หยางหนิงมุ่งหน้าไปยังเขาเสียซาน พระอาทิตย์ใกล้อัสดง เมื่อมองไปที่ไกลๆ ก็มองูเาหลายลูก ูเาในเจียงหลิงมีมากมายหลายร้อยลูก แต่ว่าไม่สูงมาก ทอดยาวติดต่อกันสลับทับซ้อนกันไปมา
เมื่อควบม้ามาได้ระยะหนึ่ง ก็เห็นเขาเสียซานอยู่ห่างออกไปไม่กี่ลี้ ด้านข้างมีแม่น้ำอยู่สายหนึ่ง เขารู้ทันทีว่าน่าจะเป็แม่น้ำหงซา แม่น้ำหงซาทอดยาวออกไปและคดเคี้ยวไปมา เสียงไหลดูเป็ธรรมชาติ น้ำใสสะอาด ทางตะวันออกของแม่น้ำหงซาเป็ที่นาขนาดใหญ่ เมื่อตะวันใกล้อัสดง ทั่วทั้งพื้นที่ก็เป็สีเหลืองทอง
หยางหนิงรู้ว่าคลังสินค้าสร้างอยู่ริมแม่น้ำหงซา จึงมุ่งหน้าไปยังแม่น้ำหงซา ก่อนที่พระอาทิตย์จะอัสดง เขาก็เห็นบ้านหินอยู่หลายหลังตั้งอยู่ชัดเจน
เขารู้ทันทีว่าที่นั่นคือคลังสถานที่ที่คนผู้นั้นนัดหมาย จึงไม่รอช้ารีบควบม้าตรงไปยังสถานที่แห่งนั้นทันที เห็นบริเวณคลังไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว จึงเข้าไปใกล้คลัง เห็นคลังเรียงติดกันเป็แถวยาว มีประมาณสามถึงสี่หลัง เมื่อนึกถึงความปลอดภัย คลังสร้างจากหินทั้งหมด ก้อนหินก็น่าจะเอามาจากบนเขา
ด้านหน้าของคลังตรงกับทางทิศตะวันออก ด้านหลังทิศตะวันตกเป็แม่น้ำหงซา เมื่อข้ามแม่น้ำไปไม่กี่ลี้ก็จะถึงเขาเสียซาน คิดว่าตอนที่สร้างคลัง น่าจะขนย้ายก้อนหินจากูเาข้ามแม่น้ำนี้มา
นำหินมาสร้างคลัง แน่นอนว่าคลังนี้ต้องแข็งแรงและปลอดภัยยิ่ง
หยางหนิงควบม้ามาถึงด้านหน้าคลัง คลังทั้งสี่หลังเรียงกันเป็แนวยาว เขายังไม่ลงจากม้า ยื่นมือไปหยิบมีดสั้นออกมาจากหน้าอก มือหนึ่งถือเชือกบังคับม้าเอาไว้ กวาดสายตาไปรอบๆ เห็นคลังสามหลังประตูเปิดอ้าไว้อยู่ มีเพียงหลังเดียวที่ปิดสนิท เอาไม้ขั้นเอาไว้ด้านนอก แต่ไม่ได้ลงกลอนเอาไว้
คลังสามหลังที่ประตูเปิดไว้ด้านในมืดสนิท คลังแบบนี้เอาไว้กันลมกันฝนตอนที่เก็บผลผลิต ดังนั้นจึงไม่มีหน้าต่าง เมื่อปิดประตู ก็เหมือนปิดตายทั้งหมด เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ก็ยากที่จะมองเห็นข้างในคลังได้
“ข้ามาแล้ว!” หยางหนิงพูดเสียงเข้มๆ “ในเมื่อนัดข้ามาถึงที่นี่แล้ว ก็ไม่จำเป็ต้องหลบซ่อนอีก เหตุใดเ้ายังไม่ออกมาอีกเล่า?”
