เกล็ดัปิงเหยียนทั้งสามสิบหกเกล็ดนั้นสามารถพบได้ในูเาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็ที่ตั้งของสังเวียนับรรพชน และการจะขึ้นไปบนสังเวียนับรรพชนก็ต้องใช้พวกมัน หากสามารถขึ้นได้ไปแล้วก็จะได้รับผลประโยชน์มากมาย
"นี่คือตัวแรก"
รอยยิ้มล้นออกมาจากมุมปากของหลัวเลี่ย การมีอาชาเดือนดารัญนั้นช่วยประหยัดเวลาได้ดีจริงๆ
เขาตบอาชาเดือนดารัญเบาๆ
อาชาเดือนดารัญเข้าใจสิ่งที่หลัวเลี่ย้าจะสื่อทันที มันออกตัววิ่งด้วยความรวดเร็วจนกลายเป็เส้นสีขาว และทันใดนั้นมันก็ปรากฏตัวใกล้กับัปิงเหยียนตัวนั้นท่ามกลางัหลายสิบตัวที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดทันที
เมื่อม้ามาถึง คนก็มาถึง และมือก็มาถึงด้วย
พรึ่บ!
ในฐานะที่เกล็ดัปิงเหยียนสามารถควบคุมความร้อนและความเย็นได้ ทำให้มันมีความแข็งแกร่งกว่าเกล็ดัเกล็ดอื่นๆ และในแง่ตำแหน่งของมันนั้น อาจกล่าวได้ว่ามันเป็เกล็ดที่สำคัญที่สุดของั และเป็ตำแหน่งต้องห้ามสำหรับผู้อื่น
แต่ไม่ว่าัปิงเหยียนจะโกรธแค่ไหน ปฏิกิริยาตอบสนองของมันก็ยังช้ากว่าพวกเขามาก
หลัวเลี่ยลงมือได้อย่างรวดเร็วเกินไป
ยิ่งเมื่อเขาสวมสนับมือยุวราชด้วยแล้ว มือของเขาเป็มือที่บริสุทธิ์ ร่างกายปัจจุบันเปรียบได้กับสมบัติล้ำค่า ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ัปิงเหยียนจะสามารถต้านทานได้
เกล็ดัปิงเหยียนถูกฉีกออกในพริบตาเดียว
อาชาเดือนดารัญไม่ได้หยุดการเคลื่อนไหวของมันลงเลย ในสายตาของคนทั่วไป มันแค่บินผ่านไป มีเพียงผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงเท่านั้นที่สามารถสังเกตได้ว่ามันหยุดชั่วพริบตา และสังเกตเห็นได้ว่าหลัวเลี่ยลงมือโจมตีอย่างรวดเร็วเช่นกัน
พวกเขาทำเช่นนี้ วิ่งผ่านหนึ่งครั้ง เกล็ดัปิงเหยียนก็ร่วงหล่นอยู่ในมือแล้ว
พวกเขายังคงทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ
อาชาเดือนดารัญยังคงมองหาัปิงเหยียนต่อไป
ในเวลาไม่ถึงสองเค่อ หลัวเลี่ยได้เห็นเกล็ดัปิงเหยียนมาแล้วเป็จำนวนสิบสองเกล็ด ซึ่งหนึ่งในสามของเกล็ดัได้ถูกเก็บเกี่ยวไปแล้ว
อาจกล่าวได้ว่าอาชาเดือนดารัญนั้นมีส่วนสำคัญเป็อย่างมาก
พรึ่บ!
ทันใดนั้นอาชาเดือนดารัญที่กำลังเคลื่อนตัวจู่ๆ ก็หยุดกะทันหันกลางอากาศ แผงคอที่อ่อนนุ่มของมันลุกชันขึ้น และดวงตาของมันก็มองไปในระยะไกลอย่างตื่นตระหนก
หลัวเลี่ยรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ
ดูเหมือนมีบางอย่างกำลังเคลื่อนตัวมารบกวนอยู่ในอากาศ
จากนั้นนักรบก็โผล่ขึ้นมาจากทุกทิศทุกทาง มีทั้งยืนอยู่บนยอดหินและต้นไม้ พวกเขาก็มองไปข้างหน้าเช่นกัน
ทุกคนรู้สึกถึงอันตราย
แผ่นดินสั่นะเื ูเาสั่นะเื ก้อนกรวดกลิ้งลงมา หินเอียง กิ่งก้านของต้นไม้ก็แกว่งไกว
ดูเหมือนว่ามีสัตว์ร้ายขนาดั์จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังเคลื่อนไหวอยู่
“ไม่ดีแน่ ัที่ร่วงหล่นกำลังก่อการจลาจล!”
