การเลือกโคมไฟก็คือการเลือกคำถาม!
เมื่อครู่นี้เฉิงชิงมองอยู่นาน บนกำแพงมีคำถามอะไรบ้างนางรู้เกือบหมดแล้ว ผู้ดูแลกล่าวว่าสามารถเลือกโคมไฟได้ นางจึงชี้โคมไฟรวดเดียวสิบกว่าดวงอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย
“ดวงนี้ ดวงนี้ แล้วก็มีตรงมุมขวาบนดวงนั้น... ใช่ คำถามพวกนี้เอาลงมาให้หมด!”
ซือเยี่ยนมีพละกำลังมหาศาลและคล่องแคล่วปราดเปรียว ช่วยเฉิงชิงแย่งชิงคำถามอย่างครบถ้วน
ซือโม่กลับมองไปทั่วทิศด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความระแวดระวัง คำถามอยู่คนอยู่ ใคร้าจะแย่งคำถามเหล่านี้ไปก็ถือว่า้าเอาชีวิตของเขา เช่นนั้นแล้วก็อย่าโทษที่เขาต้องต่อสู้อย่างสุดชีวิตล่ะ!
อวี๋ซานถูกการกระทำนี้ทำให้ตกตะลึง โกรธจัดจนหัวเราะ
“เฉิงชิง แย่งเอาคำถามไปมากมายเช่นนี้ เ้าทำได้หรือ?”
เฉิงชิงไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น นางเริ่มเขียนคำตอบบนโต๊ะแล้ว
เ้าอ้วนชุยก็รู้สึกว่าเฉิงชิงเอาแต่ใจ พอหันศีรษะไปมอง คาดไม่ถึงว่าที่เฉิงชิงคว้าไปล้วนเป็คำถามเกี่ยวกับการคำนวณทั้งหมด
“ณ วัดโบราณอันสูงส่งกลางป่าเขา ไม่แน่ชัดว่าภายในวัดมีพระอยู่กี่รูป มีชามอยู่สามร้อยหกสิบสี่ใบ พอที่จะใช้ได้โดยไม่ต้องแย่งกัน สามรูปฉันข้าวหนึ่งชามร่วมกัน สี่รูปฉันน้ำแกงหนึ่งชามร่วมกัน ขอถามว่าสามารถคำนวณได้ว่าภายในวัดมีพระอยู่กี่รูป?”
คำถามนี้ถามว่ากลางูเามีวัดโบราณอยู่แห่งหนึ่ง ภายในวัดมีชามอยู่สามร้อยหกสิบสี่ใบ โดยเฉลี่ยแล้วพระทุกสามรูปจะฉันข้าวในชามเดียวกัน พระทุกสี่รูปจะฉันน้ำแกงในชามเดียวกัน ขอให้บอกว่าภายในวัดมีพระทั้งหมดอยู่กี่รูป
เ้าอ้วนชุยกล่าวออกเสียงจากจิตใต้สำนึก “ข้อนี้ข้าทำได้!”
เขาตื่นเต้นอยู่บ้าง
อย่าเห็นว่าเขาสอบได้อันดับที่หนึ่งร้อยสองของห้องติง เทียบแล้วถือว่าด้อยกว่าเฉิงชิงอยู่บ้าง แต่ครอบครัวของเขาทำการค้า เพิ่งจะจับตะเกียบได้ก็ดีดลูกคิดเป็แล้ว แม้ว่าสี่ตำราห้าคัมภีร์จะด้อยกว่าผู้อื่น แต่เื่คำนวณกลับเก่งกาจกว่าคนธรรมดา!
เฉิงชิงไม่สนใจเขา ถึงทำได้ก็ไม่มีทาง นางลงมือรวดเร็วขึ้นอีก
พอจัดแถวแล้วก็สามารถแก้คำถามข้อนี้ได้แล้ว ไม่ตอบก็เสียโอกาสที่จะตอบ เฉิงชิงเขียนคำตอบบนกระดาษว่า “หกร้อยยี่สิบสี่รูป” เ้าอ้วนชุยทุบอกกระทืบเท้าอย่างเจ็บใจ ตอบเร็วเกินไปแล้ว!
คำถามที่มีคนแก้แล้วก็ไม่สามารถเอามาแก้ซ้ำได้อีก
เ้าอ้วนชุยเสาะหาอย่างรีบเร่ง คาดไม่ถึงว่าที่เฉิงชิงให้คนหยิบลงมาให้จะเป็คำถามคำนวณทั้งหมด ผู้อื่นยังคิดแต่งบทกวีจนหัวแทบแตก ส่วนเฉิงเพียงพยายามรวดเดียวก็ทำเสร็จไปแล้วห้าข้อ
คนผู้นี้เก่งคำนวณขนาดนี้เชียว?
