ฉินมู่เยว่หน้าตึงในทันใด คำตอบของฉู่ลี่ไม่ดังไม่เบา ทว่าคนที่อยู่รอบข้างกลับได้ยินชัดเจน
ดังนั้นฉินมู่เยว่ก้มหน้า หัวเราะเสียงอ่อย “พี่ลี่ น้องก็พูดล้อเล่นกับพี่เท่านั้น น้องรู้ดีว่ามิอาจเรียกนามตรงๆ ของพี่ได้ สงวนไว้ให้พี่สะใภ้อวิ๋นจิ่นเพียงคนเดียว”
จากนั้นฉินมู่เยว่หันมายิ้มให้กับมู่อวิ๋นจิ่น “พี่สะใภ้อวิ๋นจิ่นช่างโชคดีเหลือเกิน”
มู่อวิ๋นจิ่นยิ้มโดยไม่ขยับริมฝีปาก ไม่ตอบฉินมู่เยว่แม้แต่คำเดียว
บรรยากาศในเวลานี้ช่างกระอักกระอ่วนมิน้อย ฉินมู่เยว่จึงก้มหน้าก้มตาเดินไปอยู่ด้านข้างฉู่ลี่โดยไม่ปริปาก
ในตอนนั้นเอง เสียงประทัดดังขึ้นมาจากหน้าประตูใหญ่
ผู้คนต่างกรูกันไปดู เห็นท่านอ๋องหวางจูงมู่หลิงจูเดินเข้ามาในชุดแต่งงาน
มู่อวิ๋นจิ่นแอบเหลือบหันมองพระชายาหรงและอดีตท่านแม่ทัพฉินยังคงนั่งเป็ประธาน ไม่มีทีท่าจะลุกขึ้นแต่อย่างใด
เมื่อท่านอ๋องหรงพามู่หลิงจูเดินเข้ามา พระชายาหรงได้ลุกขึ้นทำความเคารพท่านอ๋องหรง
เมื่อทำความเคารพเรียบร้อยแล้ว พระชายาหรงกวาดสายตาไปทางมู่หลิงจูที่มีผ้าแดงบังหน้า และเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวล “ตามหลักแล้วการแต่งรับสนมเช่อเฟย ไม่จำเป็ต้องจัดพิธีกราบไหว้ฟ้าดินอย่างครบครันเช่นนี้ แต่เห็นด้วยเ้าเป็บุตรสาวของท่านอัครเสนาบดีมู่ วันนี้จึงจัดให้เป็กรณีพิเศษให้เ้ากับท่านอ๋องหรงกราบไหว้ฟ้าดิน หวังว่าหลังจากรับเ้าเข้ามาที่จวนแล้วจะปรนนิบัติท่านอ๋องหรงและช่วยเหลือเปิ่นเฟย[1]จัดการเื่ราวต่างๆ ในจวน”
คำพูดของพระชายาหรงทำให้ทุกคนในงานต่างอ้าปากค้างกันหมด เพราะคุณหนูสี่ยังไม่ทันที่แต่งเข้าอย่างเป็ทางการ ก็ถูกพระชายาหรงกดหัวเข้าแล้ว
พอมองไปที่ท่านอ๋องหรงในชุดแต่งงาน ทำเสมือนไม่รู้ไม่ชี้ ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่พระชายาหรงเอ่ยมาทั้งหมด
มู่อวิ๋นจิ่นมองพระชายาหรงแล้วมองที่มู่หลิงจู เห็นมู่หลิงจูกำแขนเสื้อแน่นจนมือสั่น จึงรู้ได้ทันทีว่านางพยายามข่มความรู้สึก
พิธีดำเนินมาจนถึงการที่สามีภรรยาไหว้ซึ่งและกัน และเมื่อถึงใกล้เสร็จสิ้นพิธี ต้องส่งตัวเ้าสาวเข้าห้องหอ ทว่าพระชายาหรงที่นั่งอยู่กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้งหนึ่ง “่ก่อนหน้านี้เปิ่นเฟยร่างกายไม่ค่อยสมบูรณ์ วันนี้ฝืนตัวออกมาต้อนรับแขก เช่นนั้นน้องสาวก็รีบยกน้ำชาให้กับเปิ่นเฟยเร็วเข้า เปิ่นเฟยจะได้กลับไปพักผ่อน จะได้ไม่ทำให้บรรยากาศในวันนี้ของน้องสาวต้องเสียไป” พระชายาหรงแสร้งยิ้ม ชายตามองอย่างหยามเหยียด
