“งั้นก็ดี จุดไฟเผามันซะ” ซูเฟยซื่อตัดสินใจกล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด แล้วหันหลังเดินออกไปจากคุกมืด
ฟังออกได้ถึงความเคียดแค้นชิงชังมิอาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันในน้ำเสียงของซูเฟยซื่อ ซางจื่อตะลึงงันรีบไปแจ้งให้ผู้คนในคุกมืดอพยพขนไม้ฟืนไฟไปตามด้วย
ไม่เสียทีที่เป็คนของอวี้เสวียนจี เมื่อได้ยินว่าซูเฟยซื่อ้าเผาคุกมืด ก็รีบทำงานกันโดยไม่ปริปากถามแม้แต่น้อย
วาจาที่เ้านายพูดสำหรับพวกเขา ไม่สนว่าถูกหรือผิดทั้งหมดล้วนเป็สิ่งที่ถูกต้อง พวกเขาเพียงทำตามคำสั่งก็เท่านั้น
ก่อกองฟืน เทน้ำมัน จุดไฟ คุกลับก็ถูกเผาท่ามกลางกองเพลิงอย่างรวดเร็ว ซางจื่อส่งคนอื่นกลับไปรอฟังคำบัญชาของอวี้เสวียนจี ก่อนจะนำผ้าเช็ดหน้าออกมา แล้วเดินไปข้างกายซูเฟยซื่อ “คุณหนู ซับเหงื่อสักหน่อยเถิด นั่นก็แค่คนไร้ประโยชน์คู่หนึ่ง ถึงตายไปท่านก็ไม่ต้องใส่ใจหรอกเ้าค่ะ”
นางไม่เข้าใจว่าทำไมคืนนี้นายหญิงของตนถึงได้อารมณ์แปรปรวนนัก ยิ่งไม่เข้าใจว่าเหตุใดซูเฟยซื่อจึงได้ถามเื่เกี่ยวกับตระกูลกู้ขึ้นมา
แต่สิ่งเดียวที่นางทำได้ก็คือการปลอบใจและอยู่เป็เพื่อนข้างกายนาง
ซูเฟยซื่อมองเปลวไฟลุกโชติ่ปกคลุมคุกมืดอย่างรวดเร็ว ข้างหูยังได้ยินเสียงร้องะโด้วยความเ็ปของหลิวิ
ในใจทั้งไม่ยินดีหรือนึกสะใจ มีแต่ความแค้นเคืองเกลียดชังที่ยิ่งดิ่งลึกลงสุดจะพรรณนา
หมอหลิวกับหลิวิเป็เพียงตัวตัวประกอบ เมื่อเทียบกับหลายร้อยคนในตระกูลกู้ของนาง พวกมันก็ราวกับขนเส้นเดียวท่ามกลางวัวเก้าตัว
ดังนั้นแม้พวกเขาจะตายอย่างอนาถ นางไม่ได้รู้สึกว่าได้สะสางความแค้นในใจสักเท่าไร
แต่นี่เป็เพียงจุดเริ่มต้น นางแซ่หลี่ ซูเต๋อเหยียน ซูจิ้งโหยวและซ่งหลิงซิว พวกเ้ารอข้าก่อนเถิด
ซูเฟยซื่อรับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดรอยเืบนมือ แล้วโยนผ้าเช็ดหน้าเข้าไปในกองไฟ “ไปกันเถอะ อีกไม่นาน จวนอัครมหาเสนาบดีก็จะมีละครสนุกให้ได้ดูแล้ว”
ละครสนุก? ซางจื่อไม่เข้าใจว่าละครสนุกที่ซูเฟยซื่อพูดถึงเป็อะไร แต่นางรู้สึกลึกๆ ว่านางแซ่หลี่กำลังจะประสบกับหายนะแล้ว
เดิมคุกมืดก็อยู่ในตำแหน่งที่เปลี่ยวร้าง อีกทั้งอวี้เสวียนจีได้บัญชาให้คนทำความสะอาดหลังจากที่ซูเฟยซื่อจากไปอีก เกือบจะไม่มีร่องรอยหลงเหลือแม้แต่น้อย
เมืองหลวงอันกว้างใหญ่ไพศาล หายไปสองคนก็ยังสงบเหมือนเดิม
“ซางจื่อ ช่วยแต่งตัวให้ข้าหน่อย” ซูเฟยซื่อไม่ได้นอนทั้งคืน ฟ้าเพิ่งแจ้งก็นั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งแล้ว
ซางจื่อขมวดคิ้วอย่างกังวลใจ “คุณหนู ท่านมีอะไรให้บ่าวไปช่วยท่านทำมิดีกว่าหรือ ท่านนอนสักพักดีไหม?”
