ต้องรู้ว่าอยู่ในตระกูลเฟิง หากสตรีคนใดมีห้องส่วนตัวย่อมหมายความว่านางเป็สตรีที่คุณชายเฟิงยอมรับ และฐานะย่อมเพิ่มสูงขึ้น
ไม่มีสาวใช้คนไหนคาดคิดว่าจะมีสตรีที่หน้าไม่อายออกมาเอ่ยปากร้องขอโดยตรงเช่นนี้
คุณชายเฟิงที่นอนอยู่บนเตียงได้ยินคำพูดของหลิวเยว่ เขาพลันนั่งตัวตรงโดยไม่สนใจว่าใครอยู่ข้างๆ และคว้าตัวหลิวเยว่ โดยที่นางเองก็ยังไม่ได้เตรียมตัว นางจึงล้มตัวลงบนเตียงทันที กู้หนานเฟิงควบคุมร่างกายส่วนล่างของนาง ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มขี้เล่น
“รู้หรือไม่ว่าการมีห้องส่วนตัวหมายความว่าอย่างไร”
“ข้ารู้” นางตอบเสียงนิ่งเฉย
“แล้วเ้ายังกล้ามาขอ เ้าคิดว่าข้าชอบเ้าจริงๆ หรือ? ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”
หลิวเยว่ที่ร่างกายส่วนล่างถูกควบคุมเอาไว้ จึงไม่มีข้อได้เปรียบเลยแม้แต่น้อย ด้วยพลังกดดันนี้ทำให้นางเอ่ยด้วยเสียงที่เบามากอย่างไม่รู้ตัว
“มีข้าคอยขวางพวกสตรีเ่าั้ให้ท่าน ท่านก็ไม่จำเป็ต้องแสดงละคร กำไรก้อนนี้ ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่ขาดทุน”
นางนิ่งสงบมาก คำพูดไม่กี่ประโยคที่พูดออกมาเบาๆ นั้น ทำให้กู้หนานเฟิงตัวแข็งทื่อ แต่ไม่นานก็กลับมาเป็ปกติในทันที เขาหัวเราะและยืนตัวตรง ก่อนจะะโไปที่ประตู
“ท่านพ่อบ้าน เตรียมห้องส่วนตัวให้หลิวเยว่หนึ่งห้อง”
หลิวเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางมองหลานอวี้ที่มีใบหน้าถมึงทึงยืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะตรงไปยังสถานที่ที่เรียกว่าห้องของนาง เป้าหมายของนางสำเร็จแล้ว แม้นางจะยอมเสี่ยงอันตรายในครั้งนี้ แต่นางก็เข้าใจถึงการลงทุนครั้งนี้ดี ประการแรกการกระทำของกู้หนานเฟิงที่มีต่อนางในเช้าวันนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์กันจริงๆ หรือไม่ แต่ในสายตาของทุกคนในตระกูลเฟิงแล้วนางและกู้หนานเฟิงต้องมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันอย่างแน่นอน ดังนั้นในเมื่อนางถูกตราหน้าด้วยความสัมพันธ์นี้แล้ว นางจึงใช้ประโยชน์หาห้องส่วนตัวที่เงียบสงบสำหรับตัวเอง ประการที่สอง เมื่อพิจารณาจากความสัมพันธ์ของนางกับกู้หนานเฟิงใน่ไม่กี่วันที่ผ่านมา แม้ฉากหน้าเขาจะดูเ้าชู้ไปทั่วและมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือกับสตรีไม่น้อย แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้สำส่อนเหมือนอย่างที่แสดงให้คนภายนอกเห็น ส่วนใหญ่เป็เพียงเล่นละครเท่านั้น
เหตุใดเขาถึงต้องเล่นละคร? แน่นอนว่าเขาไม่้ากลับไปที่จวนเสนาบดี ไม่้าเป็ขุนนาง
ในเมื่อหลิวเยว่กล้าพูดถึงเื่นี้ นางย่อมมั่นใจว่าเขาจะเห็นด้วย
ั้แ่นั้นมาฐานะของนางจึงนับว่าได้รับการสถาปนาขึ้น ไม่ต้องพูดถึงสาวใช้เ่าั้ แม้แต่พ่อบ้านยังต้องเคารพนางสามส่วน เพราะอย่างไรเสียนางก็คือสตรีที่กู้หนานเฟิงยอมรับ
เหตุผลที่หลิวเยว่้าห้องส่วนตัว และอาศัยฐานะของกู้หนานเฟิงปกป้อง นั่นคือนางอยากจะมีพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น สามารถเก็บตัวได้อย่างสุดความสามารถ
เสนาบดีกู้และบิดาของนางมีความบาดหมางกันอย่างลึกซึ้งในราชสำนัก อีกทั้งสนมคนโปรดของฮ่องเต้คือกู้ซิน ทุกอย่างเชื่อมโยงกับนางจนแยกไม่ออก ซึ่งทำให้หลิวเยว่คล้ายเดินบนแผ่นน้ำแข็งบางๆ ในตระกูลเฟิง ทั้งยังได้ยินพ่อบ้านชราบอกว่าสนมซินอาจจะมาเยี่ยมในเร็วๆ นี้ จึงยิ่งทำให้นางเหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็ม เหตุผลที่พ่อบ้านบอกข่าวสำคัญนี้กับนาง เพราะนางจะได้หลีกเลี่ยงตอนที่สนมซินมาที่นี่ ก่อนนางจะถามอย่างระมัดระวัง
“พระสนมซินไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระเช่นนี้เลยหรือเ้าคะ?”