รอบๆ ไม่มีเสียงใครตอบกลับมาสักคน
หยางหนิงขมวดคิ้วครุ่นคิด ชะงักไปอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “ข้ามาแล้ว พวกเ้ายังไม่กล้าออกมาอีกหรือ?” เมื่อสิ้นเสียงเขา ก็เหมือนได้ยินเสียงเสียงหนึ่งลอยออกมา “หนิงเอ๋อร์ ใช่เ้าหรือไม่? หนิงเอ๋อร์ ข้าอยู่ที่นี่?” น้ำเสียงดูเหมือนอ่อนแรงยิ่งนัก ยังดีที่หูของหยางหนิงดี ฟังก็รู้ทันทีว่าเป็เสียงของกู้ชิงฮั่น ในใจก็ดีใจมาก แต่ก็ไม่ลืมที่จะระวังตัว เขาลงจากม้า ในมือถือมีดเอาไว้ จากนั้นก็ะโเสียงดังว่า “ซานเหนียง ท่านอยู่ที่ไหน?”
เสียงของกู้ชิงฮั่นดังขึ้นมาว่า “ข้า...ข้าก็ไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน หนิงเอ๋อร์ ข้า...ข้าไม่มีแรง เ้าอยู่ที่ไหน?” เสียงของนางดังมาจากคลังห้องที่ปิดไว้
หยางหนิงรีบเดินเข้าไป เห็นประตูถูกกั้นจากด้านนอก เขาใช้มีดสั้นตัดมันออก จากนั้นก็ผลักประตูเข้าไป ในห้องมืดสนิท ไม่มีอะไรอยู่ข้างใน เมื่อเข้ามาในห้อง มองไปซ้ายขวา ก็เห็นตรงมุมมุมหนึ่งมีเงาของคนผู้หนึ่ง เขาอาศัยแสงที่ริบหรี่ ตั้งใจมองให้ชัดๆ ก็เห็นเป็กู้ชิงฮั่น ก็รีบเดินเข้าไปหา แล้วพูดว่า “ซานเหนียง ท่านอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย”
กู้ชิงฮั่นสวมเสื้อบางๆ ชิ้นเดียว ผมปล่อยสยาย นั่งตัวอ่อนแรงพิงกำแพงอยู่ นางมองมาที่หยางหนิง แล้วถามว่า “หนิงเอ๋อร์ ที่นี่ที่ไหน? ข้า...ข้ารู้สึกตัวมา ก็อยู่ที่นี่แล้ว ที่นี่มันที่ไหนกัน?”
“ซานเหนียง ท่านถูกวางยาสลบ” หยางหนิงเก็บมีด “ตอนนี้ท่านเป็อย่างไรบ้าง ลุกขึ้นไหวไหม?”
กู้ชิงฮั่นใช้มือจับไปที่กำแพง คิดจะลุกขึ้น พอขยับได้เล็กน้อย ก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ร่างกายข้าไม่มีแรงเลย ข้าไม่รู้ว่าเป็อะไร”
หยางหนิงพูดขึ้น “ที่นี่อยู่นานไม่ได้ อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย เราออกไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ” เขายื่นมือไปอุ้มกู้ชิงฮั่น กู้ชิงฮั่นรู้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้มันสุดวิสัย จึงปฏิเสธไม่ได้ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียง “ปัง” ประตูถูกปิด หยางหนิงใ หันหน้ากลับไป ได้ยินเสียงเอะอะดังขึ้นมา เหมือนมีคนลงกลอนประตูคลังจากด้านนอก
คลังแห่งนี้ไม่มีหน้าต่าง เมื่อประตูถูกปิด ก็จะมืดสนิทลง
หยางหนิงรู้แล้วว่าตัวเองตกหลุมพรางของพวกเขา มีคนแอบซุ่มอยู่รอบๆนี้ อาศัย่ที่เขาเข้ามาในนี้ รีบมาปิดประตู ในตัวของเขามีมีดอยู่ ก็ไม่กลัวว่าจะออกไปไม่ได้
“หนิงเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้น?” เห็นประตูคลังถูกปิด กู้ชิงฮั่นก็พูดอย่างใว่า “ใครอยู่ด้านนอกนั่น? เหตุใด...เหตุใดถึงได้ปิดประตู?”