“เ้าได้ส่งไปแล้วหรือยัง?”
“ส่งไปแล้วเ้าค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ซูเต๋อเหยียนได้กำชับไว้ บัดนี้นางแซ่หลี่กำลังตั้งครรภ์ อาหารเช้าต้องแยกทำจากผู้อื่นต่างหาก ดังนั้นทุกๆ วันทางห้องครัวต้องทำอาหารให้นางก่อนแล้วส่งไป จากนั้นจึงทำอาหารของคนอื่นเ้าค่ะ” ซางจื่อตอบ
“เ้าไปถามนางแซ่หลี่ให้ชัดเจนว่ามื้อเช้าวันนี้เป็อะไร แม้แต่วัตถุดิบล้วนต้องถามให้แจ่มแจ้ง ยิ่งละเอียดยิ่งดี หลังจากนางแซ่หลี่ตั้งครรภ์ ข้าก็ไม่ได้ริเริ่มไปทักทายนาง ล้วนเป็นางที่มายังสวนปี้หวินเพื่อหาเื่ นี่ช่างไร้มารยาทยิ่ง คงถึงเวลาที่เราควรตอบแทนความมีมารยาทของนางเสียแล้ว” ซูเฟยซื่อหยักริมฝีปากยิ้ม ประกายในดวงตาเย็นะเืดุจน้ำค้างแข็ง
“เ้าค่ะ” ซางจื่อตอบแล้วออกไป เมื่อนางกลับมา ก็ถือกระดาษแผ่นหนึ่งติดมือกลับมาด้วย “คุณหนู อาหารเช้าวันนี้ของนางแซ่หลี่ รวมทั้งวัตถุดิบและกระบวนการผลิตล้วนอยู่ในบันทึกแผ่นนี้แล้วเ้าค่ะ”
มีกระทั่งกระบวนการผลิต รายละเอียดช่างครบครันเสียจริง ซูเฟยซื่อรับแผ่นรายการมา กวาดตามองแวบหนึ่ง เพียงเห็นชื่ออาหารจำพวกโจ๊กรังนกและขนมที่หาได้ทั่วๆ ไปหลายรายการ ทว่าหนึ่งในรายการขนมกลับดึงดูดความสนใจของซูเฟยซื่อเข้าแล้ว
ขนมหัวไชเท้า? นี่เป็รายการหนึ่งที่ใช้หัวไชเท้าทำเป็ขนม รสชาติอร่อยถูกปาก นางเคยกินมาก่อนในพระราชวังด้วย
“ขนมหัวไชเท้า” จู่ๆ ซูเฟยซื่อก็ยิ้มน้อยๆ “ที่นี่ยังมีอาหารบำรุงที่ทำจากโสมไหม? ถ้าไม่มีก็ให้คนไปหาซื้อทันที”
“อาหารบำรุงจากโสม? ตอนที่ซูเต๋อเหยียนประทานสวนปี้หวินเมื่อก่อนนี้ได้ประทานสิ่งดีๆ มากมายไว้ด้วย หนึ่งในนั้นเหมือนจะมีโสมบำรุงกล่องหนึ่ง ให้บ่าวไปเอามาให้เลยไหมเ้าค่ะ?” ซางจื่อคิดๆ กล่าวพลาง
ซูเฟยซื่อพยักหน้า “นำออกมาเลย เราจะไปคารวะนางแซ่หลี่กัน”
นางแซ่หลี่นั่งพักอยู่ในลาน กินรังนกทีละคำๆ ท่าทีนั้นอย่าให้พูดถึงเลย ดูสบายใจพอใจสุดประมาณ
แทบเหมือนกับว่าเมืองหลวงทั้งหมดล้วนเป็ของนาง