ความสงสัยของเ้าอ้วนชุยก็คือความสงสัยของผู้อื่นด้วยเช่นกัน
สุภาพชนในสมัยโบราณย่อมต้องแตกฉานศาสตร์หกแขนง จารีต ดนตรี การยิงธนู การขับรถม้า การคัดอักษร การคำนวณ
แต่เมื่อระบบการสอบเข้ารับราชการแพร่หลาย บัณฑิตก็ไม่สนใจศาสตร์ทั้งหกนี้นานแล้ว
พวกเขาสนใจแต่เพียงเนื้อหาที่จะออกสอบในการสอบเข้ารับราชการเท่านั้น
ภายในสี่ตำราห้าคัมภีร์ไม่รวมซ่วนจิง[1] แม้ภายในสถานศึกษาจะเปิดวิชาคำนวณ แต่เนื่องจากไม่ช่วยอะไรเกี่ยวกับการสอบเข้ารับราชการ นักเรียนที่สนใจในวิชานี้จึงมีอยู่น้อยมาก ผู้ที่เข้าเรียนวิชาคำนวณต่างก็เรียนแบบไม่ใส่ใจ มีไม่น้อยที่อ่านตำราอื่นต่อหน้าอาจารย์สอนคำนวณ อาจารย์ประจำวิชาก็ปล่อยผ่านไปนานแล้ว นักเรียนและอาจารย์ต่างทำเป็หลับหูหลับตา ทุกคนต่างปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปอย่างเปล่าประโยชน์
ข้อที่เฉิงชิงทำไม่มีเพียงเ้าอ้วนชุยที่ทำได้ เฉิงกุยเองก็ทำได้เช่นกัน
แต่เฉิงกุยกับอวี๋ซานต่างปฏิเสธที่จะเลือกหัวข้อประเภทนี้
บัณฑิตประเภทไหนที่ภูมิใจกับความชำนาญในการคำนวณกัน?
ไม่ใช่พ่อค้าเห็นแก่เงินสักหน่อย!
เฉิงกุยเลือกที่จะหลีกเลี่ยงชื่อเสียงเช่นนี้ดีกว่า
ไม่คิดเลยว่าเฉิงชิงที่โอ้อวดว่า้าจะแก้ปัญหาสามสิบข้อจะใช้กลยุทธ์ที่เหนือความคาดหมายเพื่อเอาชนะ เลือกคำถามคำนวณมาไว้ในมือ
อวี๋ซานเห็นเฉิงชิงแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าไม่มีคำถามคำนวณข้อใดจะหยุดยั้งนางได้แล้วก็รู้สึกหน้าเสียขึ้นมา
“ไม่คิดเลยจริงๆ ว่า…”
เกรงว่าเฉิงชิงจะยากจนจนเพี้ยนไปแล้ว เพื่อให้ได้เงินหนึ่งร้อยตำลึงเงิน แม้แต่ภาพลักษณ์ของบัณฑิตก็ไม่้าแล้ว
หากแก้ปัญหาได้สามสิบข้อแล้วพอไปอยู่ต่อหน้าราชบัณฑิตเสิ่นจะตอบว่าอย่างไร ยามแนะนำตัวเองไม่มีบทกวีที่แต่ง กล่าวว่าตนเองพึ่งคำถามคำนวณเอาชนะเช่นนั้นหรือ?
การกระทำของเฉิงชิงะเืขวัญผู้คนเกินไป
อวี๋ซานรู้สึกว่าเฉิงชิงทำให้ความรู้สึกของตนยุ่งเหยิง ทำให้เขาแต่งบทกวีดีๆ ไม่ออก
เมื่อเห็นเฉิงชิงแก้ปัญหาข้อแล้วข้อเล่า ผู้ใดจะไม่ร้อนรนเล่า มีผู้ที่ทนไม่ได้เอ่ยถามผู้ดูแล
“เขา เขาทำเช่นนี้ก็ได้หรือ?”
งานชุมนุมวรรณกรรมในปีก่อนๆ ไม่มีคำถามคำนวณเยอะขนาดนี้ ปีนี้เพิ่งเพิ่มเข้ามาใหม่ ผู้ดูแลเองก็เหงื่อเต็มศีรษะ ใครจะไปเดาได้ว่าจะมีบัณฑิตจับคำถามคำนวณไม่ปล่อยเช่นนี้?