นางไม่รู้ว่าหยางหนิงมาคนเดียว คิดว่าด้านนอกนั้นเป็คนที่มากับหยางหนิง คลังประตูถูกปิด ทำให้นางรู้สึกกังวล
หยางหนิงไม่ได้รีบร้อนอธิบาย เขาคลำไปจนถึงประตู แล้วพูดว่า “ในเมื่อข้ามาแล้ว พวกเ้ามีเงื่อนไขอะไรก็บอกมา หลอกข้ามาถึงที่นี่ ก็เพื่อจะบีบข้ามิใช่หรือ? ในเมื่อมีปัญญาลงมือกับข้าแล้ว เหตุใดถึงไม่กล้าออกมาคุยกับข้าเล่า”
นอกคลังไม่มีเสียงตอบกลับอะไร เงียบสนิท
“ดูท่าน่าจะเป็พวกสวะ” เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมา หยางหนิงก็ยิ้มแล้วพูดว่า “พวกเ้าคิดว่าแค่ประตูบานเดียว จะขวางข้าไม่ให้ออกไปได้รึ?”
ครั้งนี้กลับได้ยินเสียงตอบกลับมาว่า “ซื่อจื่ออย่าเพิ่งรีบร้อนออกมาสิ คืนนี้มีอะไรให้สนุกด้วยกันอีกเยอะ ท่านจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน พวกท่านไม่ต้องคิดจะออกมาทางประตูใหญ่เลย ข้าขอเตือนไว้ก่อน ตอนนี้มีธนูอยู่สองดอกที่หน้าประตู เมื่อท่านออกมามันก็จะยิงพวกท่านทันที”
จากนั้นก็ได้ยินเสียง “ตึกตึก” จากประตูคลัง เหมือนกับว่ามีอะไรถูกตอกยึดเอาไว้กับประตู จากนั้นก็ได้ยินเสียงพูดขึ้นมาอีกว่า “ซื่อจื่อท่านไม่ต้องสงสัยหรอก”
ถึงแม้ร่างกายของกู้ชิงฮั่นจะอ่อนแรง แต่ก็ได้ยินที่ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันได้อย่างชัดเจน นางก็ใแล้วถามหยางหนิงว่า “หนิงเอ๋อร์ พวกเขา...พวกเขาเป็ใครรึ?” นางเริ่มเข้าใจแล้วว่า นางถูกจับตัวมา
หยางหนิงรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหกเพื่อข่มขู่ ถึงแม้จะไม่แน่ใจว่าพวกเขาแม่นธนูหรือไม่ แต่ว่าอีกฝ่ายมีธนูในมือแน่นอน เขามีมีดสั้นในมือ จะพังประตูออกไปก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น แต่ในตอนนี้ออกทางประตูหลักไม่ได้แน่ๆ
เขาเดินคลำไปหากู้ชิงฮั่น ภายในห้องมืดมาก ดวงตายังไม่คุ้นชินกับความมืดเช่นนี้ มองไม่เห็นอะไรเลย เขาคลำไปโดยอะไรนุ่มๆ กู้ชิงฮั่นตัวสั่น หยางหนิงรีบหุบมือกลับมา ในความมืดนั้นเขามองไม่เห็นสีหน้าของกู้ชิงฮั่น เขาพูดเสียงเบาๆ ว่า “ซานเหนียง หนิงเอ๋อร์อยู่นี่แล้ว ท่านไม่ต้องกลัวนะ”
“หนิงเอ๋อร์ เ้าก็ไม่รู้ว่าพวกนั้นเป็ใคร ใช่หรือไม่?” กู้ชิงฮั่นรีบพูดขึ้นมาว่า “หรือว่าเ้ามาที่นี่คนเดียวรึ?”