ทางด้านแเื่ที่มาร่วมงานต่างถอนหายใจกันเป็แถบๆ
ทุกคนในงานต่างรู้กันหมด เ้าสาวคนใหม่ที่มีผ้าแดงบังหน้าต้องรอให้เข้าถึงห้องหอ แล้วให้สามีเป็คนเปิดหน้า แต่ว่าพระชายาหรงกลับให้คุณหนูสี่ยกน้ำชาให้ นั่นหมายถึงต้องเปิดหน้าให้ทุกคนในงานเห็น
นี่เป็การกระทำที่ไม่เหมาะสมตามธรรมเนียมและความรู้สึก……
“ท่านอ๋องหรง” มู่หลิงจูยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ด้วยฟังออกว่าพระชายาหรง้าเล่นงานนางั้แ่วันนี้ อีกทั้งแเื่มากมายต่างทราบดีว่า นางแต่งเข้ามาในฐานะสนมเช่อเฟย ย่อมมิอาจเอ่ยปากล่วงเกินพระชายาหรงได้เด็ดขาด
“จูเอ๋อร์ ทำตามที่พระชายาหรงว่าแล้วกัน แต่ไหนแต่ไรพระชายาร่างกายไม่ค่อยสมบูรณ์ ่นี้เปิ่นหวางได้ประกาศเื่งานมงคลไปทั่ว พระชายาจึงฝืนสังขารออกมาต้อนรับ เ้าก็ยกน้ำชาให้พระชายาเสียเถอะ”
เมื่อท่านอ๋องหรงกล่าวจบลง มู่หลิงจูสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ร่างกายสั่นสะเทิ้มขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะดังขึ้นจากด้านข้าง
มู่หลิงจูกัดฟันแแ่ ทวนคำโน้มน้าวของท่านอ๋องหวางอีกรอบ เพื่อแสดงให้รู้ว่านางไม่ได้ฟังผิดเพี้ยนไป คำพูดของเขาที่รับนางเป็สนมเช่อเฟย คือ้าช่วยให้เื่มงคลต่ออายุให้โรคภัยที่พระชายาหรงเป็อยู่หายดีสินะ
ชั่วพริบตาเดียว มู่หลิงจูััได้ถึงการเหยียดหยาม ดูถูกดูแคลนนางอย่างที่ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนในชีวิต
มู่อวิ๋นจิ่นหรี่ตาลงเพ่งไปที่ท่านอ๋องหรงและพระชายาหรง ส่งสายตาให้กันและกันเป็นัย แสดงว่าสองคนนี้วางแผนมาก่อนล่วงหน้าแล้ว
เดิมทีมู่หลิงจูหวังว่าจะแต่งเข้ามาเพื่อเขี่ยให้พระชายาหรงกระเด็นไป ส่วนนางจะได้เข้ามาสวมรอยแทน บัดนี้นางเป็เพียงคนโง่ที่ถูกหลอกใช้ ดังนั้นมู่หลิงจูแทบกระอักเืพุ่งออกมา
หลังจากนั้น บ่าวใช้คนหนึ่งยกถาดน้ำชาเข้ามาข้างมู่หลิงจู ช่วยประคองนางเดิน “มู่เช่อเฟย เชิญหบิบช้าเพคะ”
มู่หลิงจูมองถ้วยน้ำชาและใบหน้าของบ่าวใช้คนนั้นผ่านผ้าแดงที่คลุมหน้า พลางยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา
แค่ตำแหน่งพระชายาหรงเท่านั้น วันหน้ายังอีกยาวไกล คอยดูกันต่อไปแล้วกัน!
เมื่อยอมเก็บความอัปยศในวันนี้จำฝังใจ มู่หลิงจูค่อยๆ เปิดผ้าแดงออก ผมเผ้าที่เกล้าอย่างเรียบร้อยกลับยุ่งเหยิงเมื่อเปิดผ้าแดงขึ้นจนดูน่าสมเพทเวทนา
มู่หลิงจูยกถ้วยน้ำชาที่บ่าวใช้นำมาให้ เพียงััแก้วก็ต้องชักมือกลับ ก้มมองมือที่แดงไปหมดแล้ว
มู่หลิงจูขมวดคิ้วแน่น ยอมจับถ้วยน้ำชานั้นขึ้นมา แม้รู้ว่าจะถูกเผาด้วยไฟมาก่อน
“เป็อะไรไปเหรอ? น้องสาวอย่าได้ชักช้าเลย ประเดี๋ยวเวลามงคลเข้าหอจะเคลื่อน รีบยกน้ำชาเร็วเถิด” พระชายาหรงแสยะยิ้มชั่วร้ายให้มู่หลิงจู
ทางด้านมู่อวิ๋นจิ่นที่เอามือพาดหลังอยู่ จ้องไปที่พระชายาหรง เห็นมู่หลิงจูลังเลอยู่นานมิกล้าจับถ้วยน้ำชาใบนั้น พลันรู้ได้ทันทีว่าต้องเล่นสกปรก
จากนั้นสายตาของมู่อวิ๋นจิ่น กลับเลื่อนไปมองฉินมู่เยว่ที่อยู่ด้านข้างอย่างไม่ตั้งใจ
เห็นฉินมู่เยว่ในเวลานี้ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาบังปาก อำพรางสีหน้า ทว่าแววตาแห่งการดูถูกกลับปิดไว้ไม่มิด
ที่แท้คุณหนูฉินเป็คนชั่วที่สมรู้ร่วมคิดด้วยนี่เอง!
มู่หลิงจูนิ่งงันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนยื่นมือไปจับถ้วยน้ำชาอีกครั้ง พบว่าถ้วยน้ำชาไม่ร้อนจนน่ากลัวเหมือนเมื่อครู่แล้ว
พอยกถ้วยน้ำชาขึ้นมานิ่งๆ แล้ว จู่ๆ มู่หลิงจูเดินก้าวขึ้นมาด้านหน้า คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม “เชิญพระชายาหรงดื่มชาเพคะ”
พระชายาหรงปรายตามองมู่หลิงจูแวบหนึ่ง ไม่มีทีท่าจะรับถ้วยน้ำชามา กลับก้มหน้าไอหลายครั้ง “ต้องขอโทษด้วย เปิ่นเฟยเกือบลืมไปสนิท ่นี้อาการไอค่อนข้างรุนแรง ท่านหมอไม่อนุญาตให้ดื่มน้ำชา”
“ช่างเถอะ ช่างเถอะ เอาเป็ว่าพิธียกน้ำชาไว้แค่นี้แล้วกัน เปิ่นเฟยมิอยากรบกวนความสุขของท่านอ๋องและน้องเช่ยเฟยแล้ว ส่งตัวเข้าห้องหอได้”
หลังจากเสียงจบลง พระชายาหรงลุกขึ้นส่งสายตาให้ท่านอ๋องหรง “ท่านพี่อย่าได้กล่าวโทษหม่อมฉันเลยที่ทำให้เสียฤกษ์งามยามดีเพคะ”
“เ้าพูดอะไรกัน เปิ่นหวางเห็นวันนี้อาการของเ้าดีขึ้นมากแล้ว ก็อดดีใจเสียมิได้ถึงจะถูก!” ท่านอ๋องหัวเราะอย่างดีใจ
