ตอนเถารั่วเซียงออกมาจากห้องสมุด ก็สังเกตเห็นว่าเริ่มมีฝนตกปรอยๆ แล้ว
โรงเรียนในยามค่ำคืนสุดท้ายก็สงบลงจนได้
เดินมาสักพัก จู่ๆ เถารั่วเซียงก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา เพราะรู้สึกเหมือนคืนนี้จะเงียบมากผิดปกติ
และแล้วเธอก็ตระหนักได้ว่า ที่แท้หลายวันที่ผ่านมาฉินหลางส่งเธอกลับหอพักเสมอ เธอจึงไม่รู้สึกกลัว แต่ตอนนี้เธอเดินกลับคนเดียว จึงอดที่จะรู้สึกกลัวไม่ได้
ขณะนี้เถารั่วเซียงเพิ่งจะรู้ว่า การมีฉินหลางอยู่ข้างๆ นั้นทำให้ตนรู้สึกอุ่นใจมากแค่ไหน
ั้แ่วันนั้นที่กลับจากเขาชิวหยุ๋น เถารั่วเซียงก็วิตกกังวลเื่ความสัมพันธ์ของเธอกับเขามาโดยตลอด ตอนอยู่บนยอดเขาชิงหยุ๋น เถารั่วเซียงััได้ถึงความรู้สึกที่ฉินหลางมีต่อเธอ ซึ่งเป็ความรู้สึกที่ผ่านการทดสอบของความเป็ความตายมาก่อน ถ้าหัวใจเธอไม่ได้ทำจากก้อนหินหรือเหล็ก เธอก็ต้องซาบซึ้งใจเป็ธรรมดา แล้วที่ยิ่งไปกว่านั้น เธอเป็คนเริ่มทำอะไรกับฉินหลางตอนฤทธิ์ยากำเริบ ตอนนี้เธอคิดถึงเื่นี้ทีไรก็รู้สึกอายทุกที
แต่หลังจากกลับมาที่โรงเรียนแล้ว เถารั่วเซียงกลับต้องเตือนตัวเองให้รักษาระยะห่างกับฉินหลาง เธอต้องเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าตัวเองเป็อาจารย์ ส่วนฉินหลางเป็นักเรียน ฐานะของเขากับฉินหลางได้กำหนดแล้ว ว่าระหว่างเธอและเขาจะเกิดความรู้สึกอื่นต่อกันไม่ได้ และวันนี้ ตอนที่เห็นฉินหลางกับรั่วปินคุยกันอย่างสนิทสนมแล้ว ในใจเธอกลับรู้สึกอิจฉาขึ้นมา เพราะฉะนั้นวันนี้หลังจากติวให้ฉินหลางเสร็จ เธอจึงปฏิเสธที่จะให้ฉินหลางไปส่งเหมือนเดิม
ตอนนี้ดูไปแล้ว เถารั่วเซียงรู้สึกว่าตัวเองกำลังงอนเขาชัดๆเลย
ในตอนนี้เอง กอหญ้าข้างกายก็มีลมพัดผ่าน ทำเอาเถารั่วเซียงสะดุ้งโหยงอย่างอดไม่ได้
“เหมี้ยว!~”
แมวตัวหนี่งมุดออกมาจากกอหญ้า
คิดไปเอง!
เถารั่วเซียงถอนหายใจไปเฮือกหนึ่ง
“ฮัดชิ้ว!”
ลมหนาว และสายฝนโปรยปรายในยามค่ำคืน จู่ๆ เถารั่วเซียงก็จามออกมาอย่างกะทันหัน
นี่เราเป็หวัดแล้วเหรอ?
