เนื่องจากป้าสองจ้าวเอาแต่ร้องไห้ บรรยากาศ่ขากลับจึงน่าอึดอัดมาก
เสิ่นอวิ้นเองก็ไม่ค่อยสบาย หลายวันมานี้จิตใจนางกระทบกระเทือนรุนแรง ต่อมายังถูกผลักตกน้ำ
แต่เห็นป้าสองจ้าวเป็เช่นนี้ เสิ่นอวิ้นรวบรวมแรงที่เหลือไปโอบไหล่นางพร้อมกับตบเบาๆ คอยใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาให้
กระทั่งเมื่อจอดรถส่งฟู่เหรินคนนั้นที่ตำบล ป้าสองจ้าวจึงตบมือเสิ่นอวิ้นถอนหายใจว่า “เ้าเป็เด็กนี้ขนาดนี้ พ่อแม่ใจโฉดทอดทิ้งเ้า ส่วนข้า…ลูกสาวข้าก็ทอดทิ้งข้าเช่นกัน พวกเราสองคน…มีชาติกำเนิดไม่เหมือนกันแต่กลับโชคร้ายเหมือนกัน…”
“ท่านป้า…ข้าโชคดีเ้าค่ะ ถึงได้มาพบท่าน มาพบเกอ เก็บชีวิตตัวเองกลับมาได้ ท่านป้า…ต่อไปนี้ข้าจะกตัญญูต่อท่าน”
เสิ่นอวิ้นพูดเสียงเบา ป้าสองจ้าวพยักหน้าสะอื้น “อื้ม ต่อไปนี้ป้าจะดูแลเ้าเหมือนลูกสาว”
บุคคลผู้ถูกทอดทิ้งทั้งสองกอดปลอบโยนกัน ภายในใจรู้สึกดีขึ้นมาก
เมื่อกลับถึงบ้าน ป้าสองจ้าวให้เสิ่นอวิ้นไปพักที่ห้องจ้าวหงฮวา ทั้งยังช่วยนางขนของ
จากนั้นไปต้มยาให้ที่ครัว
“ท่านแม่…ท่านไม่ได้ไปพาลูกสาวกลับมา แต่กลายเป็ว่าพาสตรีสาวคนอื่นมาแทน นางคือผู้ใดหรือ?”
จางซื่อวิ่งไปถามป้าสองจ้าวที่ครัว
แค่ดูก็รู้ว่าสตรีสาวคนนั้นไม่ใช่ลูกชาวบ้านธรรมดาเป็แน่ เพราะผิวพรรณเนียนละเอียดมาก
“น้องสาวของหัวหน้าสุ่ยเซิง ข้ารับนางเป็ลูกบุญธรรม หัวหน้าคนนั้นจะไม่อยู่สักพัก ไม่วางใจให้น้องสาวอยู่คนเดียวจึงฝากให้ข้าช่วยดูแล แต่ข้าเป็ห่วงบ้าน ด้วยเหตุนี้จึงพานางกลับมาด้วยกัน”
นางเตรียมคำตอบมาั้แ่ตอนที่อยู่บนรถแล้ว จางซื่อเป็คนปากมาก ไม่กล้าให้นางรู้ที่มาของเสิ่นอวิ้น
ได้ยินว่าเป็น้องสาวผู้คุมบ่อน จางซื่อตาเป็ประกายทันที
เพราะต้องบอกก่อนว่าครอบครัวนางไม่ได้แยกบ้านกันอยู่ เงินเดือนห้าตำลึงที่น้องรองได้ต้องจ่ายเข้ากองกลาง!
ครอบครัวลูกชายคนโตได้ส่วนแบ่งในเงินกองกลางมากที่สุด วันหน้าแยกบ้านแล้วจะได้อย่างน้อยเจ็ดส่วน
แต่แน่นอนว่าน้องรองหาเงินเก่งเช่นนี้ ชาตินี้ไม่ต้องแยกบ้านกันจะดีที่สุด
มิเช่นนั้น ลำพังแค่คนไม่ได้เื่แบบสามีนางจะหาเงินได้เท่าไรกัน? จะเลี้ยงครอบครัวได้หรือ?
ดังนั้น นางมองว่าการเอาใจน้องสาวผู้คุมบ่อนถือเป็เื่สำคัญมาก
“ท่านแม่ ท่านช่างเก่งกาจยิ่งนัก ถึงกับทำให้อีกฝ่ายยอมเป็ลูกบุญธรรม! ข้าว่า…น้องรองยังไม่แต่งงานไม่ใช่หรือ? พวกเราช่วยเป็แม่สื่อให้เขาดีหรือไม่?”