พ่อบ้านกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“ด้วยพระกรุณาของฮ่องเต้ คุณหนูของพวกเราเป็ที่โปรดปรานของพระองค์ ดังนั้นนางจึงได้รับอนุญาตให้กลับเรือนมาเยี่ยมเยียนครอบครัวได้เดือนละครั้ง”
“นี่เป็ผลบุญที่นางทำมาแต่ชาติปางก่อน” หลิวเยว่เอ่ยเห็นด้วย แต่หัวใจของนางกลับเ็ปเล็กน้อย สนมคนโปรดของอวิ๋นซู่ เขาคงจะรักนางมากจริงๆ ดังนั้นในวันที่นางไปขอพรที่วัด จึงสละงานของตนเพื่อไปปกป้องนางด้วยตนเอง และยังอนุญาตให้นางกลับมาเยี่ยมครอบครัวได้เดือนละครั้ง
ปีนั้นตอนที่นางติดตามเขา เขาไม่ยอมให้นางห่างไปแม้แต่ครึ่งก้าว
นางสับสนอยู่ครู่หนึ่ง
กู้หนานเฟิงที่เงียบอยู่ข้างๆ มาตลอด ดูเหมือนจะเพิ่งอ่านบัญชีจบ จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นจ้องมองพ่อบ้านชรา
“พูดมาก”
จากนั้นเขาก็ลากแขนของหลิวเยว่เดินออกไปพร้อมกับเอ่ยประชดประชัน
“แค่นี้ก็ดูมีอนาคตแล้วหรือ? สนมซินกำลังจะมา สีหน้าเ้าก็เปลี่ยนสีแล้ว”
หลิวเยว่พลันได้สติกลับมา นางส่ายศีรษะ ก่อนจะถือโอกาสสะบัดมือเขาทิ้ง
แต่เขากลับเอื้อมมือออกไปกอดนางอีกครั้งและพูดใส่หูของนางด้วยน้ำเสียงร้ายกาจ
“แค่แสดงละครต่อหน้าคนอื่นเป็ครั้งคราว เ้าควรจะรับผิดชอบหน้าที่ด้วย วันๆ เอาแต่หลบหลีกข้าเหมือนข้าเป็สัตว์เดรัจฉานเช่นนี้มันเหมาะสมหรือ?”
หลิวเยว่ตอบกลับด้วยความซื่อสัตย์
“ไม่เหมาะสมเ้าค่ะ”
หลิวเยว่ที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อรู้ว่าสนมซินจะมา ถ้าอวิ๋นซู่มากับนางเล่า? ดูเหมือนคฤหาสน์หลังนี้จะไม่ใช่สถานที่ที่ให้นางสามารถอยู่ได้นานๆ จริงๆ พอคิดได้เช่นนี้แล้ว นางจึงเริ่มหาโอกาสจากไป ในความเห็นของนางแม้ว่าพ่อบ้านชราจะรักษาทางเข้าออกของจวนอย่างเคร่งครัด แต่การจะออกจากที่นี่ก็ไม่ใช่เื่ยาก อย่างไรก็ตาม นางเคยหลบหนีจากราชวังที่มีการป้องกันอย่างแ่ามาแล้วและยังสามารถหลบหนีจากสายตาของอวิ๋นซู่มาได้ ดังนั้นจวนนี้จึงไม่ได้อยู่ในสายตาของนาง
เป็เพราะการประเมินที่ต่ำเกินไปนี้ ตอนที่นางหนีไปจากตระกูลเฟิงได้ไม่ไกล นางไม่เคยคิดเลยว่ากู้หนานเฟิงจะมีความสามารถตามหานางพบได้รวดเร็วเช่นนี้
ในเวลานั้นนางสวมชุดหญิงชราที่นางซื้อมาจากชาวไร่ที่ส่งผักให้ตระกูลเฟิงทุกวัน เมื่อนางสวมมันก็ดูมีอายุมากกว่าเดิมสิบปี
เนื่องจากการเดินมานานทำให้นางรู้สึกเหนื่อยล้า จึงเลือกศาลาแถวชานเมืองพักดื่มชาก่อนออกเดินทางอีกครั้ง
