอิ๋งเหอนางเพิ่งเคยเห็นวิธีปฏิบัติตัวระหว่างหลิ่วจิ้งกับบ่าวเป็คราแรกทำให้นางอยากให้อาหนูปฏิบัติเช่นนี้กับตนบ้าง
“ฮูหยินเ้าคะ ท่านคิดเห็นเช่นไรกับเื่ที่เกิดในเรือนเฉินจื่อหรือเ้าคะ”เดินๆ ไปอาหนูก็เข้ามากระซิบเสียงเบาข้างหูหลิ่วจิ้ง
“คิดเห็นเื่ใด มีสิ่งใดไม่ถูกต้องหรือ?” หลิ่วจิ้งแสร้งตอบไปอย่างไร้เดียงสา
คำตอบของหลิ่วจิ้งทำอาหนูเกิดความสงสัยอยู่ในใจนางมองไม่ออกว่านี่เป็คำพูดจากใจจริงของหลิ่วจิ้งหรือจงใจเสแสร้งออกมากันแน่
อาหนูแอบมองหลิ่วจิ้งด้วยสายตาเคลือบแคลงพบว่าพอหลิ่วจิ้งพูดจบก็หันเหความสนใจไปยังสีสันของฤดูใบไม้ร่วงที่เบ่งบานอยู่เต็มสวนบอกกับอิ๋งเหอว่าตนอยากกินแกงจืดดอกเก๊กฮวยใส่ไข่ คล้ายมิได้สนใจหัวข้อสนทนาของนางเลย
อาหนูพลันมีสีหน้าเบื่อหน่ายขึ้นมาไม่รู้ว่าควรพูดกับหลิ่วจิ้งเื่หาวิธีรับมือนางจ้าวต่อหรือหันมาชมทิวทัศน์งดงามเหมือนที่หลิ่วจิ้งทำดี
ทว่าเมื่อนึกถึงโทสะที่ได้รับมาจากนางจ้าวเพราะเื่ที่ตนไม่มีบุตรทำให้ถูกนางจ้าวคอยถากถางอยู่ทุกทาง ทำเอานางร้อนรุ่มดั่งเพลิง สิ่งนี้คอยทับถมจนนางหนักอึ้งไปทั้งหัวใจ
อาหนูทนถูกดูแคลนไม่ไหวจึงยังคงหาโอกาสพูดเื่นี้กับหลิ่วจิ้งต่อ “ฮูหยินเ้าคะ อาหนูได้ข่าวหนึ่งมาไม่ทราบว่าควรพูดหรือไม่”
“โอ้ อาหนูได้ข่าวใดมาหรือ ทำเสียลึกล้ำเพียงนี้ ต่อให้ไม่ควรพูด แต่ก็ทำเอาข้าอยากรู้ขึ้นมาเสียแล้วแม้ว่าไม่ควรพูดข้าก็อยากฟัง” หลิ่วจิ้งหยุดเดินทำท่าประหนึ่งล้างหูรอฟังอย่างตั้งใจ
“พวกเ้าสองคนไปดูรอบๆ ให้ทั่ว”อาหนูแยกจื่อเซียวและอิ๋งเหอออกไปก่อน จึงขยับเข้าไปกระซิบข้างหูหลิ่วจิ้ง เอ่ยว่า“ฮูหยินเ้าคะ ข่าวที่ข้าได้มาคือท่านแม่ทัพให้สัญญากับฮูหยินใหญ่ว่าหากฮูหยินใหญ่คลอดบุตรอย่างปลอดภัยท่านแม่ทัพก็จะยกตำแหน่งฮูหยินเอกแม่ทัพให้แก่ฮูหยินใหญ่เ้าค่ะ”
อาหนูเห็นหลิ่วจิ้งขมวดคิ้วแน่นก็รู้ว่าข่าวของนางทำให้หลิ่วจิ้งสนใจขึ้นมาแล้วนางยินดีปรีดานัก ดูท่าจื่อเซียวพูดไว้ไม่ผิด ศัตรูของศัตรูบางคราก็อาจกลายมาเป็คู่คิดร่วมมือกันได้หากมิใช่เพราะเมื่อครู่นางมีน้ำโหมาจากนางจ้าวนางก็จะไม่ตัดสินใจร่วมมือกับหลิ่วจิ้งได้รวดเร็วขนาดนี้
“ฮูหยินเ้าคะท่านแม่ทัพยังบอกอีกว่าเขาจะไม่ยินยอมให้มารดาของบุตรชายคนโตของเขามีฐานะที่ไม่สูงส่งบุตรชายคนโตของท่านแม่ทัพจะต้องมารับตำแหน่งสืบทอดจวนแม่ทัพต่อไปย่อมสมควรมีชาติกำเนิดสูงส่ง เื่นี้ทำให้เห็นว่าวันที่นางจ้าวคลอดบุตรก็คือเวลาที่พวกเราต้องเปลี่ยนมาเรียกขานนางว่าฮูหยินแล้วเ้าค่ะ”
หลิ่วจิ้งคิดไว้อยู่แล้วว่าอาหนูต้องมีเื่พูดกับตนจึงรับปากมาเดินเล่นที่สวนหลังจวนด้วยกันเพียงแต่ไม่คิดมาก่อนว่าข่าวที่ได้ยินจากปากอาหนูกลับเป็ดั่งใบมีดคมที่กรีดดวงใจนางจนเป็เศษเล็กเศษน้อยเศษใจที่เล็กละเอียดนี้ ทำให้นางไม่อาจรู้สึกได้แม้กระทั่งความเ็ป
_____________________________