“ท่านถูกพวกมันจับตัวมาที่นี่เมื่อคืนนี้ พวกข้าหาท่านจนทั่วแต่ไม่เจอ จากนั้นก็มีจดหมายฉบับหนึ่งส่งมาที่จวนเก่า ให้ข้ามาที่นี่เพียงคนเดียว” หยางหนิงพูดต่อว่า “พวกมันบอกว่าที่ริมแม่น้ำหงซามีคลังอยู่ที่หนึ่ง ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่”
กู้ชิงฮั่นพูดด้วยความร้อนใจว่า “เ้าเด็กโง่ ไม่รู้หรือไงว่ามันเป็กับดัก? พวกมัน้าล่อให้เ้ามาที่นี่ เหตุใด...เหตุใดถึงเอาตัวเองมาเสี่ยงเพื่อข้าเช่นนี้” ตอนนี้นางเข้าใจทุกอย่างแล้ว หยางหนิงอยู่ที่นี่ ก็เพื่อช่วยนางออกไป นางรู้สึกร้อนใจแล้วก็ซาบซึ้งใจมาก
หยางหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “แล้วจะให้ข้าอยู่เฉยๆ มองดูท่านอยู่ในกำมือพวกมันโดยไม่ทำอะไรเลยอย่างนั้นหรือ? ซานเหนียง ข้าเคยบอกท่านแล้วข้าจะปกป้องท่านเอง ก็จะต้องไม่ให้ท่านต้องเป็อะไรไป ครั้งนี้ท่านถูกพวกมันจับตัวท่านมา เพราะข้าไม่ได้ดูแลท่านให้ดี มันเป็ความผิดของข้าเอง ข้าก็ต้องช่วยท่านออกไปให้ได้”
“เ้า...!” กู้ชิงฮั่นถอนหายใจแล้วพูดว่า “หนิงเอ๋อร์ เ้าเป็ผู้สืบทอดตำแหน่งจิ่นอีโหว ความปลอดภัยของข้ามันไม่สำคัญเลย แต่ว่าเ้า...หากเ้าเป็อะไรไป ข้าจะมีหน้าไปพบท่านโหวทั้งสองได้อย่างไร แล้วจะมองหน้าบรรพชนตระกูลฉีได้อย่างไรกัน?”
หยางหนิงรู้ว่ากู้ชิงฮั่นร้อนใจมาก จึงพูดปลอบกลับไปว่า “เป็หรือตายฟ้าลิขิต ข้าจะทิ้งท่านโดยไม่สนใจได้อย่างไร” จากนั้นก็กดเสียงต่ำลงไปอีกแล้วพูดว่า “ซานเหนียงท่านไม่ต้องร้อนใจไป ข้ามีวิธีออกไปจากที่นี่”
“หา?” กู้ชิงฮั่นรู้ว่าข้างนอกมีคน จึงพูดเสียงเบาๆ ว่า “ประตูด้านนอกมีธนู เ้าห้ามเสี่ยงเด็ดขาด”
“พวกมันคิดว่ามีทางออกเพียงทางเดียว พวกเราก็ไม่ต้องออกไปทางด้านนั้นสิ”
กู้ชิงฮั่นพูดด้วยความแปลกใจว่า “เมื่อครู่ข้าคลำกำแพงดูแล้ว มันน่าจะสร้างมาจากหินบนูเา คลังนี้ไม่มีหน้าต่าง พวกเราออกไปไม่ได้หรอกนะ” จากนั้นก็โทษตัวเองว่า “เพราะซานเหนียงไม่ดีเอง พาเ้ากลับมาที่จวนเก่านี่ ไม่อย่างนั้น...ไม่อย่างนั้นเ้าก็ไม่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้”
“เื่ดีอาจกลายเป็ร้าย เื่ร้ายอาจกลายเป็ดี ครั้งนี้เราตกหลุมพราง ก็อาจไม่ได้แย่ขนาดนั้นก็ได้” หยางหนิงพูดเบาๆ ว่า “ซานเหนียง คนที่จับท่านมารู้จักพื้นที่จวนเก่าเป็อย่างดี อีกทั้งยังจับท่านมาขังเอาไว้ในคลังริมแม่น้ำหงซาของพวกเราอีก แสดงว่าจะต้องรู้จักที่นี่เป็อย่างดี นั่นหมายความว่า คนที่ลงมือกับพวกเราในครั้งนี้ น่าจะเป็คนที่คุ้นเคยกับพวกเรา”
ก็ชิงฮั่นรีบพูดขึ้นมาว่า “เ้าสงสัยใครรึ?”