พระชายาหรงพยักหน้ารับ ก่อนก้มจ้องมู่หลิงจูแล้วสะบัดหน้าเดินจากไป
มู่หลิงจูถูกแม่สื่อพาเดินเข้าห้องหอแล้ว บรรยากาศงานเลี้ยงในงานจึงเริ่มต้นขึ้น
“ท่านป้า” ฉินมู่เยว่วิ่งมาช่วยประคองแขนพระชายาหรงอยู่ด้านข้าง
พระชายาหรงเห็นฉินมู่เยว่เข้ามาก็ยิ้มอย่างมีความสุข “มู่เยว่เอง เมื่อครู่ท่านป้ามองหาเ้าไม่เจอ”
“วันนี้ท่านป้าแสดงได้สมบทบาทมาก ดูท่างานมงคลในวันนี้จะช่วยขับสิ่งไม่ดีในจวนให้หมดไปแล้ว” ฉินมู่เยว่อมยิ้ม หางตายังเหลือบมองมู่อวิ๋นจิ่น
“ใช่แล้ว ่นี้ร่างกายดีขึ้นไม่น้อยเลย ดีที่บ่าวใช้ของเ้าแผนการมาก ถึงคิดหาวิธีสร้างเื่มงคลปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้ออกไป” พระชายาหรงยิ้มอย่างสุขใจ
“เื่นี้หลานได้ยินได้ฟังมาตอนที่ไปออกรบ ชาวบ้านที่นั่นมีความเชื่อทางไสยศาสตร์เยอะ จึงอยากให้ท่านป้าลองดู ตอนนี้ดูแล้วคงเป็เื่จริง” ฉินมู่เยว่เล่า
พระชายาหรงและฉินมู่เยว่สนทนาพาทีด้วยเสียงที่ค่อนข้างดัง มู่อวิ๋นจิ่นที่หูไวเป็ทุนเดิมได้ยินเื่ราวทั้งหมดแล้ว อดมิได้ที่จะมองฉินมู่เยว่อย่างสมเพช
ที่แท้ หลอกใช้มู่หลิงจูเพื่อไล่สิ่งไม่ดี เป็ความคิดของฉินมู่เยว่นี่เอง!
มู่อวิ๋นจิ่นรู้สึกยืนอยู่ตรงนี้น่าเบื่อเสียเหลือเกิน จึงหันไปถามฉู่ลี่ “พวกเราจะอยู่ที่นี่ถึงเมื่อไหร่?”
“เดี๋ยวมองของขวัญแสดงความยินดีเสร็จก็กลับเลย” ฉู่ลี่ตอบเสียงเรียบ
มู่อวิ๋นจิ่นเลยหันหน้าไปกระซิบจื่อเซียง “เ้าไปเอาของขวัญแสดงความยินดีไปให้หัวหน้าคนดูแลจวนแล้วกัน”
“เ้าค่ะ คุณหนู” จื่อเซียงย่อตัวแล้วหยิบของไปให้หัวหน้าคนดูแลจวน
ในเวลานี้ พระชายาหรงเหมือนสังเกตเห็นมู่อวิ๋นจิ่นและฉู่ลี่จึงเดินเข้ามาหา
เมื่อมาถึงพระชายาหรงทำเมินมู่อวิ๋นจิ่น ส่งยิ้มให้ฉู่ลี่ “องค์ชายหกไม่พบหน้าเสียนานเลย”
“ขอรับ” ฉู่ลี่รับคำ
“หลายปีมานี้เปิ่นเฟยสุขภาพไม่ค่อยดี นับดูน่าจะสามสี่ปีที่ไม่ได้พบหน้ากันเลย นึกไม่ถึงสามสี่ปีมานี้ องค์ชายจะสูงเร็วขนาดนี้” พระชายาหรงเอ่ย
“ท่านป้า มู่เยว่พูดไม่มีผิดใช่ไหมเล่า พี่ลี่ยังเหมือนตอนเป็เด็ก ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม” ฉินมู่เยว่พูดเอาใจ
พระชายาหรงพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นชายตามองมู่อวิ๋นจิ่นที่อยู่ด้านข้าง ยิ้มจางๆ “มู่เยว่พูดถูก องค์ชายหกยังหล่อเหลาเหมือนเดิม แม้แต่บ่าวใช้ที่ติดตามมายังหน้าตาสะสวยไม่ธรรมดาเลย”
บ่าวใช้……
มู่อวิ๋นจิ่นกำลังรอเวลาให้พระชายาหรงเล่นงานนางก่อนพอดี นางฝืนยิ้ม ลอยหน้าลอยตา ไม่สบตาพระชายาหรงแม้แต่น้อย
“คุณหนูฉิน ปกติน้องเรียกพี่ว่าอะไรนะ?” มู่อวิ๋นจิ่นหันหน้ามองฉินมู่เยว่ที่อยู่ข้างพระชายาหรง
ฉินมู่เยว่ถึงกับตัวแข็ง บีบมือที่ประคองพระชายาหรงไว้แแ่ ก่อนตอบเจื่อนๆ “พี่สะใภ้อวิ๋นจิ่น”
พอได้ยินดังนั้น มู่อวิ๋นจิ่นยิ่งลอยหน้าลอยตาด้วยความเหนือกว่า ไปทางพระชายาหรง
พระชายาหรงเห็นใบหน้าของนาง กลับต้องยกมือลูบหน้าอกสองสามครั้ง เอ่ยขึ้นว่า “อ๋อ ที่แท้ก็คือพระชายาหกนี่เอง เปิ่นเฟยต้องขออภัยที่สายตาฟ่าฟางแบบนี้”
“หึ……” มู่อวิ๋นจิ่นยิ้มมุมปากเชิดหน้าหันมองไปทางอื่น
ในตอนนี้ตระกูลฉินเป็ได้แค่ตระกูลทหารเองซวย ที่มีแต่คนสันดานหยาบ ไร้ซึ่งความเป็คนจากตระกูลชั้นสูงจริงเชียว
พระชายาหรงค่อยๆ สูดลมหายใจควบคุมสติ มู่อวิ๋นจิ่นผู้นี้เหมือนที่เล่าขานไว้จริงๆ ไร้มารยาท ขาดการอบรม
พระชายาหรงยกมือขึ้นนวดขมับหันมองฉินมู่เยว่ “ป้ารู้สึกเหนื่อยแล้ว มู่เยว่ช่วยประคองป้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ป้ามีเื่อยากพูดคุยกับหลานมากมาย”
“ได้ ท่านป้า”
ฉินมู่เยว่ประคองพระชายาหรงเดินไปแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นถึงหันไปค้อนฉู่ลี่ “ตอนนี้กลับได้หรือยัง?”
ใบหน้าของฉู่ลี่กลับสดใสอย่างบอกไม่ถูก “กลับได้แล้ว”
เมื่อก้าวออกจากประตูใหญ่จวนหรง มีเสียงเรียกมู่อวิ๋นจิ่นและฉู่ลี่ให้หยุดลง พอหันกลับมาพบว่าฉู่ชิงกำลังสาวเท้าวิ่งมาทางพวกเขา
“น้องสะใภ้หก เมื่อครู่นี้เปิ่นหวงจื่อเดินผ่านไปด้านหลัง ได้ยินน้องสาวของเ้าร้องห่มร้องไห้อยู่ข้างหลัง เ้าจะไปปลอบใจนางหน่อยไหม?”
[1] เปิ่นเฟย สรรพนามที่พระชายาใช้เรียกตนเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้