ลมหนาวในคืนที่ฝนโปรยปรายอย่างนี้ยิ่งทำให้เถารั่วเซียงหนาวจับใจ ตอนนี้ทั้งร่างกายและหัวใจของเธอเปราะบางมากพอๆ กัน อยู่ดีๆ เธอก็เริ่มรู้สึกแสบจมูก เหมือนว่าน้ำตาเธอกำลังจะไหล
ในเวลานี้เอง จู่ๆ ร่างกายเถารั่วเซียงก็รู้สึกถึงไออุ่น ที่แท้ก็มีเสื้อตัวหนึ่งคลุมอยู่บนไหล่ของเธอนี่เอง
“เป็หวัดแล้วเหรอ?” ตอนแรกเถารั่วเซียงใมาก แต่เมื่อเธอได้ยินเสียงนี้ ทันใดนั้นเธอกลับรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด
ั้แ่เธอกับฉินหลางผ่านความเป็ความตายด้วยกันมา เถารั่วเซียงก็รู้สึกกว่าการมีเ้าหมอนี่อยู่ข้างกาย ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้นได้มากจริงๆ และที่เธอรู้สึกแบบนี้ไม่ได้เป็เพราะฉินหลางเก่งมากเท่านั้น แต่เพราะเถารั่วเซียงรู้ว่าฉินหลางยอมสละเพื่อเธอได้แม้แต่ชีวิตต่างหาก
“ไม่ได้ให้นายมาสนใจ!” เถารั่วเซียงสบถ แต่ทันทีที่พูดจบ เธอก็รู้สึกว่าที่พูดออกไปนั่นไม่เหมาะสม เพราะไม่ว่าจะฟังยังไงก็เหมือนคนคู่รักที่กำลังงอนกันอยู่ ดังนั้นเธอจึงตอบด้วยน้ำเสียงปกติอีกครั้งว่า “ฉันไม่เป็ไร”
เหมือนว่าฉินหลางจะไม่ทันได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในน้ำเสียงของเธอ เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยังจะว่าไม่เป็ไรอีก ดูสิคุณเป็หวัดแล้วเนี่ย”
“ฉันไม่ได้อ้อนแอ้นขนาดนั้น—ฮัดชิ้ว!” เถารั่วเซียงพูดไม่ทันจบ ก็จามขึ้นอีกครั้ง
“ยังจะบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็ไรอีก” ฉินหลางกล่าว “ขอโทษนะ เป็เพราะผมให้คุณมาช่วยติวแท้ๆ เลย คุณถึงได้เป็หวัดแบบนี้”
“รู้ตัวก็ดี” เถารั่วเซียงสบถเสียงเย็นเยือก
“ครับ เื่นี้เป็ความผิดของผมจริงๆ แต่เมื่อกี้ทำไมคุณถึงปฏิเสธที่จะให้ผมไปส่งล่ะครับ?”
“นายเรียนนานขึ้นอีกหน่อย มันก็เป็ผลดีกับตัวนายมากขึ้นหน่อย” เถารั่วเซียงไม่มีทางพูดเหตุผลที่แท้จริงอยู่แล้ว
“เฮ้อ เพราะเื่นี้เองเหรอ” ฉินหลางกล่าว “คุณไม่อยู่ติวให้แล้ว ผมจะมีกะจิตกะใจเรียนรู้ต่อได้ยังไงล่ะ แล้วไหนยังจะต้องเป็ห่วงคุณอีก มืดก็มืด แสงไฟก็ไม่มี คนสวยมาเดินอยู่คนเดียวในโรงเรียนแบบนี้ จะไม่ให้ผมเป็ห่วงได้ยังไงล่ะ”
“ขอร้องเถอะ นี่มันในโรงเรียนนะ ไม่ได้มีอะไรอันตรายขนาดนั้น แล้วอีกอย่างฉันก็เคยเรียนศิลปะป้องกันตัว…ฮัดชิ้ว!”