หยางหนิงกำลังจะตอบ ทันใดนั้นเองก็ได้กลิ่นหอมลอยมา มันเป็กลิ่นของดอกไห่ถัง มันไม่ใช่กลิ่นกายของกู้ชิงฮั่น เขารู้สึกแปลกใจ แล้วถามว่า “ซานเหนียง ท่านได้กลิ่นอะไรบ้างหรือไม่?”
กู้ชิงฮั่นพูดว่า “เ้าเองก็ได้กลิ่นใช่หรือไม่? เหมือนจะเป็...กลิ่นของดอกไห่ถัง ที่นี่มีดอกไห่ถังได้อย่างไรกัน?”
“ไม่ใช่ ถึงกลิ่นจะเหมือนดอกไห่ถัง แต่มันยังมีกลิ่นอื่นอีก...!” หยางหนิงมองเห็นไม่ชัดเจนในความมืด จึงไม่รู้ว่ากลิ่นนั้นมาจากไหน แต่มันเตือนสติเขาว่ากลิ่นนี้จู่ๆ ก็ลอยมา จะต้องมีอะไรแน่ๆ จึงใช้มีดตัดชายเสื้อออกมา แล้วพูดเสียงเบาๆ ว่า “กลิ่นนี้จู่ๆ ก็ลอยมา ซานเหนียงท่านรีบปิดจมูกเร็ว อย่าดมมันเข้าไป”
กู้ชิงฮั่นพูดอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “หนิงเอ๋อร์ ข้าไม่มีแรง เ้า...เ้าช่วยข้าฉีกเสื้อหน่อยได้หรือไม่...!”
หยาหนิงถามกลับไปว่า “จะให้ฉีกจากตัวท่านหรือตัวข้า? ในมือของข้ามีชิ้นหนึ่ง ท่านจะให้ข้า...?”
กู้ชิงฮั่นเกิดในตระกูลผู้ดี ั้แ่เล็กจนโตถือตัวมาตลอด เกรงว่าผ้าที่ฉีกบนตัวของเขา กู้ชิงฮั่นอาจจะไม่ใช้ กู้ชิงฮั่นจึงด่ากลับว่า “ในเวลาเช่นนี้ จะมาถืออะไรนักหนา แล้ว...แล้วเสื้อข้าก็บางเช่นนี้ มันก็ไม่มีตรงไหนให้ฉีก”
หยางหนิงยื่นผ้าไปให้ แล้วพูดเบาๆ ว่า “ซานเหนียงท่านมองเห็นหรือไม่?” เมื่อพูดออกไป ก็รู้สึกว่าเปลืองน้ำลายจริงๆ ตัวเองยังมองไม่เห็นเลย กู้ชิงฮั่นจะไปมองเห็นได้อย่างไร ไม่รอกู้ชิงฮั่นพูดอะไร จึงพูดต่อไปอีกว่า “ท่านยื่นมือมา”
กู้ชิงฮั่นถึงแม้จะอ่อนแรง แต่มือยังพอยกได้อยู่ เหมือนโดนมือของหยางหนิงแล้ว หยางหนิงก็รีบจับมือนางเอาไว้ แล้วยัดผ้าไปในมือของกู้ชิงฮั่น พร้อมพูดว่า “ปิดจมูกเอาไว้”
เมื่อกู้ชิงฮั่นรับผ้าไป หยางหนิงก็ฉีกผ้าใหม่อีกผืนหนึ่ง เอามาปิดจมูกเอาไว้ จากนั้นเขาก็ยื่นมือไปคลำกำแพง สามารถอาศัย่ที่พวกข้างนอกไม่ทันระวังตัว ใช้มีดตัดกำแพงเป็ปากถ้ำ
หากเป็อาวุธทั่วไปคงทำไม่ได้ แต่มีดสั้นชิ้นนี้เป็อาวุธพิเศษ อาจจะพอเป็ไปได้ แต่ถึงจะเป็อย่างนั้น แต่ก็อาจจะต้องใช้เวลาในการขุดกำแพงให้เป็ปากถ้ำอยู่พอสมควร