“นายหญิงเ้าคะ คุณหนูสามมาแล้ว บอกว่าได้นำของบางอย่างมาน้อมคารวะทักทายท่านเ้าค่ะ” สาวใช้เข้ามารายงาน
นางแซ่หลี่อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไป เห็นนางขมวดคิ้ว หลินมามารีบก้าวไปข้างหน้า “นายหญิง ถ้าท่านไม่อยากพบ บ่าวจะออกไปไล่นางเองเ้าค่ะ”
ซูเฟยซื่อริเริ่มมาหานาง? เื่นี้นับว่าประหลาดยิ่ง คิ้วตานางแซ่หลี่ขมวดมุ่นไปรอบหนึ่ง “ให้เข้าพบเถิด ในเมื่อนางรีบร้อนรนหาที่ตายขนาดนั้น ข้าก็จะให้นางสมปรารถนา”
“เ้าค่ะ” หลินมามาส่งสายตาเป็สัญญาณให้สาวรับใช้คราหนึ่ง สาวรับใช้รีบไปพาซูเฟยซื่อเข้ามาทันที
ซูเฟยซื่อคุกเข่าลงทำความเคารพอย่างยำเกรง แต่กลับลังเลไม่ยอมลุกขึ้น นางแซ่หลี่เห็นเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะสงสัย แต่ยังแสร้งทำห่วงใย “เฟยซื่อคุกเข่าทำไมเล่า รีบลุกขึ้นเถิด ตอนนี้ข้าร่างกายไม่สะดวก บ่าวของเ้าไม่เห็นหรือไร? ไร้ปฏิกิริยาตอบสนองอย่างกับตายแล้วเช่นนั้น”
วาจานี้ฟังดูรื่นหู แต่วิเคราะห์ให้ละเอียดทันที เห็นได้ชัดว่านางแซ่หลี่กำลังด่าซางจื่อว่าไม่เหมาะจะเป็สาวรับใช้มืออาชีพ
เห็นนางแซ่หลี่ฉวยโอกาสลอบซัดเข็มบางเล่นงานลบหลู่นางแบบนี้ ซูเฟยซื่ออดไม่ได้ที่จะหัวเราะเ็า ยิ่งก้มศีรษะต่ำลง กระทั่งร่างกายก็สั่นเทิ้ม “วันนี้เฟยซื่อมาขออภัย ถ้าแม่ใหญ่ไม่ให้อภัยเฟยซื่อ เฟยซื่อย่อมไม่กล้าลุกขึ้นเด็ดขาดเ้าค่ะ”
ขออภัยหรือ? นางแซ่หลี่เลิกคิ้ว คิดว่าซูเฟยซื่อมาด้วยเื่จือฉินปะทะนางเมื่อวานนี้ เห็นเป็ดังนั้นนางจึงได้ปรับท่าทีให้เหมาะสม “เฟยซื่อ เ้าอย่าได้โทษแม่ใหญ่ ถ้าแม่ใหญ่ไม่ได้มีฝีมืออำมหิตสักนิด ไหนเลยจะปกครองครอบครัวขนาดใหญ่แบบนี้ได้”
“แม่ใหญ่สั่งสอนได้ถูกต้อง จือฉินสาวรับใช้น่าตายกล้าปะทะแม่ใหญ่ กล่าวได้ว่าตายก็ไม่เพียงพอให้เสียดาย เฟยซื่อคิดจะไปหาท่านพ่อให้เฆี่ยนนางตายทั้งเป็แล้วเอาไปเลี้ยงสุนัขเ้าค่ะ” ซูเฟยซื่อกล่าวถ้อยร้อยคำถูกต้องเปี่ยมคุณธรรม