“ฝีมือแค่นั้นของคุณน่ะเหรอ?” ฉินหลางยิ้มจางๆ “อย่างมากก็จัดการได้แค่พวกลามกธรรมดาๆ นั่นแหละ”
คำพูดของฉินหลางหมายความว่า ถ้าเจอพวกลามกระดับเขาละก็ เถารั่วเซียงคงไม่รอดแน่
“ใช่ นายเก่งศิลปะป้องกันตัว” เถารั่วเซียงกล่าว “ถึงนายจะเก่งศิลปะป้องกันตัว ก็มาคุ้มครองฉันทุกวันไม่ได้อยู่ดี”
“ขอแค่อาจารย์เถาเต็มใจ ผมจะปกป้องคุณทุกวันเอง” ฉินหลางพูดขึ้นด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง
เถารั่วเซียงรู้ว่าเ้าหมอนี่พูดจาสองแง่สองง่ามอีกแล้ว ทว่าในใจกลับไม่มีทางโมโหเขาได้ เธอพูดขึ้นว่า “จะเป็ไปได้ยังไง ต่อไปพอนายมีแฟนของตัวเองแล้ว นายจะต้องปกป้องแฟนนายเป็อันดับแรกอยู่แล้ว นายก็คงไม่มีเวลาจะมาสนใจอาจารย์อย่างฉันอีกแล้ว”
“งั้นอาจารย์เถาก็เป็แฟนผมสิครับ แค่นี้ก็ได้ประโยชน์สองต่อแล้วไม่ใช่เหรอ?” ฉินหลางพูดด้วยรอยยิ้ม
เถารั่วเซียงหน้าแดงก่ำ ยังดีที่ตอนนี้เป็ตอนกลางคืน ฉินหลางจึงมองไม่เห็น เธอจึงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ล้อเล่นก็ควรจะเล่นแค่พอดีนะ แล้วอีกอย่าง นายก็ใช่จะอยู่อย่างสงบซะที่ไหน จริงสิ นายกับรั่วปินเป็อะไรกันเหรอ วันนี้ฉันเห็นพวกนายท่าทางจะสนิทสนมกันมาก น้อยครั้งมากเลยนะที่เธอจะคุยกับผู้ชายน่ะ”
ทันทีที่หลุดคำนี้ออกไป เถารั่วเซียงก็แอบด่าตัวเองในใจ ว่าสงสัยตัวเองคงจะเป็หวัดจนหน้ามืดไปแล้วแน่ๆ เลย ถามคำถามอย่างนี้ไปได้ยังไง รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหึงอยู่อย่างนั้นแหละ
“อ๋อ ผมกับรั่วปินเป็เพื่อนกันั้แ่ตอนเรียนอนุบาล แต่ไม่นานเราก็แยกจากกันแล้ว คิดไม่ถึงว่าผ่านไปนานขนาดนี้แล้วยังมีโอกาสได้กลับมาเจอกันอีก” ซึ่งในเื่นี้ฉินหลางไม่ได้โกหกแม้แต่นิดเดียว
“เพื่อนสมัยอนุบาล? งั้นก็เป็คนรู้ใจั้แ่เด็กล่ะสิ? ไม่น่าล่ะ…”
“ขอร้องเถอะ ตอนนั้นผมยังเป็เด็กไม่รู้ประสีประสาอยู่เลย” ฉินหลางรีบอธิบาย
“รั่วปินเป็ผู้หญิงที่ดีมาก เธอหน้าตาสะสวยและฉลาดมากด้วย นอกจากนี้ยังมีพร์ในด้านดนตรี…สรุป ถ้านายสามารถจีบเธอติด แสดงว่านายต้องสะสมบุญมามากกว่าแปดชาติแน่นอน แต่ว่าไปจะกลัวก็แต่เธออาจจะไม่ชอบนายมากกว่า เพราะเกรดของนายแย่เกินไป…ฮัดชิ้ว…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ผมส่งคุณกลับหอพักเถอะ” ฉินหลางเห็นว่าเถารั่วเซียงเริ่มจะเป็หวัดหนักขึ้นแล้ว จึงรีบไปส่งเธอยังหอพัก ทว่าครั้งนี้เถารั่วเซียงกลับไม่ได้ปฏิเสธ
เมื่อมาถึงในหอพักแล้ว เถารั่วเซียงกลับจามไม่หยุด
“ทำไมคุณถึงเป็หนักขนาดนี้ล่ะ?” ฉินหลางขมวดคิ้วพลางถามขึ้น
“ตอนเย็นก็เริ่มรู้สึกเวียนหัวแล้ว” เถารั่วเซียงกล่าว “นายลืมไปแล้วเหรอ วันนี้ฉันให้คนส่งซุนปอกับไช่เว้ยตงไปที่โรงพยาบาล ตอนกลับมาฉันไม่ทันระวังก็เลยเปียกฝน ตอนเย็นก็เริ่มรู้สึกไม่สบาย”
“ในเมื่อไม่สบาย ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่มาหาผม?” ฉินหลางเริ่มเป็ห่วงพร้อมทั้งตำหนิ “ถ้าคุณมาให้ผมดูตรวจให้ั้แ่ตอนเย็น ตอนนี้คุณก็ไม่ป่วยหนักขนาดนี้แล้ว—”
“ตัวยังร้อนอยู่เลย!” ฉินหลางยื่นมือแตะหน้าผากของเถารั่วเซียง รู้สึกได้ทันทีว่าอุณหภูมิในร่างกายเธอผิดปกติ “ไม่รู้จักรักสุขภาพตัวเองเอาซะเลย! ถ้ามาให้ผมตรวจเร็วกว่านี้ คุณก็ไม่ตัวร้อนขนาดนี้แล้ว”
“ขอร้องเถอะ ฉันเป็อาจารย์ของนายนะ จะต้องให้นายมาสอนฉันด้วยเหรอ?” เถารั่วเซียงกล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์ “แค่เป็หวัดเล็กน้อยเอง ฉันกินยาแก้หวัดไปสักแผงก็น่าจะหายดีแล้ว”
“ยารักษาหวัดแบบแผงกินมั่วไม่ได้!” ฉินหลางพูดด้วยท่าทีราวกับกำลังสั่งสอน “หมอไม่เคยบอกคุณหรือไง กินยามั่วๆ มันอาจจะทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้! คุณรอเดี๋ยวนะ ผมจะไปจัดยามาให้!”