"วิ่ง ไปทีู่เาัทมิฬ"
"ูเาัทมิฬเป็สถานที่เดียวที่จะทำให้เราสามารถอยู่รอดได้"
ข้างหน้ามีเสียงะโดังขึ้นอย่างวุ่นวาย
บางคนคำรามจนสุดปอด
ร่างนับไม่ถ้วนพุ่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
“ัก่อจลาจล? ัระดับสูงตัวใดที่ตายในสนามรบ?” หลัวเลี่ยมองออกไปในระยะไกล
จะเห็นได้อย่างคลุมเครือว่าภายใต้เงาของูเาและป่าไม้ มีัร่วงหล่นจำนวนมากที่ร้องคำรามอย่างบ้าคลั่ง วิ่งเข้าหาสถานที่นี้ ัทั้งหมดตกอยู่ในสภาพคลุ้มคลั่ง
ัปีศาจไม่กลัวความตายั้แ่แรก แต่คราวนี้พวกมันสูญเสียความคิดไปอย่างสิ้นเชิง พวกมันไม่มีจิติญญาอีกต่อไป และพวกมันดุร้ายยิ่งขึ้น พวกมันจะทำลายทุกสิ่งที่พบเจอ
“เป็การจลาจลที่น่ากลัวมาก” เสวี่ยปิงหนิงเฝ้าดูด้วยความสยดสยอง
เมื่อัเ่าั้ได้สูญเสียสติสัมปชัญญะเพียงเศษเสี้ยวเดียวของพวกมันไปแล้ว พวกมันก็จะทำลายทุกสิ่ง เกรงว่าแม้แต่ปรมาจารย์ในระดับแก่น์ก็ไม่กล้าที่จะต่อกรกับพวกมัน
หลัวเลี่ยพยักหน้า แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนัก
อาชาเดือนดารัญพาพวกเขาไปทีู่เาัทมิฬที่ทุกคนกำลังมุ่งหน้าไป
ส่วนหลัวเลี่ยก็กำลังเข้าใจบางอย่างเกี่ยวกับหุบเขาสุสานั
อาจกล่าวได้ว่า นอกเหนือจากัทองห้ากรงเล็บซึ่งเป็ัที่น่าเกรงขามอันดับต้นๆ ของเผ่าัแล้ว ัชนิดอื่นๆ ก็อาจปรากฏในหุบเขาสุสานันี้ด้วย ในหมู่ัพวกนั้น ยิ่งยศสูง สายเืก็ยิ่งน่าเกรงกลัว และหลังจากที่พวกมันกลายเป็ปีศาจแล้ว มันก็จะทำให้สายเืของตัวเองเต็มไปด้วยพลังงานชั่วร้ายที่มากผิดปกติ ซึ่งจะไปกระตุ้นความชั่วร้ายในสายเืของัที่ยังมีชีวิตอยู่ตัวอื่นๆ ด้วย เหตุผลเพียงเล็กน้อยเช่นนี้ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่าการจลาจลปะทุขึ้นมา
โดยปกติแล้วโอกาสในการตายของัปีศาจระดับสูงนั้นต่ำมาก ดังนั้นเหตุการณ์เช่นนี้จึงมักไม่ปรากฏขึ้น และนี่คงเป็เพียงครั้งเดียวในรอบหลายทศวรรษ
เมื่อมันปรากฏขึ้น มันจะเป็หายนะสำหรับหุบเขาสุสานั
อาชาเดือนดารัญเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว มันวิ่งแซงหน้าผู้คนนับไม่ถ้วนที่กำลังรีบมุ่งไปทีู่เาัทมิฬ
เมื่อพวกเขามาถึงูเาัทมิฬ พวกเขาก็พบว่ามีผู้คนมากมายมารวมตัวกันที่นี่แล้ว
มีทั้งชาย หญิง และเด็ก
ูเาัทมิฬมีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีความสูงกว่ายี่สิบลี้ เมื่อมองจากระยะไกลูเาลูกนี้จะดูเหมือนัทมิฬที่กำลังนอนคว่ำอยู่และเตรียมพร้อมที่จะออกโบยบิน
บนูเาลูกนี้มีสถานที่ที่มีลักษณะใหญ่ที่สุดอยู่แห่งหนึ่ง บนนี้ไม่มีพืชพรรณเช่นดอกไม้และต้นไม้
มีเพียงหินรูปร่างต่างๆ
และูเาที่เป็สีดำ
เมื่อหลัวเลี่ยและเสวี่ยปิงหนิงขี่อาชาเดือนดารัญมาถึง อาชาเดือนดารัญก็ดูเหมือนกับรอยเปื้อนสีขาวที่ตกบนผ้าสีดำ ทำให้มันส่องแสงสะดุดตาเป็พิเศษ
การปรากฏตัวของเด็กหนุ่มผมทองและสาวผมสีเขียวหยกพร้อมกับอาชาเดือนดารัญเป็ที่สะดุดตายิ่งนัก
พวกเขาลงจอดบนหินสูงประมาณสองจั้งบนูเาัทมิฬ ปล่อยให้สายลมพัดเส้นผมและเสื้อคลุมกระเพื่อม และมองไปในระยะไกล หลายคนแอบมองพวกเขาอยู่เป็ระยะๆ
ทั่วทั้งูเาัทมิฬเต็มไปด้วยผู้คน และการมาถึงของผู้คนทีละคนนั้นสามารถเรียกได้ว่าแออัดเกินไป
ผู้คนในแต่ละกลุ่มต่างโบกธงและพูดคุยกันเสียงดัง
ยังมีบางพวกที่เป็ศัตรูกัน ถ้าไม่ใช่เพราะัปีศาจที่ออกมาก่อกวนข้างนอกจนทำให้คนพวกนั้นไม่อาจสร้างปัญหาเพิ่มได้ เขากลัวว่าคนพวกนั้นจะทะเลาะกันจริงๆ
ตูม!