จางซื่อแค่ปริปาก ป้าสองจ้าวก็รู้แล้วว่านางคิดจะทำกระไร นางคงได้ยินว่าพี่ชายเสิ่นอวิ้นเป็ผู้คุมบ่อน อยากซื้อใจอีกฝ่าย แต่จะมีวิธีใดมั่นคงไปกว่าแต่งอีกฝ่ายเข้าบ้านอีกเล่า?
“เ้าไม่ต้องยุ่งเื่นี้ บ้านเรายากจน นางอาจไม่สนใจ รอให้สร้างบ้านใหม่เสียก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด” ป้าสองจ้าวพูด
จางซื่อดีใจ สร้างบ้านอิฐ นางยินดีอยู่แล้ว!
นางอยากอยู่บ้านอิฐมาตั้งนานแล้ว
แม่ยายเคยพูดไปแล้วรอบหนึ่งตอนปีใหม่ แต่ต่อมาน้องสามีก่อเื่ แม่ยายจึงบอกว่าพักเื่สร้างบ้านไว้ก่อน ต้องนำเงินไปซื้อที่เป็สินเดิมติดตัวให้น้องสามี
ตอนนั้นนางโมโหมาก…กลับห้องแล้วถีบจ้าวเถียนเซิงตกเตียง ไม่ยอมให้เขาแตะต้องร่างกาย
“ท่านแม่…พวกเรา…ไม่เตรียมสินเดิมให้น้องสาวแล้วหรือเ้าคะ?” จางซื่อลองถาม
ป้าสองจ้าวยิ้มเยาะ “หมายถึงจ้าวหงฮวาน่ะหรือ…นางป่วยตายั้แ่คราวก่อนแล้ว ต่อจากนี้บ้านเราไม่มีลูกสาวคนนี้!”
“ท่านแม่…” จางซื่อดีใจ ไชโย ในที่สุดสลัดดาวเคราะห์ร้ายหลุดไปได้เสียที “ท่านแม่…ท่านไปพักก่อนเถิด เดี๋ยวข้าต้มยาให้น้องสาวเอง”
“ได้ ต้มเสร็จแล้วยกไปให้น้องสาวเ้า เย็นนี้ทำโจ๊กมันเทศ จริงสิ เอาลูกอมที่ซื้อตอนปีใหม่ไปให้นางกินด้วย ทานยาแล้วจะได้อมแก้ขม”
“ได้…วางใจเถิดท่านแม่”
จ้าวหงฮวายังไม่รู้ตัวว่าตัวเองถูกจับได้เสียแล้ว นางยังคงฝันหวานอยู่ในบ้านพักในอำเภอ
ความจริงคือ การไปไหนมาไหนของนางถูกคนของเจียงหงหย่วนจับตาดูอยู่ตลอด
ฟู่เหรินที่อยู่บ้านข้างๆ ก็เป็คนที่เจียงหงหย่วนจัดเตรียมไว้เช่นกัน
เป้าหมายของเจียงหงหย่วนคือ ทำให้คนบ้านจ้าวผิดหวังในตัวนาง ให้ดีคือทอดทิ้งนางไปเลย
เช่นนี้แล้ว เมื่อเขากับภรรยาตัวน้อยลงมือสั่งสอนจ้าวหงฮวา ภรรยาตัวน้อยจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดมาก
ในสายตาเขา ภรรยาตัวน้อยยังค่อนข้างใจอ่อนไปหน่อย…
เขาไม่อยากให้ความรู้สึกนางต้องตีกันเอง
วันต่อมา จ้าวหงฮวาแต่งตัวเหมือนขอทานไปปรากฏตัวให้จ้าวสุ่ยเซิงเห็น
“เอ้อร์เกอ…” นางร้องเรียกอย่างน่าสงสาร “เอ้อร์เกอ ข้าผิดไปแล้ว…”
พูดจบก็น้ำตาร่วง
ตอนนี้ฟ้ายังไม่สว่าง ประตูเมืองเพิ่งเปิด จ้าวสุ่ยเซิงจะกลับหมู่บ้านไปดูเสิ่นอวิ้น คิดไม่ถึงว่าจะเจอจ้าวหงฮวาที่ประตูเมือง
นางทำเหมือนเจอกันโดยบังเอิญ วิ่งมาหาเขาด้วยความดีใจแล้วร้องไห้
“ั้แ่หนีออกจากบ้าน เ้าเป็ขอทานมาโดยตลอดหรือ?” จ้าวสุ่ยเซิงถาม อย่างไรเสียนางก็เป็น้องสาว หากนางยอมพูดความจริง เขาก็จะให้โอกาสนางอีกสักครั้ง
จ้าวหงฮวาพยักหน้าร้องไห้ “อื้อ ข้าพกเงินมาด้วย แต่ถูกปล้นชิง หลายวันมานี้ต้องขออาหารกินตามท้องถนน กินไม่อิ่ม…ทั้งยังถูกรังแก…”
ช่างโกหกได้ไม่รู้จักจบจักสิ้น
นางคิดจะทำกระไร?