ทว่ากู้หนานเฟิงที่ดูเหมือนจะตกลงมาจากท้องฟ้า กลับมายืนอยู่ตรงหน้านางอย่างฉับพลัน ตามด้วยพ่อบ้านที่หายใจหอบ
“หลิวเยว่ เ้าเลิกคิดเสียเถอะ ในเมืองเทียนเฉิงแห่งนี้ ตราบใดที่นายน้อยเฟิงไม่อนุญาต แม้แต่แมลงวันก็อย่าคิดว่าจะหนีออกไปได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของพ่อบ้าน หลิวเยว่จึงเหลือบมองไปที่กู้หนานเฟิง
“ข้ายอมแพ้แล้ว มาๆ มาดื่มชาก่อน”
กู้หนานเฟิงเลิกคิ้ว นั่งลงข้างนางพลางหยิบถ้วยชาขึ้นมาดื่ม ก่อนจะสงบลง
พ่อบ้านที่ทั้งหอบหายใจและเดือดดาลเห็นสถานการณ์ของสองคนนี้ คนหนึ่งมาตามจับและอีกคนต้องหลบหนี แต่พวกเขาทำราวกับว่าไม่มีเื่ใดเกิดขึ้น พวกเขานั่งจิบชากันเงียบๆ บนศาลาข้างถนนสายเก่า
หลิวเยว่เทน้ำชายื่นให้พ่อบ้านชรา กล่าวขอโทษด้วยรอยยิ้ม
“ท่านพ่อบ้าน ข้าผิดไปแล้ว คราวหน้าข้าไม่กล้าทำตัวเหมือนไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำแล้ว ชาถ้วยนี้ ถือว่าเป็คำขอโทษของข้า”
พ่อบ้านชรารับถ้วยชาจากหลิวเยว่ด้วยมืออย่างไม่รู้ตัว เขาจิบไปหนึ่งอึก ถึงได้ใเมื่อเห็นว่าตนให้เกียรติหลิวเยว่ถึงขั้นนี้ เห็นได้ชัดว่านางเป็เพียงสาวใช้ และยังเป็สาวใช้ที่คิดจะหลบหนี หากเป็แต่ก่อน พวกที่หนีไปและถูกจับได้คงขาหักไปแล้ว แต่ตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับหลิวเยว่ กลับถูกนางดึงดูดโดยไม่รู้ตัว
แม้ว่าตอนนี้นางจะสวมชุดสาวชาวนา แม้ผมของนางจะยุ่งเหยิง แต่การนั่งสงบอยู่ตรงนั้น รัศมีของนางกลับไม่ต่ำต้อยไปกว่าคุณชายเลย มองปราดเดียวก็รู้ว่านางไม่ใช่เด็กสาวธรรมดา เหตุใดเขาเพิ่งจะมารู้เอาป่านนี้
ั้แ่หลิวเยว่ถูกจับได้ นางก็ไม่มีอะไรจะพูด พอนึกถึงสิ่งที่พ่อบ้านชราพูด ก็ถูกของเขา ในเมืองเทียนเฉิงนี้ ร้านค้าในเมืองส่วนใหญ่ล้วนเป็ของกู้หนานเฟิง ใครจะหนีพ้น?
นางก้มศีรษะลง ทำให้ผมที่ถูกมัดอย่างหลวมๆ ต่างห้อยลงมา กู้หนานเฟิงอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปทัดผมไว้หลังใบหูของนาง ก่อนจะเอ่ยถาม
“ไม่ได้มีความสุขหรือ?”
“ไม่ได้มีความสุขเ้าค่ะ”
“แล้วข้าควรทำอย่างไร หลิวเยว่ ข้าไม่ปล่อยเ้าไปง่ายๆ หรอกนะ”
“ข้ารู้” หลิวเยว่ไม่พูดอะไรต่อ เพราะตระหนักได้ถึงคำถามที่นางไม่ได้ใส่ใจ กู้หนานเฟิงดูเหมือนจะจริงจังกับนาง นางคิดว่าเหตุผลส่วนใหญ่คือความเฉยชาของนางได้ไปกระตุ้นความปรารถนาของเขาที่อยากจะพิชิตนางให้ได้ สิ่งที่ได้มาอย่างยากเย็นนั้นคือของดี