หลังจากข่าวเื่คลื่นอสูรแพร่กระจายออกไป ตระกูลหลินก็รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล ท้ายที่สุดแล้ว มีผู้คนมากมายต้องสังเวยชีวิตไปอย่างไร้ค่า ทำให้สมาชิกตระกูลหลินรู้สึกอึดอัดอย่างมาก ราวกับหายใจไม่ออก
อาจกล่าวได้ว่าตระกูลเล็กๆ นับไม่ถ้วนที่เคยพึ่งพาตระกูลหลินเพื่อความอยู่รอด ต่างพากันหลบหนีออกจากเขตเมืองต้าเยียน
บางคนที่หนีไปไม่ได้ก็รู้สึกสิ้นหวัง พวกเขาคิดว่าครั้งนี้ต้องตายไปพร้อมกับตระกูลหลินอย่างแน่นอน
พายุหายนะกำลังก่อตัว และทั่วทั้งเมืองต่างสั่นะเื
ภายในโถงประชุมของตระกูลหลิน บรรยากาศเคร่งเครียดเป็อย่างมาก
การประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมไม่มากนัก มีเพียงบรรพชนและาุโไม่กี่คนของตระกูลหลินและหัวหน้าฝ่ายบางส่วน ส่วนคนรุ่นเยาว์และผู้ที่มีกำลังไม่เพียงพอต่างไม่ได้เข้าร่วม
ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นใด แต่เป็เพราะเื่ที่ต้องหารือกันในที่ประชุมครั้งนี้ไม่เหมาะที่จะให้แพร่งพรายออกไป
"การเตรียมค่ายกลของพวกเราเป็อย่างไรบ้าง?" ผู้าุโคนหนึ่งเอ่ยถาม
"การเตรียมการส่วนใหญ่เสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียงอีกเล็กน้อย ยังมีเวลาอีกสามวันก่อนศึกใหญ่ แต่สามวันนี้ก็เพียงพอสำหรับการเตรียมค่ายกลให้สมบูรณ์" หลินฮ่าวตอบด้วยความเคารพ
ผู้าุโหลายคนพยักหน้า
"การเตรียมงานเลี้ยงฉลองครบเดือนเป็อย่างไรบ้าง?"
"ทุกอย่างพร้อมแล้ว งานเลี้ยงกำลังถูกจัดเตรียม คำเชิญก็ถูกส่งไปหมดแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงรอให้ถึงวันนั้น" หลินฮ่าวตอบรับ
"มีใครตอบรับบ้างไหม?"
"ไม่มีใครเต็มใจมาร่วมงาน ทุกคนต่างใช้เหตุผลต่างๆ ปฏิเสธคำเชิญ" สีหน้าของหลินฮ่าวดูขมขื่นเล็กน้อย
"ข้าก็พอเดาได้ว่าจะเป็แบบนี้"
ขณะที่กำลังสนทนา ด้านนอกโถงประชุม ชายหนุ่มในชุดคลุมสีขาวเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม แขนเสื้อของเขาพลิ้วไหวไปตามสายลม ดวงตาของเขาสงบนิ่ง
"บรรพชน!"
"บรรพชน!"
บรรพชนหลินโบกมือให้ทุกคนในตระกูลนั่งลง เขาเองก็นั่งลงด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยขึ้น
"ตามตรงแล้ว ข้าเองก็ไม่คิดเลยว่าเส้นทางหลบหนีที่ข้าเตรียมไว้เมื่อหลายปีก่อนจะมีประโยชน์ในวันนี้"
"เมื่อถึงเวลาศึกใหญ่ เราจะใช้ค่ายกลนี้ช่วยให้คนรุ่นเยาว์หลบหนีออกไปให้เร็วที่สุด ส่วนเื่การต่อต้านเ้าแห่งหุบเหว คนแก่ๆ อย่างพวกเราจะเป็ผู้รับมือเอง"
ในดวงตาของบรรพชนหลินไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย เขามองไปรอบและยิ้ม
"แม้ว่าเราจะเอาชนะเ้าแห่งหุบเหวไม่ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไร เราก็สามารถถ่วงเวลาเขาได้ ข้าเองก็ก้าวเข้าใกล้ระดับนั้นไปครึ่งก้าวแล้ว"
"ต่อให้เ้าแห่งหุบเหวแข็งแกร่งเพียงใด ก็ไม่มีทางสังหารข้าได้ในพริบตา"
เมื่อได้ยินคำพูดของบรรพชนหลิน บรรยากาศในโถงประชุมก็เงียบงัน ความรู้สึกกดดันค่อยๆ ก่อตัวขึ้น
ทุกคนในที่นี้ต่างเข้าใจความหมายของบรรพชนหลินเป็อย่างดี พวกเขารู้ว่าเ้าแห่งหุบเหวแข็งแกร่งเพียงใด และแม้ว่าบรรพชนหลินจะไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะเขาได้ แต่เขาก็พร้อมจะสละชีวิตเพื่อถ่วงเวลาให้นานที่สุด เพื่อให้คนรุ่นเยาว์ของตระกูลหลินมีโอกาสรอดพ้นจากเมืองต้าเยียน
"ข้า... หลินฮ่าว ได้ทำให้ตระกูลหลินต้องผิดหวัง!"