จ้าวสุ่ยเซิงยังไม่ลืมเื่ที่จ้าวหงฮวาฟื้นมาแล้วพยายามใส่ร้ายหลินหวั่นชิว ตอนนี้มาได้ยินนางพูดโกหกเพิ่มอีกก็คิดในใจว่าจ้าวหงฮวามีเจตนาร้าย
“เ้าอยู่ในอำเภอมาโดยตลอด?” จ้าวสุ่ยเซิงถามต่อ
“อื้ม ข้าอยู่ในอำเภอมาโดยตลอด ตอนกลางคืนไปนอนที่วัดร้าง”
“เหอะ…ข้ากับท่านแม่มาตามหาเ้าที่อำเภอหลายวัน หาทุกตรอกซอกซอย แม้แต่วัดร้างรอบเมืองก็หาไปหลายครั้งเช่นกัน” จ้าวสุ่ยเซิงพูดเย้ยหยัน
“ข้า…พวกเราคงคลาดกัน อำเภอใหญ่ตั้งขนาดนี้… อีกทั้งข้าก็เที่ยวขออาหารไปทั่ว”
จ้าวสุ่ยเซิงเงยหน้ามองฟ้า เขาหัวเราะขมขื่น “จ้าวหงฮวา”
“หื้ม” จ้าวหงฮวามองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“เ้าคิดว่าข้าโง่หรือ? สตรีตัวคนเดียวแบบเ้าเป็ขอทาน? ไม่ถูกขอทานคนอื่นหมุนเวียนกันย่ำยี? หลังจากเวียนกันเสร็จแล้วเอาเ้าไปขายให้ซ่อง เ้าจะมายืนสบายดีอยู่ต่อหน้าข้าแบบตอนนี้ได้ที่ใดเล่า”
จ้าวหงฮวาได้ยินดังนั้นก็หน้าเปลี่ยนสี “เอ้อร์เกอ ข้าเป็น้องสาวแท้ๆ ของท่าน เหตุใดท่านไม่คิดไปทางดีหน่อย?”
จ้าวสุ่ยเซิงยิ้มเยาะ “ข้าไม่มีน้องสาวเช่นเ้า! ขอโทษด้วย น้องสาวข้าตายไปแล้ว ป่วยตายที่บ้าน!”
พูดจบก็ก้าวเท้ายาวๆ จากไป เพราะไม่อยากเกี่ยวข้องกับจ้าวหงฮวาอีก เขาวิ่งไปนอกประตูเมืองแล้วเช่ารถม้า จ้าวหงฮวาไล่ตามไม่ทัน
นางกระทืบเท้าด้วยความโมโห
“จ้าวสุ่ยเซิง เ้าคนสารเลว! ข้าจะฟ้องท่านพ่อท่านแม่ ให้ท่านพ่อท่านแม่เห็นธาตุแท้ว่าเ้าเป็คนเช่นไร!”
นางอยากนั่งเกวียนกลับไป น่าเสียดายที่นางไม่มีเงินติดตัวแม้แต่สตางค์แดงเดียว นึกถึงคำกำชับของหลินชุ่ยที่บอกให้นางทำตัวน่าสงสาร ในเมื่อต้องทำตัวน่าสงสาร เช่นนั้นก็…มีแต่ต้องเดินกลับไปด้วยเท้า
กว่าจะกลับถึงบ้านจ้าวก็เที่ยงแล้ว นางผลักประตูเข้าไป คนในบ้านกำลังทานข้าวกันอยู่
เนื่องจากในบ้านมีสมาชิกไม่มาก บุรุษสตรีจึงไม่ได้นั่งโต๊ะแยกกัน
จ้าวหงฮวาเห็นทุกคนนั่งทานข้าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาที่ห้องโถง ที่โต๊ะมีสตรีสาวหน้าตางดงามมากหนึ่งคน อีกฝ่ายนั่งอยู่ที่ประจำของนาง นั่งข้างท่านแม่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้