“ดึกขนาดนี้แล้ว นายจะไปจัดยาที่ไหน?”
“ก็ต้องที่ร้านขายยาอยู่แล้วสิ” ฉินหลางกล่าว “เมืองเซี่ยหยางใหญ่ขนาดนี้ จะหาร้านขายยาที่เปิดตอนกลางคืนไม่ได้สักร้านเลยหรือไง”
“ช่างเถอะ ดึกขนาดนี้ขนาดประตูโรงเรียนยังปิดไปตั้งนานแล้วเลย พรุ่งนี้ค่อยว่ากันเถอะ แค่เป็หวัดเอง ทนมาทั้งคืนยังไม่เห็นจะเป็ไรเลย” เถารั่วเซียงได้ยินที่ฉินหลางพูด ในใจก็รู้สึกตื้นตันอยู่ไม่น้อย แต่ตอนนี้ฝนยังตกโปรยปรายอยู่เลย ซึ่งเธอก็ไม่อยากให้ฉินหลางเดินตากฝนออกไป
“ไม่เป็ไร เดี๋ยวผมจะปีนออกไปจากกำแพงที่อยู่ทางด้านหลัง ไม่นานหรอก” ฉินหลางกล่าว ด้านหลังหอพักขอเถารั่วเซียงอยู่ใกล้กับกำแพงโรงเรียน ปีนข้ามกำแพงโรงเรียนออกไป ก็ถึงถนนด้านนอกแล้ว
“ช่างเถอะ บนกำแพงมีลวดหนามอีก เกิดนายพลาดขึ้นมาเดี๋ยวก็ได้กลายเป็ขันทีหรอก” เถารั่วเซียงพูดล้อเล่น
“อาศัยศิลปะการต่อสู้ของผม จะเป็อย่างนั้นไปได้ไง?” เหมือนฉินหลางจะตัดสินใจแน่วแน่แล้ว “คุณเช็ดผมให้แห้งก่อนนะ รอแป๊บเดียวผมก็กลับมาแล้ว เมื่อป่วยแล้วก็จะต้องรีบรักษา ไม่อย่างนั้นจากโรคเล็กน้อยก็จะกลายเป็ที่ร้ายแรงได้นะ”
พูดจบ ฉินหลางก็เดินออกไปทันที
เ้าหมอนี่กระฉับกระเฉงมาก เพียงครู่เดียว เถารั่วเซียงที่ยืนอยู่บนระเบียงก็เห็นท่าปีนข้ามกำแพงของเขา ยังวิ่งไปไม่ทันถึงกำแพง เขาใช้ขาข้างหนึ่งแตะกำแพง สปริงตัวขึ้น ยื่นมือข้างหนึ่งวางไปบนขอบกำแพง ทันใดนั้นตัวเขาก็ลอยขึ้นไปบนขอบกำแพง แล้วะโออกไปได้อย่างง่ายดาย กระบวนการนี้ ดูคุ้นเคยมากกว่าตำรวจติดอาวุธที่ได้รับการฝึกมาเป็พิเศษซะอีก
เพียงแต่ อยู่ๆ ก็มีลมหนาวพัดขึ้นมาบนระเบียง ทำให้เถารั่วเซียงรู้สึกไม่สบายมากขึ้นไปอีก ดังนั้นเธอจึงรีบเข้ามาในห้องอาบน้ำและวางแผนที่จะอาบน้ำอุ่นๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้