จู่ๆ หลินฮ่าวก็คุกเข่าลงกับพื้น ก้มศีรษะโขกกับพื้นอย่างเคารพต่อบรรพชนและผู้าุโในตระกูล ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ร่างของเขาสั่นเล็กน้อย
ริมฝีปากของหลินฮ่าวเม้มแน่น เขารู้ดีว่าหากไม่ใช่เพราะหลินเสวียนกินแท่นบูชาห้าสีเข้าไป พวกเขาอาจจะไม่ต้องเผชิญกับวิกฤติความเป็ความตายเช่นวันนี้ ตระกูลหลินอาจยังคงเป็ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรฉีซาน ไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้
ผู้าุโบางคนขมวดคิ้ว และหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง หลินเป่าก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า
"เ้าจะคุกเข่าทำไม?"
"เ้าคิดว่าถ้าไม่มีเสวียนเอ๋อร์ เ้าของหุบเหวจะอยู่ร่วมกับเราด้วยสันติได้อย่างนั้นหรือ?"
"เป็ไปไม่ได้!"
"ก่อนหน้านี้ เขาแอบซ่อนพลังของตนเองในหุบเหวมาเป็เวลานาน ทำเพื่ออะไร? ก็เพื่อรอวันที่เขาจะทะลวงผ่านระดับใหม่น่ะสิ! แล้วตอนนั้น เขาจะปล่อยอาณาจักรฉีซานไปง่ายๆ หรือ? ต่อให้ไม่มีเสวียนเอ๋อร์ เขาก็ไม่มีทางปล่อยเราไปอยู่ดี!"
ผู้าุโอีกคนพยักหน้าและกล่าวเสริมว่า
"ตอนนี้คนอื่นๆ ในอาณาจักรฉีซานเอาแต่มองดูเื่ราวเป็เพียงความบันเทิง พวกเขามันโง่เขลา! เมื่อถึงวันที่ตระกูลหลินของเราต้านทานไม่ไหว ชีวิตดีๆ ของพวกมันก็จะจบลงเช่นกัน!"
ผู้าุโอีกคนที่มีนิสัยใจร้อนะโขึ้นอย่างโกรธเคือง
"ลุกขึ้น หลินฮ่าว! เ้าคือบิดาของบุตรศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลหลินเรา! เ้าจะมาหมดอาลัยตายอยากแบบนี้ได้อย่างไร?"
เมื่อเหล่าผู้าุโเห็นหลินฮ่าวคุกเข่าลงกับพื้น พวกเขาต่างรู้สึกทั้งโกรธและเ็ป โกรธที่เ้าแห่งหุบเหวหยิ่งยโสและกดขี่ข่มเหง เ็ปที่พวกเขาไร้กำลังพอจะปกป้องลูกหลานของตระกูลตนเอง
บรรพชนหลินลุกขึ้นยืนและประคองหลินฮ่าวขึ้น
"เ้าคุกเข่าทำไม? ข้าไม่เคยตำหนิเ้าเลย!"
"หลินฮ่าว เ้าต้องเข้าใจว่าตระกูลหลินของเราเคยผ่านพ้นวิกฤติมาแล้วกี่ครั้ง?"