ข้อแล้วข้อเล่า นี่มันลูบขนแพะบนแพะตัวเดียวกัน[2]เลย หากยังไม่ปล่อย แพะก็จะถูกลูบจนโล้นเกลี้ยงแล้ว
แต่เฉิงชิงก็ไม่ได้ฝ่าฝืนกฎ ผู้ดูแลจึงทำได้เพียงพยายามรักษาใบหน้ายิ้มแย้มเอาไว้
พยายามเพียงครู่เดียว เฉิงชิงแก้ปัญหาไปได้สิบสองข้อแล้ว ทุกข้อที่ไขแล้วจะมีคนมาตรวจดูคำตอบ หากถูกต้องก็จะวางขนมไหว้พระจันทร์หนึ่งชิ้นไว้ในจานบนโต๊ะของนาง ยามนี้มีขนมไหว้พระจันทร์สิบสองชิ้นอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว เมื่อมองไปรอบๆ นางคือผู้ที่มีขนมไหว้พระจันทร์เยอะที่สุด
ทั้งยังตอบถูกต้องทั้งหมดอย่างไม่น่าเชื่อด้วย!
เมื่อถูกความเร็วของนางกดดัน เฉิงกุยก็ละทิ้งการแต่งบทกวีและท่องตำราออกเสียง เลือกทายปริศนาและจับคู่โคลงคู่ สองอย่างนี้ค่อนข้างเร็ว
เมื่อปรับกลยุทธ์แล้วก็เกิดประสิทธิภาพดังคาด คุณวุฒิซิ่วไฉของเฉิงกุยไม่ได้สอบมาได้อย่างไร้ประโยชน์ เร่งจนได้ขนมไหว้พระจันทร์มาเจ็ดชิ้นอย่างรวดเร็ว
อวี๋ซานทำตามบ้าง จานบนโต๊ะของเขาก็มีขนมไหว้พระจันทร์อยู่หกชิ้นแล้ว
ไม่ได้ ยังไม่พอ เฉิงชิงยังนำอยู่ห่างนะ!
ใครจะชนะก็ได้ มีเพียงเฉิงชิงที่หากชนะแล้วจะทำให้เขารู้สึกยากเกินจะยอมรับ เมื่อเห็นว่าคำถามที่เฉิงชิงรวบรวมมาเพื่อตอบเหลืออยู่ไม่เท่าไรแล้ว อวี๋ซานจึงเขวี้ยงพู่กันประท้วง
“คำถามที่ง่ายๆ ล้วนถูกเอาไปหมดแล้ว เหลือเพียงข้อที่ยาก นี่มันไม่ยุติธรรม!”
ผู้ดูแลเองก็ถูกการกระทำของเฉิงชิงที่รวบรวมคำถามเต็มไม้เต็มมือทำเอาทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ในเมื่อคุณชายของท่านเ้าเมืองโต้แย้ง ผู้ดูแลก็ทำตัวตามน้ำเพิ่มกฎกติกาใหม่ขึ้นมา พอเพิ่มหัวข้อใหม่แล้ว หลังจากนั้นเขาก็ประกาศว่าทุกคนสามารถเลือกโคมไฟได้เพียงหนึ่งดวงต่อหนึ่งครั้งเท่านั้น
ต้องทำหนึ่งข้อให้เสร็จก่อนจึงจะสามารถไปเลือกคำถามต่อไปบนกำแพงได้
แล้วหากข้อที่ตนเองสามารถทำได้ถูกผู้อื่นเอาไปแล้วจะทำอย่างไร?
นั่นก็ได้แต่เพียงโทษที่ตนเองทำช้าเกินไปแล้ว!
การเปลี่ยนกฎกติกาเช่นนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจขึ้น
เฉิงชิงค่อนข้างเสียดาย เดิมทีนางตั้งใจอุดรอยรั่วทิ้งนำไปก่อนก้าวหนึ่ง ไหนเลยจะรู้ว่าอวี๋ซานก็ไม่โง่ โต้กลับได้รวดเร็วเช่นนี้
ความเร็วของเฉิงชิงช้าลงไปในทันที
อวี๋ซานไม่เพียงซ่อมรอยรั่วนี้ ทั้งเจาะจงโจมตีกลับไปยังจุดแข็งของนาง เห็นพวกอวี๋ซานรวมตัวกันพูดคุยไม่กี่ประโยค ทุกคนต่างก็เริ่มเลือกคำถามคำนวณ!