ใช้เวลาไม่นานเสียงการสั่นะเืของแผ่นดินไหวที่ดังมากก็ส่งมาถึงหูของทุกคน
ผู้คนอดไม่ได้ที่จะปิดปากและมองไปในระยะไกล
พวกเขามองเห็นได้จากระยะไกลว่าัปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังพุ่งเข้าหาพวกเขาอย่างท่วมท้น
บางตัวบินอยู่บนอากาศ บางตัววิ่งอยู่บนพื้นดิน และบางตัวก็แอบอยู่ใต้ดิน ใครก็ตามที่ขวางทางข้างหน้าพวกมันก็จะถูกโจมตี ทำใหู้เาพังทลาย พวกมันเดินหน้าเหยียบย่ำอย่างบ้าคลั่ง
ผู้ที่ไม่ได้มาถึงูเาัทมิฬต่างก็เสียชีวิตอย่างอนาถภายใต้กรงเล็บของั พวกเขากลายเป็เศษเนื้อที่ถูกฝังอยู่ในดินและหล่อเลี้ยงแผ่นดินต่อไป
เพราะแบบนี้นี่เองที่ทำให้มวลอากาศในหุบเขาสุสานัผิดปกติอย่างมาก
เดิมทีจำนวนของัปีศาจที่ร่วงหล่นนั้นมากมายจนน่าประหลาดใจ ซึ่งส่งผลให้ไอพลังของัหนาแน่น ในขณะนี้พลังของักำลังแทรกซึมไปทุกซอกทุกมุม และความรุนแรงของมันก็เพียงพอที่จะทำให้บางคนที่มีสายเืัสามารถปลุกสายเืของพวกเขาขึ้นมาได้
เมื่อหลัวเลี่ยมองไปที่เหตุการณ์นี้ เขาก็รู้สึกมีความสุขเช่นกัน
เพราะเขาเฝ้าดูการก่อจลาจลของั เหตุการณ์ที่วุ่นวายนี้เปรียบเหมือนกระแสที่แบ่ง์และโลกออกจากกัน ทำให้เขารู้สึกถึงน้ำอันยิ่งใหญ่ของ์และโลก
เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านนทีของเขาคือความเข้าใจในฉากอันงดงามของน้ำในแม่น้ำฮวงโหที่ไหลมาจากท้องฟ้าลงสู่ทะเลและไม่ไหลหวนกลับ
ในเวลานั้นมันเป็การรับรู้จากภาพจำ แต่ตอนนี้เขากำลังเห็นและทำความเข้าใจตามธรรมชาติซึ่งมันมีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ดังนั้นหลัวเลี่ยที่นั่งอยู่บนหลังอาชาเดือนดารัญจึงกำลังทำความเข้าใจถึงพลังของนทีผ่านการจลาจลของัปีศาจ
ฉากการจลาจลของันั้นงดงามจริงๆ มันเปรียบได้กับกระแสน้ำ ที่ไหลเชี่ยวอย่างรุนแรง ป่าเถื่อน และโหดร้าย ซึ่งเป็การแสดงออกมาอย่างชัดเจน มันเหมือนกับกระแสน้ำสีดำที่ไหลลงมากวาดล้างทุกสิ่งบนโลก
อย่างไรก็ตามการจลาจลครั้งนี้ก็นับว่าเป็เื่ที่น่ามหัศจรรย์จริงๆ ัที่ร่วงหล่นซึ่งเสียสติไปแล้วเ่าั้ แม้ว่าพวกมันจะมุ่งตรงมาทีู่เาัทมิฬ แต่เมื่อพวกมันมาถึงสถานที่ด้านหน้าซึ่งห่างจากูเาัทมิฬประมาณสามจั้ง พวกมันก็ดูเหมือนจะถูกเคลื่อนย้ายด้วยพลังที่มองไม่เห็น เพราะพวกมันทั้งหมดต่างหันหลังกลับและวิ่งไปรอบๆ ูเาัทมิฬแทน
พวกมันทำลายทุกสิ่งยกเว้นูเาัทมิฬ
สิ่งนี้ทำให้หลัวเลี่ยยังคงเฝ้าดูการจลาจลราวกับกระแสน้ำเชี่ยวกรากในระยะประชิดด้วยความสบายใจต่อไป และความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับพลังของนทีก็ลึกซึ้งยิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว