ข้านี่แหละ! แข็งแกร่งที่สุดในสถาบันศิลปะการต่อสู้

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

ตอนที่ 7 ขั้นสีปลาย


“คิดยอด!”


คลื่นพลังภายในทะลักเข้าร่างราวคลื่นซัด ความอุ่นจากกลางทรวงอกซึมไหลจนปลายนิ้ว

วันเดียว… เขาขยับขึ้นได้อีก “หนึ่งขั้นเล็ก”


จางหย่งอันหมุนไหล่กำหมัดออกแรงวัดพลังตัวเอง เส้นลมปราณปะทุพลุ่งพล่าน

“ตอนอยู่ขั้นสาม จาก ‘กลาง’ ไป ‘ปลาย’ ยังลากเป็๲ปี… คราวนี้วันเดียวพุ่ง โอสถพลังภายในแรงจริง”


อารมณ์ยังคุกรุ่นเขาไม่หลับผลักประตูห้องอธิการบดี เดินรับลมรอบสถาบันกลางเดือนกันยายนยังอบอุ่น

ที่นี่พร๱๭๹๹๳์อาจไม่เด่นนัก แต่ใจสู้ กลิ่นอายของสายกำลังภายใน ลูกหลานทหารที่อยากเหยียบแนวรบ ไม่ใช่แค่สะสมตรา


สหพันธ์โลกมีกฎชัดเจน ใครสอบติดสายต่อสู้ จะสถาบันชั้นนำหรือซานเหอ แค่ “เป็๞นักสู้” ก็ต้องขึ้นสนามจริงอย่างน้อยหนึ่งครั้งถึงจบ สนามรบคือด่านพิสูจน์ ไม่ใช่บันไดลัด

จะหนีก็มี อย่างผู้หญิงในนัดบอดที่อยากอาศัยเหรียญกล้าหาญชั้นหนึ่งของเขา กันลูกตัวเองไม่ให้แตะสนามจริง ถ้าไม่คิดยืนหน้าด่านสกัดประตูมิติ ก็อย่าแย่งทรัพยากรจากคนที่สมควรยืนตรงนั้น


เดินไปโดยไม่ทันรู้ตัว เขาหยุดหน้าหอพักปีสอง คลื่นพลังบางๆ สั่นจากแต่ละห้อง—ยังคงฝึกกันอยู่ ไม่มีเสียงเกม ไม่มีโหวกเหวก มีแต่ลมหายใจของคนเข้าฌาน

เขายกมุมปาก “นี่สิของจริง”


—สามวันผ่านไป—


รอบแจกโอสถพลังภายในขั้นหนึ่งจบอีกชุดบรรยากาศการฝึกทั้งสถาบันเดือด

จางหย่งอันนั่งนิ่งในห้องอธิการบดีตรวจสอบพลังตนเอง “ขั้นสี่ปลาย” มาแล้วแต่ยังไม่เต็มขอบคืนแรกทะลุขั้นแรงเพราะโอสถเม็ดแรก สองคืนถัดมาจังหวะเริ่มเรียบ


“ถ้าล็อตนี้ดูดซับหมดน่าจะดันได้อีกแตะ ‘สูงสุด’ ไม่ยาก เผลอๆ ข้ามได้มากกว่านั้น”


เปลวไฟนักสู้ค่อยๆลุกโชน ไม่ใช่คนเหี่ยวเฉาเหมือนเมื่อไม่กี่วันก่อนแล้ว


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“เข้ามา”


เด็กหนุ่มร่างสูงเปิดประตู หลิวเจ๋อหลงประธานนักเรียนปีสามหนึ่งในไม่กี่คนที่ฝ่า “ขั้นหนึ่ง”

พ่อแม่เขาคือนักรบทั้งคู่ล้มลงในศึกป้องกันด่านสกัดประตูมิติเซี่ยงไฮ้


“ท่านอธิการบดีจางนี่รายชื่อรับสมาชิกสภานักเรียนปีหนึ่งขอให้ท่านเซ็นครับ

แล้วนี่รายชื่อทุนสนับสนุนผู้ขาดแคลนปีหนึ่งลดค่ากินอยู่ค่าศึกษาฟรี”


จางหย่งอันเซ็นชุดแรกฉับๆพอถึงทุนสนับสนุนเขาชะลออ่านทีละบรรทัด


“อันซิงผิง อันซิงอันฝาแฝดกำพร้าพ่อแม่ตายในสนารบ…”

“เฉินปิงหยวน พ่อแม่ตายเมื่อห้าปีก่อน ที่…”


เขายกมือกดหน้าผากสูดลมหายใจลึก

ตามจริง เด็กเราถ้าไปสถาบันอื่นก็ ข้าชั้นยากจนได้เกือบทั้งหมด ทว่าในซานเหอ…ต้องคัดเข้มยิ่งกว่าเดิมจึงได้สิทธิ์เพราะโควตาน้อย


คิ้วเขาขมวดแน่น “ท้ายที่สุดเหรียญสหพันธ์ก็เข้าขั้นวิกฤต… ราวกับกวาดคนยากจนทั้งแผ่นดินมารวมไว้ที่เดียว จะได้ไม่ต้องไปแย่งทรัพยากรกับใครอื่นงั้นหรือ เด็กพวกนี้ถูกติดป้ายว่า ‘ของเหลือ’ แล้วโยนให้สถาบันเรารับเหมือนที่ทื้งขยะอย่างนั้นน่ะหรือ”


เขาเซ็นทุกชื่อในโควตา มีเพียงยี่สิบคนคนละ 5,000 เหรียญสหพันธ์ต่อปี

พอประคองชีพแต่สำหรับการฝึกไม่พอแน่


หลิวเจ๋อหลงรับเอกสาร เงยหน้าถามตรงๆ

“วันที่ท่านอธิการบดีจางพูดบนเวที… เ๱ื่๵๹จริงไหมครับทุกคนรอฟังกันอยู่”


จางหย่งอันสบตาเห็นทั้งหวังและกลัวปะปนเหมือนกำฟางเส้นสุดท้ายไว้แน่นๆ กลัวเผลอบีบจนขาดเขาลุกขึ้นตอบสั้นๆชัดเจน


“ตราบใดที่ฉันยังมีลมหายใจและยังนั่งเก้าอี้นี้ คำที่ฉันพูด ‘แจก’

โอสถให้เด็กใช้ให้เต็มที่ไม่ต้องกั๊ก”


หลิวเจ๋อหลงยืดตัวตรงวันทยหัตถ์หนึ่งที แล้วก้มหัว


ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าดังจากระเบียงชู่จื่อหางโผล่ที่ประตูสีหน้าเคร่งเคลียด

“ท่านอธิการบดีจาง ครอบครัวของอาจารย์ที่สละชีพกำลังรวมตัวโวยวายหน้าสถาบันขอให้ท่านไปดูครับ”


จางหย่งอันพยักหน้าคว้าเสื้อคลุมพาดบ่า

“ไปคุยกันให้ชัดเจน”


ค่ำคืนนั้นฟ้ายังอุ่น แต่ใจเขานิ่งคมกริบ

และไม่นาน ระบบรวบรวมพลัง ของเด็กทั้งสถาบันจะตอบกลับมาอีกรอบดังกว่าคืนไหนๆ



—โปรดติดตามตอนต่อไป—

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้