คำถามคำนวณเมื่อเทียบกับหัวข้ออื่นๆ แล้วเดิมทีก็ไม่ได้มีมาก พอผู้อื่นเลือกไปเยอะแล้ว ที่เหลือให้เฉิงชิงก็ย่อมเหลือน้อยลงแล้ว
อีกทั้งโคมไฟบนกำแพงต้องถูกแก้ปัญหาเกินครึ่งแล้วจึงจะมีคำถามใหม่มาเพิ่มเติม ยามที่ขนมไหว้พระจันทร์บนโต๊ะของเฉิงชิงเปลี่ยนมาเป็สิบเจ็ดชิ้น ความเร็วของนางก็ถูกบีบให้ลดลงแล้ว
ว่ากันตามตรงแล้ว พวกอวี๋ซานที่เลือกคำถามคำนวณไปก็ใช่ว่าจะแก้ได้ คำถามที่เลือกตอนหลังเห็นชัดว่ายากกว่าตอนเริ่มแรก สหายของอวี๋ซานก็เกาหัวงุนงง ขนมไหว้พระจันทร์ของอวี๋ซานก็หยุดอยู่ที่เก้าชิ้น เขาถูกคำถามคำนวณที่ตนเองเลือกทำให้ชะงักแล้ว
ทำร้ายผู้อื่นกลับไม่เป็ผลดีกับตนเองเป็เื่ที่มีแต่อวี๋ซานเท่านั้นที่จะทำได้!
ไม่ใช่เพียงทำร้ายผู้อื่นกลับไม่เป็ผลดีกับตนเองเท่านั้น ยามเฉิงชิงรอคำถามใหม่ออกมา ทางเฉิงกุยก็ไล่ตามมาทันแล้ว
นางจูภูมิใจในหลานชายคนนี้ก็มีเหตุผล เฉิงกุยที่อายุสิบหกปีไม่เหมือนเฉิงชิงที่กระหายในความสำเร็จและผลประโยชน์เฉพาะหน้า เขาไม่ใช่คนที่ไม่เลือกคำถามคำนวณเลยสักข้อ เขาทำคำถามทุกประเภทอย่างไม่เดือดไม่ร้อน ค่อยๆ ทำไป บนโต๊ะมีขนมไหว้พระจันทร์เพิ่มเป็สิบห้าชิ้นแล้ว
น้อยกว่าเฉิงชิงเพียงสองชิ้นเท่านั้น!
แสงจันทร์และแสงโคมรวมกันตกกระทบลงบนร่างของเฉิงกุยที่สวมชุดตัวยาวสีฟ้าอ่อน ความสง่างามของเด็กหนุ่มผู้ดีชวนให้ผู้คนลุ่มหลง แม่นางน้อยที่ล้อมรอบดูอยู่ต่างก็แอบมองเฉิงกุย แววตาแสดงความชื่นชมอย่างเปิดเผย
แม้ว่าเฉิงชิงจะนำอยู่ชั่วคราว แต่ภายใต้เสียงะโอันดังของอวี๋ซาน ทุกคนต่างก็รู้สึกว่านางฉวยโอกาส
และเมื่อเพิ่มความอายุน้อยของนางเข้าไป ร่างกายไม่สูงทั้งใบหน้ายังซีดเหลืองตัวผอมซูบ เมื่อยืนข้างเฉิงกุยมองเพียงภายนอกก็เห็นจุดด้อยมากมาย ผู้สนับสนุนของนางจึงน้อยนิด มนุษย์ล้วนชมชอบผู้ที่หน้าตาดี สิ่งนี้เป็สิ่งที่เฉิงชิงไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ชั่วคราว
ห่างไปไม่กี่จั้ง มีแม่นางน้อยที่ถือตะเกียงอยู่ผู้หนึ่งเอ่ยค่อนแคะ
“ท่านปู่เ้าคะ นั่นหรือคือเฉิงชิงที่ท่านกล่าวถึง? เสียแรงที่ท่านเอ่ยชมบ่อยครั้ง ออกจะธรรมดา ไม่มีตรงไหนพิเศษเลย”
[1] ซ่วนจิง คือตำราที่เกี่ยวกับการคำนวณในสมัยโบราณของจีน
[2] มีที่มาจากสำนวน “ขนแพะงอกจากตัวแพะเอง” หมายถึงได้รับผลประโยชน์จากผู้ใดผู้หนึ่ง แต่ที่จริงแล้วผลประโยชน์นั้นมาจากตนเอง