สีหน้าของบรรพชนหลินสงบนิ่ง เขาเดินผ่านศาลบรรพชน มือไขว้หลัง มองออกไปยังทิวทัศน์เบื้องหน้า ดวงตาของเขาเปล่งประกาย
"นับไม่ถ้วน ข้าคุ้นชินกับการใช้แสงดาบเพื่อนำทางผ่านความมืดมิดอันไร้สิ้นสุดแล้ว"
"ขณะนี้ พายุเริ่มก่อตัวและสายฝนเริ่มโปรยปราย หายนะจากหุบเหวกำลังจะมาถึง"
"ในอาณาจักรฉีซานตอนนี้ มีผู้คนร้องไห้และหัวเราะกลางสายฝน บ้างหลบฝนใต้หลังคา บ้างกางร่มมองสายรุ้ง บ้างก็มองดูเหตุการณ์อย่างเฉยเมย และบ้างก็โก่งหลัง พยายามหลีกหนีพายุฝนนี้…"
ท้องฟ้าที่ห่างออกไปนั้นมืดครึ้ม เมืองต้าเยียนและพื้นที่โดยรอบในระยะห้าหมื่นลี้เต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาล แม้แต่การหายใจยังติดขัด
บรรพชนหลินยื่นฝ่ามือออกไปนอกประตู เงยหน้าขึ้นและกำหมัดแน่น
สายตาของเขาจ้องตรงไปยังทิศทางของหุบเหว จู่ๆ พลังอันเกรี้ยวกราดก็ปะทุออกมาจากร่างของบรรพชนหลิน ประหนึ่งเปลวไฟแห่งาที่พุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า!
เขาหันกลับมา ดวงตาลุกโชนด้วยประกายเพลิง!
"ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้น ตระกูลหลินของข้าจะไม่หลบหนี!"
"จงยืดหลังให้ตรง! เขาก็เป็แค่เ้าแห่งหุบเหวคนหนึ่งมิใช่หรือ? หากเขากล้าบุกรุก เราก็กล้าต่อสู้!"
...
ตระกูลหลินเตรียมการหลายอย่างภายในศาลบรรพชน บรรพชนหลินสั่งให้ผู้าุโเลือกคนรุ่นเยาว์และเตรียมค่ายกล พวกเขาจะถูกส่งออกไปในวันงานเลี้ยงฉลองครบเดือน
ในจวนของหลินเสวียน เขานอนอยู่ในอ้อมแขนของเสวียนอวี่ พลางฝึกฝนเงียบๆ
หลินเสวียนรับรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอกได้อย่างชัดเจน
เ้าแห่งหุบเหวกำลังจะลงมาทำลายล้างตระกูลหลินแล้ว รอยแยกมิติสีดำสนิทแขวนอยู่เหนือท้องฟ้า ขณะที่เมืองต้าเยียนอันยิ่งใหญ่บัดนี้แทบจะกลายเป็เมืองร้าง
จากสถานการณ์ที่เป็อยู่ ตระกูลหลินตกอยู่ในอันตรายอย่างถึงที่สุด
เ้าแห่งหุบเหวคือยอดฝีมือในยุคโบราณ แม้แต่ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหลินอย่างบรรพชนหลิน ยังไม่อาจมั่นใจได้ว่าจะเอาชนะได้
แม้ว่าหลินเสวียนจะร้อนรนเพียงใด แต่เขาก็รู้ดีว่าความร้อนรนไร้ประโยชน์ เขาทำได้เพียงระงับอารมณ์ตัวเองและเร่งดูดซับพลังปราณม่วงและเสียงแห่งมหาเต๋าที่หลงเหลืออยู่ในร่างอย่างสุดความสามารถ
"ข้าควรจะสามารถดูดซับพลังปราณม่วงและเสียงแห่งเต๋าเหล่านี้ได้สำเร็จก่อนถึงงานเลี้ยงฉลองครบเดือน"
"ข้าควรจะสามารถลงมือได้ในวันงานเลี้ยงฉลองครบเดือน"
"ตอนนั้น โอกาสรอดของข้าจะสูงขึ้น"
หลินเสวียนคิดในใจ เขาหลับตาแน่นและเข้าสู่สภาวะบ่มเพาะพลังอย่างมุ่งมั่น
ขณะที่หลินเสวียนฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง เวลาก็ค่อยๆ ผ่านไป...