ท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปแบบนี้ ทำให้นางแซ่หลี่ตื่นตระหนกสะดุ้งแล้วจริงๆ นางดึงมุมปากอย่างกระอักกระอ่วน “นี่กลับไม่จำเป็ นายท่านยุ่งงานราชการ เื่เล็กน้อยเหล่านี้ อย่าให้ถึงมือท่านเลย”
เมื่อวานนางเพิ่งเกือบจะถูกอวี้เสวียนจีข่มขู่ให้ใตายเพราะพูดผิดไปคำหนึ่ง ตอนนี้ซูเฟยซื่อมาเสนอให้เฆี่ยนจือฉินตายแล้วเอาไปเลี้ยงสุนัขอีก หากเื่นี้ลือออกไป เกรงว่าจะเปิดโอกาสให้อวี้เสวียนจีเล่นงานก่อเหตุครั้งใหญ่อีก
เป็เพียงสาวรับใช้เล็กๆ คนหนึ่ง สั่งสอนไปแล้วก็แล้วกันไปเถิด ไม่คุ้มค่าที่จะให้นางเสี่ยงภัยแบบนี้
“ตามที่คาดแม่ใหญ่ซื่อสัตย์จริงใจเปี่ยมคุณธรรม ให้เฟยซื่อชื่นชมนักเ้าค่ะ” ซูเฟยซื่อสรรเสริญเยินยอด้วยความจริงใจเป็ที่สุด
แม้แต่นางแซ่หลี่อดไม่ได้ที่จะขนลุกขนพองทั่วร่าง นี่นางถูกผีหลอกกลางวันแสกๆ เชียวหรือ?
ตลอดที่ผ่านมาซูเฟยซื่อไม่เคยใกล้ชิดกับนาง แต่ต่อให้มีประจบสอพลอบ้าง ทว่านางคงไม่ออกท่าทางเกินจริงขนาดนี้แน่
เกิดอาเพศอะไรขึ้นแล้ว!
“ในเมื่อเื่ก็ผ่านไปแล้ว เช่นนั้นเฟยซื่อก็รีบลุกขึ้นมาเถิด” นางแซ่หลี่ส่งสายตาเป็สัญญาณให้หลินมามาคราหนึ่ง หลินมามารีบก้าวไปข้างหน้าจะช่วยพยุงซูเฟยซื่อ
คิดไม่ถึงว่าซูเฟยซื่อกลับผลักนางออกไปทันที ไม่รอให้หลินมามากับนางแซ่หลี่สำแดงโทสะ ก็ได้เอ่ยปากพูด “แม่ใหญ่ เฟยซื่อมาวันนี้ไม่ได้มาเพื่อจือฉิน แต่มาเพราะน้ำแกงบำรุงครรภ์ชามนั้นที่ได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้เมื่อวาน ถ้าไม่ใช่เฟยซื่อบอกว่าน้ำแกงชามนั้นอร่อยแล้ว แม่ใหญ่จะดื่มลงได้อย่างไร ถ้าท่านไม่ดื่มก็คงไม่ถูกเื่หลอกว่ามีดอกคำฝอยข่มขู่ให้ตื่นตระหนกจนเป็เหตุะเืลมปราณตั้งครรภ์ ในตอนนี้ท่านเป็คนที่มีมูลค่าสูงสุดในจวนอัครมหาเสนาบดี ถ้าเกิดเื่ขึ้นกับท่าน ต่อให้เฟยซื่อตายสิบหนก็มิอาจให้ท่านพ่อให้อภัยได้เ้าค่ะ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้